การบุกเบิกด้านศัลยกรรมโดยไม่ใช้เลือดกับพยานพระยะโฮวา
พยานพระยะโฮวาตกเป็นข่าวพาดหัวบ่อย ๆ ในไม่กี่ปีมานี้เนื่องจากพวกเขาไม่รับการถ่ายเลือด. ถึงแม้เหตุผลหลักในการปฏิเสธของพวกเขาจะอาศัยพระคัมภีร์ แต่เป็นที่ยอมรับว่าอันตรายทางร่างกายก็มีด้วย. (เยเนซิศ 9:3, 4; เลวีติโก 17:10–12; กิจการ 15:28, 29) จุดยืนของพวกเขาทำให้มีการเผชิญหน้ากันกับพวกแพทย์, โรงพยาบาล, และศาล. ได้มีการปฏิเสธกรรมวิธีทางการแพทย์ต่อพยานฯที่เป็นผู้ใหญ่เพราะพวกเขาไม่ยอมรับการถ่ายเลือด; ลูก ๆ ของเขาถูกบีบบังคับให้อยู่ใต้คำสั่งศาล.
เดี๋ยวนี้มีการเปลี่ยนแปลงบ้างในเรื่องทัศนะต่อการถ่ายเลือด. เลือดที่ใช้บ่อยครั้งปนเปื้อน. พวกเชื้อโรคซึ่งบางชนิดเป็นอันตรายถึงชีวิต ติดต่อโดยการถ่ายเลือด. ความโลภได้เข้ามาเป็นปัจจัยหนึ่งเมื่อเลือดกลายมาเป็นธุรกิจใหญ่ และได้มีการสนับสนุนให้ใช้เลือดเป็นกิจวัตร—ซึ่งเพิ่มการเสี่ยงโดยไม่จำเป็นยิ่งขึ้นให้กับศัลยกรรม.a เนื่องจากสิ่งเหล่านี้และเหตุผลอื่น ๆ อีก นอกจากพยานพระยะโฮวาแล้ว มีหลายคนกำลังทบทวนดูใหม่ถึงการยอมรับการถ่ายเลือด ซึ่งทำกันมาเป็นกิจวัตรนั้น.
พวกพยานพระยะโฮวา มีบทบาทในเรื่องนี้ทั้งหมด. พยานฯหลายพันคนเคยรับการผ่าตัดและในหลายกรณีพวกเขาฟื้นตัวกระทั่งเร็วกว่าคนเหล่านั้นซึ่งรับการถ่ายเลือดด้วยซ้ำ. ประสบการณ์ของพยานฯแสดงว่าศัลยแพทย์สามารถทำการผ่าตัดได้โดยมีการเสียเลือดน้อยกว่ามากและแสดงว่าในบางกรณี ระดับปริมาณเลือดสามารถต่ำกว่ามากจากระดับที่เคยคิดกันเมื่อไม่นานมานี้ว่าเป็นระดับที่ปลอดภัย. ยิ่งกว่านั้น กรณีของพวกเขาแสดงให้เห็นว่ามีวิธีการรักษาอื่น ๆ อีกมากมายซึ่งสามารถใช้ได้ในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ จึงทุ่นค่าใช้จ่ายลงและตัดเรื่องความเสี่ยงจากการถ่ายเลือดออกไป. ชัยชนะของพวกเขาในศาลทำให้ได้คืนมาซึ่งสิทธิที่จะยอมรับหรือปฏิเสธการรักษาทางแพทย์บางวิธีให้แก่ผู้ป่วยอีกด้วย.
พยานพระยะโฮวาประสบความสำเร็จมากในเรื่องนี้โดยการร่วมมือกับพวกแพทย์และโรงพยาบาล. เมื่อไม่กี่ปีมานี้ พวกเขาได้ตั้งแผนกหนึ่งขึ้นที่สำนักงานใหญ่เรียกว่าแผนกบริการข่าวสารโรงพยาบาล (HIS). ตัวแทนของแผนกนี้ได้เดินทางไปตามประเทศต่าง ๆ ในหลายส่วนของโลก จัดให้มีการสัมมนา ณ สำนักงานสาขาของสมาคมว็อชเทาเวอร์บางแห่งและจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานกับโรงพยาบาลขึ้นซึ่งจะติดต่อกับทางโรงพยาบาลและแพทย์ต่าง ๆ ตามความจำเป็น. ขณะเดียวกันสำนักงานสาขาที่มีขนาดใหญ่กว่า ตัวแทนของ HIS ก็จะตั้งแผนกบริการข่าวสารโรงพยาบาลขึ้นที่นั่นเพื่อดำเนินการต่อไปหลังจากที่เขาจากไปแล้ว.
การสัมมนานั้นฝึกอบรมคณะกรรมการเหล่านี้ให้ทราบวิธีพูดคุยกับพวกแพทย์และบุคลากรของโรงพยาบาล เพื่อพิจารณาถึงวิธีรักษาที่เหมาะสมอื่น ๆ แทนการถ่ายเลือด และอธิบายว่าความชำนาญทางศัลยกรรมที่ละเอียดอ่อนสามารถลดการเสียเลือดได้อย่างมากทีเดียว. ท้ายที่สุด สมาชิกของ HIS ก็จะให้การฝึกด้วยเหตุการณ์จริงแก่คณะกรรมการประสานงานโรงพยาบาลโดยพาเขาไปพูดคุยกับพวกแพทย์และผู้บริหารของโรงพยาบาล.
ในตอนเริ่มแรก ได้มีการจัดสัมมนาขึ้น 18 ครั้งในสหรัฐอเมริกา. หลังจากนั้น มีการจัดขึ้นอีกสี่ครั้งในภูมิภาคแปซิฟิก, แห่งละหนึ่งครั้ง ในออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์, และฮาวาย ซึ่งจัดขึ้นเพื่อสำนักงานสาขาของสมาคมว็อชเทาเวอร์แปดแห่งในภูมิภาคนั้น.b ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม 1990 สมาชิกสามคนแห่ง HIS ได้จัดให้มีการสัมมนาขึ้นอีกสิบครั้งในยุโรป, ลาตินอเมริกา, และแคริบเบียน. ต่อไปนี้เป็นรายงานผลของการสัมมนาเหล่านั้น.
มีการจัดสัมมนาห้าครั้งในยุโรป—คือแห่งละหนึ่งครั้งในอังกฤษ, สวีเดน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, และสเปน. การสัมมนาห้าครั้งนี้จัดขึ้นสำหรับสำนักงานสาขาของสมาคมว็อชเทาเวอร์ 20 แห่ง และฝึกอบรมพวกผู้ปกครองกว่า 1,700 คนสำหรับงานคณะกรรมการประสานงานโรงพยาบาล.
ศัลยแพทย์ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งยอมรับว่า โดยการยืนหยัดมั่นคงของพวกเขาในเรื่องเลือด พยานพระยะโฮวาได้ช่วยให้สาขาอาชีพแพทย์ก้าวหน้าในงานศัลยกรรมแบบไม่ใช้เลือด. เขากล่าวว่าไม่มีศาสนาอื่นใดที่ได้พยายามถึงขนาดนี้เพื่อช่วยผู้คนในศาสนาให้รับมือกับกรณีอันยุ่งยากต่าง ๆ.
โรงพยาบาลที่ทันสมัยที่สุดในมาดริด สเปน เคยมีท่าทีค่อนข้างจะเป็นปฏิปักษ์กับพวกพยานฯในเรื่องนี้. พยานฯคนหนึ่งซึ่งจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดกระดูกสันหลังถูกปฏิเสธไม่รับรักษาเนื่องจากเธอไม่ยอมรับการถ่ายเลือด. เมื่อเธอไม่ยอมออกจากโรงพยาบาล พวกเขาบังคับให้เธอออกโดยไม่ให้อาหารและน้ำดื่ม. อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการประสานงานโรงพยาบาลได้นัดพบกับแพทย์ผู้อำนวยการและหัวหน้าคณะศัลยแพทย์และประชุมหารือกันเป็นเวลาสองชั่วโมง. ผลเป็นอย่างไร? พวกเขาตกลงจะดำเนินการผ่าตัดและโทรศัพท์เรียกพยานฯที่ถูกขับออกจากโรงพยาบาลไปแล้วให้กลับเข้ามารับการผ่าตัด.
พวกพยานฯในอิตาลีกลับจากการสัมมนาและเผชิญทันทีกับการพยายามจะบังคับให้มีการเติมเลือดกับทารกคนหนึ่งที่คลอดก่อนกำหนด. ดังที่พวกเขาเล่า: “ด้วยความรู้ที่เราได้จากการสัมมนา เราสามารถคลี่คลายสถานการณ์นั้นลงได้ และเด็กคนนั้นก็ได้รับการรักษาอย่างเป็นผลสำเร็จโดยไม่ใช้เลือด.”
ไปต่อที่ลาตินอเมริกาและแคริบเบียน
มีการจัดสัมมนาอีกห้าครั้งในเม็กซิโก, อาร์เจนตินา, บราซิล, เอกวาดอร์, และ เปอร์โตริโก. สำนักงานสาขาของสมาคมว็อชเทาเวอร์สามสิบสองแห่งได้รับประโยชน์จากการสัมมนาห้าครั้งนี้.
ผู้อำนวยการธนาคารเลือดแห่งกรุงเม็กซิโกกล่าวว่าพวกพยานพระยะโฮวาได้นำหน้าในเรื่องศัลยกรรมโดยไม่ใช้เลือด และบอกว่าเดี๋ยวนี้ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญมากพอในด้านนี้เพื่อคนอื่น ๆ จะสามารถได้รับประโยชน์จากความพยายามในการบุกเบิกเหล่านั้นด้วย. เขาได้อ่านใบของ HIS ที่ระบุวิธีการต่าง ๆ ในการรักษาในกรณีเสียเลือดมาก.c แล้วเขากล่าวว่า ‘ผมอยากจะทำสำเนาใบรายการนี้เพื่อติดบนป้ายประกาศของทุกโรงพยาบาลในกรุงเม็กซิโก. ผมจะขอให้พวกแพทย์ทำสำเนาใบนี้ไว้เพื่อเป็นข้อมูลของพวกเขา. แล้วในอนาคต เมื่อพวกเขาขอเลือดจากธนาคารเลือดนี้ ก่อนอื่นเราจะขอเขาให้เอาใบรายการนี้ออกมาและเราจะถามเขาว่า “คุณได้ใช้วิธีนี้แล้วหรือยัง? คุณลองวิธีนั้นแล้วไหม?” หากพวกเขายังไม่ได้ลองใช้วิธีต่าง ๆ เหล่านั้นก่อน เขาก็จะไม่ได้เลือดจากเราจนกว่าเขาจะลองดูก่อน!’
ผู้อำนวยการธนาคารเลือดในอาร์เจนตินาภาคเหนือก็มีส่วนช่วยมาก. ในภูมิภาคนั้น มีนโยบายในลักษณะบังคับว่าใครก็ตามซึ่งมายังโรงพยาบาลที่รัฐเป็นผู้ดำเนินงานจะต้องจัดให้มีญาติหรือเพื่อนบริจาคเลือดอย่างน้อยสองหน่วยไว้ล่วงหน้ามิฉะนั้นเขาจะไม่ได้รับการรักษา. พยานฯไม่สามารถทำตามและจึงถูกปฏิเสธการผ่าตัดให้. หลังจากเราได้อธิบายถึงความเชื่อมั่นอย่างจริงใจของเราเกี่ยวกับการใช้เลือด ผู้อำนวยการจึงได้จัดเตรียมเปลี่ยนนโยบายนี้เมื่อมีการเขียนขึ้นใหม่คราวหน้า. ในขณะเดียวกัน พยานฯซึ่งแสดงบัตรคำสั่งล่วงหน้าต่อแพทย์เมื่อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลจะได้รับการยกเว้นจากข้อเรียกร้องให้บริจาคเลือด.
ในเอกวาดอร์ ศัลยแพทย์ผู้มีชื่อเสียงเด่นและมีอิทธิพลคนหนึ่งซึ่งได้ทำการผ่าตัดกว่า 2,500 ราย ทั้งในพวกพยานฯและที่ไม่ใช่พยานฯโดยไม่ใช้เลือด. เขาบอกว่าเขาวางแผนจะเริ่มการรณรงค์เพื่อสนับสนุนการผ่าตัดที่ไม่ใช้เลือดในประเทศนี้เนื่องจากมีอันตรายมากมายที่เกิดกับผู้ป่วยอันเนื่องมาจากเลือดที่มีไว้ใช้.
หลังจากการสัมมนาในเอกวาดอร์ ศัลยแพทย์ผู้หนึ่งที่ได้เข้าร่วมด้วยกล่าวว่า: “หากผู้คนเหล่านี้มีความสามารถในด้านการค้นคว้าทางการแพทย์อย่างมีคุณภาพเช่นนี้ ก็บ่งบอกถึงบางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลของพวกเขาและทำให้ผมรู้สึกว่าศาสนาของพวกเขาคู่ควรแก่การตรวจสอบ.”
มีการเปลี่ยนแปลงอันน่ายินดีในเรื่องทัศนคติที่เปอร์โตริโก. ในอดีต บางครั้งพยานฯที่เป็นผู้ใหญ่ถูกจับมัดและบังคับเติมเลือดให้เขา พวกเขาบางคนได้เสียชีวิตหลังจากนั้น. ตัวแทนของ HIS ได้เข้าพบกับรองประธานและทนายความของสมาคมโรงพยาบาลแห่งเปอร์โตริโก ซึ่งบุคคลหลังเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งหนึ่งด้วย. ทันทีหลังจากการแนะนำตัวอย่างเป็นทางการและก่อนที่ตัวแทน HIS จะเริ่มบรรยาย ทนายความคนนี้บอกว่าเขามีอะไรจะพูด. สิ่งที่ยังความประหลาดใจแก่พวกพยานฯก็คือ เขาเริ่มอธิบายเกี่ยวกับแผนการที่พวกเขามีเพื่อการแก้ไขสิทธิของผู้ป่วยในโรงพยาบาลบนเกาะนี้และคำชี้แจงของเขาครอบคลุมจุดสำคัญ ๆ ของการบรรยายของเรา! เขายังได้ขออนุญาตทำสำเนารายละเอียดบางอย่างที่ได้ให้ไว้แก่เขาด้วย เขาต้องการจะรวมรายละเอียดนั้นไว้ในบทความที่มีเตรียมไว้สำหรับวารสารของสมาคมโรงพยาบาลด้วย.
ผลลัพธ์ที่ได้ในสหรัฐอเมริกา
แพทย์คนหนึ่ง—เจมส์ เจ. ไรเลย์ ประธานฝ่ายศัลยกรรมในโรงพยาบาลของเขา—ได้ให้คำแถลงการณ์อันสำคัญต่อคณะกรรมการประสานงานโรงพยาบาลในท้องถิ่นว่า: “พวกคุณ ดังที่ผมเข้าใจ อยู่ในแนวหน้าของความรู้ด้านการแพทย์และกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการใช้เลือด.”
ณ โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในเขตวอชิงตัน ดี.ซี. คณะกรรมการประสานงานโรงพยาบาลได้เข้าพบกับคณะผู้บริหารและบุคลากรทางการแพทย์ผู้ซึ่งรับปากให้การสนับสนุนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งได้แสดงความหยั่งรู้ค่าของเขา “ที่ว็อชเทาเวอร์รับเอาภาระที่จะช่วยเหลือผู้คนของเขาในยามจำเป็นด้วยการจัดเตรียมการสนับสนุนเช่นนี้.”
หัวหน้าแผนกดูแลผู้ป่วยที่โรงพยาบาลในวิสคอนซินกล่าวว่าเธอได้รับข่าวที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับพวกพยานพระยะโฮวามากสักเพียงไร. เธอสนับสนุนคณะกรรมการประสานงานโรงพยาบาลให้ “รุดหน้าต่อไปเพื่อให้ข่าวสารนี้แก่ผู้ให้การรักษาทุก ๆ คน.”
ลักษณะหนึ่งในงานของ HIS คือการส่งรายละเอียดด้านการแพทย์และด้านกฎหมายไปยังแพทย์, โรงพยาบาล, และสมาคมโรงพยาบาลและแพทยสมาคมต่าง ๆ ตามที่เลือกไว้. หนังสือตอบรับฉบับหนึ่งจากผู้ดูแลด้านการเสี่ยงภัยของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในบัลติมอร์ แมรีแลนด์กล่าวว่า: “ขอบคุณสำหรับข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับการถ่ายเลือดและพยานพระยะโฮวาที่ส่งมาให้ผม. รายละเอียดนี้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการช่วยโรงพยาบาลของเราให้ปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับการรักษาพวกพยานพระยะโฮวา.”
ในสหรัฐอเมริกาแห่งเดียว แพทย์เกือบ 10,000 คนอยู่ในรายชื่อผู้ที่เต็มใจจะทำการรักษาและผ่าตัดโดยไม่ใช้เลือดให้พยานพระยะโฮวา.
จนถึงบัดนี้ โดยการสัมมนา 32 ครั้งที่ได้จัดให้มีขึ้นนั้นมีการจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานขึ้นในสำนักงานสาขา 62 แห่งเพื่อสนองความจำเป็นของพยานพระยะโฮวาตามส่วนต่าง ๆ ของโลก. เดี๋ยวนี้คณะกรรมการเหล่านี้พร้อมจะดูแลพยานพระยะโฮวาหลายล้านคน. ผลลัพธ์ต่าง ๆ บ่งชี้ว่าพระยะโฮวาทรงหนุนหลังความพยายามของ HIS จริง ๆ.
[เชิงอรรถ]
a สำหรับรายละเอียด โปรดดูอเวค! 22/10/90 หน้า 2–15
b สำหรับรายงานเกี่ยวกับประเทศเหล่านี้ โปรดดูตื่นเถิด 8 ธันวาคม 1990 หัวเรื่อง “ประสานช่องว่างระหว่างแพทย์กับคนไข้พยานฯ.”
c ได้พิมพ์ใบรายการนี้ในหน้า 14 ของวารสารฉบับนี้.
[กรอบหน้า 14]
การป้องกันและควบคุมการตกเลือดโดยไม่ใช้การถ่ายเลือด
1. เครื่องมือผ่าตัด:
ก. เครื่องจี้ไฟฟ้า (เครื่องจี้ทำงานด้วยกระแสไฟฟ้า)
ข. การผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์
ค. เครื่องทำให้เลือดแข็งตัวด้วยลำแสงอาร์กอน (เครื่องทำให้เลือดแข็งตัวซึ่งใช้ก๊าซอาร์กอนร่วมกับกระแสไฟฟ้า)
ง. มีดผ่าตัดรังสีแกมมา (เทคนิคซึ่งใช้เครื่องมือที่เจาะจงเฉพาะจุดในการแผ่รังสีทำลายเนื้อเยื่อสมองในส่วนที่การผ่าตัดแบบธรรมดาไม่อาจเข้าถึงได้โดยไม่ทำลายเนื้อเยื่อปกติ)
2. เทคนิคและเครื่องมือที่ใช้ตรวจและหยุดเลือดที่ออกภายใน:
ก. การใช้เอ็นโดสโคป (เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบอวัยวะภายในที่เป็นโพรง) เพื่อตรวจหาจุดเลือดออกภายในร่างกาย
ข. เครื่องดูด-จี้ที่เป็นสายหักงอได้ (Papp, J.P., JAMA, November 1, 1976, pages 2076-9)
ค. การทำให้เกิดการอุดตันในเส้นเลือดแดง (JAMA, November 18, 1974, pages 952-3)
ง. การควบคุมความดันให้ต่ำลง (จนกว่าจะหยุดเลือดได้)
จ. การปะเชื่อมเนื้อเยื่อ (Dr.S.E. Silvas, MWN, September 5, 1977)
3. เทคนิคการผ่าตัดและการวางยาสลบ:
ก. การวางยาสลบที่ความดันต่ำ (การลดความดันโลหิตให้ต่ำลง)
ข. การลดอุณหภูมิร่างกายให้ต่ำลง
ค. การทำให้เลือดจางลงระหว่างการผ่าตัด
ง. เครื่องกักเก็บทำความสะอาดเลือดเพื่อนำกลับมาใช้อีกในระหว่างผ่าตัด เช่น “เซลล์ เซเวอร์”
จ. เทคนิคการผ่าตัดและการห้ามเลือดที่พิถีพิถัน
ฉ. การเพิ่มจำนวนบุคลากรในคณะผ่าตัดเพื่อย่นเวลาที่ใช้ผ่าตัด
4. เครื่องตรวจวัดต่าง ๆ:
ก. เครื่องวัดออกซิเจนผ่านทางผิวหนัง
ข. ออกซิมีเตอร์ (เครื่องมือที่ใช้วัดอัตราความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง)
5. สารขยายปริมาตร:
ก. คริสตัลลอยด์
(1) สารละลายริงเกอร์-แลคเตท (Eichner, E.R., Surgery Annual, January 1982, pages 85-99)
(2) น้ำเกลือ
ข. คอลลอยด์
(1) เด็กซ์แทรน
(2) เยลาติน (Howell, P.J., Anaesthesia, January 1987, pages 44-48)
(3) เฮตาสตาร์ช (แป้งตะกอนชนิดหนึ่งซึ่งใช้เป็นสารขยายปริมาตรพลาสมา ให้โดยการฉีด)
6. สารเคมีที่ใช้ห้ามเลือด:
ก. อวิทีน (Avitene)
ข. เยลโฟม (Gelfoam)
ค. ออกซิเซลล์ (Oxycel)
ง. เซอยิเซลล์ (Surgicel)
จ. อื่น ๆ อีกหลายชนิด
7. การรักษาในกรณีที่มีฮีโมโกลบินต่ำ:
ก. ออกซิเจน
ข. ตู้ออกซิเจนความดันสูง (Hart, G.B., JAMA, May 20, 1974, pages 1028-9)
ค. เด็กซแทรนที่เข้าเหล็ก (Dudrick, S.J., Archives of Surgery, June 1985, pages 721-7)
ง. กรดโฟลิค
จ. อิริโทรพอยเอทิน—กระตุ้นไขกระดูกให้สร้างเลือด (Erythropoietin)
ฉ. อนาโบลิค สเตอรอยด์ต่าง ๆ เช่น เดคาดูราโบลิน (Decadurabolin) หรือโกรท์ฮอร์โมนสังเคราะห์
ช. การฉีดวิตามิน บี-12 เข้ากล้ามเนื้อ
ซ. วิตามิน ซี
ฌ. วิตามิน อี (โดยเฉพาะในทารกแรกเกิด)
8. วิธีการภายนอกอื่น ๆ:
ก. สำหรับเลือดออก
(1) การกดทับโดยตรง
(2) ใช้ถุงน้ำแข็ง
(3) การจัดท่าของร่างกาย (เช่นการยกแขนขาที่ได้รับบาดเจ็บให้สูงเพื่อชลอเลือดออก)
ข. กรณีที่เกิดช็อค
(1) รัดขาทั้งสองข้างด้วยแผ่นยางความดันซึ่งเป่าพองได้
(2) กางเกงต้านช็อค (กางเกงซึ่งเป่าให้พองได้)
(3) ยกขาทั้งสองข้างให้สูงเพื่อรักษาระดับความดันโลหิต
9. ยาสำหรับผู้ป่วยซึ่งมีความผิดปกติในเรื่องเลือด:
ก ดีดีเอวีพี หรือเดสโมเพรสซิน (Kobrinsky, N.L., Lancet, May 26, 1984, pages 1145-8)
ข กรดอี-อะมิโนคาโปรอิค (Schwartz, S.I., Contemporary Surgery, May 1977, pages 37-40)
ค วิตามินเค
ง. ไบโอฟลาโวนอยด์ (Bioflavonoids, Physician’s Desk Reference)
จ. คาร์บาโซโครม ซาลิซิเลท (Carbazochrome salicylate)
ฉ กรดทราเนซามิค (Tranexamic acid, Transfusion Medicine Topic Update, May 1989)
ช. ดานาโซล (Danazol)
10. จุดสำคัญอื่น ๆ:
ก. การที่ความดันโลหิตลดลงในระดับปานกลางมาอยู่ประมาณ 90-100 มม. ปรอท อาจช่วยให้เลือดที่ออกหยุดได้เองโดยการแข็งตัวของเลือดตามธรรมชาติ ในเส้นเลือดที่ถูกตัดขาด
ข. กฎของการที่ต้องมีฮีโมโกลบินอย่างน้อย 10 กรัมจึงจะทำผ่าตัดได้ ไม่ได้มีการสนับสนุนโดยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ
ค. มีผู้ป่วยรับการผ่าตัดหลายรายที่รอดได้โดยมีระดับฮีโมโกลบินต่ำเพียง 1.8 (Anaesthesia, 1987, Volume 42, pages 44-8)
ง. ระดับฮีโมโกลบินที่ต่ำลงส่งผลให้ความข้นของเลือดมีน้อยลง ทำให้หัวใจรับภาระน้อยลง และทำให้การไหลเวียนและการส่งออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อดีขึ้น