พิสูจน์ตัวว่าคุณเป็นบุตรของพระบิดา (มัด. 5:43-45)
จากหนังสือประจำปี 2013 หน้า 89 ว. 3 ถึงหน้า 90 ว. 1
เฟรด เพทันเล่าว่า “ระหว่างสี่ปีที่อยู่ในพม่า ผมได้ประกาศไปเกือบทั่วประเทศ. ขณะเดินทาง ผมต้องสู้กับโรคมาลาเรีย ไทฟอยด์ บิด และปัญหาสุขภาพอื่น ๆ. หลังจากรับใช้มาตลอดทั้งวัน บ่อยครั้ง ผมไม่มีที่ที่จะนอน. แต่พระยะโฮวาทรงดูแลให้ผมมีสิ่งที่จำเป็นเสมอ และทำให้ผมรับใช้ต่อไปได้โดยอาศัยฤทธิ์อำนาจของพระองค์.” แฟรงก์ ดัวร์ ชาวนิวซีแลนด์ผู้ไม่เคยย่อท้อต่อความลำบากบอกว่า “ผมเผชิญหน้ากับโจรผู้ร้าย พวกกบฏ และเจ้าหน้าที่ที่หยิ่งยโส. แต่ผมพบว่าหลายครั้งผมสามารถเอาชนะอุปสรรคที่ยากลำบากได้ด้วยการแสดงท่าทีที่สุภาพ อ่อนโยน ถ่อมตน และมีเหตุผล. ไม่นาน คนส่วนใหญ่ก็เห็นว่าพยานพระยะโฮวาไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อใคร.”
ไพโอเนียร์เหล่านี้ต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากคนต่างชาติอื่น ๆ ที่อยู่ในประเทศซึ่งมักจะปฏิบัติต่อคนท้องถิ่นด้วยความดูหมิ่นดูแคลน. พวกเขาปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความนับถือและความรัก. การที่พวกเขาพูดคุยด้วยความกรุณาดึงดูดใจชาวพม่าที่มีใจถ่อม ซึ่งชอบการพูดจาแบบที่นุ่มนวลและผ่อนหนักผ่อนเบามากกว่าการพูดแบบตรง ๆ. โดยคำพูดและการกระทำ ไพโอเนียร์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าพยานพระยะโฮวาเป็นคริสเตียนแท้.—โย. 13:35
จากหนังสือประจำปี 2013 หน้า 164 ว. 2
โทเบียส ลุนด์ ซึ่งเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ เล่าว่า “ผมกับโซเฟียภรรยาของผมพบ เมย์ ซิน อู อายุ 16 ปี ซึ่งเป็นผู้ประกาศเพียงคนเดียวในครอบครัว อยู่กลางซากปรักหักพังของบ้านเธอ และเธอกำลังเอาคัมภีร์ไบเบิลมาตากแดดให้แห้ง. เมื่อเห็นเราเธอก็ยิ้มออกมา แต่ขณะเดียวกันก็มีน้ำตาที่ค่อย ๆ ไหลลงมาอาบแก้ม. ไม่นานนัก ทีมก่อสร้างเคลื่อนที่ของเราก็มาถึง พร้อมด้วยหมวกนิรภัย เครื่องมือไฟฟ้า รวมทั้งวัสดุก่อสร้าง และเริ่มสร้างบ้านหลังใหม่ให้ครอบครัวนี้. เพื่อนบ้านแปลกใจมาก! เป็นเวลาหลายวันหลังจากนั้นที่ชาวบ้านแถวนั้นนั่งยอง ๆ ดูอยู่รอบ ๆ สถานที่ก่อสร้างซึ่งกลายเป็นสิ่งดึงดูดความสนใจของคนในท้องถิ่น. พวกเขาพูดด้วยความแปลกใจว่า ‘เราไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย! องค์การของพวกคุณเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและรักกันจริง ๆ. พวกเราอยากเป็นพยานพระยะโฮวาด้วย.’ ตอนนี้ พ่อแม่และพี่น้องของเมย์ ซิน อู ได้เข้าร่วมการประชุม และทั้งครอบครัวกำลังก้าวหน้าในความจริงเป็นอย่างดี.”