เอดส์ในแอฟริกา คริสต์ศาสนจักรต้องรับผิดชอบขนาดไหน?
โดยผู้สื่อข่าว ตื่นเถิด! ในแอฟริกา
ตามที่ใช้ในบทความนี้ คำ “คริสต์ศาสนจักร” หมายถึง ศาสนาที่อ้างตัวเป็นคริสเตียน ซึ่งผิดแผกไปจากหลักการคริสเตียนแห่งคัมภีร์ไบเบิล.
คริสต์ศาสนจักร
“ส่วนต่าง ๆ ของโลกซึ่งประชากรส่วนใหญ่ถือศาสนาคริสเตียน.”—พจนานุกรมเว็บสเตอร์ นิว เวิลด์.
เอดส์
“สภาพบกพร่องของภูมิคุ้มกันในร่างกายอันเนื่องมาจากเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันติดเชื้อชนิดหนึ่งในกลุ่มรีโทรไวรัส (retrovirus).”—พจนานุกรมเว็บสเตอร์ นิว คอลลิจิเอต ฉบับพิมพ์ครั้งที่เก้า.
เอดส์เป็นโรคระบาดที่กำลังลุกลามไปทั่วโลก. มีประมาณ 17 ล้านคนแล้วที่ติดเชื้อ HIV ซึ่งเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคเอดส์. และมันกำลังแพร่ระบาดไปอย่างรวดเร็ว.
ขณะที่มีการเอาใจใส่กันมากต่อประเด็นทางด้านการแพทย์, การเมือง, และทางด้านอารมณ์ที่สืบเนื่องจากโรคระบาดนี้ กลับไม่ค่อยจะมีการพูดถึงประเด็นทางศาสนา ที่เกี่ยวข้องด้วย. มาถึงตรงนี้ ความคิดที่ว่า ศาสนามีส่วนเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของเอดส์อาจดูเหมือนจะเป็นเรื่องไกลเกินความคิดสำหรับผู้อ่านบางท่าน. แต่นี่หาใช่เรื่องที่ไม่มีเหตุผลเมื่อคุณได้พิจารณาสถานการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในทวีปแอฟริกา.
เอดส์กระหน่ำแอฟริกาหนักเป็นพิเศษ.a บางคนกล่าวว่า ทวีปนี้เป็นถิ่นอาศัยของผู้ป่วยด้วยโรคเอดส์ถึง 67 เปอร์เซ็นต์ของโลก. ที่ประเทศชาด จำนวนผู้ป่วยที่มีการรายงานในห้าปีหลังนี้เพิ่มสูงถึง 100 เท่า. กระนั้น ประมาณกันว่า มีการรายงานเพียงหนึ่งในสามของผู้ป่วยทั้งหมด. ตามการรายงานของธนาคารโลก เอดส์ได้กลายมาเป็นสาเหตุการตายที่สามัญที่สุดในหมู่ผู้ใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองหลายแห่งในแอฟริกา.
ศาสนา—มีบทบาทไหม?
แน่นอน ศาสนาคริสเตียนแท้—ศาสนาที่พระเยซูคริสต์สอน—ไม่มีส่วนต้องรับผิดชอบต่อภัยพิบัตินี้. อย่างไรก็ตาม ดังแสดงไว้ตอนล่างนี้ คำ “คริสต์ศาสนจักร” ครอบคลุมดินแดนต่าง ๆ ซึ่งประชากรอ้างตัวว่าเป็นคริสเตียน. และคริสต์ศาสนจักรมีส่วนพัวพันอย่างชัดแจ้ง. ใช่ว่าคริสตจักรก่อให้เกิดหรือแพร่เชื้อไวรัสโรคเอดส์โดยตรง. แต่เอดส์ที่ระบาดในแอฟริกาส่วนใหญ่แล้วเนื่องมาจากความสำส่อนระหว่างคนต่างเพศ.b ดังนั้น จึงอาจเรียกได้ว่า เอดส์เป็นปัญหาทางศีลธรรม และด้วยเหตุนี้จึงก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับศาสนาบางข้อที่ทำให้กระอักกระอ่วนใจ. ว่ากันตามจริง “ศาสนาคริสเตียน” ของชาวแอฟริกาเป็นสิ่งที่ได้รับเข้ามาโดยตรงจากประเทศทางตะวันตก. เหล่าผู้นำคริสตจักรต่างก็ถือเป็นหน้าที่ที่จะเปลี่ยนคนแอฟริกาให้เข้าลัทธิศาสนาในแบบเฉพาะของตนเอง โดยอ้างว่าเป็นแนวทางชีวิตที่ดีกว่าแบบแอฟริกาดั้งเดิม. อิทธิพลของคริสต์ศาสนจักรได้ทำให้ศีลธรรมของผู้เชื่อถือใหม่ของตนดีขึ้นจริง ๆ ไหม? วิกฤตการณ์เอดส์แสดงภาพอย่างชัดแจ้งว่า สิ่งตรงข้ามเลยทีเดียวได้เกิดขึ้น.
เพื่อเป็นตัวอย่าง ลองพิจารณาประเทศชาด. จากเมืองใหญ่ ๆ สี่เมือง สามเมืองมีประชากรส่วนใหญ่เป็น “คริสเตียน”. อีกเมืองหนึ่งที่เหลือส่วนใหญ่เป็นมุสลิม. กระนั้น ในเมือง “คริสเตียน” สามเมืองนี้แหละที่ไวรัสโรคเอดส์กำลังระบาด! รูปแบบเดียวกันนี้เกิดขึ้นทั่วทั้งทวีป. ในแถบแอฟริกากลางและแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นคริสเตียนในนาม มีอัตราการติดเชื้อนี้สูงกว่าแอฟริกาเหนือมากซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิม.
วิธีที่แอฟริกาได้กลายมาเป็น “คริสเตียน”
ทำไมไวรัสตัวนี้จึงแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในหมู่ประชาชนที่อ้างว่า เป็นผู้ติดตามพระคริสต์? ในความเป็นจริงแล้ว แม้ชาวแอฟริกาหลายคนเรียกตัวเองว่าคริสเตียน มีค่อนข้างน้อยที่ยึดถือจริง ๆ กับมาตรฐานทางศีลธรรมแห่งหลักการคริสเตียนซึ่งมีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล. นี่ปรากฏว่าเป็นผลโดยตรงจากวิธีการที่มิชชันนารีแห่งคริสต์ศาสนจักรทำสำเร็จในการ “เปลี่ยนศาสนา” ชาวแอฟริกา.
ในศตวรรษที่ 18 และ 19 หลักข้อเชื่อดั้งเดิมต่าง ๆ ของคริสต์ศาสนจักรถูกโจมตี. การวิพากษ์วิจารณ์คัมภีร์ไบเบิลเป็นที่นิยมขึ้นมา ทำให้คัมภีร์ไบเบิลในสายตาของหลายคนเป็นเพียงวรรณกรรมโบราณชิ้นหนึ่งเท่านั้นเอง. ทฤษฎีวิวัฒนาการก็เริ่มได้รับการยอมรับ แม้แต่ในท่ามกลางนักเทศน์นักบวช. เมล็ดแห่งความกังขาถูกหว่านออกไป. ความเชื่อในพระคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ตกเป็นเป้าของความสงสัย. ในท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้ ไม่แปลกที่ความพยายามของคริสต์ศาสนจักรเพื่อ “เปลี่ยนศาสนา” ชาวแอฟริกาจึงเน้นหนักไปในทางโลก. เหล่ามิชชันนารีแห่งคริสตจักรเทศน์เรื่องการใช้หลักการคริสเตียนกับปัญหาทางสังคม เน้นหนักที่การแสดงออกด้านมนุษยธรรมมากกว่าการช่วยผู้ที่เปลี่ยนเข้ามาเชื่อถือให้ปฏิบัติตามมาตรฐานทางด้านศีลธรรมของคัมภีร์ไบเบิล. บางทีอาจโดยไม่รู้ตัว ที่แท้แล้วมิชชันนารีมีส่วนทำให้เกิดการเซาะกร่อนโครงสร้างที่มีอยู่ทางศีลธรรม.
ตัวอย่างเช่น การมีภรรยาหลายคนเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมานานในอารยธรรมของแอฟริกาหลายแห่ง. อย่างไรก็ดี ความสำส่อนทางเพศไม่ค่อยจะมีให้เห็น เนื่องจากเผ่าต่าง ๆ ส่วนใหญ่มีกฎหมายที่มีบทลงโทษรุนแรงในเรื่องการผิดประเวณี. โจเซฟ ดาร์นาส ครูคนหนึ่งที่เกษียณอายุแล้ว ซึ่งเป็นคนที่รู้จักกันดีในประเทศชาด บอกกับตื่นเถิด! ว่า ก่อนที่มิชชันนารีแห่งคริสตจักรจะเข้ามา “ผู้คนถือกันว่า การผิดประเวณีนำโชคร้ายมาให้.” ผลก็คือ “ผู้กระทำผิดถูกลงโทษอย่างรุนแรงฐานทำให้ชุมชนตกอยู่ในอันตราย—บ่อยครั้งเป็นการลงโทษถึงตาย.” เป็นการเชื่อถือโชคลางไหม? ใช่ แต่ความเชื่อเช่นนั้นสกัดกั้นความสำส่อนได้ชะงัดทีเดียว.
ครั้นแล้วมิชชันนารีแห่งคริสต์ศาสนจักรก็เข้ามา. พวกเขาเทศน์ต่อต้านการมีภรรยาหลายคนแต่ไม่ค่อยได้บังคับใช้มาตรฐานทางศีลธรรมในคัมภีร์ไบเบิล. แม้คัมภีร์ไบเบิลกล่าวว่า คนที่ประพฤติผิดประเวณีและเล่นชู้โดยไม่ยอมกลับใจต้องถูกขับออกจากประชาคมคริสเตียน แต่คริสตจักรของคริสต์ศาสนจักรแทบไม่ได้ลงโทษผู้กระทำผิด. (1 โกรินโธ 5:11-13) จนถึงทุกวันนี้ มีนักการเมืองชาวแอฟริกาที่โด่งดังหลายคนซึ่งมีชื่อเสื่อมเสียเพราะเรื่องอื้อฉาวคาวโลกีย์ และกระนั้นพวกเขาก็ยังเป็นสมาชิกซึ่งมีฐานะที่ดีกับโบสถ์. ความซื่อสัตย์ในสายสมรสหาได้ยากท่ามกลางบรรดาคริสเตียนในนามทั้งหลายในแอฟริกา.
นอกจากนี้ ยังมีการวางตัวอย่างที่ไม่ดีของบรรดาสมาชิกในหมู่นักเทศน์นักบวชอีกด้วย. ภายใต้วัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับการมีครอบครัว เป็นเรื่องธรรมดาที่จะแต่งงานและมีบุตรเป็นจำนวนมาก. บางทีอาจด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้มีนักบวชคาทอลิกจำนวนมากจนน่าแปลกใจรู้สึกว่าสมเหตุผลที่จะเหยียบย่ำคำปฏิญาณที่จะรักษาตัวให้บริสุทธิ์สะอาดและละเว้นจากการมีเพศสัมพันธ์. หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ ฉบับ 3 พฤษภาคม 1980 รายงานดังนี้: “ในหลายส่วนของชนบท . . . บาทหลวงและบิชอปมีภรรยาหลายคน.”
แน่นอน การแต่งงานเช่นนั้นไม่เป็นแบบทางการ และ “ภรรยา” ในความเป็นจริงแล้วเป็นเพียงนางบำเรอ.การประพฤติตนผิด ๆ เช่นนี้ไม่อาจถูกปล่อยตามเรื่องตามราวเหมือนไม่สำคัญอะไร. ตามหนังสือพิมพ์ไทมส์ “นักบวชคาทอลิกที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง” ยอมรับว่า “บาทหลวงแห่งแอฟริกาเป็นสัญลักษณ์ของการมีอำนาจเสียมากกว่าจะเป็นผู้รับใช้ของพระเยซูคริสต์.” ข่าวสารที่มาจากบุคคล “ผู้ทรงอำนาจ” เหล่านี้ดูเหมือนกับจะบอกว่า “จงทำตามที่ข้าพเจ้าพูด ไม่ใช่อย่างที่ข้าพเจ้าทำ.”
การรุกรานของความบันเทิงแบบตะวันตก
สิ่งที่มองข้ามไม่ได้เช่นกันคือความบันเทิงที่ผิดศีลธรรมทางเพศซึ่งไหลทะลักเข้ามาในแอฟริกาช่วงปีหลัง ๆ นี้. ในประเทศชาด โรงฉายวีดิทัศน์ที่เสนอความบันเทิงแบบนี้โดยไม่มีการควบคุมดูแลผุดขึ้นทุกหนทุกแห่ง—ในบ้านส่วนตัว, โรงรถ, และบ่อยครั้งกลางสนามเมื่อตกค่ำแล้ว. ค่าชมก็ไม่แพง เสียเพียง 25 ฟรังก์ (ประมาณ 1.25 บาท). มีเด็กเล็ก ๆ เข้าชมด้วย. สื่อบันเทิงเหล่านี้มาจากไหน? ส่วนมากมาจากสหรัฐอเมริกา—ดินแดนซึ่งอ้างว่าคนส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์!
แต่การรุกรานทางวัฒนธรรมแบบตะวันตกนี้มีผลต่อผู้ชมอย่างแท้จริงไหม? มิชชันนารีคนหนึ่งของพยานพระยะโฮวา ซึ่งได้ใช้ชีวิตอยู่ในแอฟริกากลาง 14 ปีกล่าวว่า “คนในท้องถิ่นมักมีการติดต่อกับโลกตะวันตกน้อยมากนอกจากโดยผ่านทางสิ่งที่เห็นในวีดิทัศน์. พวกเขาอยากเป็นเหมือนชาวตะวันตกที่เห็นในภาพยนตร์เหล่านี้. ผมยังไม่เคยเห็นการวิจัยที่มีเอกสารประกอบเพื่อพิสูจน์เรื่องนี้ แต่ดูเหมือนคนส่วนใหญ่ที่นี่ประจักษ์ชัดว่าการบันเทิงเช่นนั้นส่งเสริมการผิดศีลธรรมทางเพศจริง.”
ช่างน่าขันเสียจริง ๆ ที่ในขณะเจ้าหน้าที่สาธารณสุขพยายามอย่างสิ้นหวังที่จะสกัดกั้นการลุกลามของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ทำให้ถึงตายนี้ ประเทศต่าง ๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นคริสเตียนกลับแพร่การโฆษณาชวนเชื่อซึ่งส่งเสริมพฤติกรรมผิดศีลธรรมที่มีความเสี่ยงสูง! ในขณะที่คริสตจักรต่าง ๆ แทบไม่ได้ทำอะไรเพื่อต้านกระแสนี้ไม่ว่าในประเทศตัวเองหรือต่างประเทศ รัฐบาลแอฟริกาบางประเทศ เช่น ชาดและแคเมอรูน ต่างพยายามห้ามหรืออย่างน้อยที่สุดจำกัดสื่อลามกที่เข้ามาในประเทศ. แต่ความพยายามของพวกเขาบ่อยครั้งปรากฏว่าไม่เป็นผลสำเร็จ.
ผลท้ายสุดของทั้งหมดนี้ก็คือความเสื่อมทางศีลธรรมอย่างกว้างขวางท่ามกลาง “คริสเตียน” ชาวแอฟริกา. สภาพเศรษฐกิจฝืดเคืองก่อผลกระทบที่ร้ายกาจอย่างไม่รู้ตัว. เนื่องจากงานหายาก พวกผู้ชายจึงมักถูกบีบให้ต้องละครอบครัวคราวละหลาย ๆ เดือนเพื่อหางานทำ. ผู้ชายเหล่านี้ตกเป็นเป้าหมายที่เด่นชัดของโสเภณีในท้องถิ่น. แต่ทว่า โดยทั่วไปแล้วโสเภณีเองก็เป็นเหยื่อของความยากจนด้วย. การที่พวกบิดามารดาเรียกค่าสินสอดของลูกสาวสูงเกินไปนับเป็นปัจจัยหนึ่งด้วย. ผู้ชายหลายคนไม่แต่งงานเพราะไม่สามารถหาเงินมาเป็นค่าสินสอดได้. ด้วยเหตุนี้ บางคนจึงลงเอยด้วยการใช้ชีวิตอย่างไม่อินังขังขอบในเรื่องเพศสัมพันธ์. ในบรรยากาศทางศีลธรรมและเศรษฐกิจอย่างนี้ เอดส์จึงแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว.
ทางแก้วิกฤตการณ์
ชัดเจนที่ว่า คริสต์ศาสนจักรไม่ใช่ผู้แบกคำตำหนิติเตียนทั้งหมดสำหรับวิกฤตการณ์เอดส์ในแอฟริกา. แต่ข้อที่ว่า คริสต์ศาสนจักรมีส่วนอยู่มากนั้นเป็นเรื่องชัดเจนที่น่าปวดร้าวใจ. เรื่องนี้มีความหมายที่จริงจังสำหรับผู้ที่ต้องการเป็นคนหนึ่งในกลุ่มที่พระเยซูเรียกว่า “ผู้นมัสการแท้ทั้งหลาย.”—โยฮัน 4:23, ล.ม.
ถึงจะน่าตำหนิอย่างไรก็ตาม อะไรที่อาจทำได้เพื่อยับยั้งมหันตภัยเอดส์นี้? รัฐบาลแอฟริกาต่างทำการรณรงค์ป้องกันเอดส์โดยสนับสนุนการใช้ถุงยางอนามัย. แต่ดร. แซมิวเอล บรูว์-เกรฟซ์ ตัวแทนองค์การอนามัยโลกในประเทศไนจีเรีย ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาดังนี้: “ปัจเจกบุคคลต้องเลือกแบบชีวิตที่ดีงาม . . . ขณะเดียวกันครอบครัวก็ต้อง . . . หลีกเว้นความสำส่อนทางเพศ.”
เป็นเวลานมนานมาแล้วก่อนคำ เอดส์ จะเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายเช่นนี้ คัมภีร์ไบเบิลประณามความสำส่อนว่าผิดและสนับสนุนการรักษาตัวให้บริสุทธิ์, การรู้จักบังคับตน, และความซื่อสัตย์ในสายสมรส. (สุภาษิต 5:18–20; 1 โกรินโธ 6:18) พยานพระยะโฮวาหลายแสนคนในแอฟริกาสามารถให้หลักฐานด้วยตนเองได้ว่า การติดตามหลักการเหล่านี้เป็นการป้องกันได้อย่างมากจากเอดส์และโรคอื่น ๆ ที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์. การยึดมั่นของพวกเขาในมาตรฐานต่าง ๆ ของคัมภีร์ไบเบิลนับเป็นการฟ้องความผิดของคริสต์ศาสนจักรอย่างแท้จริง. คริสเตียนแท้เหล่านี้ยังมีความหวังในโลกใหม่ที่กำลังจะมีมาที่ซึ่ง “ความชอบธรรมจะดำรงอยู่.” (2 เปโตร 3:13) สำหรับคนที่มีความเชื่อ นี่คือทางแก้วิกฤตการณ์เอดส์ในขั้นสุดยอด.
[เชิงอรรถ]
a สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม โปรดดูบทความชุด “เอดส์ในแอฟริกา—จะจบลงอย่างไร?” ในฉบับ 8 สิงหาคม 1992 ของวารสารนี้.
b โรคนี้ยังสามารถแพร่ระบาดโดยทางการถ่ายเลือดและการใช้เข็มฉีดยาเข้าเส้นโลหิตดำร่วมกันด้วย. มีคริสเตียนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่บางคนที่ติดโรคร้ายนี้จากคู่สมรสซึ่งประพฤติผิดศีลธรรมหรือใช้ยาเสพย์ติด.
[จุดเด่นหน้า 20]
“ในหลายส่วนของชนบท . . . บาทหลวงและบิชอปมี ภรรยาหลายคน.”—เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์
[รูปภาพหน้า 20]
ตัวอย่างที่ไม่ดีของนักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักรได้เติมเชื้อไฟให้ความสำส่อนทางเพศลุกลามไปในแอฟริกา
[รูปภาพหน้า 21]
เยาวชนพร้อมรับความบันเทิงที่ผิดศีลธรรมซึ่งส่งออกโดยประเทศ “คริสเตียน”