แหล่งอ้างอิงสำหรับชีวิตและงานรับใช้—คู่มือประชุม
© 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
วันที่ 5-11 มกราคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล อิสยาห์ 17-20
“สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับคนที่มาปล้นพวกเรา”
“รัฐบาลของผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกนี้”
16 เป็นเรื่องสำคัญมากที่ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าผู้คนในโลกเป็นเหมือนกับทะเลคลั่งที่ไม่เคยสงบ (อิสยาห์ 17:12; 57:20, 21; วิวรณ์ 13:1) การเมืองทำให้ประชาชนวุ่นวาย แตกแยก และมีแต่ความรุนแรง แต่พวกเราอยู่อย่างสงบและเป็นหนึ่งเดียว เมื่อพระยะโฮวามองผู้คนในโลกที่แตกแยกนี้ พระองค์จะต้องมีความสุขมากแน่ ๆ ที่เห็นคนของพระองค์ยังเป็นหนึ่งเดียวกันได้—อ่านเศฟันยาห์ 3:17
รักษาความเป็นกลางในโลกที่มีการแบ่งแยก
4 เราอาจอาศัยอยู่ในที่ที่ผู้คนไม่ได้คาดหมายให้เราเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ยิ่งเราเข้าใกล้อวสานของโลกซาตาน ก็ยิ่งทำให้ยากขึ้นที่เราจะรักษาความเป็นกลาง เพราะผู้คนในทุกวันนี้เป็นคน “ไม่ยอมใคร” และ “หัวดื้อ” นี่ทำให้พวกเขาเกิดการแบ่งแยกกันมากขึ้น (2 ทธ. 3:3, 4) นอกจากนั้น มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอย่างรวดเร็วในบางประเทศ ซึ่งทำให้พี่น้องของเราบางคนรักษาความเป็นกลางได้ยาก นี่เป็นเหตุผลที่เราต้องเตรียมตัวตั้งแต่ตอนนี้ที่จะรักษาความเป็นกลาง เพราะถ้าเราไม่ทำอย่างนั้น เราก็อาจจะอะลุ่มอล่วยยอมเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขอเราดูว่า 4 อย่างที่เราทำได้เพื่อเตรียมตัวมีอะไรบ้าง
ip-1 น. 198 ว. 20
พระยะโฮวาสั่งสอนชาติต่าง ๆ
20 ผลเป็นยังไง? อิสยาห์บอกว่า “จะมีสิ่งที่น่ากลัวเกิดขึ้น ใน ตอน เย็น แต่ก่อน จะถึงเช้าก็จะไม่มีแล้ว และนี่แหละคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น กับคน ที่มาปล้น พวกเรา และเป็น จุดจบของคน ที่มาริบของของพวกเราไป” (อิสยาห์ 17:14) หลายคนกำลังปล้นคนของพระยะโฮวาที่เป็นคริสเตียนแท้โดยปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างโหดร้ายและไม่ให้เกียรติ พวกเขาตกเป็นเหยื่อของศัตรูและพวกนักวิจารณ์ที่มีอคติ เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับศาสนาต่าง ๆ ในโลกนี้ แต่คนของพระยะโฮวามั่นใจว่า “ตอนเช้า” กำลังจะมาถึงและความทุกข์ที่พวกเขาต้องเจอก็จะสิ้นสุดลง—2 เธสะโลนิกา 1:6-9; 1 เปโตร 5:6-11
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
ในสมัยคัมภีร์ไบเบิลมีการใช้ต้นกกพาไพรัสเพื่อสร้างเรือไหม?
มากกว่า 2,700 ปีที่แล้ว ผู้พยากรณ์อิสยาห์เขียนว่าคนที่อยู่ใน “ดินแดนที่อยู่แถบแม่น้ำสายต่าง ๆ ในเอธิโอเปีย” ได้ “ส่งทูตไปทางทะเล โดยใช้เรือพาไพรัส” ต่อมา เยเรมีย์ก็พยากรณ์ว่า ตอนที่ชาวมีเดียและเปอร์เซียโจมตีเมืองบาบิโลน พวกเขาจะเผา “เรือพาไพรัส” ของชาวบาบิโลนเพื่อไม่ให้พวกบาบิโลนหนีไปได้—อสย. 18:1, 2; ยรม. 51:32
คัมภีร์ไบเบิลได้รับการดลใจจากพระเจ้า คนที่ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลก็เลยไม่แปลกใจถ้านักโบราณคดีจะเจอหลักฐานที่แสดงว่ามีการใช้ต้นกกพาไพรัสเพื่อสร้างเรือในสมัยคัมภีร์ไบเบิล (2 ทธ. 3:16) แล้วพวกนักโบราณคดีเจอหลักฐานจริง ๆ ไหม? ใช่ พวกเขาเจอหลักฐานที่แสดงว่ามีการใช้ต้นกกพาไพรัสเพื่อสร้างเรือในอียิปต์สมัยโบราณ
วันที่ 12-18 มกราคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล อิสยาห์ 21-23
บทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเชบนา
การสั่งสอนเป็นหลักฐานว่าพระเจ้ารักเรา
7 เพื่อจะเข้าใจว่าการสั่งสอนเป็นเรื่องสำคัญมากแค่ไหน เราจะพูดถึง 2 คนที่เคยถูกพระยะโฮวาสั่งสอน คนหนึ่งคือเชบนา ชาวอิสราเอลซึ่งมีชีวิตในสมัยกษัตริย์เฮเซคียาห์ และอีกคนหนึ่งคือเกรแฮมพี่น้องในสมัยของเรา เชบนาเป็นคนที่มีอำนาจมาก เขาเป็น “ผู้ดูแลวังของกษัตริย์” เฮเซคียาห์ (อิสยาห์ 22:15) ต่อมาเชบนากลายเป็นคนหยิ่งและอยากให้คนอื่นคิดว่าเขาเป็นคนสำคัญ เขาถึงขั้นสร้างที่ฝังศพราคาแพงให้ตัวเองและนั่ง “รถศึกคันงาม”—อิสยาห์ 22:16-18
8 เพราะเชบนาอยากมีหน้ามีตาและพยายามให้คนอื่นมายกย่องเขา พระเจ้าจึงเอางานมอบหมายของเขาให้เอลียาคิม (อิสยาห์ 22:19-21) เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนที่กษัตริย์เซนนาเคอริบวางแผนโจมตีกรุงเยรูซาเล็ม ต่อมาเซนนาเคอริบได้ส่งพวกเจ้าหน้าที่ระดับสูงกับกองทัพใหญ่มาข่มขู่ชาวยิวและกษัตริย์เฮเซคียาห์ให้ยอมแพ้ (2 พงศ์กษัตริย์ 18:17-25) เฮเซคียาห์ส่งเอลียาคิมกับผู้ชายอีก 2 คนไปพบเจ้าหน้าที่เหล่านั้น หนึ่งใน 2 คนนั้นก็คือเชบนาซึ่งตอนนั้นเป็นแค่เลขานุการ จากเรื่องนี้เราเห็นว่าเชบนาคงได้เรียนที่จะเป็นคนถ่อม เขาไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ โกรธไม่ยอมหาย หรือสงสารตัวเอง แต่เขาเต็มใจยอมรับตำแหน่งที่สำคัญน้อยกว่า ตอนนี้ให้เรามาดูบทเรียน 3 อย่างจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับเชบนา
9 อย่างแรก การที่เชบนาสูญเสียตำแหน่งเตือนเราว่า “ความหยิ่งทำให้พินาศ” (สุภาษิต 16:18) เราอาจมีสิทธิพิเศษในประชาคมและคนอื่นอาจมองว่าเราเป็นคนสำคัญ ถ้าเป็นอย่างนั้น เราจะยังเป็นคนถ่อมไหม? เราจะคิดอยู่เสมอไหมว่าความสามารถและความสำเร็จของเราเป็นเพราะพระยะโฮวาช่วย? (1 โครินธ์ 4:7) อัครสาวกเปาโลเตือนว่า “ผมจึงขอบอกพวกคุณทุกคนว่า อย่าคิดถึงตัวเองมากเกินไป แต่ให้คิดอย่างสมเหตุสมผล”—โรม 12:3
การสั่งสอนเป็นหลักฐานว่าพระเจ้ารักเรา
10 อย่างที่ 2 การที่พระยะโฮวาให้คำแนะนำแรง ๆ กับเชบนาแสดงว่าพระองค์เชื่อว่าเชบนาสามารถเปลี่ยนตัวเองได้ (สุภาษิต 3:11, 12) นี่เป็นบทเรียนสำหรับคนที่สูญเสียสิทธิพิเศษ แทนที่จะรู้สึกไม่พอใจหรือโกรธไม่ยอมหาย เขาสามารถให้สิ่งที่ดีที่สุดกับพระยะโฮวา และมองว่าการสั่งสอนที่เขาได้รับแสดงว่าพระองค์รักเขา ขอจำไว้ว่าในที่สุดพระยะโฮวาพ่อของเราจะให้รางวัลคนถ่อมแน่นอน (อ่าน 1 เปโตร 5:6, 7) ถ้าเราเป็นคนถ่อม และเป็นดินเหนียวที่อ่อนนุ่ม การสั่งสอนจากพระยะโฮวาจะปั้นเรา และเราจะเป็นคนที่พระองค์อยากให้เราเป็น
การสั่งสอนเป็นหลักฐานว่าพระเจ้ารักเรา
11 อย่างที่ 3 เราได้บทเรียนที่มีค่าจากวิธีที่พระยะโฮวาปฏิบัติต่อเชบนา นอกจากวิธีที่พระยะโฮวาสั่งสอนจะแสดงให้เห็นว่าพระองค์เกลียดความบาปแล้ว มันยังแสดงให้เห็นว่าพระองค์รักคนนั้นถึงเขาได้ทำบาป พระยะโฮวามองหาสิ่งดีในตัวผู้คน ถ้าคุณเป็นพ่อแม่หรือผู้ดูแล คุณจะเลียนแบบวิธีสั่งสอนของพระยะโฮวาไหม?—ยูดา 22, 23
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
จุดเด่นจากพระธรรมยะซายา—ตอนแรก
21:1 (ฉบับแปลใหม่)—ดินแดนใดที่ถูกเรียกว่า “ถิ่นทุรกันดารของทะเล”? บาบิโลนถูกเรียกแบบนี้แม้ไม่ได้อยู่ใกล้ทะเลจริง ๆ นั่นเป็นเพราะน้ำจากแม่น้ำยูเฟรทิสและไทกริสไหลท่วมดินแดนแถบนั้นทุกปีจึงทำให้เกิดที่ลุ่มชื้นแฉะที่เป็นเหมือน “ทะเล.”
วันที่ 19-25 มกราคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล อิสยาห์ 24-27
“นี่แหละคือพระเจ้าของเรา”
“นี่แหละคือพระเจ้าของเรา”
21 คุณเคยเห็นเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งไหมที่ชี้ให้เพื่อน ๆ ดูพ่อของเขา แล้วพูดด้วยความภูมิใจว่า “นั่นไง พ่อฉัน” ผู้นมัสการพระยะโฮวาก็มีเหตุผลที่จะรู้สึกแบบนั้นกับพระองค์ คัมภีร์ไบเบิลบอกล่วงหน้าถึงสมัยที่ประชาชนของพระองค์จะร้องออกมาว่า “นี่แหละคือพระเจ้าของเรา” (อิสยาห์ 25:8, 9) ยิ่งคุณมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับคุณลักษณะของพระยะโฮวามากเท่าไร คุณก็จะยิ่งรู้สึกมากขึ้นว่าคุณมีพ่อที่ดีที่สุดเท่าที่จะมีได้
เราได้เรียนอะไรจากการอัศจรรย์เกี่ยวกับขนมปังของพระเยซู?
14 ตอนที่พระเยซูสอนเราให้อธิษฐานว่า “ขอให้พวกเรามีอาหารกินในวันนี้” ท่านก็สอนให้อธิษฐานด้วยว่า “ขอให้ทุกอย่างบนโลกและบนสวรรค์เป็นอย่างที่พระองค์อยากให้เป็น” (มธ. 6:9-11) นี่ทำให้คุณนึกถึงอะไร? คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าในโลกใหม่พระยะโฮวาอยากให้มีอาหารมากมายบนโลก ที่อิสยาห์ 25:6-8 บอกว่าจะมีอาหารอร่อย ๆ ให้ทุกคนได้กิน และที่สดุดี 72:16 ก็บอกว่า “จะมีข้าวมากมายในแผ่นดิน บนยอดเขาทั้งหลายจะมีข้าวอุดมสมบูรณ์” คุณรอคอยที่จะได้ใช้เมล็ดข้าวทำอาหารอร่อย ๆ ที่คุณชอบหรือลองทำเมนูใหม่ ๆ ไหม? นอกจากนั้น คุณยังสามารถมีความสุขกับการทำสวนองุ่นและกินผลที่คุณปลูกด้วย (อสย. 65:21, 22) ในตอนนั้น ทุก ๆ คนจะสามารถมีความสุขกับสิ่งเหล่านี้ได้
เราได้ประโยชน์อะไรจากความรักของพระยะโฮวา?
11 ลองนึกภาพดูสิว่าชีวิตของคุณจะเป็นยังไงในโลกใหม่ คุณจะไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่าจะเจ็บป่วยหรือตาย (อสย. 25:8; 33:24) พระยะโฮวาจะทำให้สิ่งที่คุณรอคอยเป็นจริง ตอนนี้มีอะไรไหมที่คุณอยากเรียนรู้หรืออยากทำ? คุณสนใจเรื่องฟิสิกส์ เคมี ดนตรี หรือศิลปะไหม? ในโลกใหม่เราจะต้องมีสถาปนิก ช่างก่อสร้าง ชาวสวน และยังต้องมีคนที่คอยทำงานซ่อมบำรุงและทำงานบริการต่าง ๆ อย่างเช่น ทำอาหาร สร้างเครื่องมือ และปลูกต้นไม้ดูแลสวน (อสย. 35:1; 65:21) เมื่อคุณมีชีวิตตลอดไป คุณจะมีเวลาไม่สิ้นสุดเพื่อจะเรียนรู้อะไรก็ได้ที่คุณอยากเรียน
12 นอกจากนั้น เราจะมีความสุขมากที่ได้ต้อนรับคนที่ฟื้นขึ้นจากตาย (กจ. 24:15) เราจะได้รู้จักพระยะโฮวามากขึ้นอีกจากสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์สร้าง (สด. 104:24; อสย. 11:9) และที่ดีที่สุดก็คือ เราจะไม่เป็นคนบาปอีกต่อไป เราจะสามารถนมัสการพระยะโฮวาได้โดยไม่ต้องขอการอภัยบาปอีก คุณจะยอมแลกพรดี ๆ มากมายเหล่านี้กับความ “สนุกสนานชั่วคราวกับการทำบาป” ไหม? (ฮบ. 11:25) คุณจะไม่ยอมแน่ ๆ! พรเหล่านี้คุ้มค่ากับการที่เราต้องเสียสละอะไรก็ตามในตอนนี้ จำไว้ว่าโลกที่เป็นสวนอุทยานไม่ใช่เป็นแค่ความหวัง แต่มันจะกลายเป็นจริงแน่นอน มันคือชีวิตแท้ของเราในอนาคต สิ่งนี้จะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าพระยะโฮวาไม่ได้รักเรามากพอจนพระองค์ยอมสละลูกชายที่รักของพระองค์
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
ยอมรับอย่างถ่อมตัวว่ามีบางเรื่องที่เราไม่รู้
10 การที่เราไม่รู้ว่าพระยะโฮวาจะช่วยเรายังไงทำให้เราได้พัฒนาคุณลักษณะที่สำคัญ นั่นก็คือความถ่อมและความเจียมตัว เรายอมรับว่าความคิดและแนวทางของพระยะโฮวาเหนือกว่าเรา (อสย. 55:8, 9) เรายังได้เรียนรู้ที่จะวางใจพระยะโฮวาเต็มที่และพึ่งพระองค์ให้ช่วยเราทำสิ่งต่าง ๆ ได้สำเร็จ เมื่อเราทำงานรับใช้หรือช่วยงานต่าง ๆ ในองค์การแล้วเกิดผลดี เราจะยกย่องสรรเสริญพระยะโฮวา (สด. 127:1; 1 คร. 3:7) และเมื่อสิ่งต่าง ๆ ไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดไว้ เราต้องจำไว้ว่าทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของพระยะโฮวา (อสย. 26:12) ให้เราทำส่วนของเราและมั่นใจว่าพระยะโฮวาจะทำส่วนของพระองค์ พระยะโฮวาจะให้การชี้นำกับเราแน่นอนถึงแม้มันจะไม่ใช่การชี้นำแบบอัศจรรย์อย่างที่พระองค์เคยทำในอดีต—กจ. 16:6-10
วันที่ 26 มกราคม–1 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล อิสยาห์ 28-29
อย่าแค่พูดว่านับถือพระยะโฮวา แต่ให้นับถือพระองค์จากใจด้วย
ip-1 น. 299 ว. 23
อิสยาห์บอกล่วงหน้าว่าพระยะโฮวาจะทำ “สิ่งที่แปลกประหลาด”
23 ผู้นำศาสนายิวอ้างว่านับถือพระยะโฮวาแต่กลับทิ้งพระองค์ พวกเขาเอาแนวคิดที่ไม่ถูกต้องว่าอะไรถูกอะไรผิดมาสอนประชาชน พวกเขาทำสิ่งที่แสดงว่าไม่มีความเชื่อและทำผิดศีลธรรม และยังทำให้ดูเหมือนว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง พวกเขานำประชาชนไปทางที่พระเจ้าไม่พอใจด้วย พระยะโฮวาจะให้พวกเขารับผิดชอบที่เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอกโดยใช้ “สิ่งที่น่าตกตะลึง” หรือ “สิ่งที่แปลกประหลาด” พระองค์บอกว่า “ชน ชาตินี้ดีแต่พูดว่าจะมาหาเรา พวกเขานับถือเราแต่ปาก แต่ใน ใจของเขาไม่ได้เป็น อย่างนั้น เลย ที่เขาเคารพยำเกรงเราก็เพียงเพราะทำตามกฎเกณฑ์ของมนุษย์ที่สอน กัน มา เพราะอย่างนี้ เราจะทำให้ชน ชาตินี้เห็น สิ่งที่น่าตกตะลึงอีกครั้งหนึ่ง เป็น เรื่องที่น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง สติปัญญาของคน มีปัญญาจะสูญหาย ไป และความเข้าใจของคน ฉลาดจะถูกปิดซ่อน ไว้” (อิสยาห์ 29:13, 14) เมื่อพระยะโฮวาใช้มหาอำนาจโลกบาบิโลนมาจัดการกับยูดาห์ที่ทรยศพระองค์ ความรู้และคำสอนที่พวกผู้นำศาสนาคิดขึ้นมาเองจะต้องหายไป ในสมัยศตวรรษแรก ตอนที่พวกผู้นำศาสนาชาวยิวนำประชาชนไปผิดทางพระยะโฮวาก็จัดการกับพวกเขาด้วยเหมือนกัน และพระองค์ก็จะทำแบบเดียวกันกับคริสตจักรในทุกวันนี้—มัทธิว 15:8, 9; โรม 11:8
ไม่มีอะไรจะขัดขวางคนที่รักพระยะโฮวาไม่ให้รับใช้พระองค์
7 พระเยซูกล้าว่าพวกผู้นำศาสนาในสมัยของท่าน เพราะสิ่งที่พวกเขาทำ ตัวอย่างเช่น ท่านว่าพวกเขาว่าเป็นคนเสแสร้ง เพราะพวกเขาเป็นห่วงเรื่องการล้างมือมากกว่าการดูแลพ่อแม่ (มธ. 15:1-11) พวกสาวกของพระเยซูคงแปลกใจที่ท่านพูดแบบนี้ พวกเขาถึงกับถามท่านว่า “อาจารย์รู้ไหมครับว่า พวกฟาริสีโกรธมากที่ท่านพูดอย่างนั้น?” พระเยซูตอบว่า “ต้นไม้ทุกต้นที่พ่อของผมในสวรรค์ไม่ได้ปลูกจะถูกถอนทิ้ง ปล่อยพวกเขาไปเถอะ พวกเขาเป็นคนนำทางที่ตาบอด ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด ทั้งคู่จะพากันตกหลุม” (มธ. 15:12-14) ถึงพวกผู้นำศาสนาจะโกรธมากที่พระเยซูพูดแบบนั้น แต่ท่านก็ไม่ได้ยอมให้ความรู้สึกของพวกเขามาทำให้ท่านหยุดพูดความจริง
เป็นแขกของพระยะโฮวาตลอดไป
8 คนที่ “พูดความจริงจากใจ” ไม่ใช่คนที่แกล้งทำเป็นเชื่อฟังพระยะโฮวาตอนที่คนอื่นเห็น แต่กลับทำสิ่งที่ไม่ดีตอนที่อยู่คนเดียว (อสย. 29:13) คนที่ “พูดความจริงจากใจ” จะไม่เป็นคนเจ้าเล่ห์ คนเจ้าเล่ห์อาจเริ่มสงสัยและคิดว่ากฎของพระยะโฮวาบางข้อใช้ได้จริง ๆ หรือเปล่า (ยก. 1:5-8) เขาอาจเริ่มไม่เชื่อฟังจากเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน จากนั้นถ้าเขาเห็นว่าไม่มีผลเสียอะไรตามมา เขาก็กล้าที่จะไม่เชื่อฟังกฎหมายของพระยะโฮวาในเรื่องที่ใหญ่กว่า และแม้เขาจะคิดว่ากำลังรับใช้พระยะโฮวาอยู่ แต่พระองค์ก็จะไม่ยอมรับการนมัสการของเขา (ปญจ. 8:11) เราไม่อยากจะเป็นคนแบบนี้ เราอยากจะเป็นคนที่ซื่อสัตย์ในทุกเรื่อง
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
ip-1 น. 296 ว. 19
อิสยาห์บอกล่วงหน้าว่าพระยะโฮวาจะทำ “สิ่งที่แปลกประหลาด”
19 ตอนนี้พระยะโฮวากำลังพูดถึงอะไร? “ความพินาศจะเกิดกับอารีเอล อารีเอลเมืองที่ดาวิดเคย ตั้งค่าย ฉลองเทศกาลของเจ้าไปสิ ฉลองไปเรื่อย ๆ ทุกปี แต่เราจะนำความทุกข์ยากมาสู่อารีเอล จะมีแต่ความโศกเศร้าและการคร่ำครวญ สำหรับเราแล้ว เมืองนี้จะเป็น เหมือน เตาเผาของแท่น บูชา” (อิสยาห์ 29:1, 2) “อารีเอล” อาจหมายถึง “เตาเผาของแท่นบูชาของพระเจ้า” ซึ่งน่าจะหมายถึงเยรูซาเล็ม เมืองนี้มีวิหารของพระเจ้าและมีแท่นบูชา ชาวยิวทำตามธรรมเนียมโดยฉลองเทศกาลต่าง ๆ และถวายเครื่องบูชาที่นั่น แต่พระยะโฮวาก็ไม่ได้พอใจการนมัสการของพวกเขา (โฮเชยา 6:6) พระองค์เลยพูดถึงเมืองนี้ว่าจะกลายเป็น “เตาเผาของแท่นบูชา” ในความหมายที่ว่า กรุงเยรูซาเล็มจะเป็นเหมือนกับแท่นบูชาที่มีเลือดไหลนองและถูกไฟเผา พระยะโฮวาอธิบายว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้ พระองค์บอกว่า “เราจะล้อมเจ้าไว้ทุกด้าน จะล้อมเจ้าด้วย รั้วไม้ปลาย แหลม จะสร้างกำแพงล้อมเมืองไว้ต่อสู้เจ้า เจ้าจะถูกทำให้ตกต่ำลง เจ้าจะพูดจากพื้น ดิน เสียงพูดของเจ้าจะได้ยิน แผ่ว ๆ มาจากดิน” (อิสยาห์ 29:3, 4) เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับเยรูซาเล็มในปี 607 ก่อน ค.ศ. ตอนที่กองทัพบาบิโลนมาล้อมและทำลายเมืองรวมถึงเผาวิหารด้วย
วันที่ 2-8 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล อิสยาห์ 30-32
มาหลบภัยอยู่ใต้ปีกของพระยะโฮวา
พระยะโฮวาทรงเป็นที่พึ่งพำนักของเรา
7 โดยมีพระยะโฮวาเป็นที่พึ่งพำนัก เราได้รับคำปลอบโยนจากถ้อยคำดังต่อไปนี้: “พระองค์จะทรงปกคลุมท่านไว้ด้วยปีกของพระองค์, และท่านจะอาศัยอยู่ใต้ปีกของพระองค์. ความสัตย์ธรรมของพระองค์เป็นโล่และเป็นดั้ง [“ที่มั่นสำหรับต้านทาน,” ล.ม.].” (บทเพลงสรรเสริญ 91:4) พระเจ้าทรงปกป้องเรา เหมือนพ่อนกแม่นกที่บินลอยอยู่เหนือลูกเพื่อให้การคุ้มครองป้องกัน. (ยะซายา 31:5) ‘พระองค์จะทรงปกคลุมเราไว้ด้วยปีกของพระองค์.’ นกใช้ปีกปกคลุมลูกน้อยของมันไว้เพื่อป้องกันลูกจากสัตว์ล่าเหยื่อ. เช่นเดียวกับลูกนกที่ขนเพิ่งขึ้น เราปลอดภัยอยู่ภายใต้ปีกโดยนัยของพระยะโฮวา เนื่องจากเราได้พึ่งพำนักในองค์การคริสเตียนแท้ของพระองค์.—ประวัตินางรูธ 2:12; บทเพลงสรรเสริญ 5:1, 11.
พระยะโฮวาจะช่วยคุณตอนที่เจอเรื่องเลวร้าย
13 เราต้องทำอะไร? อย่าอยู่คนเดียวแม้ใจเราอยากจะทำแบบนั้น เพราะถ้าเราอยู่คนเดียว เราจะเอาแต่คิดลบ สงสารตัวเอง แล้วก็คิดถึงแต่ปัญหาที่เราเจอ และนี่อาจทำให้เราตัดสินใจได้แย่มาก ๆ (สภษ. 18:1) ก็จริงที่บางครั้งเราอยากอยู่คนเดียวโดยเฉพาะตอนที่เรากำลังเจอปัญหาหนัก แต่ถ้าเราอยู่คนเดียวนาน ๆ ไม่ยอมเจอหน้าใคร เราอาจจะไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนที่พระยะโฮวาใช้ก็ได้ ดังนั้น ให้ยอมรับความช่วยเหลือจากคนในครอบครัว เพื่อน ๆ หรือผู้ดูแลถึงแม้คุณจะรู้สึกว่ายาก และให้มองว่านี่เป็นวิธีที่พระยะโฮวากำลังช่วยคุณ—สภษ. 17:17; อสย. 32:1, 2
“พระองค์จะทำให้พวกคุณเข้มแข็ง”
19 คุณจะทำให้ความหวังของคุณชัดเจนขึ้นได้ยังไง? ถ้าคุณมีความหวังที่จะมีชีวิตตลอดไปบนโลกที่เป็นอุทยาน ลองอ่านดูว่าคัมภีร์ไบเบิลพูดถึงอุทยานในโลกใหม่ยังไงบ้าง และคิดใคร่ครวญเกี่ยวกับเรื่องนั้น (อสย. 25:8; 32:16-18) ลองนึกภาพว่าชีวิตในโลกใหม่จะเป็นยังไง ลองคิดดูว่าคุณจะได้เจอใครบ้าง? คุณได้ยินเสียงอะไร? คุณรู้สึกยังไง? เพื่อจะช่วยให้คุณนึกภาพออกได้ง่าย ๆ คุณอาจจะดูรูปภาพของอุทยานที่อยู่ในหนังสือของเรา หรือดูมิวสิควีดีโอต่าง ๆ เช่น วันที่โลกใหม่จะมา จวนจะถึงอยู่แล้วแค่เอื้อมมือ หรือนึกถึงเวลานั้น ถ้าเราคิดบ่อย ๆ เกี่ยวกับความหวังเรื่องโลกใหม่ เราก็จะรู้สึกว่าปัญหาที่เราเจอในตอนนี้ “มีอยู่ช่วงสั้น ๆ และไม่หนัก” (2 คร. 4:17) ความหวังที่พระยะโฮวาให้คุณจะทำให้คุณเข้มแข็ง
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
พระยะโฮวาช่วยเรายังไงให้อดทนได้และยังคงมีความสุข?
8 อ่านอิสยาห์ 30:20, 21 ตอนที่กองทัพของบาบิโลนมาล้อมกรุงเยรูซาเล็มประมาณ 1 ปีครึ่ง ชาวกรุงนั้นเจอกับความทุกข์ยากลำบากต่อเนื่องยาวนานจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาเหมือนที่กินอาหารและน้ำ แต่อย่างที่บอกไว้ในข้อ 20 และ 21 พระยะโฮวาสัญญากับชาวอิสราเอลเหล่านั้นว่าถ้าพวกเขากลับใจและเปลี่ยนนิสัย พระองค์จะช่วยพวกเขาให้รอด อิสยาห์พูดถึงพระยะโฮวาว่าเป็น “ครูองค์ยิ่งใหญ่” แล้วก็บอกว่าพระองค์จะสอนพวกเขาให้นมัสการพระองค์ในแบบที่พระองค์ยอมรับ คำพยากรณ์นี้เป็นจริงตอนที่ชาวอิสราเอลถูกปล่อยจากการเป็นเชลยที่บาบิโลน พระยะโฮวาเป็นครูองค์ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเขาจริง ๆ และพระองค์ก็ชี้นำพวกเขาให้ฟื้นฟูการนมัสการบริสุทธิ์ ทุกวันนี้เราก็ได้พรและสิ่งดี ๆ มากมายจากการที่พระยะโฮวาเป็นครูองค์ยิ่งใหญ่ของเรา
9 อิสยาห์ใช้ภาพเปรียบเทียบว่าเราเป็นนักเรียนและพระยะโฮวาก็ใช้ 2 วิธีสอนเรา วิธีแรกอิสยาห์บอกว่า “คุณจะเห็นครูองค์นี้ด้วยตาของคุณเอง” นี่ทำให้นึกภาพครูองค์ยิ่งใหญ่กำลังยืนต่อหน้านักเรียนของพระองค์ เราได้รับประโยชน์จริง ๆ จากการสอนของพระยะโฮวาในทุกวันนี้ พระองค์สอนเรายังไง? พระองค์ให้การชี้นำที่ชัดเจนผ่านทางองค์การของพระองค์ องค์การของพระยะโฮวาสอนเราทางการประชุมประชาคม การประชุมใหญ่ หนังสือและสื่อต่าง ๆ รายการโทรทัศน์ JW และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมายที่ช่วยเราในช่วงที่ยากลำบากทำให้เราสามารถอดทนได้และยังคงมีความสุข
วันที่ 9-15 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล อิสยาห์ 33-35
“พระยะโฮวาเป็นผู้ทำให้ชีวิตคุณมั่นคง”
พระยะโฮวาจะช่วยคุณตอนที่เจอเรื่องเลวร้าย
7 ปัญหา เมื่อเราเจอกับปัญหาหนัก เราอาจจะมีความคิดที่ไม่สมดุล รู้สึกไม่มั่นคง และอาจทำอะไรที่ปกติแล้วเราจะไม่ทำ เราอาจเจอความรู้สึกหลายอย่างประเดประดังเข้ามาเหมือนเรือที่โดนคลื่นใหญ่ซัดลูกแล้วลูกเล่า แอนนาที่พูดถึงก่อนหน้านี้บอกว่าหลังจากที่ลูอิสสามีของเธอตาย เธอก็ต้องรับมือกับความรู้สึกหลายอย่าง เธอบอกว่า “บางสิ่งที่เคยอยู่ในหัวใจฉันเหมือนถูกควักออกไปและหายไปตลอดกาล ฉันรู้สึกว่างเปล่าและสงสารตัวเอง บางครั้งฉันก็รู้สึกโกรธด้วยที่เขาไม่อยู่แล้ว” นอกจากนั้น แอนนาก็รู้สึกโดดเดี่ยวและหงุดหงิดที่ต้องตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ที่ปกติแล้วลูอิสจะเป็นคนทำ บางครั้งเธอนึกภาพตัวเองกำลังกระเสือกกระสนลอยคอในทะเลที่มีพายุ แล้วพระยะโฮวาจะช่วยเรายังไงตอนที่เราเป็นแบบนี้?
8 พระยะโฮวาจะทำอะไร? พระองค์รับรองกับเราว่าพระองค์จะทำให้เรามั่นคง (อ่านอิสยาห์ 33:6) เหมือนกับตอนที่เรือเจอพายุ เรืออาจโคลงเคลงไปมาจนพลิกคว่ำได้ เพื่อจะไม่เป็นแบบนี้ เรือหลายลำจึงมีครีบติดอยู่ใต้ท้องเรือทั้ง 2 ข้าง ครีบเหล่านี้จะช่วยให้เรือไม่ให้โคลงเอียงเวลาโดนคลื่นซัด ซึ่งนี่จะทำให้ผู้โดยสารที่อยู่บนเรือรู้สึกปลอดภัยมากขึ้นและไม่ค่อยเมาเรือ แต่เพื่อที่ครีบเหล่านี้จะทำงานได้ดี เรือก็ต้องแล่นไปข้างหน้าเรื่อย ๆ คล้ายกัน พระยะโฮวาจะทำให้เรามั่นคงถ้าเรารับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์ต่อ ๆ ไปแม้จะเจอปัญหา
เราจะมีความสุขได้ยังไงแม้ว่าเจอปัญหา?
10 จะเอาชนะยังไง? ขอสติปัญญาจากพระยะโฮวา เพื่อเราจะมีความสุขได้ทั้ง ๆ ที่ต้องเจอปัญหา เราต้องขอสติปัญญาจากพระยะโฮวาเพื่อเราจะตัดสินใจได้อย่างฉลาด (อ่านยากอบ 1:5) แต่เราควรทำยังไงถ้าเรารู้สึกว่าพระยะโฮวาไม่ตอบคำอธิษฐานของเราทันที? ยากอบบอกว่าให้เรา “พยายามขอจากพระเจ้าต่อ ๆ ไป” ไม่ว่าเราจะขอพระยะโฮวาบ่อยแค่ไหน พระองค์ก็จะไม่รำคาญและไม่โกรธเรา ถ้าเราอธิษฐานขอสติปัญญาเพื่อเราจะอดทนกับปัญหา พระยะโฮวาก็จะ ‘เต็มใจให้เราอย่างใจกว้าง’ (สด. 25:12, 13) พระองค์รู้ว่าเราต้องเจอกับอะไรบ้าง พระองค์เข้าใจความรู้สึกของเราและอยากช่วยเรา นี่แหละที่ทำให้เรามีความสุขจริง ๆ แต่พระยะโฮวาให้สติปัญญากับเรายังไง?
11 พระยะโฮวาให้สติปัญญากับเราผ่านทางคัมภีร์ไบเบิล (สภษ. 2:6) เพื่อจะได้สติปัญญา เราต้องศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและหนังสืออธิบายคัมภีร์ไบเบิล แต่แค่ศึกษาให้ได้ความรู้เยอะ ๆ ยังไม่พอ เราต้องเอาคำแนะนำของพระเจ้าไปใช้ในชีวิตของเราด้วย ยากอบบอกว่า “ให้ทำตามคำสอนของพระเจ้าเสมอ อย่าเป็นแค่ผู้ฟัง” (ยก. 1:22) ถ้าเราทำตามคำแนะนำของพระเจ้า เราก็จะมีสันติสุข มีเหตุผล และมีความเมตตามากขึ้น (ยก. 3:17) คุณลักษณะเหล่านี้จะช่วยให้เรายังมีความสุขได้ทั้ง ๆ ที่เจอกับปัญหา
ip-1 น. 352-355 ว. 21-22
“จะไม่มีใครที่อยู่ในแผ่นดินนั้นพูดว่า ‘ฉันป่วย’”
21 ถึงอย่างนั้น คำพยากรณ์ของอิสยาห์ก็เกิดขึ้นจริงในทุกวันนี้ด้วย คนของพระยะโฮวาในปัจจุบันมีความสุขที่ได้รับการรักษาด้านความเชื่อ พวกเขาเป็นอิสระจากคำสอนผิด ๆ เช่น วิญญาณอมตะ ตรีเอกานุภาพ และไฟนรก พวกเขายังได้รับคำแนะนำด้านศีลธรรมที่ช่วยให้เป็นอิสระจากการกระทำที่ไม่สะอาดและช่วยให้ตัดสินใจได้ดีด้วย นอกจากนั้น พวกเขาสามารถมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า และมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่สะอาด ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปได้เพราะค่าไถ่ของพระเยซู (โคโลสี 1:13, 14; 1 เปโตร 2:24; 1 ยอห์น 4:10) การรักษาด้านความเชื่อยังส่งผลดีต่อร่างกายด้วย เช่น พอหลีกเลี่ยงการทำผิดศีลธรรมทางเพศก็ทำให้ไม่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการไม่สูบบุหรี่ก็ช่วยให้ไม่เป็นมะเร็ง—1 โครินธ์ 6:18; 2 โครินธ์ 7:1
22 ยิ่งกว่านั้น หลังจากสงครามอาร์มาเก็ดโดนคำพยากรณ์ในอิสยาห์ 33:24 จะเกิดขึ้นจริงในขอบเขตที่ใหญ่กว่า ในโลกใหม่ภายใต้การปกครองของพระเยซู มนุษย์จะไม่ใช่แค่ได้รับการรักษาด้านความเชื่อเท่านั้น แต่จะได้รับการรักษาด้านร่างกายด้วย (วิวรณ์ 21:3, 4) ไม่นานหลังจากที่โลกของซาตานถูกทำลาย พระเยซูจะทำการอัศจรรย์เหมือนที่ท่านเคยทำ แต่ขอบเขตจะกว้างไกลครอบคลุมทั่วโลก คนตาบอดจะมองเห็น คนหูหนวกจะได้ยิน และคนง่อยจะเดินได้! (อิสยาห์ 35:5, 6) การรักษานี้จะทำให้ทุกคนที่รอดชีวิตจากความทุกข์ยากลำบากครั้งใหญ่สามารถมีส่วนช่วยทำให้โลกกลายเป็นอุทยานอีกครั้ง
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
เดินใน “ทางบริสุทธิ์” ต่อ ๆ ไป
8 บางคนอาจรู้สึกว่า ‘มันก็น่าสนใจดี แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับชาวยิวตอนนั้นมันเกิดขึ้นมานานมากแล้ว และมันเกี่ยวอะไรกับพวกเราในทุกวันนี้ด้วย?’ ที่จริงเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเราอย่างมากเพราะตอนนี้เรากำลังเดินอยู่บน “ทางบริสุทธิ์” เหมือนกัน ไม่ว่าเราจะเป็นผู้ถูกเจิมหรือ “แกะอื่น” เราต้องอยู่บนทางบริสุทธิ์เสมอ เพราะมันจะช่วยให้เรานมัสการพระยะโฮวาได้ต่อ ๆ ไปทั้งในตอนนี้และในอนาคตตอนที่รัฐบาลของพระเจ้าจะทำให้โลกมีสิ่งดี ๆ มากมาย (ยน. 10:16) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1919 หลายล้านคนได้ออกจากบาบิโลนใหญ่ซึ่งก็คือศาสนาเท็จทั้งหมดในโลก และเริ่มเดินอยู่ในทางนี้ คุณเองก็อยู่ในทางนี้ด้วยใช่ไหม? แม้เส้นทางนี้จะเพิ่งเริ่มเปิดให้ใช้เมื่อประมาณ 100 กว่าปีที่แล้ว แต่จริง ๆ แล้วมีการเตรียมทางเส้นนี้เมื่อหลายร้อยปีก่อนหน้านั้น
วันที่ 16-22 กุมภาพันธ์
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล อิสยาห์ 36-37
“ไม่ต้องไปกลัวเรื่องที่พวกเจ้าได้ยิน”
it “เฮเซคียาห์” 1 ว. 14
เฮเซคียาห์
เซนนาเคอริบยึดเยรูซาเล็มไม่สำเร็จ เซนนาเคอริบตั้งใจที่จะโจมตีเยรูซาเล็มตามที่เฮเซคียาห์คาดหมายไว้จริง ๆ ตอนที่เซนนาเคอริบกับกองทัพของเขากำลังล้อมเมืองลาคีชซึ่งมีป้อมปราการที่แข็งแกร่ง เขาก็ได้ส่งกองทัพส่วนหนึ่งกับหัวหน้าทหารไปที่เยรูซาเล็มเพื่อสั่งให้ยอมจำนน ในกองทัพนั้นมีรับชาเคห์ (เป็นตำแหน่งทางทหารไม่ใช่ชื่อเฉพาะของบุคคล) เขาทำหน้าที่เป็นคนเจรจาและพูดภาษาฮีบรูได้คล่อง เขาพูดดูถูกเฮเซคียาห์ด้วยเสียงดังและเยาะเย้ยพระยะโฮวาว่า พระองค์ไม่สามารถช่วยกรุงเยรูซาเล็มได้เหมือนกับที่พระของชาติต่าง ๆ ก็ไม่สามารถปกป้องผู้นมัสการของตัวเองจากกษัตริย์อัสซีเรียได้—2พก 18:13-35; 2พศ 32:9-15; อสย 36:2-20
ip-1 น. 387 ว. 10
พระยะโฮวาตอบแทนความเชื่อของกษัตริย์
10 ต่อมา รับชาเคห์พูดกับคนยิวว่ากองทัพของยิวด้อยกว่ากองทัพของอัสซีเรียมาก เขาท้าทายด้วยความเย่อหยิ่งว่า “ผมจะให้ม้าพวกคุณ 2,000 ตัว แล้วดูซิว่าพวกคุณจะหาคน ได้มากพอที่จะขี่ม้าพวกนี้ไหม?” (อิสยาห์ 36:8) แต่ในความเป็นจริง การมีทหารม้ามากหรือน้อยสำคัญกับยูดาห์ไหม? ไม่เลย เพราะความรอดของยูดาห์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกองทัพที่มีกำลังมากกว่า สุภาษิต 21:31 บอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า “ม้าถูกเตรียมไว้สำหรับทำสงคราม แต่พระยะโฮวาเป็นผู้ช่วยให้รอด” นอกจากนั้น รับชาเคห์ยังพูดว่าพระยะโฮวาอวยพรอัสซีเรียไม่ได้อวยพรคนยิว เขาอ้างว่าถ้าพระยะโฮวาไม่อวยพร อัสซีเรียก็คงไม่สามารถยึดครองเขตของยูดาห์ได้เยอะขนาดนี้—อิสยาห์ 36:9, 10
ip-1 น. 388 ว. 13-14
พระยะโฮวาตอบแทนความเชื่อของกษัตริย์
13 รับชาเคห์เตรียมเหตุผลมากมายเพื่อมาโน้มน้าวเหมือนมีอาวุธมาเต็มคลัง ตอนนี้เขาใช้อีกวิธีหนึ่งมาโจมตี เขาเตือนพวกยิวไม่ให้เชื่อคำพูดเฮเซคียาห์ที่ว่า “พระยะโฮวาจะช่วย ปกป้องเรา” รับชาเคห์บอกให้ชาวยิวนึกถึงเทพเจ้าของสะมาเรียที่ไม่สามารถปกป้องอิสราเอลสิบตระกูลจากการรุกรานของอัสซีเรียได้ แล้วยังพูดถึงเทพเจ้าของชาติอื่น ๆ อีกที่ถูกอัสซีเรียยึด เขาพูดว่า “พระของเมืองฮามัทกับเมืองอาร์ปัดไปไหน ซะล่ะ? แล้วพระของเมืองเสฟาร์วาอิมล่ะอยู่ที่ไหน? พระพวกนั้น ช่วย สะมาเรีย ให้พ้น มือเราได้ไหม?”—อิสยาห์ 36:18-20
14 เนื่องจากรับชาเคห์นมัสการพระเท็จ เขาจึงไม่เข้าใจว่ากรุงสะมาเรียที่นมัสการแบบผิด ๆ แตกต่างกันมากขนาดไหนกับกรุงเยรูซาเล็มที่อยู่ภายใต้การปกครองของเฮเซคียาห์ พระเท็จของสะมาเรียไม่มีอำนาจอะไรเลยที่จะช่วยปกป้องอาณาจักรสิบตระกูลได้ (2 พงศ์กษัตริย์ 17:7, 17, 18) ในทางกลับกัน เยรูซาเล็มที่ปกครองโดยเฮเซคียาห์หันหลังให้กับนมัสการพระเท็จและกลับมารับใช้พระยะโฮวาแล้ว แต่ตัวแทนของยูดาห์ทั้ง 3 คนก็ไม่ได้อธิบายเรื่องเหล่านี้ให้รับชาเคห์ฟัง ในตอนนั้น “เขาทั้งสามก็นิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรสักคำเพราะกษัตริย์ได้สั่งไว้ว่า ‘ไม่ต้องตอบอะไรเขา’” (อิสยาห์ 36:21) เอลียาคิม เชบนา และโยอาห์กลับไปหาเฮเซคียาห์และบอกกษัตริย์ว่ารับชาเคห์พูดอะไรบ้าง—อิสยาห์ 36:22
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
it “บังเหียน” ว. 4
บังเหียน
พระยะโฮวาบอกกษัตริย์เซนนาเคอริบของอัสซีเรียว่า “เราจะเอาตะขอเกี่ยวจมูกเจ้าและเอาบังเหียนใส่ไว้ที่ปากเจ้า แล้วลากเจ้ากลับไปทางที่เจ้ามา” (2พก 19:28; อสย 37:29) พระยะโฮวาทำให้เซนนาเคอริบต้องยอมถอนทัพออกจากเยรูซาเล็มแบบไม่เต็มใจและกลับไปที่นีนะเวห์ ซึ่งในภายหลังเขาก็ถูกลูกชายของตัวเองลอบสังหาร (2พก 19:32-37; อสย 37:33-38) การที่พระยะโฮวาใส่บังเหียนไว้ที่ปากของศัตรูหมายถึงว่าพระองค์สามารถควบคุมพวกเขาได้เหมือนกับควบคุมสัตว์ที่ถูกใส่บังเหียน—อสย 30:28
วันที่ 23 กุมภาพันธ์–1 มีนาคม
ความรู้ที่มีค่าจากคัมภีร์ไบเบิล อิสยาห์ 38-40
“พระเจ้าจะใส่ใจดูแลแกะของพระองค์เหมือนผู้เลี้ยงแกะ”
คัมภีร์ไบเบิลทำให้เห็นอะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา?
3 อ่านอิสยาห์ 40:8 ผู้รับใช้พระเจ้าที่ซื่อสัตย์ได้รับคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลมานานหลายพันปีแล้ว คัมภีร์ไบเบิลอยู่มานานขนาดนั้นได้ยังไง? ที่จริง พระคัมภีร์เขียนไว้บนวัสดุที่ย่อยสลายได้ ต้นฉบับดั้งเดิมจึงไม่มีเหลือมาจนถึงทุกวันนี้ แต่พระยะโฮวาก็ให้มีการคัดลอกคัมภีร์ไบเบิลไว้ แม้ว่าผู้คัดลอกจะไม่ใช่มนุษย์ที่สมบูรณ์แบบแต่พวกเขาก็ทำงานอย่างละเอียดมาก ๆ นักวิชาการด้านคัมภีร์ไบเบิลคนหนึ่งพูดถึงพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูว่า “กล้าพูดได้เลยว่าไม่มีงานเขียนยุคโบราณชิ้นไหนที่มีการถ่ายทอดมาอย่างถูกต้องขนาดนี้” ดังนั้น แม้คัมภีร์ไบเบิลจะเขียนมานานมากแล้ว แถมเขียนบนวัสดุที่ย่อยสลายได้ และผู้คัดลอกก็เป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบ แต่เราก็มั่นใจได้ว่าเนื้อหาในคัมภีร์ไบเบิลที่เราอ่านในทุกวันนี้มาจากความคิดของพระยะโฮวาผู้แต่งหนังสือนี้จริง ๆ
4 คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ของดี ๆ และสมบูรณ์ทุกอย่าง” มาจากพระยะโฮวา (ยก. 1:17) คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนึ่งในของขวัญที่ยอดเยี่ยมที่สุดจากพระยะโฮวา ปกติแล้วเวลาเราได้ของขวัญ ของขวัญนั้นจะบอกให้รู้ว่าคนที่ให้เราเป็นคนยังไง เขารู้ว่าเราต้องการอะไรและรู้จักเราดีขนาดไหน พระเจ้าผู้ให้คัมภีร์ไบเบิลก็เหมือนกัน เวลาที่เราอ่านคัมภีร์ไบเบิล เราได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับพระองค์ เราได้รู้ว่าพระองค์รู้จักเราดีและรู้ว่าเราต้องการอะไร บทความนี้เราจะมาดูกันว่าคัมภีร์ไบเบิลทำให้เราเห็นสติปัญญา ความยุติธรรม และความรักของพระยะโฮวายังไง ก่อนอื่นเราจะมาคุยกันว่าคัมภีร์ไบเบิลช่วยให้เห็นสติปัญญาของพระองค์
อำนาจในการปกป้องของพระเจ้า ‘ผู้เป็นที่หลบภัยของเรา’
7 โดยเปรียบเทียบพระองค์เองกับผู้เลี้ยงแกะ พระยะโฮวาทำให้เรามั่นใจว่าพระองค์อยากปกป้องเรา (เอเสเคียล 34:11-16) ในบท 2 ของหนังสือนี้มีการอธิบายเกี่ยวกับพระยะโฮวาโดยใช้อิสยาห์ 40:11 ที่บอกว่า “พระเจ้าจะใส่ใจดูแลแกะของพระองค์เหมือนผู้เลี้ยงแกะ พระองค์จะรวบรวมลูกแกะมาไว้ในอ้อมกอดของพระองค์ จะอุ้มพวกมันไว้แนบอก และจะค่อย ๆ ต้อนแกะแม่ลูกอ่อนให้เดินไป” ลูกแกะตัวเล็ก ๆ มาอยู่ที่ “อก” ของคนเลี้ยงแกะได้ยังไง? ลูกแกะอาจเดินมาอยู่ข้าง ๆ คนเลี้ยงแล้วเอาหัวชนขาเขาเบา ๆ คนเลี้ยงแกะก็จะก้มลงอุ้มมันขึ้นมา แล้วค่อย ๆ เอาเสื้อชั้นนอกห่อและกอดมันไว้ นี่เป็นภาพเปรียบเทียบที่น่าประทับใจที่แสดงให้เห็นว่าพระยะโฮวาผู้เลี้ยงแกะองค์ยิ่งใหญ่อยากจะปกป้องเราจริง ๆ
“พระองค์ให้พลังกับคนที่เหน็ดเหนื่อย”
4 อ่านอิสยาห์ 40:26 ไม่มีใครสามารถนับดาวทั้งหมดในเอกภพได้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอาจมีดาวถึง 4 แสนล้านดวงในกาแล็กซีของเราแค่กาแล็กซีเดียว แม้จะมีดาวมากมายมหาศาลขนาดนั้น แต่พระยะโฮวาก็ตั้งชื่อให้ดาวทุกดวง เรื่องนี้สอนอะไรเราเกี่ยวกับพระองค์? ขนาดดวงดาวที่ไม่มีชีวิตพระองค์ยังสนใจดาวแต่ละดวงมากขนาดนี้ แล้วคุณล่ะ พระองค์จะสนใจขนาดไหน! คุณรับใช้พระองค์ไม่ใช่เพราะจำเป็นต้องทำ แต่เป็นเพราะคุณรักพระองค์ (สดุดี 19:1, 3, 14) พระเจ้าผู้เป็นพ่อที่รักคุณรู้ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวคุณ คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “แม้แต่ผมบนหัวของคุณ พระองค์ก็นับไว้แล้วทุกเส้น” (มัทธิว 10:30) พระยะโฮวาอยากให้คุณรู้ว่าพระองค์ “รู้ดีว่าคนไม่มีตำหนิต้องเจอกับอะไรบ้าง” (สดุดี 37:18) เห็นได้ชัดเลยว่าพระยะโฮวารู้ดีว่าคุณกำลังเจอปัญหาอะไรบ้าง และพระองค์จะให้กำลังกับคุณเพื่อคุณจะอดทนกับปัญหาแต่ละอย่างได้
5 อ่านอิสยาห์ 40:28 พระยะโฮวาเป็นแหล่งของพลังงานทั้งหมด ลองคิดถึงพลังงานที่พระองค์ให้ดวงอาทิตย์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษที่ชื่อเดวิด โบดานิสบอกว่า ในแต่ละวินาที ดวงอาทิตย์ผลิตพลังงานได้มากพอ ๆ กับการระเบิดของระเบิดปรมาณูหลายพันล้านครั้ง นักวิจัยอีกคนหนึ่งคำนวณว่าพลังงานที่ดวงอาทิตย์ผลิตได้ในเวลาเพียง 1 วินาทีช่วยให้คนทั่วโลกมีพลังงานเพียงพอสำหรับ 200,000 ปี! ดังนั้น เรามั่นใจได้เลยว่า พระยะโฮวาผู้ให้พลังงานกับดวงอาทิตย์สามารถให้กำลังกับเราตอนที่ต้องอดทนกับปัญหาต่าง ๆ ได้แน่นอน
6 อ่านอิสยาห์ 40:29 การรับใช้พระยะโฮวาทำให้เรามีความสุขมาก พระเยซูบอกกับสาวกว่า “มารับแอกของผมแบกไว้” แล้วท่านก็บอกว่า “คุณจะสดชื่น . . . แอกของผมแบกง่ายและภาระของผมก็เบา” (มัทธิว 11:28-30) นี่เป็นเรื่องจริง หลายครั้งเรารู้สึกเหนื่อยก่อนที่จะออกจากบ้านไปประชุมหรือไปประกาศ แต่พอประชุมหรือประกาศเสร็จเรารู้สึกอย่างไร? เรารู้สึกสดชื่นและพร้อมมากขึ้นที่จะรับมือกับปัญหาต่าง ๆ แอกของพระเยซูแบกง่ายจริง ๆ
ค้นหาความรู้ที่มีค่าของพระเจ้า
ip-1 น. 400 ว. 7
“ให้ปลอบโยนประชาชนของเรา”
7 คำพยากรณ์ในอิสยาห์ 40:3 ไม่ได้เกิดขึ้นจริงในช่วง 600 ปีก่อน ค.ศ. เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นในสมัยศตวรรษแรกด้วย ยอห์นผู้ให้บัพติศมาเป็นคนที่ “ส่งเสียงร้องอยู่ในที่กันดาร” (ลูกา 3:1-6) ยอห์นได้รับการดลใจให้พูดว่าคนที่อิสยาห์พูดถึงก็คือตัวเขาเอง (ยอห์น 1:19-23) เริ่มตั้งแต่ปี ค.ศ. 29 ยอห์นก็ได้เตรียมทางไว้สำหรับพระเยซู สิ่งที่ยอห์นประกาศช่วยกระตุ้นผู้คนให้คิดถึงคำสัญญาเรื่องเมสสิยาห์ เพื่อที่ผู้คนจะได้ฟังและติดตามท่านตอนที่ท่านมา (ลูกา 1:13-17, 76) โดยทางพระเยซู พระยะโฮวาจะชักนำคนที่กลับใจให้มารู้จักกับรัฐบาลของพระเจ้าที่จะช่วยพวกเขาให้เป็นอิสระจากบาปและความตาย (ยอห์น 1:29; 8:32) นอกจากนั้น คำพยากรณ์ของอิสยาห์เกิดขึ้นจริงในขอบเขตที่ใหญ่กว่าด้วย ซึ่งก็คือตอนที่ผู้ถูกเจิมที่ยังเหลืออยู่ถูกช่วยออกมาจากบาบิโลนใหญ่ในปี 1919 และได้กลับมาฟื้นฟูการนมัสการแท้