ความผิดตกอยู่กับใคร?
จิม แวนเดอร์วูด แห่งสภาที่ปรึกษาโมฮ็อกแวลลีย์ด้านโรคพิษสุราเรื้อรังในรัฐนิวยอร์กบอกว่า “การเมาสุราเป็นที่ยอมรับ” แก่ผู้คนเป็นอันมากในสังคม. น่าเสียดาย น้อยคนจะปฏิเสธได้อย่างเต็มที่ว่าการดื่มสุรา แม้กระทั่งเกินไป เป็นส่วนประกอบอย่างหนึ่งของสังคม.
เป็นเวลาหลายปีทีเดียวสังคมส่วนใหญ่ยินยอมต่อการดื่มสุราเป็นประจำและกระทั่งดื่มจัด. ทั้งนี้สนับสนุนคนอื่น ๆ ให้เลียนแบบทัศนะปล่อยตัวตามใจเช่นนั้น. ดังที่แวนเดอร์วูดกล่าวว่า: “ดูภาพยนตร์ซิ. เรามักปรบมือให้กับคนที่ดื่มเหล้าจนเมาแปล้ และยังคงออกไปเป็นคาวบอยผู้ยิ่งใหญ่ได้. การดื่มได้รับการมองดูว่าสร้างความนับถือตัวเอง. คุณเอาชนะสิ่งนี้ได้อย่างไร?”
ฉะนั้น ขณะที่ความผิดส่วนใหญ่เป็นของผู้ที่ทำร้ายผู้อื่นโดยดื่มสุราแล้วขับรถ สังคมที่ปล่อยตามอำเภอใจพร้อมด้วยทัศนะขาดดุลยภาพต่อแอลกอฮอล์ของสังคมนั้นก็มีส่วนในความผิดเช่นกัน.
จิม ทอมสัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายป้องกันอาชญากรรมบอกว่า “การดื่มสุราไม่เพียงแต่เป็นที่ยอมรับเท่านั้น แต่ยังได้รับการส่งเสริมอย่างแข็งขันอีกด้วย.” เขาบอกกับตื่นเถิด ว่า: “การแข่งขันกีฬาหลายชนิดก็พัวพันกับอุตสาหกรรมแอลกอฮอล์ เช่น อุตสาหกรรมเบียร์” เขาให้ความเห็นว่า ระหว่างการแข่งขันกีฬาหลายครั้ง “โฆษณาสินค้าที่ดีที่สุดทางทีวีก็คือ โฆษณาเบียร์ พร้อมกับดาราเด่น ๆ ของสังคมให้คำสนับสนุนเบียร์ที่ตนชอบ.”
การสัมมนาของสหพันธ์หนึ่งจัดขึ้นภายใต้การดำเนินงานของ ซี. เอฟเวอร์เร็ทท์ คูพ อดีตหัวหน้าแพทย์ในกองอนามัยแห่งสหรัฐ ถูกคว่ำบาตรโดยสมาคมวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติและสมาคมผู้โฆษณาแห่งชาติ. เพราะเหตุใด? เพราะการสัมมนานั้นพูดถึงประเด็นการขับรถภายใต้ฤทธิ์แอลกอฮอล์และเรื่องที่ว่าพวกนั้นพึงจะได้รับการลงโทษ. ดร. แพทริเซีย วอลเลอร์ ซึ่งเป็นประธานคณะผู้ให้การศึกษาของกองสัมมนานั้นกล่าวว่า “ข้อเท็จจริงคือว่าเรา [สังคม] ได้ก่อปัญหานี้ขึ้น และผู้คนก็โง่เสียจนยอมต่อความกดดันที่เราทำกับพวกเขา ตั้งแต่พวกเขามีอายุมากพอที่จะสังเกตอะไร ๆ ได้จากโทรทัศน์. ‘แต่’ [สังคมบอกว่า] ‘เราไม่ต้องรับผิดชอบ นั่นไม่ใช่ปัญหาของเรา.’”
เยาวชนที่เริ่มดื่มวันนี้—นักดื่มสร้างปัญหาในวันหน้า
โดยหลายวิถีทาง เช่น โทรทัศน์ ภาพยนตร์ และโฆษณา การดื่มสุราถูกทำให้ดูชวนหลงใหล. ทั้งนี้เข้าไปสู่จิตใจเยาวชนซึ่งรับการประทับใจได้ง่าย ๆ ด้วยข้อความทำนองว่า ‘ดื่มแล้วคุณจะสัมผัสชีวิตที่สุขสันต์ตลอดไป.’
“โดยเฉลี่ยแล้วเด็กจะเห็นการดื่มแอลกอฮอล์ 75,000 ครั้งทางทีวีก่อนที่เขาจะถึงวัยดื่มสุราได้ตามกฎหมาย” จากคำพูดของ ดร. ที. ราเด็คกี แห่งคณะกรรมการร่วมเกี่ยวกับความรุนแรงทางโทรทัศน์ในสหรัฐ. นักค้นคว้าวิจัยแอนเดอร์ส แฮนเซน ได้สำรวจช่วงเวลาที่คนดูทีวีมากที่สุดในอังกฤษและพบว่า 71 เปอร์เซ็นต์ของรายการเริงรมย์มีการดื่มแอลกอฮอล์รวมอยู่ด้วย. เฉลี่ยแล้วมีฉากดื่มแอลกอฮอล์ 3.4 ฉาก ต่อหนึ่งชั่วโมง และ “ไม่กี่ฉากที่แสดงการดื่มแอลกอฮอล์แล้วเกิดผลชัด” เช่น อุบัติเหตุของยานพาหนะและการฆ่าคน แฮนเซน เอ่ยด้วยความสลดใจ.
คอลแมน แม็คคาร์ธี นักเขียนคอลัมน์ในหนังสือ เดอะ วอชิงตันโพสต์ เขียนไว้ดังนี้ “เบื้องหลังเกมส์การเล่นที่สนุกสนานของ . . . พวกอดีตนักกีฬาฐานะคนพูดเชิญชวนประจำบาร์เหล่านั้น ก็เพื่อรณรงค์โฆษณาและส่งเสริมการขายที่มุ่งหมายจะทำให้เด็กหลงตามและทำให้นักศึกษาวิทยาลัยมีความคิดเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ และการดื่มมาก ๆ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการเข้าสังคม. ดื่มซิ ‘รสเยี่ยม บางเบา’ ถ้าคุณไม่ยกแก้ว คุณก็เข้าสังคมไม่ได้.”
ในสหภาพโซเวียต การดื่มแล้วขับรถเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติ. เจ้าหน้าที่บางคน ณ ที่นั่นถึงกับไม่แน่ใจว่านิสัยดื่มแอลกอฮอล์จะเปลี่ยนแปลงได้. คนหนึ่งพูดว่า “มันฝังรากลึกเสียแล้วสำหรับชาวรัสเซีย.” ขณะที่อาจเป็นอย่างนั้น หลายคนมองในแง่ว่าเป็นลักษณะหนึ่งของการนันทนาการ. ดังนั้น คนหนุ่มสาวซึ่งเกิดความประทับใจง่าย ๆ จึงเติบโตในสิ่งแวดล้อมของการดื่มแอลกอฮอล์.
เจ. แวนเดอร์วูด อธิบายว่าสหรัฐอเมริกามี “วัฒนธรรมทางการดื่มของวัยรุ่น. แอลกอฮอล์เทียบเท่าซอฟต์บอลล์ โบว์ลิ่ง ซุปเปอร์โบล์ ชั่วโมงสุขสันต์. ถ้าเป็นนันทนาการก็ต้องแอลกอฮอล์ ถ้าเป็นแอลกอฮอล์ นั่นคือนันทนาการ.” เขาให้ความเห็นว่า “ถ้าคุณไม่ได้ติดแอลกอฮอล์ทางจิตวิทยา ทางสังคม หรือทางร่างกาย คุณก็อาจโตขึ้นโดยรอดพ้นสถานภาพนั้นได้.” แต่แล้วเขาเตือนว่า “สิ่งหนึ่งที่เรารู้จากการวิจัย และมีพยานหลักฐานอ้างอิงเป็นอย่างดีคือ ถ้าคุณเริ่มดื่มจัดเมื่ออยู่ในวัย 14, 15, หรือ 16, คุณอาจติดสุราได้ภายในหนึ่งปี. ถ้าเริ่มในวัย 20 เศษ ๆ ก็ภายในสองสามปี.”
แปลกไหมที่สาเหตุใหญ่ของการเสียชีวิตท่ามกลางคนวัย 16 ถึง 24 ปีในสหรัฐคืออุบัติเหตุทางจราจร ที่เกี่ยวโยงกับแอลกอฮอล์? ไม่ต้องสงสัยนั่นเป็นสาเหตุใหญ่เช่นกันต่อการเสียชีวิตในประเทศอื่น ๆ หลายประเทศ. ฉะนั้น ดร. วอลเลอร์ สรุปว่าบิดามารดาที่สุขุมรอบคอบซึ่งพยายามเลี้ยงดูลูก ๆ ด้วยบรรยากาศในบ้านที่โน้มนำไปในทิศทางของความมีสติสัมปชัญญะ ก็เผชิญกับสังคมที่ปล่อยตามอำเภอใจซึ่ง “ชักจูงไปในทางตรงข้าม.”
ดังนั้น ผู้ดื่มเยาว์วัยในปัจจุบันอาจกลายเป็นนักดื่มเรื้อรังมีปัญหาในวันหน้าได้. และมักจะต่อต้านการฟื้นฟูสภาพซึ่งเป็นภัยคุกคามมหันต์ต่อความปลอดภัยของสาธารณชนตามถนน. ผู้กระทำผิดซ้ำอีกวัย 34 ปี หลังจากผ่านโครงการอบรมนิสัยการใช้แอลกอฮอล์ซึ่งรัฐบังคับ ก็กลับไปดื่มอย่างสนุกแล้วขับรถปิคอัพของเขาผิดช่องทางบนทางหลวงเคนตักกี. เขาขับรถชนรถโดยสารที่เพียบด้วยเด็กวัยรุ่น เป็นเหตุให้ 27 คน—วัยรุ่น 24 คนและผู้ใหญ่ 3 คน—ถูกไฟคลอกตาย. จริงทีเดียว เป็นตามที่ชี้ให้เห็นแล้วว่ากว่าหนึ่งในสามของผู้ถูกตัดสินลงโทษฐานะเป็นคนขับรถเมาสุราได้กระทำผิดมาก่อน.
แอลกอฮอล์—ยาเสพย์ติดที่ถูกกฎหมาย
เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายกำลังแนะให้สาธารณชนทราบว่าแอลกอฮอล์ก็คือยาเสพย์ติดในรูปที่ถูกกฎหมาย. พวกเขาเทียบแอลกอฮอล์เหมือนยาเสพย์ติดชนิดอื่น ๆ.
ในการแถลงข่าวพิเศษ ณ ทำเนียบขาว ประธานาธิบดีบุชแห่งสหรัฐกล่าวว่า การขับรถขณะเมาสุรา “ทำความเสียหายเท่ากับยาเสพย์ติด. กะเกณฑ์อะไรไม่ได้เหมือนความรุนแรงของพวกแก๊ง. และทำให้เด็กเสียชีวิตมากกว่าทั้งสองอย่างรวมกัน.” เขายังเน้นว่า “เราต้องสอนเด็กของเราว่าแอลกอฮอล์คือยาเสพย์ติด.”
ถ้าคุณไม่เคยถือว่าแอลกอฮอล์เป็นยาเสพย์ติดมาก่อน ก็มิได้เป็นคนเดียวที่คิดเช่นนั้น. ซี. กราซิอาโน ผู้อำนวยการด้านความปลอดภัยทางการจราจร บอกว่า “ผู้คนจำนวนมากมิได้โยงสิ่งนี้ไปถึงยาเสพย์ติด.” เขาเสริมต่อว่า “ทนายความ แพทย์ ผู้พิพากษา. แอลกอฮอล์ย่อมมีผลกระทบต่อใครก็ได้ . . . เข้าถึงได้สะดวก. หาได้ง่าย!” เพราะว่าเป็นสิ่งถูกกฎหมายในประเทศส่วนมาก ซื้อได้จากร้านหลายประเภท. บ่อยครั้งจะไม่มีการควบคุม.
ในทางวิชาการ แอลกอฮอล์เป็นอาหารเพราะมีแคลอรี. แต่ก็ต้องจัดอยู่ในประเภทยาเสพย์ติดเช่นกันเพราะกดระบบประสาทส่วนกลางของร่างกาย. ในปริมาณมากมันมีผลทำให้ขาดการรับรู้เช่นเดียวกับยาบาร์บิทูเรท (กรดเกลือบาร์บิโทน). เนื่องจากมันมี “ลักษณะเปลี่ยนอารมณ์ได้ มันจึงลดความเครียด” เจ. แวนเดอร์วูด กล่าวและเสริมว่า “มันคลายความยับยั้งชั่งใจเปลี่ยนขบวนความคิดของคุณ. คุณรู้สึกว่าคุณทำได้ซึ่งแท้จริงคุณทำไม่ได้.” ปัญหาเรื่องการดื่มแล้วขับรถอยู่ตรงนี้แหละ. ดังที่เขาสรุปว่า “คุณมีบุคคลที่บกพร่องในความสามารถ ทำการตัดสินใจที่บกพร่องเกี่ยวกับการกระทำที่บกพร่อง.”
บางคนซึ่งตกอยู่ในสถานการณ์ยาก ๆ เช่นการหย่าร้าง การตกงาน ปัญหาครอบครัว มักจะหันเข้าหาการดื่มจัดเพื่อพยายามจะรับมือกับความกดดันและความเครียด. ในสภาพเช่นนี้ พวกเขาประพฤติตัวในลักษณะที่ “ขาดเหตุผล ขาดความรับผิดชอบ รวมทั้งดีดับบลิวไอ (ขับรถขณะเมาสุรา)” จากวารสารเจอร์นัล ออฟ สตัดดีส์ ออน แอลกอฮอล์.
อย่างไรก็ดี เมื่อพูดถึงแอลกอฮอล์คนเราไม่จำเป็นต้องเมาเพื่อได้รับผลกระทบต่อการปฏิบัติ. การดื่มเพียงแก้วหรือสองแก้วก็ทำให้บกพร่องในการตัดสินใจของคนขับรถและทำให้เขาเป็นภัยคุกคามต่อตัวเองและคนอื่น.
น่าเศร้าจริง ๆ ในเรื่องภัยพิบัติเช่นนี้ต่อสังคมซึ่งวางยาพิษให้กับตัวเองด้วยส่วนผสมสู่ความตายแห่งความละโมภทางการค้าและทัศนะที่ปล่อยตามอำเภอใจต่อของเหลวที่ถูกกฎหมายแต่ที่มีศักยภาพก่ออันตรายได้สูง. เช่นนั้นแล้ว มีอะไรทำให้อุ่นใจแก่ผู้ที่ทุกข์ระทมเพราะโศกนาฏกรรมนี้? มีความหวังอันแท้จริงอะไรที่จะพบทางแก้ไขได้?
[รูปภาพหน้า 9]
โดยหลายวิถีทาง เช่น โทรทัศน์ การดื่มถูกทำให้เป็นที่ดึงดูดใจ
[รูปภาพหน้า 10]
พวกวัยรุ่นที่ดื่มจัดอาจติดสุราภายในปีเดียว
[รูปภาพหน้า 10]
ไม่จำเป็นต้องเมาสุราจึงจะหย่อนสมรรถนะในการขับรถ