ความหายนะอย่างฉับพลัน! เขารับมือกันอย่างไร?
เมื่อพายุเฮอริเคนฮิวโกพัดผ่านกัวเดอลูปในวันเสาร์ที่ 16 กันยายน 1989 มันเป็นคืนที่ดูเหมือนไม่สิ้นสุดทีเดียว. เรียกได้ว่า “คืนฝันร้าย.” ต่อมามอนต์เซอร์รัตก็ถูกกระหน่ำด้วยลมที่มีความแรง 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง. ผู้คนเสียชีวิตมากกว่า 20 คนบนหมู่เกาะแคริบเบียนเหล่านี้.
พายุฮิวโกทำความเสียหายต่อไป เมื่อมันกระหน่ำเกาะเซนต์คิตส์และเนวิสแห่งหมู่เกาะลีวาร์ดตามทางของมัน. คืนต่อมามันได้ทำลายเกาะเซนต์ครอซและเซนต์โธมัสในหมู่เกาะเวอร์จินของสหรัฐ. ความเสียหายที่ทิ้งไว้บนเกาะเซนต์ครอซเป็นเรื่องที่แทบจะเหลือเชื่อ. ในตอนเที่ยงของวันจันทร์ เฮอริเคนลูกนี้ได้เคลื่อนตัวต่อไปทลายส่วนตะวันออกเฉียงเหนือของเปอร์โตริโกจนราบโดยเฉพาะที่เสียหายมากก็คือไวเควสและคิวเลบราซึ่งเป็นเกาะเล็ก ๆ นอกชายฝั่ง.
หลังจากทวีกำลังแรงขึ้นอีกครั้งเมื่ออยู่เหนือพื้นน้ำ พายุฮิวโกได้รวบรวมพลังเข้ากระหน่ำตอนกลางคืนอีกระลอกหนึ่ง. ตอนเกือบเที่ยงคืนวันพฤหัสบดี พายุที่มีความแรงถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้เข้าปะทะฝั่งทะเลแคโรไลนาใต้ของสหรัฐอเมริกา. มันได้ทำให้เกิดความเสียหายเป็นแนวกว้างกว่า 160 กิโลเมตรจากทางใต้ของชาร์ลสตันไปจนเลยเมอร์เติลบีช. ความเสียหายที่มันก่อขึ้นบนแผ่นดินเป็นทางยาวถึง 320 กิโลเมตร มันล้มเสาไฟฟ้าและต้นโอ๊คใหญ่ไกลไปถึงชาร์ลอตในแคโรไลนาเหนือทีเดียว.
คนจำนวนหลายแสนได้หนีจากบริเวณชายฝั่ง จึงรอดจากพายุและคลื่นที่สูงถึง 5 เมตรซึ่งพัดกวาดเอาบ้านไปหลายหลัง และทำลายอีกหลายร้อยหลัง. ที่จริงแล้วบ้านและตึกจำนวนหลายหมื่นหลัง ได้รับความเสียหาย.
ผู้ที่มาเห็นด้วยตาของตนเองจึงจะเชื่อว่ามีความเสียหายถึงขนาดนั้น—เรือถูกพัดไปกองซ้อนกันหกลำเหมือนกับของเล่นเด็ก ทรายถูกพัดมาคลุมพื้นถนนหนาถึงหนึ่งเมตร ต้นไม้ใหญ่ทับอยู่บนบ้านหลายหลัง หลังคาเป็นช่องโหว่ เหมือนกับถูกจิกให้เปิดโดยมือยักษ์. หญิงผู้หนึ่งกล่าวว่า ‘ลูกชายดิฉันเลี้ยงไก่ไว้ขาย เขาผูกมันไว้กับเสาเพื่อจะไม่ถูกพัดไปและส่วนใหญ่ก็ยังอยู่. แต่ไม่มีขนติดตัวเลย.’
แต่เนื่องจากได้เชื่อฟังการเตือนภัย จึงมีผู้เสียชีวิตจากวาตภัยนี้เพียง 26 คนเท่านั้นในสหรัฐ และมากกว่านี้เล็กน้อยในแคริบเบียน. อนึ่ง ความเสียหายทางเศรษฐกิจมีมากมหาศาล มากถึงหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ. รัฐบาลได้ออกกฎหมายภายหลังจากพายุนั้นเพื่อให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินแก่ผู้ประสบภัยจากฮิวโกเป็นเงิน 27,500 ล้านบาท มากที่สุดเท่าที่เคยได้รับอนุมัติจากสภาฯ สำหรับการช่วยผู้ประสบภัย. แต่ในเวลาต่อมาไม่นานนักสถิตินี้ได้ถูกลบล้าง.
ความพินาศฉับพลันยิ่งกว่านั้น
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม หนึ่งเดือนหลังจากพายุฮิวโกพัดเข้าฝั่ง แคลิฟอร์เนียตอนเหนือก็ถูกเขย่าด้วยแผ่นดินไหวที่วัดได้ 7.1 ตามมาตราริชเตอร์. สะพานพังพินาศ ตึกถล่มทลาย และผู้คนนับพันถ้าไม่วิ่งพร้อมเสียงร้องออกมาจากบ้าน ก็ตัวแข็งทื่อเพราะความกลัวขณะที่พื้นดินไหวและสั่นเป็นเวลา 15 วินาทีหรือนานกว่านั้น. บ้านมากกว่าหนึ่งแสนหลังได้รับความเสียหาย และอีกหลายร้อยหรืออาจถึงหนึ่งพันหลังถูกทำลายลง. หนึ่งสัปดาห์หลังจากแผ่นดินไหว ผู้ที่อาศัยอยู่ในแซนตาครูซนับหมื่นยังไม่สามารถขับรถกลับเข้าบ้านเพราะแผ่นดินที่ถล่มขวางถนนเอาไว้.
ความเสียหายและความตายคงจะมีมากกว่านั้น ถ้าผู้ก่อสร้างไม่ได้ทำตามข้อบังคับเกี่ยวด้วยการก่อสร้างที่ทนทานแผ่นดินไหวได้. ตัวอย่างเช่น แผ่นดินไหวที่อาร์เมเนีย ในปี 1988 ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่า แต่คร่าชีวิตผู้คนถึง 25,000 คน. กระนั้น แผ่นดินไหวที่แคลิฟอร์เนีย มีผู้เสียชีวิตไม่ถึง 70 คน ส่วนใหญ่ในขณะที่ช่วงยาวประมาณ 1.6 กิโลเมตรจากถนนชั้นบนของทางหลวงหมายเลข 880 พังลงมาทับรถที่อยู่ในถนนชั้นล่าง.
ไม่เคยมีครั้งใดในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาที่ภัยธรรมชาติทำความเสียหายมากขนาดนี้. ในสัปดาห์ต่อมา รัฐบาลได้ออกราชบัญญัติอนุมัติเงิน 75,000 ล้านบาทเพื่อการช่วยเหลือ. อย่างไรก็ดี ต้องใช้เงินมากกว่านี้เพื่อการสร้างขึ้นใหม่. ประธานของสมาพันธ์ประกันภัยส่วนบุคคลแห่งแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า ความเสียหายทั้งหมดที่ประมาณกัน “ตามเหตุผล” แล้ว คงจะเป็น 250,000 ล้านบาท.
ข้อเตือนใจถึงความต้องการพื้นฐาน
ชายผู้หนึ่งกำลังอยู่ที่สนามหน้าบ้านของตน ซึ่งอยู่ในย่านพักอาศัยของเมืองชาร์ลสตัน ไม่กี่วันหลังจากการกระหน่ำของพายุฮิวโกผ่านไป. ขณะเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์นั่งรถผ่าน ชายผู้นั้นถามว่า “คุณมีน้ำสักแก้วไหม?” เจ้าหน้าที่ผู้นั้นงงอยู่พักหนึ่งจึงได้เข้าใจว่าประชาชน ไม่มีแม้แต่น้ำดื่ม!
กว่า 1,900 ปีมาแล้ว อัครสาวกเปโตร ได้ชี้ถึงความต้องการพื้นฐาน ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนั้น. ท่านกล่าวว่า “แต่อวสานของสิ่งสารพัดใกล้เข้ามาแล้ว. . . . ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด จงมีความรักอันแรงกล้าต่อกันและกัน.” (1 เปโตร 4:7, 8, ล.ม.) อวสานของระบบยิวทั้งสิ้นได้เข้ามาใกล้แล้ว เมื่อเปโตรเขียนข้อความดังกล่าว. จุดจบได้มาถึง ในไม่กี่ปีหลังจากนั้น ในปีสากลศักราช 70 เมื่อกองทัพโรมันทำลายกรุงยะรูซาเลม. อย่างไรก็ดี มีการให้สัญลักษณ์แก่คริสเตียนล่วงหน้า และพวกเขาได้เชื่อคำเตือนนั้น และได้หนีไปยังภูเขาที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำยาระเด็น ใกล้เมืองเพลลา.—ลูกา 21:20-22.
ลองนึกภาพเหตุการณ์ที่คริสเตียน อาจจะหลายพันคน เดินทางไปถึงแถบถิ่นภูเขานั้น. พวกเขาคงไม่มีบ้านพักหรือสิ่งจำเป็นพื้นฐานอื่น ๆ แต่ต้องสร้างที่พักชั่วคราว. คงต้องมีความขาดแคลน และความยากลำบาก. (มัดธาย 24:16-20) อะไรเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพวกเขาในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนั้น? เปโตรกล่าวว่า “ความรักอันแรงกล้าต่อกันและกัน.” ถูกแล้ว นี้หมายถึงการช่วยเหลือซึ่งกันและกันเพื่อจะรับมือกับสถานการณ์ได้.
น้ำใจแห่งความช่วยเหลือกัน และความรักเช่นนั้น ได้ปรากฏให้เห็นไหม ภายหลังความเสียหายซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้จากพายุฮิวโก และแผ่นดินไหว?
รับมือกับความเสียหายจากพายุฮิวโก
บนเกาะเซนต์ครอส ผู้รอดชีวิตจากพายุฮิวโกสวมกอดต้อนรับกันและกันด้วยความยินดีและโล่งใจ เพียงแค่มีชีวิตรอดก็ดีใจแล้ว. ในไม่ช้าความช่วยเหลือขนานใหญ่ก็เริ่มต้น เพื่อให้ที่พักและอาหารแก่ผู้ประสบภัย. ถึงกระนั้น บางคนได้หากำไรจากความเคราะห์ร้ายของผู้ประสบภัยครั้งนี้. พวกค้ากำไรเกินควรได้จำหน่ายของในราคาที่สูงลิ่ว. ตัวอย่างเช่น น้ำแข็งถุงหนึ่งซึ่งเคยมีราคาเพียง 20 บาทพวกเขาขายในราคา 250 บาท. มีแม้กระทั่งการปล้นสะดม. แต่โดยทั่วไปแล้วการกระทำที่แล้งน้ำใจดังกล่าวได้ถูกบดบังด้วยการปฏิบัติอย่างกรุณามีมนุษยธรรมและเห็นอกเห็นใจในหลาย ๆ กรณี. โดยเฉพาะที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ รายงานต่าง ๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความช่วยเหลือโดยพวกพยานพระยะโฮวา.
แม้แต่ก่อนที่พายุฮิวโกจะเข้าถึง ผู้ปกครองคริสเตียนก็ได้ไปเยี่ยมผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านซึ่งไม่ค่อยปลอดภัย และเร่งเร้าให้พวกเขาย้ายไปยังหอประชุมแห่งราชอาณาจักรซึ่งมีโครงสร้างแข็งแรง หรือไปยังบ้านที่ปลอดภัยกว่าของพวกพี่น้องคริสเตียน. มีมากกว่า 50 คนได้ค้างคืนที่หอประชุมแห่งราชอาณาจักรซัมเมอร์วิลล์ แคโรไลนาใต้ในระหว่างพายุนั้น!
ที่กัวเดอลูป การเตรียมการเพื่อรับมือกับพายุเช่นนั้น นับว่าเป็นการช่วยชีวิตทีเดียว. เฉพาะบนเกาะนี้มีบ้านของพยานฯ 117 หลังถูกทำลาย ขณะที่อีกเกือบ 300 หลังของพยานคนอื่น ๆ ได้รับความเสียหายอย่างหนัก. นอกจากนั้นหอประชุมแห่งราชอาณาจักร 8 แห่งเสียหายขนาดหนักและอีก 14 แห่งเสียหายรองลงมา.
ถึงแม้จะมีพยานฯ หลายคนได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่มีใครเสียชีวิตทั้งในกัวเดอลูป หรือที่อื่นใดในแถบแคริบเบียน. อย่างไรก็ตาม มีบุตรชายที่โตแล้วของพยานฯ ผู้หนึ่ง ได้เสียชีวิตเพราะถูกลมดูดขึ้นไป เมื่อหลังคาบ้านถูกลมพัดออกฉับพลัน.
เป็นวันที่สามหลังจากพายุผ่านไปแล้ว พวกเพื่อนพยานฯ จึงสามารถติดต่อทางโทรศัพท์กับพี่น้องของพวกเขาในกัวเดอลูป. อย่างไรก็ตาม ในระหว่างนั้น ผู้ดูแลเดินทาง และเจ้าหน้าที่สำนักงานสาขาบนเกาะได้ประชุมกัน เพื่อจัดให้มีการสำรวจความจำเป็นต่าง ๆ ของพี่น้องของเขา หมายถึงเพื่อนพยานฯ ของพวกเขานั่นเอง.
ในไม่ช้า ได้มีการบริจาค น้ำ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และสิ่งจำเป็นอื่น ๆ อย่างมากมาย โดยผู้ที่ประสบภัยน้อยกว่า. ที่สำนักงานสาขามีน้ำอยู่พร้อม และน่าตื้นตันใจ ที่เห็นพี่น้องนำภาชนะเท่าที่เขาหาได้ เติมน้ำจนเต็ม แล้วนำไปแจกจ่ายให้ผู้ที่ต้องการ. พยานฯ ในเกาะมาร์ตินีก เป็นหนึ่งในพวกแรกจากประเทศต่าง ๆ ที่สนองความจำเป็นของพี่น้องของเขาในกัวเดอลูป.
เนื่องจากกัวเดอลูป เป็นเกาะในการดูแลของฝรั่งเศส พยานพระยะโฮวาในฝรั่งเศสได้ส่งผ้าพลาสติกหนา เชือกไนลอน และถังพลาสติกเพื่อใส่น้ำส่งไปยังเกาะนี้โดยทางเครื่องบินอย่างรวดเร็ว. ต่อมาไม่นาน วัสดุก่อสร้างจำนวน 100 ตันได้ถูกส่งไปทางเรือสู่กัวเดอลูป และมีการแจกจ่ายทันที.
ในทันทีเช่นกัน พยานฯ ในเปอร์โตริโกได้จัดโครงการบรรเทาทุกข์ขึ้น. ในตอนสุดสัปดาห์หลังจากพายุ หลายร้อยคนจากบริเวณที่ไม่ได้รับความเสียหายของเกาะนี้ ได้ลงมายังเมืองต่าง ๆ เพื่อช่วยซ่อมแซมบ้าน. นอกจากนั้น ยังได้ส่งอาหาร สิ่งของ เต็มสองลำเรือพร้อมกับพยานฯ อีกประมาณ 40 คนไปยังเกาะเล็ก ๆ แห่งคิวเลบรา. ในไม่ช้าสถานีวิทยุที่นั่น ก็ได้ชมเชยการก่อสร้างขึ้นใหม่ซึ่งกำลังทำกันอยู่. ในสุดสัปดาห์ต่อมา พยานฯ 112 คนพร้อมด้วยวัสดุก่อสร้างหนักหกตันได้ถูกส่งทางเรือไปยังเกาะเล็ก ๆ ที่ชื่อไวเควสเพื่อทำการซ่อมแซมใหม่เช่นเดียวกัน.
จนกระทั่งห้าวันหลังจากพายุ คือวันศุกร์ พี่น้องจากเปอร์โตริโก จึงสามารถเช่าเครื่องบินบรรทุกสินค้าได้ เพื่อลำเลียงอาหาร และยารักษาโรคไปยังเซนต์ครอส. พี่น้องคนหนึ่งรายงานว่า “เมื่อมองจากทางอากาศแล้ว ทั้งเกาะยังกับบริเวณที่ทิ้งขยะ. หมู่บ้านต่าง ๆ ทั้งหมู่บ้านถูกทำลายและบิดเบี้ยวไปหมด. บนภูเขามีแต่ชิ้นไม้ โลหะ และเศษสิ่งของ ไม่เห็นสีเขียว มีแต่ตอไม้สีน้ำตาลและหญ้าที่เฉาเกรียม จากลมที่มีความแรงถึง 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง.
หลังจากสำรวจปริมาณความเสียหายแล้ว พยานฯ ได้ส่งวัสดุก่อสร้าง 75 ตันมาทางเรือ. ระหว่างเดือนตุลาคม มีอาสาสมัครจากเปอร์โตริโก ประมาณหนึ่งร้อยคน ช่วยพี่น้องในการก่อสร้างซ่อมแซมที่เซนต์ครอส. มีการใช้หอประชุมแห่งหนึ่งเป็นหอพัก. แต่ละวันจะเริ่มต้นด้วยการพิจารณาข้อพระคัมภีร์ เหมือนที่ได้ทำกันในสำนักงานสาขาทุกแห่งของพยานพระยะโฮวา. พี่น้องคริสเตียนหญิงประจำท้องถิ่น ได้ซักเสื้อผ้า ทำความสะอาด และหุงหาอาหาร สำหรับพี่น้องชายเหล่านั้น.
ชีลา วิลเลียมส์เก็บสะสมเงินอยู่หลายปีเพื่อสร้างบ้าน และเธอเพิ่งจะย้ายเข้าอยู่ไม่นานก่อนพายุฮิวโกมาทำลาย. เมื่อเธอได้ยินว่าพี่น้องของเธอจากเปอร์โตริโกกำลังมาช่วยผู้ประสบภัย เธอได้บอกเพื่อนร่วมงานของเธอ. แต่พวกเขาพากันกล่าวว่า “พวกนั้นจะไม่ทำอะไรเพื่อเธอหรอก. เธอเป็นคนผิวดำ ไม่ใช่คนสเปนเหมือนพวกนั้น.” พวกเขาประหลาดใจสักเพียงไร เมื่อต่อมาไม่นานชีลาได้บ้านใหม่เอี่ยมหลังหนึ่ง!
เมื่อทราบข่าวความเสียหายบนเกาะเซนต์ครอส เด็กอายุห้าขวบคนหนึ่งในมิชิแกน สหรัฐอเมริกา ต้องการช่วยผู้ที่สูญเสียข้าวของไป. เธอขออนุญาตมารดา เพื่อจะบริจาคกระโปรงแก่เด็กหญิงคนหนึ่ง ‘เพื่อเขาจะได้ดูสวยเมื่อไปหอประชุมแห่งราชอาณาจักร.’
มารดาของเธอให้ข้อสังเกตว่า “ลูกทำให้ฉันแปลกใจเพราะเธอเลือกตัวที่สวยที่สุดตัวหนึ่งของเธอ.” เสื้อตัวนั้นได้ถูกส่งไป และอย่างที่คุณเห็นในหน้า 16 เด็กคนหนึ่งในเซนต์ครอสชื่นชมเบิกบานที่ใส่เสื้อตัวนั้น.
หลังจากพายุฮิวโกกวาดผ่านคาโรไลนาใต้ไปแล้ว ในตอนเช้าวันศุกร์ที่ 22 กันยายนได้มีการตั้งคณะกรรมการช่วยเหลือขึ้นทันที. ได้มีการติดต่อกับคริสเตียนผู้ปกครองในประชาคมต่าง ๆ แต่ละท้องถิ่นซึ่งเสียหายจากพายุ และพวกเขาได้ติดต่อกับสมาชิกในประชาคมของตนครบทุกคน. น่ายินดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ถึงแม้ว่าจะมีบ้านของพยานฯ บางคนถูกทำลายไปและมีบางหลังเสียหายอย่างหนัก. หอประชุมราชอาณาจักรแห่งหนึ่งเสียหายอย่างหนัก และแห่งอื่นก็เสียหายบ้าง.
สภาพในเมืองชาร์ลสตันและบริเวณรอบ ๆ ดูหดหู่ใจเป็นพิเศษโดยมีต้นไม้นับพัน ๆ ถูกถอนราก หลังคาบ้านนับร้อยมีรูโหว่ บ้านถูกทำลายหรือถูกฉีกเป็นชิ้น ๆ ไม่มีน้ำดื่ม ไฟฟ้า ตู้เย็นใช้การไม่ได้ และไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิง. แต่สภาพการณ์ได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว.
พี่น้องชายหลายคนจากบริเวณชาร์ลสตัน ได้เข้ามารวมกันในตอนเช้าวันเสาร์ หนึ่งวันหลังจากพายุ เพื่อรอความช่วยเหลือ. รอน เอ็ดลิง ผู้ดูแลประจำเมือง อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อมีข่าวเข้ามาว่าพยานฯ จากเขตรอบนอกกำลังเดินทางมา. เขากล่าวว่า “เมื่อเราออกไปข้างนอก เราได้เห็นภาพที่สวยที่สุดภาพหนึ่งที่เราเคยเห็น. มีขบวนรถเข้ามาและที่กระจกหน้าของรถนำขบวนและคันที่ตามมา มีป้ายที่เขียนว่า ‘อาสาสมัครพยานพระยะโฮวา ช่วยผู้ประสบภัย.’”
“มีรถกระบะบรรทุก รถเก๋ง และรถกระบะบรรทุกที่ลากรถพ่วงซึ่งเพียบด้วยน้ำนับพัน ๆ แกลลอน. พวกเขานำเลื่อยลูกโซ่หลายเครื่องมาด้วยพร้อมน้ำมัน 1,100 ลิตร เป็นเชื้อเพลิง. นี่เป็นภาพที่ผมจะไม่มีวันลืมเลย. ในขณะนั้นผมคิดว่า ‘นี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ดีที่สุดซึ่งผมเคยประสบมาในองค์การของพระเจ้า.’ พี่น้องเหล่านั้นไม่เพียงแต่นำสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งมา แต่พวกเขายังนำความหวังมาด้วย. ผมเชื่อว่าทุกคนในตอนนั้นรู้ซึ้งทีเดียวว่าเรามีภราดรภาพที่วิเศษเพียงไร. ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาสักหน่อยหนึ่ง แต่เราจะฟื้นตัวได้อย่างแน่นอน.”
ในสุดสัปดาห์ต่อมา มีอาสาสมัครพยานฯ ถึง 400 คนในงานช่วยเหลือ. รวม ๆ แล้วได้มีการซ่อมแซมหลังคา หรือบริเวณลานบ้านของ 800 กว่าครอบครัว รวมทั้ง หลายครอบครัวที่ไม่ใช่พยานฯ ด้วย. ที่ศูนย์ช่วยเหลือแห่งหนึ่ง พวกพี่น้องได้ทำอาหารเลี้ยงเกือบ 3,000 คนทุกวัน. คิดทั้งหมดแล้ว พยานฯ ได้รับและแจกจ่ายอาหารมากกว่า 230,000 กิโลกรัม และเสื้อผ้ากว่า 78,000 กิโลกรัม ทั้งนี้ยังไม่รวมวัสดุก่อสร้างและสิ่งของอื่น ๆ อีกมาก. เมื่อถึงวันอาทิตย์ที่ 8 เดือนตุลาคม เพียง 16 วันหลังจากพายุฮิวโก หอประชุมแห่งราชอาณาจักรทุกแห่งได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อย และประชาคมต่าง ๆ ได้จัดการประชุมตามวาระปกติ.
การรับมือกับแผ่นดินไหวในแคลิฟอร์เนีย
ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม อยู่ที่ประมาณ 110 กิโลเมตร ทางใต้ของซานฟรานซิสโก ประมาณ 16 กิโลเมตรทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองแซนตาครูซ. ในบริเวณที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นนี้ แผ่นดินไหวชั่วประเดี๋ยวประด๋าวเคยเกิดขึ้นบ่อย ๆ ดังนั้นการไหวที่ดูเหมือนจะไม่สิ้นสุดเป็นเวลา 15 วินาทีหรือนานกว่า จึงทำให้ผู้คนจำนวนนับล้านตื่นตระหนก.
เรย์ วาเด็น ผู้ปกครองคริสเตียนคนหนึ่งในซานโฮเซกล่าวว่า “ตึกโยกไปโยกมาจริง ๆ. ผมไม่แน่ใจว่ามันจะตั้งอยู่ได้. ขณะที่ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ผมเห็นรถติดเต็มถนนในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน. ตอนนั้นเป็นเวลา 17.04 นาฬิกา.
“ในที่สุดเราก็สามารถเริ่มติดต่อกับพี่น้องในประชาคมของเราได้. พวกที่เราไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ เราได้จัดให้มีการไปเยี่ยมที่บ้าน. ทั้งนี้ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเนื่องจากรถติดมาก. เมื่อถึงเวลา 20:30 นาฬิกา เราก็ได้ทราบว่าไม่มีใครบาดเจ็บ ถึงแม้มีข้าวของแตกเสียหายในหลายบ้าน. วันต่อมา เราได้ทราบว่าบ้านของพี่น้องบางคนในบริเวณนั้นได้รับความเสียหายอย่างหนักจนต้องย้ายออกไป. พวกเขาถูกรับเข้ามาอาศัยในบ้านของเพื่อนพยานฯ.”
ใกล้กับลอส เกตอส พี่น้องคริสเตียนหญิงคนหนึ่ง กำลังอาบน้ำอยู่ที่ชั้นสองในบ้านสองชั้นของเธอชณะที่ชั้นล่างทั้งชั้นยุบตัวลง. น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่งที่เธอสามารถก้าวออกจากอ่างน้ำในระดับชั้นล่างได้โดยไม่บาดเจ็บเลย. ถ้าเธออยู่ที่ชั้นล่างเธอต้องเสียชีวิตแน่นอน.
ทันทีที่เกิดเหตุ บรรดามิตรสหายต้องการรู้ว่าพวกเขาจะช่วยอะไรได้บ้าง. ในวันพฤหัสบดี สองวันหลังจากแผ่นดินไหว ได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อดูแลเรื่องการช่วยเหลือโดยเฉพาะ. ในวันเสาร์ รถแวนขนาดใหญ่และรถอื่น ๆ ได้ขนเต็นท์ ถุงนอน ตะเกียงและเตา เสื้อผ้า ไฟฉาย อาหารกระป๋อง น้ำดื่ม และอื่น ๆ ให้แก่คนที่มีความจำเป็น. เฉพาะในตอนเช้าวันนั้น มีการบริจาคเงินให้กองทุนช่วยเหลือถึง 1,066,000 บาท!
ช่างแตกต่างจากทัศนะที่ผู้คนชาวโลกบางคนแสดงออกเสียจริง ๆ! ชายผู้หนึ่งคลานเข้าไปถึงผู้หญิงที่ติดอยู่ในรถของเธอใต้ทางระหว่างรัฐสาย 880 ซึ่งพังลงมาทับ. เขาสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายเธอ แต่แล้วก็ชิงเอาแหวน เครื่องอัญมณี และกระเป๋าเงิน แล้วหนีไปโดยไม่ได้ช่วยอะไร. มีผู้เสียชีวิตเนื่องจากถนนพังลงมา ทั้งหมดมากกว่า 40 คน หนึ่งในจำนวนนั้นคือ แมรี วอชิงตัน ซึ่งเป็นพยานพระยะโฮวา.
ในไม่ช้า คณะกรรมการก่อสร้างประจำภาคของพยานพระยะโฮวาได้เริ่มประเมินความเสียหาย. หอประชุมสองแห่งได้รับความเสียหายเล็กน้อย. อย่างไรก็ดี บ้านของพยานฯ หลายหลังได้รับความเสียหายอย่างหนักจนต้องทุบทิ้ง. อาสาสมัครทำงานได้ตั้งบ้านเคลื่อนที่ ที่ใช้รถลาก บนฐานเดิมนั้นอีกครั้งหนึ่ง และได้ซ่อมแซมบ้านของพี่น้องหลายหลังบางหลังก็สร้างขึ้นใหม่. มีการบริจาคเงินหลายล้านบาทเพื่อใช้จ่ายในงานนี้.
ขณะที่จุดจบของระบบนี้ใกล้เข้ามา สมจริงตามคำพยากรณ์ของพระเยซู เราคาดหมายได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวและภัยพิบัติอื่น ๆ มากขึ้น. (มัดธาย 24:3-8) ไม่ต้องสงสัย จะมีความทุกข์ยากซึ่งรุนแรงกว่าที่คริสเตียนในสมัยแรกได้ประสบเมื่อกรุงยะรูซาเลมถูกทำลาย. คำพยากรณ์ในพระคัมภีร์บ่งถึงเรื่องราวที่ใหญ่โตกว่าในยุคของเราเสียอีก โดยกล่าวว่า “แต่อวสานของสิ่งสารพัดใกล้เข้ามาแล้ว.” ดังนั้นอะไรเป็นสิ่งจำเป็น? “ยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด จงมีความรักอันแรงกล้าต่อกันและกัน.” (1 เปโตร 4:7, 8, ล.ม.) ช่างอบอุ่นใจเหลือเกิน ที่เราเห็นความรักเช่นนั้นแสดงออกในท่ามกลางเหล่าพี่น้องแห่งพยานพระยะโฮวา!
[แผนที่หน้า13]
(รายละเอียดดูจากวารสาร)
แคลิฟอร์เนีย
โอ๊คแลนด์
ซานฟรานซิสโก
ลอส เกตอส
แซนตาครูซ
[แผนที่](รายละเอียดดูจากวารสาร)
อเมริกา
ชาร์ลส์ตัน
มหาสมุทรแอตแลนติค
เปอร์โตริโก
กัวเดอลูป
[รูปภาพหน้า 14]
ขวา: ความเสียจากพายุฮิวโกที่ชายฝั่ง แคโรไลนาใต้
[ที่มาของภาพ]
Maxie Roberts/Courtesy of THE SIAH
ล่าง: กองรถยนต์ที่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่ง
[ที่มาของภาพ]
Maxie Roberts/Courtesy of THE SIAH
ล่างสุด: อาสาสมัครพยานพระยะโฮวาช่วยในการเก็บกวาดและฟื้นฟู
[รูปภาพหน้า 16]
ซ้าย: เด็กที่เซนต์ครอสใส่เสื้อผ้าที่เด็กอายุ 5 ขวบจากมิชิแกนส่งไปช่วย
ล่าง: พยานพระยะโฮวาในกัวเดอลูป กำลังแยกอาหารที่ได้รับบริจาค
ล่างซ้าย: ชีลา วิลเลียมส์กับอาสาสมัครซึ่งช่วยสร้างบ้านของเธอที่ถูกทำลายไป
[รูปภาพหน้า 19]
บน: ช่วงบนของถนนระหว่างรัฐสาย 880 ซึ่งพังลงมาทับชั้นล่าง
ซ้าย: เรม มานอร์ ที่ชั้นสองในบ้านของเธอถล่มลงมากลายเป็นชั้นล่าง