หนังสือที่ทำให้โลกตะลึงงัน
หนังสือ: ต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์. แอชลีย์ มองตากู นักมนุษยวิทยา กล่าวว่า “รองจากคัมภีร์ไบเบิล ไม่เคยมีผลงานเขียนใดที่มีอิทธิพลอย่างนี้.”
ผู้ประพันธ์: ชาร์ลส์ ดาร์วิน ซึ่งในสมัยนั้นบางคนเรียกเขาว่า “มนุษย์อันตรายที่สุดในอังกฤษ.”
เรื่อง: ทฤษฎีวิวัฒนาการ. ถ้อยคำและวลีเช่น “การคัดเลือกโดยธรรมชาติ,” “การอยู่รอดของผู้ที่เหมาะสมที่สุด,” และ “วิวัฒนาการ” เดี๋ยวนี้เป็นที่ยอมรับกันทั่วไป. แต่ทฤษฎีนี้มีผลกระทบมากกว่าแค่ศัพท์สำนวนของคุณไหม?
การออกหนังสือต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์ ในปี 1859 โดยชาร์ลส์ ดาร์วิน ได้จุดชนวนการถกเถียงอันร้อนแรงในแวดวงวิทยาศาสตร์และศาสนา.a การถกเถียงนี้ก่อผลกระทบแม้แต่ในวงการเศรษฐกิจและสังคม และยังคงดำเนินต่อไปในทุกวันนี้ราว 136 ปีให้หลัง.
ในหนังสือโครงเรื่องของวิวัฒนาการ (ภาษาอังกฤษ) ซี. ดับเบิลยู. ไกรม์ส เขียนเกี่ยวกับหนังสือต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์ ของดาร์วินดังนี้: “ไม่มีหนังสืออื่นใดเท่าที่เคยพิมพ์กันซึ่งได้ปลุกเร้าให้เกิดการโต้เถียงกันมากอย่างนี้ในท่ามกลางนักคิดทั้งหลาย. ไม่มีเรื่องอื่นใดในประวัติศาสตร์ที่ท้าทายความเชื่อตามประเพณีถึงขนาดนี้, ที่ได้ปฏิวัติเรื่องโลกแห่งธรรมชาติ, และที่ได้นวดปั้น, และที่กำหนดรูปแบบความคิดของมนุษย์ อย่างที่วิวัฒนาการได้ทำ.”
เป็นความจริงที่ดาร์วินไม่ได้เป็นคนต้นคิดทฤษฎีวิวัฒนาการ แนวความคิดนี้อาจสืบสาวย้อนไปถึงสมัยกรีซโบราณ. ยังมีผู้ที่อยู่ก่อนดาร์วินหลายคนในศตวรรษที่ 18 ซึ่งได้แผ้วทางไว้สำหรับการยอมรับอย่างกว้างขวางในเรื่องต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์.
อย่างไรก็ตาม หนังสือของดาร์วินนั่นแหละที่กลายเป็นพื้นฐานของแนวคิดเรื่องวิวัฒนาการสมัยใหม่. หนังสือนี้ทำให้โลกสะดุ้ง ตะลึงงันทีเดียว เพราะทฤษฎีวิวัฒนาการของเขาจุดชนวนมากกว่าเพียงการปฏิวัติด้านชีววิทยา. ทฤษฎีนี้ราวกับพายุกระหน่ำโจมตีตรงฐานรากของสังคมทีเดียวคือ ศาสนา, วิทยาศาสตร์, การเมือง, เศรษฐกิจ, ชีวิตสังคม, ประวัติศาสตร์, และการมองอนาคต.
ทฤษฎีนี้ได้ส่งผลกระทบโลกอย่างไรตลอดเวลากว่าหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา? ทฤษฎีนี้ส่งผลกระทบชีวิตคุณอย่างไร? จริง ๆ แล้ว ทฤษฎีนี้ก่อผลเช่นไร? บทความถัดไปจะพิจารณาคำถามเหล่านี้.
[เชิงอรรถ]
a ชื่อเต็มของหนังสือของดาร์วินคือว่าด้วยต้นกำเนิดของเผ่าพันธุ์โดยการคัดเลือกทางธรรมชาติ, หรือการสงวนพันธุ์ที่ดีไว้ในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด (ภาษาอังกฤษ).