จงใช้หนังสือของเราอย่างสุขุม
1 เมื่อปลายปีที่แล้วมีการชี้แจงว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2000 เป็นต้นไป ผู้ประกาศและสาธารณชนที่สนใจจะรับวารสารและหนังสือโดยการบริจาค นั่นคือโดยไม่มีการขอหรือแนะอย่างเจาะจงเป็นเงื่อนไขล่วงหน้าว่าให้บริจาคเท่าไรเพื่อจะรับวารสารหรือหนังสือ. เมื่อเสนอหนังสือ เราจะรับเงินบริจาคที่มีผู้สมัครใจให้เพื่อสนับสนุนงานประกาศข่าวดีทั่วโลก. เรามีความเชื่อว่าพระยะโฮวาจะทรงอวยพรการจัดเตรียมนี้.—เทียบกับมัดธาย 6:33.
การจัดการกับ สถานการณ์ต่าง ๆ ในการประกาศ
2 เราจะใช้หัวข้อสำหรับการสนทนาต่อไปเพื่อเร้าความสนใจ. เมื่อไม่มีการแสดงความสนใจก็ไม่จำเป็นต้องเสนอหนังสือ. เราไม่ต้องการเสียหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งไปเปล่า ๆ โดยการเสนอแก่คนที่ไม่สนใจ. อีกด้านหนึ่ง เมื่อมีการแสดงความสนใจและเจ้าของบ้านตกลงใจจะอ่านหนังสือนั้น ก็จะเสนอหนังสือได้. เราต้องการใช้หนังสือของเราอย่างสุขุม.
3 ต่อไปนี้เป็นถ้อยคำบางอย่างที่คุณอาจใช้หลังจากให้เจ้าของบ้านดูหนังสือ: “ถ้าคุณอยากจะอ่านหนังสือนี้ ผมยินดีให้หนังสือนี้ไว้กับคุณ.” อาจเป็นได้ที่เจ้าของบ้านจะถามว่า “ราคาเท่าไร?” คุณอาจตอบว่า “เราไม่ได้ทำการค้าครับ. เราไม่ได้มาขายหนังสือ. งานที่เรากำลังทำในละแวกนี้เป็นงานที่ทำกันโดยอาสาสมัครใน 234 ประเทศทั่วโลกเพื่อช่วยประชาชนให้รู้ทางสู่ชีวิตนิรันดร์. ถ้าคุณอยากบริจาคสนับสนุนงานนี้ ผมก็ยินดีรับไว้ครับ.”
4 เมื่อเสนอวารสารคุณอาจตั้งคำถามเกี่ยวกับบทความหนึ่งโดยเฉพาะแล้วพูดว่า “ผมอยากให้คุณดูรายละเอียดในบทความนี้. ถ้าคุณอยากอ่านวารสารสองเล่มนี้ ผมยินดีให้คุณไว้.” ถ้าเขารับ คุณอาจพูดต่อว่า “ผมยินดีที่นำข้อมูลนี้มาให้คุณอ่านได้. ผมคิดว่าคุณจะพบว่าเรื่องนี้ให้ความรู้จริง ๆ. ที่จริงผมอยากมาเยี่ยมคุณอีกในสัปดาห์หน้าเพื่อฟังความคิดเห็นของคุณ. คุณคงจะเห็นนะครับว่าหอสังเกตการณ์ พิมพ์ออกถึง 134 ภาษาและจำหน่ายจ่ายแจกมากกว่า 22,000,000 เล่มทั่วโลก. งานนี้ได้รับการสนับสนุนโดยการบริจาคตามใจสมัคร. ถ้าคุณอยากจะบริจาคสักเล็กน้อยแก่งานให้การศึกษานี้ เราก็ยินดีรับไว้ครับ.”
5 ในบางกรณี เรื่องการบริจาคเพื่องานทั่วโลกของเราอาจเป็นเรื่องขัดหูที่จะพูด. ตัวอย่างเช่น เจ้าของบ้านที่สนใจอาจถามว่า “หนังสือนี่แจกใช่ไหม?” เราอาจตอบว่า “ถ้าคุณอยากอ่านหนังสือนี้และต้องการได้ไว้อ่าน คุณก็เอาไว้ได้ครับ. สัปดาห์หน้าผมอยากมาคุยกันอีกในเรื่องที่เราได้คุยกันไปแล้วและจะได้บอกให้คุณรู้มากขึ้นเกี่ยวกับงานของเราซึ่งทำอยู่ทั่วโลก.” ในการเยี่ยมคราวต่อไป คุณอาจบอกให้เจ้าของบ้านรู้ว่างานของเราได้รับการสนับสนุนด้านการเงินอย่างไร.
6 หรือเจ้าของบ้านอาจรับหนังสือทันทีและตอบว่า “ขอบคุณ.” คุณอาจตอบโดยพูดว่า “ยินดีครับ. ผมแน่ใจว่าคุณจะชอบหนังสือนี้. มีหลายคนสงสัยว่างานนี้ได้รับการสนับสนุนด้านการเงินอย่างไรเนื่องจากเราทำงานนี้อยู่ทั่วโลก. หลายคนที่รับหนังสือของเราได้แสดงความหยั่งรู้ค่าต่อสิ่งที่พวกเขาจะได้เรียนรู้และสมัครใจบริจาคนิดหน่อยเพื่อให้การแจกจ่ายนี้ทำได้ต่อไป. ถ้าพวกเขาทำเช่นนั้น เราก็ยินดีรับไว้ครับ.”
มีความสนใจอย่างแท้จริงไหม?
7 เห็นได้ชัดว่า เราไม่ต้องการแจกจ่ายหนังสือโดยไร้จุดหมาย. เราต้องการให้หนังสือนั้นบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้ นั่นคือเพื่อช่วยผู้คนที่จริงใจให้รู้มากขึ้นเกี่ยวกับพระประสงค์อันยอดเยี่ยมของพระยะโฮวา. หนังสือนั้นอาจสูญเปล่าถ้าให้ไว้กับคนที่ไม่หยั่งรู้ค่าสิ่งฝ่ายวิญญาณ. (เฮ็บ. 12:16) การให้หนังสืออย่างที่บังเกิดผลขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณในการดูให้ออกว่ามีความสนใจแท้. ความสนใจเช่นนั้นอาจมีการแสดงให้เห็นอย่างไร? ความเต็มใจจะสนทนากับคุณเป็นสิ่งที่บอกให้รู้อย่างดีประการหนึ่ง. หรือการตั้งใจฟังเวลาคุณพูด, การตอบคำถาม, และการแสดงความคิดเห็นก็บ่งชี้ถึงการร่วมพูดคุยด้วย. การพูดกับคุณด้วยท่าทีที่แสดงความนับถือและอย่างเป็นมิตรแสดงถึงแนวโน้มที่ดี. การดูตามขณะที่คุณอ่านจากคัมภีร์ไบเบิลก็บอกถึงความนับถือต่อพระคำของพระเจ้า. บ่อยครั้ง เป็นประโยชน์ที่จะถามว่าเขาจะอ่านหนังสือที่เสนอให้ไหม? นอกจากนั้น คุณอาจเสนอจะกลับเยี่ยมเยียนเพื่อสนทนาต่อ. การตอบรับที่ดีเป็นหลักฐานเพิ่มเติมในเรื่องความสนใจของเขา. เมื่อคุณสังเกตเห็นหลักฐานที่บอกความสนใจจริง ก็เป็นไปได้ว่าคนนั้นจะใช้หนังสือที่ได้รับให้เป็นประโยชน์.
8 การปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของเราเช่นนี้ให้หลักฐานเพิ่มเติมว่า “เราไม่ใช่คนเร่ขายพระคำของพระเจ้า.” (2 โก. 2:17, ล.ม.) การทำเช่นนี้ยังพิสูจน์ด้วยว่าเราแยกตัวต่างหากจากโลก.—โย. 17:14.