หลายล้านชีวิตสูญสลายไปกับควันบุหรี่
มันเป็นหนึ่งในสินค้าบริโภคที่ขายดีที่สุดในโลก. มันมีผู้ซื้อที่ภักดีมากมายและมีตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว. บริษัทผู้ผลิตกระหยิ่มยิ้มย่องต่างโอ้อวดผลกำไรงาม, อิทธิพลทางการเมืองและเกียรติภูมิ. ปัญหาเพียงอย่างเดียวคือ ลูกค้าที่ดีที่สุดกำลังเสียชีวิตเรื่อย ๆ!
วารสาร ดิ อิโคโนมิสต์ ให้ข้อสังเกตว่า “บุหรี่อยู่ในจำพวกผลิตภัณฑ์บริโภคที่ทำผลกำไรสูงสุดของโลก. อนึ่ง บุหรี่เป็นผลิตภัณฑ์ (ถูกกฎหมาย) อย่างเดียวที่เมื่อใช้ตามความมุ่งหมาย จะทำให้ผู้ใช้ส่วนใหญ่ติดและมักจะทำให้พวกเขาเสียชีวิต.” ทั้งนี้หมายถึงผลกำไรมากมายแก่บริษัทยาสูบ แต่เป็นความสูญเสียใหญ่หลวงแก่ลูกค้า. ตามรายงานจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ ในแต่ละปี ช่วงชีวิตของนักสูบบุหรี่ชาวอเมริกันถูกทอนลงราว ๆ ห้าล้านปี คำนวณอย่างคร่าว ๆ คือชีวิตสั้นลงหนึ่งนาทีต่อทุกนาทีที่สูบบุหรี่. วารสารนิวส์วีก รายงานว่า “ในปีหนึ่ง ๆ การสูบบุหรี่ฆ่าคนอเมริกัน 420,000 คน. นั่นคือ มากถึง 50 เท่าของจำนวนที่ยาผิดกฎหมายฆ่า.”
ทั่วโลก มีสามล้านคนในหนึ่งปี—หกคนในทุกนาที—เสียชีวิตเนื่องจากการสูบบุหรี่ ตามที่กล่าวในหนังสือการเสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ในประเทศพัฒนาแล้ว ปี 1950—2000 (ภาษาอังกฤษ) จัดพิมพ์โดยกองทุนวิจัยมะเร็งแห่งจักรวรรดิบริเตน, องค์การอนามัยโลก (WHO), และสมาคมมะเร็งแห่งอเมริกา. การวิเคราะห์แนวโน้มการสูบบุหรี่ของโลกครั้งนี้ครอบคลุมกว้างที่สุดจนถึงปัจจุบัน ถึง 45 ประเทศ. ริชาร์ด พีโท แห่งกองทุนวิจัยมะเร็งของจักรวรรดิบริเตนเตือนว่า “ในประเทศส่วนใหญ่ สภาพการณ์จะยิ่งเลวร้ายหนักขึ้น. หากรูปแบบการสูบบุหรี่ปัจจุบันนี้ยังมีอยู่ต่อไป แล้วเมื่อถึงเวลาที่นักสูบอายุน้อยสมัยนี้ย่างเข้าสู่วัยกลางคนหรือวัยชรา ในปีหนึ่ง ๆ จะมีประมาณ 10 ล้านคนตายเนื่องจากยาสูบ นั่นคือหนึ่งคนต่อทุกสามวินาที.”
นายแพทย์อลัน โลเปซ แห่งองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า “การสูบบุหรี่ไม่เหมือนอันตรายอย่างอื่น. ในที่สุดแล้วมันจะทำให้นักสูบหนึ่งในสองคนตาย.” มาร์ติน เวสซี แห่งคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด กล่าวในทำนองเดียวกันว่า “การค้นพบเหล่านี้ตลอดช่วง 40 ปีนำมาสู่ผลสรุปอันน่าสะพรึงกลัวที่ว่า ในที่สุด ครึ่งหนึ่งของนักสูบทั้งหมดจะเสียชีวิตเนื่องด้วยนิสัยของตน—เป็นเรื่องน่าตกใจจริง ๆ.” ตั้งแต่ทศวรรษปี 1950 มี 60 ล้านคนตายไปแล้วเนื่องจากการสูบบุหรี่.
เป็นเรื่องน่าตกใจเช่นกันสำหรับบริษัทยาสูบทั้งหลาย. หากขณะนี้แต่ละปีมีสามล้านคนทั่วโลกตายจากสาเหตุที่เกี่ยวกับการสูบบุหรี่ และคนอื่นหลายคนเลิกสูบ ก็ต้องหานักสูบหน้าใหม่อีกสามล้านคนต่อปี.
แหล่งหนึ่งได้ผุดขึ้นมาเนื่องจากสิ่งที่บริษัทยาสูบยินดีรับรองว่าเป็นการให้เสรีภาพแก่สตรี. การที่สตรีสูบบุหรี่เป็นข้อเท็จจริงไปหลายปีแล้วในประเทศทางตะวันตก และบัดนี้กำลังแพร่เข้าสู่ที่ต่าง ๆ ซึ่งเคยถือกันว่าการที่ผู้หญิงสูบบุหรี่เป็นเรื่องเสื่อมเสีย. บริษัทยาสูบมุ่งจะเปลี่ยนความคิดทั้งหมดนั้น. พวกเขาต้องการช่วยผู้หญิงให้ชื่นชมกับความมั่งคั่งและเสรีภาพที่ตนพบใหม่. บุหรี่ยี่ห้อพิเศษที่อ้างว่ามีน้ำมันดินและนิโคตินต่ำล่อใจพวกผู้หญิงที่สูบบุหรี่และที่เห็นว่าบุหรี่เช่นนั้นฉุนน้อยกว่า. บุหรี่อื่น ๆ ใส่กลิ่นหอมหรือไม่ก็มีรูปทรงเพรียวยาว—รูปร่างที่พวกผู้หญิงหวังจะมีด้วยการสูบบุหรี่. การโฆษณายาสูบในเอเชียเน้นนายแบบนางแบบวัยรุ่นชาวเอเชียหุ่นเท่แต่งกายยั่วยวนด้วยชุดเก๋ ๆ แบบตะวันตก.
กระนั้นก็ตาม อัตราการตายเนื่องจากการสูบบุหรี่ก็เพิ่มขึ้นพอ ๆ กับ “เสรีภาพ” ที่ให้แก่สตรี. จำนวนผู้หญิงที่เป็นมะเร็งปอดก็เพิ่มเป็นสองเท่าใน 20 ปีหลังนี้ในบริเตน, ญี่ปุ่น, นอร์เวย์, โปแลนด์, และสวีเดน. ในสหรัฐและแคนาดา อัตราการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้นถึง 300 เปอร์เซ็นต์. “เธอไปได้สวย แม่น้องสาว!” โฆษณาบุหรี่ยี่ห้อหนึ่งป่าวประกาศ.
บริษัทยาสูบบางรายมีกลเม็ดของตนเอง. บริษัทหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งคนส่วนใหญ่เป็นชาวคาทอลิกได้แจกปฏิทินฟรีซึ่งมีภาพวาดพระแม่มาเรียกับคำโฆษณายี่ห้อบุหรี่อยู่ใต้ภาพนั้นอย่างโจ่งแจ้ง. แพทย์หญิงโรสแมรี เออร์เบิน ที่ปรึกษาชาวเอเชียขององค์การอนามัยโลกกล่าวว่า “ดิฉันไม่เคยเห็นอย่างนี้มาก่อนเลย. พวกเขากำลังพยายามผูกโยงภาพนั้นกับยาสูบ เพื่อทำให้ผู้หญิงฟิลิปปินส์สบายใจกับความคิดเรื่องการสูบบุหรี่.”
ในประเทศจีน ประมาณ 61 เปอร์เซ็นต์ของชายที่เป็นผู้ใหญ่สูบบุหรี่ ขณะที่มีผู้หญิงเพียง 7 เปอร์เซ็นต์ที่สูบ. บริษัทยาสูบทางตะวันตกจับตามอง “การให้เสรีภาพ” แก่สุภาพสตรีชาวตะวันออกที่น่ารักเหล่านี้ ซึ่งหลายล้านคนไม่เคยมี “ความเพลิดเพลิน” แบบพี่สาวชาวตะวันตกที่พราวเสน่ห์มานานเต็มที. แต่อุปสรรคใหญ่อย่างหนึ่งก็คือ บริษัทยาสูบของรัฐบาลเองเป็นผู้จัดจำหน่ายบุหรี่ส่วนใหญ่.
อย่างไรก็ตาม บริษัทตะวันตกค่อย ๆ เปิดช่องทางการค้าที่ละขั้น. ด้วยโอกาสโฆษณาที่มีจำกัด บริษัทยาสูบบางบริษัทหาทางเตรียมลูกค้าในอนาคตของตนด้วยวิธีแยบยล. ประเทศจีนสั่งเข้าภาพยนตร์จากฮ่องกง และในภาพยนตร์เหล่านั้นหลายเรื่อง นักแสดงถูกจ้างให้สูบบุหรี่ นั่นคือวิธีขายที่นุ่มนวล!
เนื่องด้วยการต่อต้านการสูบบุหรี่ที่กำลังเพิ่มขึ้นในประเทศของตน บริษัทยาสูบที่มั่งคั่งของอเมริกากำลังยื่นอุ้งมือของตนออกจับเหยื่อใหม่ ๆ. ข้อเท็จจริงแสดงว่า พวกเขาเล็งเป้ามรณะที่ประเทศกำลังพัฒนา.
เจ้าหน้าที่อนามัยทั่วโลกส่งสัญญาณเตือน. พาดหัวข่าวต่าง ๆ แถลงดังนี้: “แอฟริกาต่อสู้โรคระบาดชนิดใหม่—การสูบบุหรี่.” “ควันบุหรี่กลายเป็นไฟเผาในเอเชียขณะที่การค้าบุหรี่เจริญรุ่งเรือง.” “อัตราการสูบบุหรี่ในเอเชียจะนำไปสู่การระบาดของโรคมะเร็ง.” “การต่อสู้อย่างใหม่ของประเทศในโลกที่สามคือ ต่อสู้กับยาสูบ.”
ทวีปแอฟริกาถูกกระหน่ำด้วยความแห้งแล้ง, สงครามกลางเมือง, และโรคเอดส์มาแล้ว. กระนั้น ดร. คีท บอลล์ แพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะโรคหัวใจชาวบริเตน กล่าวว่า “นอกจากสงครามนิวเคลียร์หรือการขาดแคลนอาหารแล้ว การสูบบุหรี่คือภัยคุกคามใหญ่ที่สุดประการเดียวต่อสุขภาพของแอฟริกาในอนาคต.”
เหล่าบริษัทข้ามชาติขนาดยักษ์จ้างกสิกรท้องถิ่นปลูกยาสูบ. กสิกรเหล่านั้นตัดต้นไม้ที่จำเป็นอย่างมากสำหรับใช้หุงต้มอาหาร, ให้ความร้อน, และสร้างบ้าน แล้วใช้ต้นไม้เหล่านั้นเป็นเชื้อเพลิงสำหรับบ่มใบยา. พวกเขาปลูกต้นยาสูบที่ให้ผลกำไรมากแทนพืชพันธุ์ธัญญาหารซึ่งให้ผลกำไรน้อยกว่า. โดยทั่วไปแล้ว ชาวแอฟริกาที่ยากจนใช้จ่ายเงินรายได้ส่วนใหญ่ของเขาซึ่งไม่ค่อยพอใช้อยู่แล้วไปกับบุหรี่. ดังนั้น ครอบครัวชาวแอฟริกาจึงผอมแห้งเนื่องจากทุโภชนาการ ขณะที่หีบเงินของบริษัทยาสูบทางตะวันตกใหญ่ขึ้น ๆ จากผลกำไรนั้น.
แอฟริกา, ยุโรปตะวันออก, และลาตินอเมริกา ล้วนเป็นเป้าหมายของเหล่าบริษัทยาสูบทางตะวันตก ซึ่งเห็นว่าโลกที่กำลังพัฒนาเป็นช่องทางธุรกิจอันมหึมา. แต่เอเชียซึ่งมีประชากรมากมายเป็นแหล่งทำเงินใหญ่ที่สุด. ปัจจุบัน จีนประเทศเดียวมีผู้สูบบุหรี่มากกว่าประชากรทั้งหมดของสหรัฐเสียอีก คือมีถึง 300 ล้านคน. น่าตกใจ พวกเขาสูบบุหรี่ถึง 1.6 ล้านล้านมวนต่อปี หนึ่งในสามของทั้งหมดที่สูบกันในโลก!
หนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานดังนี้: “พวกแพทย์กล่าวว่า ผลที่เกิดแก่สุขภาพอันเนื่องมาจากการที่ยาสูบแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วในเอเชียเป็นสิ่งน่ากลัวจริง ๆ.” ริชาร์ด พีโท ประมาณว่า จากสิบล้านคนที่คาดว่าจะเสียชีวิตเนื่องจากการสูบบุหรี่ในสองหรือสามทศวรรษหน้านั้น จะมีสองล้านคนอยู่ในจีนประเทศเดียว. เด็กชาวจีนห้าสิบล้านคนที่มีชีวิตอยู่เดี๋ยวนี้อาจเสียชีวิตเพราะโรคที่เกี่ยวเนื่องกับการสูบบุหรี่ พีโท บอก.
นายแพทย์ไนเจล เกรย์ สรุปดังนี้: “ประวัติการสูบบุหรี่ตลอดช่วงห้าทศวรรษในจีนและยุโรปตะวันออกทำให้ประเทศเหล่านั้นรับโทษด้วยการระบาดใหญ่ของโรคที่เกิดจากบุหรี่.”
นายแพทย์ประกิต วาธีสาธกกิจ แห่งโครงการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่แห่งประเทศไทยถามว่า “ผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นสาเหตุของการตายก่อนวัยอันควรของ 400,000 คนในแต่ละปีในสหรัฐ ผลิตภัณฑ์ซึ่งรัฐบาลสหรัฐกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อช่วยพลเมืองของตนให้เลิกนั้น จะกลายเป็นสิ่งปราศจากอันตรายนอกเขตแดนอเมริกาอย่างฉับพลันได้อย่างไรกัน? สุขภาพกลายเป็นคนละเรื่องเลยหรือในเมื่อผลิตภัณฑ์เดียวกันถูกส่งออกไปยังประเทศอื่น ๆ?”
ธุรกิจบุหรี่ที่กำลังพัฒนามีรัฐบาลสหรัฐเป็นพรรคพวกทรงอำนาจ. พวกเขาต่อสู้ร่วมกันเพื่อจะได้ฐานมั่นคงในต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดเอเชีย. เป็นเวลาหลายปีที่บุหรี่อเมริกันถูกห้ามนำเข้าญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ไทย, และประเทศอื่น ๆ ซึ่งรัฐบาลของบางประเทศมีการผูกขาดผลิตภัณฑ์ยาสูบของตนเอง. ชมรมต่อต้านการสูบบุหรี่คัดค้านการนำเข้า แต่รัฐบาลสหรัฐก็ได้กวัดแกว่งอาวุธทรงพลัง คือภาษีศุลกากรเพื่อลงโทษทางการค้า.
ตั้งแต่ปี 1985 ภายใต้ความกดดันอย่างหนักจากรัฐบาลสหรัฐ หลายประเทศในเอเชียได้เปิดทางให้ และบุหรี่อเมริกันก็ได้หลั่งไหลเข้ามา. บุหรี่อเมริกันที่ส่งออกยังเอเชียเพิ่มขึ้นถึง 75 เปอร์เซ็นต์ในปี 1988.
อาจเป็นได้ว่า เหยื่อที่น่าสมเพชเวทนามากที่สุดของสงครามการค้าบุหรี่คือพวกเด็ก ๆ. การสำรวจรายหนึ่งซึ่งมีรายงานในวารสารแพทยสมาคมแห่งอเมริกา บอกว่า “เด็ก ๆ และวัยรุ่นประกอบเป็น 90 เปอร์เซ็นต์ของนักสูบบุหรี่หน้าใหม่ทั้งหมด.”
บทความหนึ่งในยู. เอส. นิวส์ แอนด์ เวิลด์ รีพอร์ต ประมาณว่าจำนวนนักสูบบุหรี่วัยรุ่นในสหรัฐมีถึง 3,100,000 คน. ทุกวันมีผู้เริ่มสูบรายใหม่ 3,000 คน นั่นคือปีละ 1,000,000 คน.
โฆษณาบุหรี่รายหนึ่งเสนอภาพอูฐเป็นการ์ตูนตลกน่ารักชอบสนุกซึ่งมักคาบบุหรี่หมิ่น ๆ ที่ริมฝีปาก. โฆษณาบุหรี่นี้ถูกกล่าวหาว่าล่อใจคนหนุ่มสาวให้ตกเป็นทาสนิโคติน ก่อนที่พวกเขาจะเข้าใจถึงอันตรายต่าง ๆ ที่มีต่อสุขภาพ. ภายในสามปีที่ใช้โฆษณาดังกล่าว บริษัทบุหรี่นี้มียอดขายแก่คนหนุ่มสาวเพิ่มถึง 64 เปอร์เซ็นต์. การศึกษาค้นคว้ารายหนึ่งที่วิทยาลัยแพทย์จอร์เจีย (สหรัฐ) พบว่า 91 เปอร์เซ็นต์ของเด็กวัยหกขวบที่ถูกสอบถามจำภาพการ์ตูนสูบบุหรี่นั้นได้.
สัญลักษณ์บุหรี่ยอดนิยมอีกอย่างหนึ่งคือโคบาลลูกผู้ชายซึ่งท่องเที่ยวไปตามใจตัว ข่าวสารของเขา ตามที่วัยรุ่นคนหนึ่งบอก คือว่า “เมื่อคุณกำลังสูบบุหรี่ ก็ไม่มีใครจะหยุดคุณได้.” กล่าวกันว่า ผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคที่มียอดขายสูงที่สุดในโลก ก็คือบุหรี่ยี่ห้อหนึ่งซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดในหมู่นักสูบวัยรุ่นถึง 69 เปอร์เซ็นต์และเป็นยี่ห้อที่มีการโฆษณามากที่สุด. คูปอง ตัวเพิ่มแรงจูงใจให้ซื้อ มาพร้อมกับบุหรี่แต่ละซองเพื่อใช้แลกยีนส์, หมวก, และชุดกีฬาซึ่งหนุ่มสาวนิยมกันมาก.
ด้วยตระหนักถึงพลังมากมายของการโฆษณา ชมรมต่อต้านการสูบบุหรี่ได้ประสบผลสำเร็จในการทำให้มีการห้ามโฆษณาบุหรี่ทางโทรทัศน์และทางวิทยุในหลายประเทศ. แต่ทางหนึ่งที่นักโฆษณาบุหรี่สมองใสใช้เล่ห์เหลี่ยมเอาชนะมาตรการนั้นก็คือโดยใช้กลเม็ดการติดตั้งแผ่นป้ายโฆษณา ณ การแข่งขันกีฬาต่าง ๆ. ดังนั้น การแข่งขันที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ซึ่งมีผู้ชมหนุ่มสาวมากมายอาจแสดงภาพนักกีฬาที่พวกเขาชื่นชอบในท่ากำลังจะเล่นอยู่ฉากหน้า และป้ายโฆษณาบุหรี่ขนาดใหญ่เด่นหราแฝงอยู่ในฉากหลัง.
ณ จุดต่าง ๆ ในตัวเมืองหรือหน้าโรงเรียน พวกผู้หญิงที่แต่งตัวเก๋ด้วยชุดกระโปรงสั้นหรือชุดโคบาลหรือชุดซาฟารี ยื่นบุหรี่ฟรีให้วัยรุ่นที่สนใจใคร่รู้หรืออยากรู้อยากเห็น. ตามศูนย์วีดิโอเกม, ดิสโก, และการแสดงดนตรีร็อก ก็มีการส่งผ่านบุหรี่ตัวอย่างให้อย่างไม่อั้น. แผนการตลาดของบริษัทหนึ่งที่ได้รั่วไหลถึงหนังสือพิมพ์เผยให้เห็นว่า บุหรี่ยี่ห้อหนึ่งในแคนาดามุ่งเป้าขายยังผู้ชายที่พูดภาษาฝรั่งเศสอายุตั้งแต่ 12 ถึง 17 ปี.
ข่าวสารที่สะดุดหูสะดุดตาคือที่ว่า การสูบบุหรี่ทำให้ มีความเพลิดเพลิน, มีพลานามัยดี, มีสมรรถภาพทางเพศ, และเป็นที่นิยมชมชอบ. ที่ปรึกษาด้านโฆษณาคนหนึ่งกล่าวว่า “ในที่ที่ผมทำงาน เราพยายามหนักมากเพื่อชักจูงเด็กวัย 14 ปีให้เริ่มสูบบุหรี่.” การโฆษณาในเอเชียแสดงภาพหนุ่มสาวชาวตะวันตกรูปร่างแข็งแรงสมส่วนกำลังวิ่งเล่นตามหาดทรายและสนามกีฬา—แน่นอน กำลังสูบบุหรี่. วารสารการตลาดฉบับหนึ่งกล่าวว่า “นายแบบนางแบบและวิถีชีวิตชาวตะวันตกสร้างมาตรฐานที่ดึงดูดใจให้เอาอย่าง และนักสูบบุหรี่ชาวเอเชียก็กระหายจะเลียนแบบวิถีชีวิตตะวันตกอย่างไม่รู้จักพอ.”
หลังจากจ่ายค่าโฆษณาหลายพันล้านดอลลาร์ ผู้ค้ายาสูบก็บรรลุผลสำเร็จใหญ่หลวง. รายงานพิเศษของรีเดอร์ส ไดเจสต์ เผยว่า การเพิ่มจำนวนของนักสูบบุหรี่วัยหนุ่มสาวเป็นที่น่าตกใจ. รายงานนั้นบอกว่า “ในฟิลิปปินส์ ตอนนี้ 22.7 เปอร์เซ็นต์ของผู้คนวัยต่ำกว่า 18 ปีสูบบุหรี่. ในเมืองใหญ่บางเมืองแถบลาตินอเมริกา น่าตกตะลึงที่มีถึง 50 เปอร์เซ็นต์ของวัยรุ่นที่สูบ. ในฮ่องกง เด็ก ๆ อายุน้อยถึงเจ็ดขวบสูบบุหรี่.”
อย่างไรก็ตาม แม้ในขณะที่ยาสูบฉลองชัยในต่างประเทศ บริษัทยาสูบต่าง ๆ ก็รับรู้ด้วยความลำบากใจในเรื่องมรสุมซึ่งกำลังก่อตัวในประเทศของตน. มีโอกาสอะไรบ้างไหมที่บุหรี่จะรอดผ่านมรสุมนั้น?
[จุดเด่นหน้า 3]
ลูกค้าที่ดีที่สุดกำลังเสียชีวิตเรื่อย ๆ
[จุดเด่นหน้า 5]
เอเชีย, ลานสังหารหมู่ใหม่สุดของบุหรี่
[จุดเด่นหน้า 6]
ร้อยละ 90 ของนักสูบหน้าใหม่ทั้งหมด คือเด็ก ๆ และวัยรุ่น!
[กรอบหน้า 4]
ตำรับมรณะ—บุหรี่มีส่วนผสมอะไรบ้าง?
ผู้ผลิตบุหรี่อาจใช้สารเคมีเติมแต่งชนิดต่าง ๆ มากถึง 700 ชนิด แต่กฎหมายยอมให้บริษัทเหล่านั้นเก็บส่วนผสมเป็นความลับ. แต่ที่รวมอยู่ในส่วนผสมนั้นคือธาตุโลหะหนัก, ยาปราบศัตรูพืชและยาฆ่าแมลง. ส่วนผสมบางอย่างเป็นพิษมากถึงขนาดที่เป็นการผิดกฎหมายหากจะทิ้งในที่ทิ้งขยะ. กลุ่มควันบุหรี่ที่ลอยม้วนเป็นเกลียวขึ้นด้วยลีลานิ่มนวลนั้นพาเอาสารต่าง ๆ ประมาณ 4,000 ชนิดไปด้วย ซึ่งรวมถึง อะซีโตน, สารหนู, บิวเทน, คาร์บอนมอนอกไซด์, และไซยาไนด์. ปอดของผู้สูบบุหรี่และผู้คนใกล้เคียงต้องรับเอาสารซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นสารก่อมะเร็งอย่างน้อย 43 ชนิด.
[กรอบหน้า 5]
ผู้ไม่สูบบุหรี่อยู่ในอันตราย
คุณอาศัย, ทำงาน, หรือเดินทางกับคนสูบบุหรี่จัดไหม? ถ้าอย่างนั้น คุณก็อาจมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดหรือไม่ก็โรคหัวใจมากขึ้น. งานวิจัยหนึ่งในปี 1993 โดยสำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐ (EPA) ลงความเห็นว่า ควันบุหรี่ที่อยู่แวดล้อม เป็นสารก่อมะเร็งกรุ๊ปเอ ซึ่งอันตรายที่สุด. รายงานที่ครอบคลุมกว้างมากนั้นวิเคราะห์ผลการวิจัย 30 รายการซึ่งระบุว่าเป็นควันที่ลอยวนขึ้นจากปลายบุหรี่ รวมทั้งควันที่พ่นออกมาด้วย.
สำนักงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมโทษควันบุหรี่ที่ผู้ไม่สูบสูดเข้าไปว่า ทำให้มีผู้ตายด้วยมะเร็งปอด 3,000 คนทุกปีในสหรัฐ. ในเดือนมิถุนายน 1994 แพทยสมาคมแห่งอเมริกาได้ยืนยันข้อสรุปต่าง ๆ ด้วยงานวิจัยที่ตนได้จัดพิมพ์ซึ่งแสดงว่า ผู้หญิงซึ่งไม่เคยสูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุหรี่ที่อยู่แวดล้อมนั้นมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนอื่น ๆ ที่ไม่เคยสูบบุหรี่ถึง 30 เปอร์เซ็นต์.
สำหรับเด็กเล็ก ๆ การรับเอาควันบุหรี่เข้าไปยังผลให้ป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบและปอดอักเสบ 150,000 ถึง 300,000 รายทุกปี. แต่ละปี ควันบุหรี่ทำให้อาการโรคหืดในเด็กในสหรัฐ 200,000 ถึง 1,000,000 คนหนักขึ้น.
สมาคมหัวใจของอเมริกาประมาณว่า การเสียชีวิตมากถึง 40,000 รายเกิดจากโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดซึ่งควันบุหรี่เป็นต้นเหตุ.
[รูปภาพหน้า 7]
นางแบบชาวเอเชียที่พราวเสน่ห์กับกลุ่มเป้าหมาย