การออกกำลังกายเป็นประโยชน์ต่อผู้สูงอายุไหม?
“การออกกำลังกายเปลี่ยนแปลงขบวนการแก่ลงได้ไหม?” นั่นคือพาดหัวข่าวใน เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ เกือบห้าปีมาแล้ว. บทความนี้รายงานว่า “นักวิทยาศาสตร์การแพทย์จากมหาวิทยาลัยทัฟต์ส [ในบอสตัน] ได้ค้นพบว่าคนที่มีอายุ 90 ปีขึ้นไปอาจแข็งแรงขึ้นหรือกระทั่งเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อให้ใหญ่ขึ้นได้ถ้าพวกเขาออกกำลังกายด้วยการฝึกยกน้ำหนักอย่างเอาจริงเอาจัง.”
หลักฐานซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้สูงอายุสามารถได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงจากการออกกำลังกายมีแต่จะเพิ่มขึ้น. ฮาร์วาร์ด เฮลธ์ เลตเตอร์ ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 1991 รายงานผลการศึกษาในช่วงปี 1990 ว่า “เก้าคน [ที่อาศัยในสถานพยาบาล] ซึ่งมีอายุระหว่าง 87 ถึง 96 ปีได้สำเร็จการฝึกออกกำลังกายอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ด้วยการยกน้ำหนักนานสองเดือน.” เมโย คลินิก นิวตริชัน เลตเตอร์ อธิบายเกี่ยวกับการศึกษานี้ว่า “ผู้เข้าร่วมการฝึกอบรมเพิ่มพลังกล้ามเนื้อขาขึ้นได้เกือบสองเท่า, เพิ่มขนาดกล้ามเนื้อขาอ่อนขึ้นร้อยละ 9 และมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการทดสอบความสามารถด้านการเคลื่อนไหว.”
นักวิจัยรายงานว่า “การสนองตอบอันเป็นที่น่าพอใจต่อการฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพละกำลังของผู้ที่รับการทดสอบนั้นน่าสังเกตในกรณีของผู้สูงอายุ, ผู้มีนิสัยชอบนั่งกับที่นาน ๆ, ผู้เป็นโรคเรื้อรังหลากหลาย และผู้ที่ร่างกายขาดความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และผู้ที่ขาดสารอาหารทางโภชนาการ.” คุณค่าแห่งการออกกำลังกายได้รับการพิสูจน์ยืนยันครั้งแล้วครั้งเล่า.
ลองพิจารณาตัวอย่างของ แจ็ก ซีเบิร์ต วัย 90 ปี ซึ่งประสบอาการเส้นโลหิตในสมองแตกเมื่อปี 1979 จนเป็นอัมพาตซีกขวาและเดินไม่ได้ถ้าไม่มีเครื่องช่วยเดิน. แทบทุกเช้าเป็นเวลากว่าสิบปีเขานอนบนเตียงและยกขาข้างซ้ายที่ไม่เป็นอัมพาตขึ้นแล้วเคลื่อนไหวในท่าถีบจักรยานนานประมาณ 20 นาที. บางครั้งเขาจะวางขาข้างขวาที่เป็นอัมพาตบนขาข้างซ้าย (ดังที่เห็นในภาพ) และหมุนขาทั้งสองไปด้วยกัน. การออกกำลังกายสม่ำเสมอเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มกำลังให้กล้ามเนื้อขาจนเขายังคงสามารถเดินได้ด้วยเครื่องช่วยเดิน แต่ยังช่วยรักษาระบบหลอดเลือดหัวใจของเขาและช่วยเขาให้มีความตื่นตัวทางด้านจิตใจ.
ดังนั้น จงจำไว้ว่า ไม่เคยมีคำว่าสายเกินไปที่จะเริ่มต้นออกกำลังกาย. จริงอยู่ คุณอาจไม่ถึงกับลงวิ่งบอสตัน มาราธอน—การวิ่งแข่งระยะทาง 42 กิโลเมตร—ด้วยเวลาห้าชั่วโมงห้านาที ดังที่ จอห์น เคลลี วัย 82 ปีทำไว้ในปี 1990. หรือคุณคงไม่สามารถวิ่งจนครบระยะนั้นได้ในเวลาเจ็ดชั่วโมงเก้านาที ดังที่คุณทวด เมวิส ลินด์เกร็น ทำไว้ในปี 1991. แต่กระนั้น วารสาร เซอร์คิวเลชัน ของสมาคมหัวใจแห่งอเมริกาได้รบเร้าเมื่อปีที่แล้วว่า “เป็นสิ่งสำคัญในการเพาะนิสัยมองหาวิธีที่จะเป็นคนกระฉับกระเฉง.”
วารสารนั้นอธิบายว่า “แม้แต่การออกกำลังกายเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ทำเป็นประจำทุกวันก็สามารถก่อผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวและลดอัตราเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ. การออกกำลังกายเช่นนั้นรวมถึงการเดินเล่น, การทำสวน, การตกแต่งสนาม, งานบ้าน, เต้นรำและการออกกำลังกายในบ้านตามที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ.”
[รูปภาพหน้า 23]
ผู้สูงอายุที่พิการสามารถรับประโยชน์จากการออกกำลังกาย ดังที่ผู้ป่วยเส้นโลหิตแตกในสมองวัย 90 ปี รายนี้ได้รับ.