“อย่าวิตกกังวล” (มัด. 6:31-33)
(หนังสือประจำปี 2013 หน้า 138 วรรค 3 ถึงหน้า 139 วรรค 3)
ขอพิจารณาตัวอย่างของชิน คาน ดาล. เขากับครอบครัวอยู่ในหมู่บ้านห่างไกลในซะไกง. เขาบอกว่า “เราต้องการเข้าร่วมการประชุมภาคที่เมืองทะฮาน ซึ่งใช้เวลาเดินทางสองวันโดยทางเรือและรถบรรทุก. แต่ถ้าเราไม่อยู่จะไม่มีใครช่วยดูไก่ให้. กระนั้น เราก็ไว้วางใจพระยะโฮวาและเข้าร่วมการประชุมภาค. เมื่อกลับบ้าน เราพบว่าไก่หายไป 19 ตัว ทำให้เราเสียรายดายไปไม่น้อย. อย่างไรก็ตาม หนึ่งปีต่อมา ไก่ฝูงเล็ก ๆ ของเราได้เพิ่มจำนวนขึ้น ตอนนี้มีมากกว่า 60 ตัว. แม้ว่าไก่ของชาวบ้านหลายคนเป็นโรคตายในปีนั้น แต่ไก่ของเราไม่ตายสักตัวเดียว.”
คู่สมรสอีกคู่หนึ่งที่จัดให้การนมัสการพระเจ้ามาเป็นอันดับแรกคือ ออง ทิน นยุต กับภรรยาชื่อนเยน มยา ซึ่งอยู่กับลูกเก้าคนในโจนชา หมู่บ้านเล็ก ๆ ห่างจากย่างกุ้งไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 64 กิโลเมตร. ออง ทิน นยุตเล่าว่า “ครอบครัวเรากินแต่ข้าวต้มกับผักเกือบทุกวัน. เราไม่มีเงินและไม่มีอะไรจะขาย. ถึงกระนั้น เราก็ไม่รู้สึกหดหู่. ผมบอกครอบครัวว่า ‘พระเยซูไม่มีที่ที่จะวางศีรษะ. ดังนั้น ถึงแม้ผมจะต้องอาศัยอยู่ใต้ต้นไม้และตายด้วยความอดอยาก ผมก็จะนมัสการพระเจ้าอย่างซื่อสัตย์ต่อไป.”
“แต่วันหนึ่ง เราไม่มีอะไรจะกินเลย อาหารในบ้านหมดเกลี้ยง. ภรรยากับลูก ๆ มองผมด้วยสีหน้าวิตกกังวล. ผมรับรองกับพวกเขาว่า ‘อย่ากังวลไปเลย พระเจ้าจะช่วยเรา.’ หลังจากไปประกาศในตอนเช้า ผมพาลูก ๆ ไปตกปลา. แต่เราจับปลาได้แค่พอทำอาหารมื้อเดียว. เราทิ้งตะกร้าปลาไว้ที่แม่น้ำ ใกล้ ๆ กอบัว ผมบอกลูกว่า ‘หลังการประชุม เราจะกลับมาอีก.’ บ่ายวันนั้นลมแรงมาก. เมื่อเรากลับมาก็พบว่า ปลาจำนวนมากไปหาที่หลบลมใต้กอบัว. พอเราเอาตะกร้าหย่อนลงไป ก็จับปลาได้จำนวนมาก จึงเอาไปขาย แล้วซื้ออาหารกินได้ตลอดทั้งสัปดาห์.”
หลายต่อหลายครั้ง ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาในพม่าได้เห็นคำสัญญาที่อบอุ่นใจของพระเจ้าสำเร็จเป็นจริงที่ว่า “เราจะไม่มีวันละทิ้งเจ้าและไม่มีวันทอดทิ้งเจ้า.” และพวกเขาสามารถพูดด้วยความมั่นใจว่า “พระยะโฮวาทรงเป็นผู้ช่วยข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่กลัว. มนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้เล่า?”—ฮีบรู 13:5, 6