การเพ่งดูโลก
รูปแบบชีวิตที่อันตราย
ปัจจัยต่าง ๆ ที่เอื้อต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดมีการจัดรายการออกมาโดย AHA (สมาคมหัวใจแห่งอเมริกา). นอกจากนี้ ปัจจัยต่าง ๆ ที่ก่อความเสี่ยงยิ่งกว่าก็ได้จัดทำเป็นรายการขึ้นมาด้วย. จนกระทั่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ การไม่ออกกำลังกายถูกจัดอยู่ในรายการที่มีอันตรายน้อยกว่า โดยถือเป็น “ปัจจัยเอื้อ.” อย่างไรก็ดี ตามคำอ้างในจดหมายสุขอนามัยของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียที่เบอร์กลี สมาคม AHA ได้ “ปรับอันดับของการไม่ออกกำลังกายจากรายการ ‘ปัจจัยเอื้อ’ สำหรับโรคหัวใจและหลอดเลือดขึ้นมาอยู่ในประเภทที่อันตรายกว่า คือ ‘ปัจจัยเสี่ยง.’” จดหมายสุขอนามัย เพิ่มเติมว่า “สิ่งนี้ทำให้รูปแบบชีวิตที่ทำงานนั่งโต๊ะอันตรายทัดเทียมกับความดันโลหิตสูง, การสูบบุหรี่, และคอเลสเตอรอลในเลือดสูง.”
โรคหัวใจคร่าชีวิต
โรคหัวใจและหลอดเลือด (CVD) เป็นนักฆ่าตัวฉกาจที่สุดสำหรับมนุษยชาติ เป็นสาเหตุที่ก่อความตายประมาณหนึ่งในสี่ของความตายทั่วโลก. นั่นคือคำแถลงของหนังสือ สถิติอนามัยโลกประจำปี 1991 (ภาษาอังกฤษ) ซึ่งพิมพ์โดย WHO (องค์การอนามัยโลก). ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น ออสเตรเลีย, แคนาดา, ญี่ปุ่น, และสหรัฐ CVD เป็นสาเหตุของการตายประมาณครึ่งหนึ่งจากอัตราการตายทั้งหมด ถึงแม้ทศวรรษปี 1980 มีการลดลงอย่างผิดสังเกต. ในประเทศที่กำลังพัฒนา เพียงร้อยละ 16 ของการตายทั้งหมดเกิดจาก CVD. อย่างไรก็ตาม WHO รายงานว่า “มีสัญลักษณ์ชี้บอกถึงการแพร่ระบาด . . . CVD ลุกลามไปทั่วในโลกที่กำลังพัฒนา.”
ไปรษณียภัณฑ์รั่ว
ห้องปฏิบัติการทั่วโลกกำลังใช้ระบบไปรษณีย์ในการส่งจุลินทรีย์เป็น ๆ. น่าเป็นห่วงยิ่งขึ้นทุกขณะต่อการปฏิบัติดังกล่าวเพราะ “มีการส่งเชื้อแบคทีเรียซึ่งอาจเป็นอันตรายจากห้องปฏิบัติการแห่งหนึ่งไปยังอีกแห่งหนึ่งเป็นประจำ” ตามวารสาร นิว ไซเยนติสต์. นักวิจัยชาวดัตช์เตือนว่าพัสดุที่บุบเสียหายอาจทำให้จุลินทรีย์รั่วออกสู่สิ่งแวดล้อมได้. เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักวิทยาศาสตร์กลุ่มหนึ่งได้ตรวจสอบพัสดุหลายชิ้นจากห้องปฏิบัติการในออสเตรเลีย, เนเธอร์แลนด์, สิงคโปร์, และสหรัฐ. พวกเขาพบว่าพัสดุเหล่านี้ไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียวที่เป็นไปตามกฎซึ่งออกโดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญเรื่องการขนส่งพัสดุอันตรายแห่งสหประชาชาติ. ห้องปฏิบัติการในเนเธอร์แลนด์แห่งหนึ่งซึ่งรับหนึ่งพันตัวอย่างทุกปีเริ่มใช้มาตรการป้องกันพิเศษเพื่อกันไม่ให้อุบัติเหตุเช่นนั้นเกิดขึ้น. กระนั้น ห้องปฏิบัติการนี้ “ยังรับหลอดแก้วเลี้ยงเชื้อจุลินทรีย์ที่แตกห้าหลอดทุกปีทางไปรษณีย์” ตามรายงานของวารสาร นิว ไซเยนติสต์.
อัตวินิบาตกรรมในอาร์เจนตินา
ประเทศอาร์เจนตินามีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดในทวีปอเมริกา. หนังสือพิมพ์ลา นาซิออน ให้ข้อสังเกตว่า ‘ตามรายงานของทางการ เกือบร้อยละ 10 ของการฆ่าตัวตายทั้งหมดที่มีการรายงานในประเทศ เกี่ยวข้องกับเด็กวัยเริ่มรุ่นและหนุ่มสาวอายุระหว่าง 10 ถึง 22 ปี และส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย.’ กระทรวงสาธารณสุขบอกว่าทุก ๆ 30 ชั่วโมงมีเด็กวัยรุ่นหนึ่งคนฆ่าตัวตายในอาร์เจนตินา.
เด็กยากไร้ในอเมริกา
สหรัฐหนึ่งในประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในโลก ก็ยังเป็นที่อยู่ของเด็กที่ยากจนที่สุดอีกด้วย. ตามรายงานของวารสาร เดอะ นิว ยอร์ก ไทมส์ การศึกษาวิจัยที่ทำโดยกองทุนเพื่อป้องกันเด็กพบว่า “จำนวนเด็กอเมริกันที่อาศัยอยู่ในสภาพยากไร้เพิ่มทวีขึ้นกว่าหนึ่งล้านคนในช่วงทศวรรษปี 1980 โดยมีอัตราเพิ่มขึ้นใน 33 รัฐ.” ในปี 1989 เด็กมากกว่าร้อยละ 25 ในรัฐอาร์คันซอ, หลุยเซียนา, นิวเม็กซิโก, และเวสต์เวอร์จิเนีย อยู่ในครอบครัวที่มีรายได้ต่ำกว่าขีดความยากจนที่รัฐบาลกลางกำหนดไว้. รัฐมิสซิสซิปปีมีอัตราสูงสุด โดยมีร้อยละ 33.5 ของเด็กทั้งหมดอยู่ในสภาพยากไร้.
การตายเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในญี่ปุ่น
กรณีของพิษร้ายแรงจากแอลกอฮอล์ได้เพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกตเมื่อเร็ว ๆ นี้ในญี่ปุ่น ตามรายงานในหนังสือพิมพ์ เดอะ เดลี โยมิอูริ. ปัจจัยเอื้ออย่างหนึ่งก็คือมีการกลับมานิยม อิกกิโนมิ หรือการดวดเหล้า อีกครั้งหนึ่ง—นั่นคือดื่มรวดเดียวหมด. บ่อยครั้ง เกิดขึ้นภายใต้ความกดดันหรือกระทั่งถูกบังคับโดยผู้ดูซึ่งกระตุ้นและเชียร์ให้คนนั้นดื่มต่อไป. ก่อนหน้านี้ความนิยมได้ซาไป แล้วจู่ ๆ ก็กลับนิยมขึ้นมาอีกเมื่อปีกลายนี้. มิยาโกะ โอโมโตะ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโตโฮกล่าวว่า การบังคับให้ใครคนหนึ่งดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวดเดียวหมดเท่ากับการพยายามฆ่าคน. เธอบอกว่า “อิกกิโนมิอันตรายเพราะคนนั้นบริโภคแอลกอฮอล์เข้าไปมากกว่าที่ร่างกายของเขาสามารถจัดการได้ก่อนที่ร่างกายจะเริ่มส่งสัญญาณเตือนภัย.” กองดับเพลิงแห่งโตเกียวบอกว่าในปี 1991 ต้องนำ 9,122 คนเข้าโรงพยาบาลเพราะพิษแอลกอฮอล์กำเริบรุนแรง—เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงร้อยละ 8. หกคนในจำนวนนั้นเสียชีวิต.