การเพ่งดูโลก
แม่วัยรุ่น
แต่ละปีผู้หญิงทั่วโลกกว่า 15 ล้านคนอายุระหว่าง 15 ถึง 20 ปี ให้กำเนิดบุตร ประมาณการโดย โปปูลี วารสารของกองทุนประชากรสหประชาชาติ. ตัวเลขนี้ไม่รวมเด็กหญิงอายุน้อยกว่า 15 ปี อีกทั้งไม่ครอบคลุมไปถึงการทำแท้งหรือการแท้งลูก. ในแอฟริกาเพียงแห่งเดียวประมาณ 28 เปอร์เซ็นต์ของผู้หญิงทั้งหมดให้กำเนิดบุตรก่อนอายุ 18 ปี. ผู้ทำการวิจัยกล่าวว่า ในบรรดาเหตุผลต่าง ๆ ที่ทำให้การตั้งครรภ์ของวัยรุ่นเพิ่มขึ้นในทวีปนั้นก็คือความไม่รู้ประสีประสาเกี่ยวกับเรื่องราวทางเพศ, การสมรสตั้งแต่อายุยังน้อย, และปัญหาทางเศรษฐกิจซึ่งล่อใจสาววัยรุ่นให้เป็นนางบำเรอผู้ชายมั่งคั่งเจ้าสำราญที่ชอบทุ่มเงินเพื่อหญิงสาว. โปปูลี กล่าวว่า “ผู้หญิงวัยรุ่นไม่เพียงแต่เสี่ยงต่อความตายตอนตั้งครรภ์และคลอดบุตรถึงสองเท่าโดยเฉลี่ยเมื่อเทียบกับผู้หญิงอายุ 20-34 ปี แต่ทารกของมารดาวัยรุ่นยังมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าด้วย.”
คอมพิวเตอร์ช่วยคนหูหนวก
ระบบคอมพิวเตอร์แบบหนึ่งที่เพิ่งพัฒนาขึ้นมา อีกไม่นานอาจช่วยคนหูหนวกให้เรียนรู้การพูดอย่างปกติ. สำหรับคนหูหนวก การเรียนรู้วิธีพูดแทบจะเหมือนกับการเรียนภาษาต่างประเทศ. ข้อเท็จจริงดังกล่าวช่วยจุดประกายการพัฒนาโปรแกรมนี้โดยศูนย์ค้นคว้าเกี่ยวกับเทคโนโลยีทางภาษา ณ มหาวิทยาลัยแห่งเอดินบะระ สกอตแลนด์. รายงานจากสำนักข่าว อชอง ฝรั่งเศส-เปรส กล่าวว่า คอมพิวเตอร์ระบบนี้จะวิเคราะห์คำพูดของนักเรียนและแสดงให้เห็นทันทีว่าต้องแก้ไขและปรับปรุงตรงไหนเพื่อออกเสียงถูกต้อง. นอกจากนั้น โปรแกรมนี้จะมีบทเรียนเป็นชุดเพื่อช่วยคนหูหนวกปรับปรุงท่วงทำนองและจังหวะการพูดทีละเล็กทีละน้อย. อนึ่ง ระบบนี้จะมีการปรับเพื่อสอนภาษาต่างประเทศแก่นักเรียนหูหนวกด้วยเช่นกัน.
การตายของนกเป็นสัญญาณเตือน
ขณะที่นกชนิดซึ่งทนทาน—เช่นนกกระจอก, นกเอี้ยงสาลิกา, อีกา—เจริญเฟื่องฟูภายใต้สภาพการณ์ที่ทารุณ แต่ความเป็นอยู่ของนกส่วนใหญ่ในโลกไม่ราบรื่น. จากจำนวนนก 9,600 ชนิด 70 เปอร์เซ็นต์กำลังน้อยลงและ 1,000 ชนิดอาจต้องสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้. “สิ่งที่น่าตกใจ นอกเหนือจากการสูญเสียโดยตรงซึ่งกำลังเกิดขึ้นก็คือ ต่างจากรูปแบบชีวิตชนิดอื่น ๆ หลายอย่าง นกเป็นตัวบ่งชี้โดยเฉพาะถึงสุขภาพของสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ—และระบบนิเวศทั้งหมด.” เป็นคำกล่าวของวารสาร เวิลด์ ว็อช. “สิ่งที่เราเห็น ไม่ใช่เพียง คำเตือน ถึงการเสื่อมโทรมที่จวนจะเกิดขึ้น แต่เป็นส่วนหนึ่งของการเสื่อมโทรมเอง—การฉีกทำลายเครือข่ายระบบนิเวศซึ่งช่วยธำรงสุขอนามัยของดาวเคราะห์นี้ให้สมดุล.” นกช่วยปราบสัตว์และแมลงที่เป็นภัย, ผสมเกสรของพืช, และช่วยในการปลูกป่าโดยกระจายเมล็ดต้นไม้ออกไปด้วยมูลของมัน. แต่ชีวิตของนกถูกคุกคามและที่อยู่อาศัยถูกทำลายเมื่อมนุษย์เปลี่ยนภูมิประเทศโดยตัดโค่นป่าไม้, ใช้ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และไถทำนา, ระบายน้ำจากที่ลุ่มชื้นแฉะ, ล้างผลาญพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลด้วยโครงการเขื่อนมหึมา—ยังไม่ได้เอ่ยถึงการฆ่านกโดยตรงด้วยการล่า, การใช้เคมีเกินขนาด, ของเสียที่เป็นพิษ, และการไหลทะลักของน้ำมัน. “อัตรากระชั้นของการสูญพันธุ์นก—รวมทั้งบรรดาสัตว์และพืชอื่น ๆ—ดูเหมือนส่อแววจะเร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว” บทความนี้ให้ข้อสังเกต.
ยูเอ็นล้มเหลว
“เป็นความล้มเหลวไม่ใช่เฉพาะของสหประชาชาติเท่านั้น แต่เป็นความล้มเหลวของชุมชนนานาชาติ. และเราทุกคนต้องรับผิดชอบสำหรับความล้มเหลวนี้” เป็นคำโอดครวญของนายบูโตรส บูโตรส-กาลี เลขาธิการสหประชาชาติ ขณะพูดถึงการสังหารหมู่ในประเทศรวันดา. “สิ่งที่ได้กระทำคือการทำลายล้างชาติพันธุ์. ผู้คนมากกว่า 200,000 ถูกฆ่าไปแล้ว และชุมชนนานาชาติยังมัวถกกันอยู่ว่าควรทำอะไร.” ดังที่ได้รายงานเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม เลขาธิการผู้นี้บอกว่าท่านได้เขียนถึงบรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ กว่า 30 คนและวิงวอนให้เขาส่งทหารไป และท่านได้ทำงานร่วมกับองค์การต่าง ๆ เพื่อหาวิธีแก้. ท่านกล่าวเพิ่มเติมว่า “น่าเสียดาย ข้าพเจ้าประสบความล้มเหลว. เป็นเรื่องอัปยศอดสู. ข้าพเจ้าเป็นคนแรกที่ยอมรับในเรื่องนี้.” ไม่กี่ประเทศในแอฟริกาสามารถรับภาระค่าใช้จ่ายจากการส่งกองทหาร โดยเฉพาะเนื่องจากยูเอ็นได้ผัดเลื่อนการจ่ายคืน เพราะตัวเองก็มีปัญหาทางการเงิน. ประเทศตะวันตกส่วนใหญ่บอกปัดไม่เข้าเกี่ยวข้อง และประธานาธิบดีสหรัฐ บิล คลินตัน กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลในการใช้กำลังทหารของอเมริกาเมื่อคำนึงถึงผลได้ผลเสีย. นายบูโตรส-กาลี โทษ “ความเหนื่อยหน่ายของผู้บริจาค” เนื่องจากชาติต่าง ๆ ที่จัดหาบุคลากรและเงินได้รับการขอให้บริจาคสำหรับปฏิบัติการที่แตกต่างกันถึง 17 อย่างของสหประชาชาติ.—เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์.
ไม่มีคำอธิบายจากแง่ของมนุษย์
“มีคำอธิบายใด ๆ ไหมสำหรับความกระหายเลือดอย่างฉับพลันน่าสยดสยองของรวันดา?” เป็นคำถามของ เดอะ อิโคโนมิสต์ แห่งลอนดอน. “แม้แต่ความเป็นปฏิปักษ์กัน [ทางชาติพันธุ์] ชนิดยืนยาวนมนานก็ไม่ช่วยอธิบายการเข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหด.” ถึงแม้เผ่าทุตซีและเผ่าฮูตูอาจดูต่างกันบ้าง แต่พวกเขาก็อยู่เคียงข้างกันและกันเป็นเวลาหลายศตวรรษ อีกทั้งมีภาษาและวัฒนธรรมร่วมกัน. บทความนั้นเปรียบความแตกต่างทางเผ่าของพวกเขากับความแตกต่างระหว่างชาวสกอตและชาวอังกฤษ. “กระนั้น บัดนี้พวกเขาหันมาสู้กัน ไม่ใช่ด้วยปืนครกหรือปืนไรเฟิลพิสัยไกลแบบไม่ถึงตัว แต่ด้วยมีดพร้า, จอบ, กระบอง, และมือเปล่า. เพื่อนบ้านฆ่าเพื่อนบ้าน กระทั่งผู้ที่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่วัยเด็ก. ผู้ชาย, ผู้หญิง, และเด็ก ๆ ถูกสังหารไม่เลือกหน้า. ทำไม? ดูเหมือนไม่มีใครบอกได้เลย.”
สิ่งประดิษฐ์สมัยสงครามโลก ครั้งที่หนึ่งทำให้รถไฟตกราง
สิ่งประดิษฐ์สมัยสงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้ขบวนรถไฟที่การรถไฟแห่งฝรั่งเศสภาคภูมิใจตกราง นั่นคือ ทีจีวี (รถไฟความเร็วสูง) บนเส้นทางสายปารีส-วาเลนเซียที่เพิ่งเปิดใหม่สู่ทางเหนือของฝรั่งเศส. เลอ มองด์ หนังสือพิมพ์แห่งปารีสรายงานว่า อุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นเมื่อห้องใต้ดินที่ไม่เคยค้นพบมาก่อนซึ่งอยู่ใต้รางของ ทีจีวี พังทลายอย่างฉับพลัน. บริเวณที่เกิดอุบัติเหตุเคยเป็นสมรภูมินองเลือดที่สุดแห่งหนึ่งของสงครามระหว่างปี 1914-1918 ได้แก่ยุทธการซอมม์. แม้ว่าแทบไม่มีทางตรวจพบจากพื้นดิน แต่ทางเดินใต้ดิน, สนามเพลาะที่กลบแล้ว, และหลุมลูกระเบิด—สิ่งหลงเหลือจากยุทธวิธีสนามเพลาะของสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง—เกลื่อนกลาดทั่วทั้งบริเวณนั้น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคนิคถูกส่งไปตรวจฐานรองรับรางรถไฟอย่างละเอียดเพื่อบริเวณอื่นในเส้นทางรถไฟที่อาจเป็นอันตรายจะได้รับการชี้ตำแหน่งและเสริมให้แข็งแรง.
หมีลี้ภัย
มนุษย์ไม่ใช่พวกเดียวที่แสวงหาแหล่งลี้ภัยจากความบอบช้ำของสงคราม. “ด้วยความตกใจจากสงครามยืดเยื้อในอดีตยูโกสลาเวีย หมีสีน้ำตาลกำลังอพยพออกจากป่าไม้ที่เขียวตลอดปีในบอสเนียและมุ่งไปทางทิศเหนือสู่ประเทศอิตาลี” นิว ไซเยนติสต์ กล่าว. “นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในอิตาลีและสโลวีเนียได้ผนึกกำลังกันเพื่อพยายามคุ้มครองหมีลี้ภัย.” อย่างไรก็ตาม หมีเหล่านั้นได้พบอันตรายอื่นจากมนุษย์. หมีอพยพหลายตัวถูกรถยนต์บนทางหลวงของอิตาลีและสโลวีเนียชนตาย. บ้างก็ถูกฆ่าหลังจากจู่โจมปศุสัตว์หรือถูกฆ่าโดยพวกลักลอบล่าสัตว์. ชาวนาในสโลวีเนียได้รับอนุญาตตามกฎหมายที่จะฆ่าสัตว์ซึ่งทำลายพืชผลหรือจู่โจมปศุสัตว์ของตน. มีการเรี่ยไรเงินเพื่อจัดหาอาหารแก่หมีเหล่านั้นและด้วยวิธีนี้จึงช่วยมันให้อยู่ต่อไปในบริเวณที่ได้รับการคุ้มครอง.
ความรื่นเริงที่เป็นอันตราย
“การฆ่าคนเพิ่มขึ้น 58 เปอร์เซ็นต์ในช่วงของคาร์นิวาล” หนังสือพิมพ์ โอ เอสตาโด เดอ เซา เปาโล รายงาน. ในเมืองเซาเปาโล “มีการฆ่าคน 79 รายและพยายามฆ่า 124 ราย.” นอกจากนั้นมีการปล้น 2,227 ราย (227 รายในปี 1993) และการประทุษร้าย 807 ราย (282 รายในปี 1993) ในระหว่างห้าวันเหล่านั้น ขณะที่ “ขโมยจู่โจมบ้าน, ห้างร้าน, โรงงานอุตสาหกรรม, และผู้คนบนท้องถนน.” มีการฆ่าตัวตาย 37 รายและการข่มขืน 25 ราย. “ในเมืองริโอเดอจาเนโร ตำรวจพลเรือนรายงานว่าความรุนแรงเพิ่มขึ้น 14 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับคาร์นิวาลปี 1993. มีการฆาตกรรม 63 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10 ราย.” เมื่อเขียนเกี่ยวกับ “ความเสี่ยงของคาร์นิวาล” ในหนังสือพิมพ์ เจอร์นัล โด บราซิล คาร์ดินัลอาร์ชบิชอปแห่งริโอเดอจาเนโรชื่อ เอวเชนโย เดอ อาเราโช ซาเลส กล่าวว่า “คริสตจักรนี้ไม่คัดค้านคาร์นิวาลฐานะความบันเทิงและการแสดงความยินดี ทั้งสองมีประโยชน์ต่อความสมดุลทางจิตใจของผู้คน. แน่ละ คริสตจักรถือว่าการละเมิดกฎหมายทางศีลธรรมเป็นสิ่งผิด ซึ่งเราต้องอยู่ใต้กฎหมายนั้น จะชอบหรือไม่ก็ตาม.”
ฆาตกรรมด้วยปืนพก
ผู้คนที่ถูกฆ่าด้วยปืนพกในปี 1992 มีเท่าไร? ตามสถิติที่ออกข่าวเมื่อไม่นานมานี้ ในออสเตรเลียมี 13 คน, ในบริเตน 33 คน, ในแคนาดา 128 คน, ในญี่ปุ่น 60 คน, ในสวีเดน 36 คน, ในสวิตเซอร์แลนด์ 97 คน, และในสหรัฐจำนวนมหาศาล 13,220 คน. ตามรายงานใน อินเตอร์แนชันแนล เฮรัลด์ ทริบูน มีผู้เสียชีวิต 38,317 รายด้วยปืน จากการฆ่าคนอื่น, ฆ่าตัวเอง, และจากอุบัติเหตุในสหรัฐระหว่างปี 1991—ตายมากกว่า 100 รายแต่ละวัน. ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ บิล คลินตัน ได้พูดถึงโรงพยาบาลแห่งหนึ่งซึ่งการรับคนไข้ที่บาดเจ็บด้วยกระสุนปืนเพิ่มขึ้นจาก 449 รายเป็น 1,220 รายภายในเวลาเพียงห้าปี. ทั้ง ๆ ที่มีการสังหารนี้ ประดาผู้ผลิตก็ผลิตปืนพกกระบอกใหม่ออกมาหนึ่งกระบอกต่อทุก ๆ 20 วินาที.