ความปรารถนาของโจชัว
ในวันที่ 6 มีนาคม 1992 ครอบครัว วูด ได้มาทราบว่า โจชัว สมาชิกคนสุดท้องวัยเจ็ดขวบ เป็นโรคมะเร็งในเม็ดโลหิตขาวชนิดรุนแรงเฉียบพลัน เป็นโรคที่คุกคามชีวิต. พี่ชายคนโตอายุ 16 ปี และพี่สาวอายุ 19 ปีของโจชัวและคุณพ่อของเขาด้วย เป็นพยานพระยะโฮวาผู้เผยแพร่ศาสนาเต็มเวลา (ไพโอเนียร์). พี่ชายอีกคนหนึ่งของโจชัวอายุสิบขวบ.
เพื่อบำบัดโรคที่เกิดขึ้นกับโจชัว การโหมรักษาทางเคมีได้เริ่มขึ้นทันที. ผลข้างเคียงอย่างหนึ่งคืออาการเบื่ออาหาร ฉะนั้น การให้โจชัวกินอาหารจึงเป็นเรื่องยากเย็นเสมอ. ในเดือนกรกฎาคม ทั้งครอบครัวตัดสินใจเข้าร่วมการประชุมภาคที่พยานพระยะโฮวาจัดขึ้น ณ เมืองลาฟีเอตต์ รัฐหลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านในวินน์ฟีลด์. ขณะอยู่ที่นั่น อาการของโจชัวทรุดลง และในเช้าวันเสาร์ เขาก็ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล. ภายหลังการประชุม พ่อแม่ได้พาเขาไปที่โรงพยาบาลในเมืองนิวออร์ลีนส์ ที่ซึ่งเขาเข้ารับการรักษาเป็นประจำ.
ขณะที่ครอบครัวนี้อยู่ในนิวออร์ลีนส์ นักสังคมสงเคราะห์คนหนึ่งบอกกับเอพริล แม่ของ โจชัว ถึงโครงการที่ช่วยเด็กซึ่งป่วยหนักให้ได้สิ่งที่เขาปรารถนา. เอพริลได้รับใบสมัครสำหรับโครงการดังกล่าวไว้ แล้วเธอกับพอล ผู้เป็นสามีก็กรอกใบสมัครนั้น. เมื่อนำโจชัวกลับมาที่นิวออร์ลีนส์ ในตอนปลายเดือนสิงหาคมเพื่อตรวจร่างกายทุกเดือนตามปกติ จิมตัวแทนของโครงการนั้น ได้แวะมาคุยกับโจชัวเกี่ยวกับสิ่งที่เขาปรารถนา.
“ผมอยากไปนิวยอร์กครับ” โจชัวกล่าว.
เนื่องจากเด็ก ๆ มักอยากจะไปสวนสนุกไม่แห่งใดก็แห่งหนึ่ง จิมจึงสงสัยว่าทำไมโจชัวอยากไปนิวยอร์ก. “ผมอยากไปเห็นสมาคมว็อชเทาเวอร์ครับ” โจชัวตอบ.
“ที่นั่นเป็นอะไรหรือ?” จิมถาม.
“ที่นั่นเขาพิมพ์วารสาร, คัมภีร์ไบเบิล, หนังสือ, และแผ่นพับไงครับ.”
เอพริล อธิบายให้จิมฟังเพิ่มเติมเกี่ยวกับสำนักงานกลางของพยานพระยะโฮวาและงานพิมพ์ที่ดำเนินอยู่ที่นั่น. “พี่ชายของผมกำลังเยี่ยมชมที่นั่นอยู่ในตอนนี้” โจชัว บอก “ผมอยากไปพร้อมกันทั้งครอบครัวครับ.”
หลังจากทราบว่ามีด้วยกันหกคนในครอบครัว จิมถามโจชัวว่าไม่อยากไป ดิสนีย์เวิลด์ ในฟลอริดาแทนหรือ. โจชัวย้ำว่าอยากไปนิวยอร์ก. จิมอธิบายว่าตนไม่ทราบว่าจะได้ตามที่ขอหรือไม่ แต่ก็จะไปสอบถามดู. จิมถามโจชัวถึงข้อเลือกอย่างที่สอง.
“คอมพิวเตอร์ไอบีเอ็มครับ” โจชัวตอบ.
“ทำไมต้องไอบีเอ็มด้วยล่ะ?” จิมอยากรู้.
โจชัวตอบว่า เพื่อเขาจะได้มีแผ่นดิสเก็ตต์คัมภีร์ไบเบิลจัดทำโดยสมาคมว็อชเทาเวอร์. (โจชัวรู้ว่าแผ่นดิสเก็ตต์พระคัมภีร์นั้นใช้ได้กับคอมพิวเตอร์แบบเดียวกับไอบีเอ็ม.) จากนั้น จิมถามอีกครั้งว่า “เธอแน่ใจหรือว่าไม่อยากไป ดิสนีย์เวิลด์?”
“ผมแน่ใจครับ” โจชัวบอก.
ไม่กี่วันต่อมา จิมกลับมาบอกโจชัวว่า ความปรารถนาของเขาที่อยากไปนิวยอร์กกับครอบครัวนั้นได้รับอนุมัติแล้ว. “โจชเป็นเด็กค่อนข้างเฉย ๆ ในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ตื่นเต้นกัน” คุณแม่ของเขาอธิบาย “แต่ดิฉันตื่นเต้นดีใจเป็นที่สุด!”
วันที่ 30 กันยายน ครอบครัววูดบินจากนิวออร์ลีนส์ไปนครนิวยอร์ก. ยังไม่มีใครเคยไปเยี่ยมชมอาคารสำนักงานของว็อชเทาเวอร์มาก่อน นอกจากบัดดี ลูกชายคนโตซึ่งเพิ่งไปที่นั่นไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านั้น. ทั้งหกคนเข้าพักที่โรงแรมรามาดา อินน์ ในแมนฮัตตัน นิวยอร์ก และมีรถลีมูซีนบริการส่งถึงกลุ่มอาคารแผนกจัดส่ง, แผนกพิมพ์, สำนักงาน, และอาคารพักอาศัยของพยานฯ ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำอีสต์ในเขตบรุกลิน.
ระหว่างสองวันที่อยู่ที่นั่น มีการนำครอบครัวนี้เข้าชมอาคารสำนักงานใหญ่. วันแรก พวกเขาชมอาคารสำนักงานและกลุ่มอาคารโรงงานห้าหลัง. ในวันถัดมา พวกเขาได้เข้าชมอาคารซึ่งมีเนื้อที่ 90,000 ตารางเมตร ซึ่งบรรจุแผนกจัดส่ง, แผนกอัดเทป, และการปฏิบัติงานอื่น ๆ รวมทั้งเข้าชมบางส่วนของอาคารบ้านพัก 21 หลังซึ่งจัดเป็นที่พักสำหรับอาสาสมัครกว่าสามพันคน. ระหว่างที่พวกเขาอยู่ที่นั่น มีการจัดเตรียมเป็นพิเศษเพื่อให้พวกเขาได้รับประทานอาหารสามมื้อกับผู้ทำงาน ณ สำนักงานใหญ่ในห้องอาหารห้องหนึ่งจากทั้งหมดที่มีถึงสิบห้อง.
ในวันที่ 3 ตุลาคม ครอบครัวนี้ได้เช่ารถยนต์ และขับขึ้นไปทางเหนือประมาณ 160 กิโลเมตรเพื่อเยี่ยมชมฟาร์มว็อชเทาเวอร์. พวกเขาเข้าชมกลุ่มอาคารที่เป็นโรงพิมพ์ขนาดใหญ่ที่นั่น นอกจากนั้น ได้เห็นเนื้อที่เพาะปลูกเพื่อจะมีอาหารสำหรับคณะที่ทำงานร่วมกัน ณ สำนักงานใหญ่. ในตอนบ่าย ครอบครัวนี้ไปเยี่ยมชมศูนย์การศึกษาว็อชเทาเวอร์ ซึ่งยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ตั้งอยู่ใกล้กับแพตเตอร์สัน นิวยอร์ก ซึ่งขับรถจากฟาร์มว็อชเทาเวอร์ไปประมาณหนึ่งชั่วโมง และกลับมาที่ตัวเมืองนิวยอร์กหลังจากพลบค่ำแล้ว.
ในวันรุ่งขึ้น รถลีมูซีนนำพวกเขาไปยังสนามบินเคนเนดีในนิวยอร์กเพื่อบินกลับนิวออร์ลีนส์. ความปรารถนาของโจชัวที่อยากจะเห็น “ที่ที่เขาพิมพ์วารสาร, คัมภีร์ไบเบิล, หนังสือ, และแผ่นพับ” ก็ได้รับสมปรารถนา. ครอบครัววูดรู้สึกขอบคุณอย่างยิ่งต่อโครงการที่ช่วยให้ได้สมปรารถนา ซึ่งออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดสำหรับการเดินทางที่เสริมสร้างฝ่ายวิญญาณ.
ต่อมาอีกสองสามสัปดาห์ ตอนกลางเดือนพฤศจิกายน ขณะอยู่ที่โรงพยาบาลในนิวออร์ลีนส์เพื่อรับการรักษาเป็นประจำทุกเดือน การ์ท บรุกส์ นักร้องยอดนิยมประเภทเพลงคันทรีและเพลงแบบตะวันตก ได้เชิญโจชัวเป็นแขกของตนเพื่อชมการแสดงของเขาที่เมืองมอนโร รัฐหลุยเซียนา. หลังจากการแสดง เมื่อ มร. บรุกส์ได้เชิญโจชัวและคุณพ่อไปพบหลังเวที โจชัวได้มอบหนังสือคู่มือศึกษาพระคัมภีร์เล่มหนึ่งให้เขา ชื่อว่า ท่านจะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปในอุทยานบนแผ่นดินโลก. เมื่อโจชัวถาม มร. บรุกส์ว่าลูกสาวของเขาเป็นอย่างไรบ้าง (เขามีลูกสาวเล็ก ๆ คนหนึ่ง) เขารู้สึกตื้นตันใจอย่างเห็นได้ชัด ที่โจชัวแสดงความสนใจอย่างนั้น.
แน่นอน เป็นสิ่งที่น่าชื่นใจจริง ๆ เมื่อเด็กคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสิ่งที่เขาได้เลือกเอานั้นสะท้อนถึงความสนใจต่อสิ่งฝ่ายวิญญาณ! หากคุณสามารถเลือกได้ตามความปรารถนา คุณจะเลือกสิ่งซึ่งยังประโยชน์ต่อตัวเองและต่อผู้อื่นทางฝ่ายวิญญาณไหม?
[รูปภาพหน้า 16, 17]
ที่ต่าง ๆ ซึ่งโจชัวและครอบครัวไปเยี่ยมชม
ขวา: ศูนย์การศึกษาว็อชเทาเวอร์
ล่าง: กลุ่มอาคารสำนักงานสมาคมว็อชเทาเวอร์
ซ้าย: อาคารเฟอร์แมน เลขที่ 360 ซึ่งมีแผนกจัดส่งด้วย
ล่าง: กลุ่มอาคารโรงพิมพ์
ซ้าย: ฟาร์มว็อชเทาเวอร์และ กลุ่มอาคารโรงพิมพ์