การเพ่งดูโลก
โลกเผชิญหน้ากับ “มหันตภัยทางสุขภาพ”
“สิ่งที่คร่าชีวิตมากที่สุดในโลกและสาเหตุสำคัญที่สุดสำหรับสุขภาพไม่ดีและความทุกข์ทรมานตลอดทั่วโลกคือ . . . ความขัดสนแสนสาหัส.” นั่นเป็นคำกล่าวของเดอะ เวิลด์ เฮลท์ รีพอร์ต 1995 พิมพ์โดย WHO (องค์การอนามัยโลก). ครึ่งหนึ่งของประชากรโลก 5,600 ล้านคนไม่มีโอกาสรับยาที่จำเป็น เกือบหนึ่งในสามของเด็กทั้งโลกมีอาหารไม่พอ และหนึ่งในห้าของประชากรโลกอยู่ในสภาพความขัดสนแสนสาหัส ตามรายงานดังกล่าว. หนังสือพิมพ์ดิ อินดิเพนเดนต์แห่งลอนดอน อังกฤษ ยกคำกล่าวของผู้อำนวยการ WHO ผู้ซึ่งเตือนเรื่อง “มหันตภัยทางสุขภาพซึ่งจะทำให้ความสำเร็จสำคัญ ๆ หลายอย่าง . . . ในช่วงหลายทศวรรษที่เพิ่งผ่านไปเสื่อมถอย.”
ไวรัสเจ้าปัญหา
เจ้าหน้าที่สุขอนามัย ณ CDC (ศูนย์ควบคุมโรค) ในแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย กังวลเรื่องโรคติดต่อในสหรัฐ. ตามบทความหนึ่งในวารสารยู.เอส. นิวส์ แอนด์ เวิลด์ รีพอร์ต “โรคใหม่และโรคเก่ากำลังระบาด.” เพราะเหตุใด? มีปัจจัยบางอย่างที่ทำให้มนุษย์ติดโรคง่ายขึ้น หนังสือพิมพ์แห่งสวิส นอยเอ ซือร์เคอร์ ไซทุงอธิบาย. ปัจจัยเหล่านั้นรวมถึงการเพิ่มทวีของการเดินทางระหว่างประเทศซึ่งยังผลให้ประชากรที่ไม่มีภูมิคุ้มกันติดโรคต่าง ๆ. นอกจากนั้น “สิ่งที่ทำให้เจ้าหน้าที่ CDC กลัวคือ พวกจุลชีพธรรมดา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกปราบได้อย่างง่ายดายด้วยยาปฏิชีวนะ กลับเริ่มเอาชนะได้แม้แต่ยาตัวใหม่ล่าสุดและแรงสุด.”
การรับมือกับอาการปวดหลัง
อาการปวดหลังส่วนล่างซึ่งเกิดกับ 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้คนทั่วโลกไม่ว่าเวลาหนึ่งเวลาใดในชีวิตของเขา “เป็นอาการที่มีผลกระทบต่อมนุษย์บ่อยที่สุด” ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะ เมดิคัล โพสต์แห่งแคนาดา. แต่ในกรณีส่วนใหญ่ การรักษาทางการแพทย์ที่เสียค่าใช้จ่ายสูงอาจไม่จำเป็น. นายแพทย์ การ์ท รัสเซลล์ ศัลยแพทย์กระดูกกล่าวว่า “90% ของกรณีปวดหลังเฉียบพลันหรือเนื่องจากอักเสบอย่างรุนแรง (ตามปกติหลังจากการออกกำลังกาย) เกี่ยวข้องกับอาการหดเกร็งอย่างรุนแรงของกล้ามเนื้อหลังเท่านั้น และจะทุเลาโดยการนอนพักสองสามวัน.” นายแพทย์รัสเซลล์ แนะนำว่าหลังจากนั้น “เริ่มการออกกำลังกายเบา ๆ และทำกิจกรรมประจำวันต่อไป.”
เยาวชนมองอนาคตในแง่ลบ
ออสเตรเลียเคยถูกเรียกว่า “ประเทศที่โชคดี” แต่คนหนุ่มสาวชาวออสเตรเลียจำนวนมากขึ้นในปัจจุบันอาจไม่เห็นด้วยกับการประเมินนั้น. หนังสือพิมพ์ดิ ออสเตรเลียนเมื่อรายงานเกี่ยวกับการศึกษาค้นคว้าเรื่องเยาวชนระหว่างอายุ 15 ถึง 19 ปีก็พบว่า พวกเขามี “‘ลางสังหรณ์’ เกี่ยวกับอนาคตของเศรษฐกิจแห่งออสเตรเลีย.” นักเรียนชั้นปีที่ 9, ปีที่ 10, และปีที่ 11 ในโรงเรียนของรัฐ, โรงเรียนคาทอลิก, และโรงเรียนเอกชนถูกสัมภาษณ์. “ตามรายงานนั้นผลของการสำรวจแสดง ‘ชัดเจน’ ว่าคนรุ่นอายุ 15 และ 16 ปี ‘ไม่ได้คอยท่าอนาคตอย่างกระตือรือร้น’—เพราะเชื่อว่าสังคมจะมีความรุนแรงมากขึ้น และการว่างงานจะคงอยู่ในระดับสูง” หนังสือพิมพ์นั้นรายงาน. เมื่อมีการขอให้พรรณนาถึงชีวิตของพวกเขาในอีกสิบปีต่อไป “ผู้ที่ออกความเห็นส่วนใหญ่ระบุการเสื่อมถอยของเศรษฐกิจและสังคมซึ่งปัจเจกบุคคลมีทางควบคุมชะตากรรมทางเศรษฐกิจน้อยลง.”
ผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม ที่เป็นพิษหรือ?
เป็นครั้งแรกที่ประเทศแคนาดาประสบกับการเพิ่มทวีในอัตราการตายของชาติซึ่งสูงกว่าที่ได้พยากรณ์ไว้มาก ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะ โกลบ แอนด์ เมล์. แทนที่จะทวีขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ดังที่คาดไว้ การตายท่ามกลางชาวแคนาดาตั้งแต่ปี 1992 ถึง 1993 เพิ่มขึ้น 4.3 เปอร์เซ็นต์ เป็นการเพิ่มสูงสุดเท่าที่เคยบันทึกไว้. ตัวเลขนี้รวมการเพิ่มการตายของทารก ซึ่งเป็นการเพิ่มครั้งแรกในรอบ 31 ปี. การเพิ่มเช่นนั้นผิดปกติและน่าตกใจ รายงานนั้นบอก. เป็นเหตุให้ผู้เชี่ยวชาญชาวแคนาดาคนหนึ่งระลึกถึงการตายของนกขมิ้นซึ่งในอดีตถูกใช้เพื่อทดสอบแก๊สพิษในเหมืองแร่. มีคนถามขึ้นว่า “เป็นไปได้ไหมว่านี้เป็นสิ่งบ่งบอกอันดับแรกถึงสิ่งแวดล้อมเป็นพิษมากขึ้น?”
วีดิโอเกมส์รุนแรง
วีดิโอเกมส์รุนแรงที่เหมือนจริงมีดาษดื่นในวัฒนธรรมของหนุ่มสาวหลายคน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เดอะ แวนคูเวอร์ ซันแห่งแคนาดา. หนังสือพิมพ์ยกการศึกษารายหนึ่งขึ้นมาอ้างซึ่งแสดงว่า นักเล่นหนุ่มสาวตื่นเต้นทางสรีระเมื่อเล่นเกมส์ดังกล่าว. อัตราเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นอย่างผิดสังเกต—ในบางกรณีเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า. สิ่งที่นักวิจัยเป็นห่วงคือว่า “พวกเด็ก ๆ จะเก็บความรุนแรงไว้ในขอบข่ายของวีดิโอเกมส์หรือว่าถูกซึมซับเข้าไปในชีวิตของเขา.” ชาร์ลส์ อุงเกอร์ไลเดอร์ ศาสตราจารย์ฝ่ายการศึกษาประจำมหาวิทยาลัยบริติช โคลัมเบีย เชื่อว่าเกมส์ดังกล่าวสื่อความให้รู้ว่า ความรุนแรงเป็นวิธีแก้ปัญหา. เขาให้ข้อสังเกตว่า “เป็นการพรรณนาที่พิลึกถึงสังคมที่ว่าวีดิโอเกมส์รุนแรงเป็นนันทนาการรูปแบบหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับ.”
ไม่แจ้งผู้เป็น HIV ให้ทราบ
ในประเทศญี่ปุ่น นายแพทย์บางคนไม่แจ้งผู้เป็น HIV ให้ทราบเรื่องการติดเชื้อ และคู่สมรสของผู้ติดเชื้อบางคนก็ติดด้วย. หลังจากการสำรวจโรงพยาบาลและสถาบันแพทย์ 363 แห่งของประเทศนั้น กระทรวงสาธารณสุขเผยว่า เพียง 43 เปอร์เซ็นต์ของสถาบันต่าง ๆ จะแจ้งผู้ป่วย HIV ทุกรายให้ทราบถึงสภาพการณ์ของตน. ประมาณ 28 เปอร์เซ็นต์แจ้งผู้ป่วยเพียงบางรายให้ทราบ. โรงพยาบาลบางแห่งยอมรับว่า ไม่ได้แจ้งผู้ป่วยให้ทราบเลย ขณะที่โรงพยาบาลอื่นไม่ตอบคำถามสำรวจ หนังสือพิมพ์เดอะ เดลี โยมิอูริกล่าว. พวกแพทย์ให้เหตุผลหลักประการหนึ่งสำหรับการไม่เผยข้อมูลคือ “สภาพทางจิตใจที่ไม่มั่นคงอย่างยิ่ง” ของผู้เป็น HIV.
สิ่งใหม่ ณ ตลาดนัดอูฐ
ขณะที่นักท่องเที่ยวมักหาสิ่งแปลก ๆ เมื่อเขาเดินทาง พวกเขาเองอาจกลายเป็นสิ่งค่อนข้างประหลาดแก่คนท้องถิ่น. หนังสือพิมพ์อินเตอร์แนชันแนล เฮรัลด์ ทริบูนรายงานว่า นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกได้พบสิ่งที่อาจถือว่าเป็นตลาดค้าอูฐใหญ่ที่สุดของโลกในปุสการ์เมืองทะเลทรายทางเหนือของอินเดีย. ที่นั่น พ่อค้าอูฐพบว่า คนต่างประเทศที่มาเยือนน่าขบขัน. หนังสือพิมพ์ทริบูน อธิบายว่า “คนขี่อูฐตะลึงงันกับมนุษย์พันธุ์ประหลาดนี้ที่เปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะถูกแดดในทะเลทราย ดูโลกผ่านกล่องดำที่ถือตรงใบหน้า [กล้องถ่ายรูป] และยินดีจ่าย 2 ดอลลาร์ (มากกว่าค่าจ้างสองวันสำหรับผู้เลี้ยงสัตว์ในทะเลทรายส่วนใหญ่) สำหรับการขี่ตัวอูฐอุ้ยอ้ายหนึ่งชั่วโมง.” เมื่อถามว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นดีหรือไม่ดี พ่อค้าอูฐคนหนึ่งตอบว่า “ดี. พวกเราชอบดูนักท่องเที่ยว.”
ค่านิยมของประเทศจีนเสื่อม
“การหมกมุ่นกับทรัพย์สมบัติกำลังคุกคามฐานรากของสังคมจีน คือครอบครัว” หนังสือพิมพ์เดอะ วอลสตรีต เจอร์นัลรายงาน. “ครอบครัวกำลังแตกสลายเป็นเหตุให้เกิด ‘คนรุ่นฉันก่อน’ ที่เห็นแก่ตัวแห่งเยาวชน. อาชญากรรมและคอรัปชั่นอยู่ในอัตราสูงเป็นประวัติการณ์.” เด็ก ๆ ที่เมื่อก่อนเคารพบิดามารดาของตน บัดนี้กลับใช้บิดามารดาเยี่ยงคนรับใช้และไม่ยอมดูแลพวกเขาในยามแก่ชรา นักค้นคว้าคนหนึ่งกล่าว. ทั้ง ๆ ที่หลายคนในประเทศจีนยังยึดถือค่านิยมตามประเพณี ค่านิยมเหล่านี้กำลังถูกเซาะกร่อนเนื่องจากคนเป็นล้าน ๆ ออกจากบ้านของตนเพื่อแสวงหาโอกาสดีกว่า ณ ที่อื่น. “การวิ่งไล่ตามเงินกลายเป็นเป้าหมาย. เพื่อได้เงิน ผู้คนยอมละเลยความดี ละเลยศีลธรรมของสังคม.” เป็นคำกล่าวของ ไบ จิงฟุ ปลัดกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยแห่งสาธารณชน.
พันธุ์ใหม่
เพื่อหาพืชพันธุ์ใหม่ นักพฤกษศาสตร์ชาวอังกฤษและชาวบราซิลได้สำรวจภูเขาลูกเดียวในแถบตะวันออกเฉียงเหนือของบราซิลเป็นเวลากว่า 20 ปี. จนถึงบัดนี้ พวกเขาได้ค้นพบพันธุ์ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน 131 ชนิดซึ่งมากจนเป็นที่น่าตกตะลึง ทั้งหมดนี้ขึ้นในบริเวณขนาด 171 ตารางกิโลเมตร. “สวนเอเดน” นี้ ดังที่หนังสือพิมพ์ฟอลยา เดอ เซาเปาโลเรียกสถานที่นั้น ขึ้นบน ปีโก ดัส อัลมัส สูงถึง 1,960 เมตร ในรัฐบาเฮียแห่งบราซิล. นักพฤกษศาสตร์ได้ตรวจตลับเก็บตัวอย่างพืชสมุนไพร 3,500 ตลับเพื่อแน่ใจว่าพืชเหล่านี้เป็นการค้นพบใหม่จริง—และก็เป็นเช่นนั้น. ไซมอน เมโย ประจำสวนพฤกษศาสตร์แห่งอังกฤษ (Royal Botanic Gardens) ได้กล่าวแก่หนังสือพิมพ์นั้นว่า “น่าประทับใจที่มีการค้นพบพืชจำนวนมากเช่นนี้ในตอนปลายของศตวรรษที่ยี่สิบ.”