จงหว่านเมล็ดและอย่าวางมือ
(จากหนังสือประจำปี 2011 หน้า 170 วรรค 2 ถึงหน้า 173 วรรค 4)
ผู้เผยแพร่ข่าวดีรุ่นแรก ๆ
คอลพอร์เทอร์ ซึ่งเป็นชื่อเรียกไพโอเนียร์รุ่นแรก ๆ ใช้จักรยานทำงานทั่วเขตที่กว้างใหญ่และนอนที่ไหนก็ได้ ไม่ว่าจะในบ้านหรือในกองฟาง. ผู้คนยากจน แต่ชอบฟังข่าวสารเรื่องราชอาณาจักร. ผลก็คือ ผู้เผยแพร่เต็มเวลาเหล่านี้ใช้เวลาประมาณ 150 ถึง 200 ชั่วโมงต่อเดือนในงานประกาศด้วยความยินดี พี่น้องหญิงคนหนึ่งรายงาน 239 ชั่วโมงในเดือนเดียว! พวกเขารับใช้อย่างขยันขันแข็ง, กล้าหาญ, และเพียรอดทน. พี่น้องหญิงคนหนึ่งซึ่งออกประกาศเป็นครั้งแรกมีประสบการณ์ดังนี้:
พี่น้องหญิงชาวฟินแลนด์ที่มีใจแรงกล้าได้ถามเธอว่า “คุณขี่จักรยานได้ไหม?”
พี่น้องใหม่ตอบว่า “ได้.”
“ดีละ ให้เราไปที่ซาเรมา” พี่น้องหญิงฟินแลนด์พูดอย่างกระตือรือร้น เมื่อพูดถึงเกาะใหญ่ที่สุดของเอสโตเนียซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 200 กิโลเมตร.
เมื่อทั้งสองมาถึงหมู่บ้านแรกบนเกาะซาเรมา พี่น้องหญิงฟินแลนด์แนะว่า “เธอเริ่มจากสุดหมู่บ้านด้านนี้นะ ส่วนฉันจะเริ่มจากด้านโน้น. ตอนเย็นเราจะมาเจอกันตรงกลางหมู่บ้าน.” พี่น้องใหม่คนนี้ไม่เคยประกาศมาก่อน. แต่เมื่อประกาศบ้านแรก เธอรู้ว่าพระยะโฮวาช่วยเธอและไม่นานก็เกิดความมั่นใจพอที่จะประกาศต่อไป.
เฮลลิน อัลโทเนน (ต่อมาใช้ชื่อสกุลเกรินลุนด์) ได้เจอคนที่มาจากเกาะเวิร์มซีและพวกเขาพูดภาษาที่ฟังแปลก.
เธอถามชาวเกาะว่า “พวกคุณไม่ได้พูดภาษาเอสโตเนียกันหรอกหรือ?”
พวกเขาตอบว่า “เปล่า พวกเราพูดภาษาสวีเดน.”
เฮลลินถามว่า “พวกคุณมีหนังสือภาษาสวีเดนอ่านไหม?”
พวกเขาตอบเกินจริงว่า “เราไม่มีหนังสือภาษาสวีเดนมาหลายร้อยปีแล้ว.”
เมื่อรู้ว่าชาวเกาะเวิร์มซีจำเป็นต้องมีหนังสือภาษาสวีเดน เฮลลินตัดสินใจไปเยี่ยมเกาะนั้นกับแฟนนี ไฮทาลาซึ่งพูดภาษาสวีเดนได้.
เฮลลินเล่าว่า “เราเอาหนังสือภาษาสวีเดนทั้งหมดที่สาขามีและนั่งเรือไป. ภายในสามวันเราก็ประกาศทั่วเกาะและได้แจกจ่ายสรรพหนังสือแทบทั้งหมด. หลายสิบปีต่อมา ดิฉันได้ยินว่ามีพี่น้องชายคนหนึ่งในสวีเดนได้เรียนความจริงจากหนังสือที่เขาได้รับในเกาะเวิร์มซี!” ครั้งแล้วครั้งเล่า ผู้ประกาศได้ประสบความจริงของท่านผู้ประกาศ 11:6 (ล.ม.) ที่ว่า “ในเวลาเช้าจงหว่านเมล็ดของเจ้าและอย่าวางมือจนกระทั่งเวลาเย็น; เพราะเจ้าไม่รู้ว่าการนี้จะสำเร็จที่ไหน.”
ปัญหาที่คอลพอร์เทอร์เผชิญ
งานของคอลพอร์เทอร์ไม่ใช่เรื่องง่าย. ในฤดูหนาว พวกเขาจะเดินทางวันละ 20 ถึง 40 กิโลเมตรโดยใช้สกีหรือไม่ก็เดินเท้า. อากาศหนาวจัด และที่พักที่สะดวกสบายก็หายาก. เนื่องจากต้องเอาสรรพหนังสือไปหลายกล่อง พวกเขาจึงเอาเฉพาะแต่อาหารหลักและสิ่งจำเป็นอื่น ๆ ไปด้วยเท่านั้น. บ่อยครั้งฝนตกหนักจนใช้ถนนไม่ได้. คอลพอร์เทอร์ต้องนอนกลางแจ้งหลายคืน. การรับใช้ที่ยากลำบากเช่นนี้ต้องใช้พละกำลังมากทีเดียว. กระนั้น ผู้ประกาศที่ทุ่มเทตัวเหล่านี้รู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับงานรับใช้ของเขา?
วิลโฮ เอโลรันทา พี่น้องชายชาวฟินแลนด์ที่มีใจแรงกล้าซึ่งได้ประกาศเต็มเวลาในเขตโดดเดี่ยวเป็นเวลาหลายเดือนเล่าว่า “ผมไม่เคยขาดสิ่งใดที่สำคัญจริง ๆ. ส่วนใหญ่ ผมให้หนังสือเพื่อแลกกับอาหารและที่พัก. ผมแทบจะไม่ใช้เงินเลย. เมื่อใกล้ค่ำ ผมจะหาที่พัก. แทบจะไม่มีเจ้าของบ้านปฏิเสธ โดยเฉพาะถ้าเห็นว่าเย็นแล้วหรืออยู่ไกลจากฟาร์มถัดไป.”
วิลโฮเล่าต่อไปว่า “ผมอยากให้ผู้คนได้ยินข่าวสารเรื่องราชอาณาจักรมากจนแม้แต่การอยู่แบบเรียบง่ายก็ไม่ได้ทำให้ผมขาดความอิ่มใจพอใจและความยินดีแต่อย่างใดในงานประกาศ.”
พี่น้องที่ขยันขันแข็งเหล่านี้ได้ปูทางไว้สำหรับการเติบโตในวันข้างหน้าโดยการจ่ายแจกสรรพหนังสือจำนวนมากมาย. ในปี 1929 ผู้ประกาศแค่ไม่กี่คน ได้จ่ายแจกหนังสือปกแข็งและหนังสือเล่มเล็กรวมทั้งหมด 53,704 เล่ม.
อะดอล์ฟ โคเซจำได้ว่า “เอสโตเนียมีคอลพอร์เทอร์ประมาณ 30 คน และพวกเขาประกาศทั่วประเทศก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2.”
ผู้ประกาศที่ขยันขันแข็งในยุคแรกได้ก่อผลกระทบซึ่งยังคงเห็นได้ในปัจจุบัน. ตัวอย่างเช่น ช่วงต้นทศวรรษ 1990 พยานพระยะโฮวาได้พบรูท หญิงสูงอายุคนหนึ่ง. ข่าวสารของพยานฯ ดูเหมือนเป็นเรื่องที่เธอเคยได้ยิน. เธอจำได้ว่า 60 กว่าปีก่อน เธอได้ฟังนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลชาวเยอรมันคนหนึ่งซึ่งไปเยี่ยมเพื่อนบ้านของเธอสองสามครั้ง. ปัจจุบัน ถึงแม้หูหนวกและสูงอายุ รูทซึ่งตระหนักว่าเรื่องนี้เป็นความจริง ได้ตอบรับการศึกษาพระคัมภีร์และได้รับบัพติสมาเกือบ 70 ปีหลังจากที่เธอได้พบพยานฯ ครั้งแรก!
เมฆดำทะมึนบนขอบฟ้า
(จากหนังสือประจำปี 2011 หน้า 179 วรรค 1 ถึง หน้า 181 วรรค 1)
กลางทศวรรษ 1930 เป็นช่วงเวลาที่วุ่นวาย. เนื่องด้วยความกดดันจากนาซีเยอรมนีและคริสตจักรคาทอลิก หนังสือเล่มเล็กผู้ปกครองที่ชอบธรรม ถูกยึดในเดือนมกราคม 1935.
ในปีเดียวกันนั้น รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยได้ปิดสมาคมว็อชเทาเวอร์ในเอสโตเนีย ริบสรรพหนังสือ และอายัดทรัพย์สิน. ถึงแม้ได้ซ่อนสรรพหนังสือส่วนใหญ่ไว้แล้วก็ตาม มีสิ่งพิมพ์ประมาณ 76,000 ชิ้นถูกริบไป. แต่เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้งานหยุดชะงัก. พี่น้องประหลาดใจและยินดีมาก เมื่อเขาเห็นจุลสารสองเล่มที่ถูกยึดไปลงในหนังสือพิมพ์แนวหน้าสองฉบับซึ่งมีจำนวนพิมพ์รวมกันทั้งหมด 100,000 ฉบับ. แม้จะสูญเสียสรรพหนังสือไปก็ตาม แต่ก็ทำให้ผู้คนรู้จักพระนามของพระยะโฮวามากกว่าที่พี่น้องจะแจกจ่ายจุลสารเอง.
ในระหว่างนั้น งานประกาศและงานในสำนักงานก็ยังคงทำกันต่อไป. หนังสือจำนวนมากยังคงถูกริบในปีต่อ ๆ ไป. เฮลลิน อัลโทเนนทำงานในสาขาตอนที่มีการจู่โจม.
ซิสเตอร์เฮลลินเล่าว่า “ตำรวจหนุ่มสามนายตั้งใจมาริบหนังสือเล่มเล็กหลายล้านคนที่มีชีวิตอยู่ในเวลานี้จะไม่ตายเลย! แต่เราไม่มีสักเล่ม. พวกเขาดึงหนังสือทั้งหมดออกจากชั้นแล้วเหวี่ยงลงไปกองอยู่บนพื้น. บราเดอร์แบกซ์เตอร์ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ขณะที่ตำรวจจับตามองเขา. แต่ดิฉันตามเก็บหนังสือให้เรียบร้อยและไปที่โต๊ะของบราเดอร์แบกซ์เตอร์อย่างระมัดระวังเพื่อตรวจดูว่ามีเอกสารใด ๆ ไหมที่ตำรวจไม่ควรเห็น. ดิฉันสังเกตว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งมีชื่อและที่อยู่ของผู้ประกาศทุกคน. ดิฉันทิ้งจดหมายนั้นลงในถังขยะตรงมุมห้อง. เมื่อตำรวจเริ่มเอาหนังสือใส่กล่อง ด้วยท่าทีที่โอหัง นายตำรวจที่ควบคุมดูแลได้กระชากกล่องลงมาอย่างแรงจนทำให้แขนตัวเองหัก! ตำรวจรีบพาเขาไปส่งโรงพยาบาล ทำให้เรามีเวลาคัดแยกหนังสือทุกกล่องก่อนที่พวกเขากลับมาอีก.”
บราเดอร์แบกซ์เตอร์เล่าต่อไปว่า “พวกตำรวจกลับมา และขณะที่กำลังขนกล่องหนังสือกันอยู่นั้น ผมเห็นตำรวจนายหนึ่งเอาหนังสือการช่วยให้รอด เล่มหนึ่งใส่ในกระเป๋าใหญ่ที่เสื้อคลุมของเขา. ผมเคยคิดหลายครั้งว่าคนพวกนี้เอาหนังสือเราไปอ่านกันกี่เล่มแล้วนะ.”
ปี 1939 เป็นช่วงเวลาที่น่ากลัวและไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น. กองทหารโซเวียตหลายกองได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเอสโตเนีย. บราเดอร์แบกซ์เตอร์เขียนว่า “ทุก ๆ วันวิทยุออกอากาศการโฆษณาชวนเชื่อของพวกคอมมิวนิสต์ไม่หยุดหย่อน. มีการคาดเดา ความตื่นเต้น ความหวาดหวั่น รวมทั้งความกลัว. เครื่องบินรบของโซเวียตที่บรรทุกทหารพลร่มส่งเสียงดังกลบเต็มท้องฟ้า. การคุกคามเช่นนั้นทำให้งานประกาศหยุดชะงักไหม?
ทั้ง ๆ ที่มีความวุ่นวายทั้งหมดนี้ ในปี 1940 ผู้รับใช้ที่ภักดีของพระยะโฮวาได้แจกจ่ายหนังสือปกแข็ง และหนังสือเล่มเล็ก 59,776 เล่ม นับว่าเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นโดยผู้ประกาศแค่ 27 คนและไพโอเนียร์ 15 คน! พวกเขาทำเท่าที่สามารถทำได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เขายังมีเสรีภาพอยู่.