สิ่งมีชีวิตที่ใกล้จะสูญพันธุ์ขอบเขตของปัญหา
นกโดโด ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการสูญพันธุ์ไปแล้ว. ตัวสุดท้ายของนกที่บินไม่ได้เหล่านี้ตายราว ๆ ปี 1680 บนเกาะมอริเชียส. ปัจจุบัน สิ่งมีชีวิตหลายชนิดพันธุ์ที่ตกอยู่ในอันตรายก็อาศัยอยู่ตามหมู่เกาะต่าง ๆ ด้วย. ในช่วง 400 ปีที่ผ่านมานก 85 ชนิดจาก 94 ชนิดซึ่งเป็นที่รู้กันว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว เคยเป็นนกประจำเกาะ.
สัตว์ต่าง ๆ บนทวีปอันกว้างใหญ่ก็ล่อแหลมต่อการสูญพันธุ์เช่นกัน. ลองนึกถึงเสือซึ่งครั้งหนึ่งเคยพเนจรอยู่ทั่วรัสเซีย. ขณะนี้เหลือแค่เสืออามูเออร์ในไซบีเรียซึ่งเป็นพันธุ์ย่อย และจำนวนก็ร่อยหรอลงไปจนมีเพียง 180 ถึง 200 ตัวเท่านั้น. เสือในภาคใต้ของจีน ตามรายงานบอกว่ามีจำนวนเพียง 30 ถึง 80 ตัว. ในแถบอินโดจีน สัตว์เหล่านี้เผชิญกับการสูญพันธุ์ “ภายในสิบปี” หนังสือพิมพ์เดอะ ไทมส์แห่งลอนดอนรายงาน. เช่นเดียวกัน ในอินเดียซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของเสือโคร่งราว ๆ สองในสามของจำนวนที่มีทั้งโลก พวกเจ้าหน้าที่คาดคะเนว่า สัตว์ที่งามสง่าเหล่านี้อาจจะสูญพันธุ์ในทศวรรษเดียว.
จำนวนแรดและเสือชีต้าก็ลดน้อยลง. ในประเทศจีน หมีแพนดายักษ์ร่อนเร่พเนจรกันไปเป็นกลุ่ม กลุ่มหนึ่ง ๆ มีแค่สิบตัว. ตัวมาร์เตน (สัตว์กินเนื้อรูปร่างคล้ายแมว) ที่อาศัยตามป่าสนในเวลส์แทบจะสูญพันธุ์อยู่แล้ว ส่วนกระรอกแดง เดอะ ไทมส์อ้างว่า “อาจจะสูญพันธุ์ไปจากแผ่นดินใหญ่ของอังกฤษและเวลส์ในสิบถึงยี่สิบปีข้างหน้า.” ข้ามแอตแลนติกไปในสหรัฐ ค้างคาวซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอาศัยบนบก ใกล้จะสูญพันธุ์มากที่สุด.
ภาพอนาคตของมหาสมุทรในโลกเมื่อมองแล้วก็มืดมนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน. สมุดแผนที่สิ่งมีชีวิตซึ่งใกล้จะสูญพันธุ์ (ภาษาอังกฤษ) พูดถึงเต่าทะเลว่า “อาจเป็นพวกที่ใกล้จะสูญพันธุ์มากที่สุด” ในบรรดาสัตว์ทะเล. สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำดูเหมือนอยู่รอดได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวไว้ในวารสารนิว ไซเยนติสต์ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 89 ชนิดพันธุ์ได้ตกเข้าสู่ “ภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์” ใน 25 ปีที่ผ่านมานี้. ประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์ของนกชนิดต่าง ๆ ในโลกเผชิญกับการสูญพันธุ์ด้วย.a
แต่สัตว์ที่เล็กกว่าล่ะจะว่าอย่างไร อย่างเช่น พวกผีเสื้อ? สถานการณ์ก็คล้ายคลึงกัน. มากกว่าหนึ่งในสี่ของผีเสื้อ 400 ชนิดพันธุ์ของยุโรปตกอยู่ในอันตราย—19 ชนิดกำลังถูกคุกคามด้วยการสูญพันธุ์ที่ใกล้จะเกิดอยู่รอมร่อ. ในปี 1993 ผีเสื้อกระดองเต่าขนาดใหญ่ของบริเตนได้เข้าไปร่วมวงอยู่กับนกโดโดในบัญชีรายชื่อสัตว์ที่สูญพันธุ์.
น่าเป็นห่วงยิ่งขึ้น
สิ่งมีชีวิตมากน้อยเท่าไรที่สูญพันธุ์ไปทุกปี? คำตอบอยู่ที่ว่าคุณจะถามผู้เชี่ยวชาญคนไหน. ถึงแม้บรรดานักวิทยาศาสตร์ไม่เห็นพ้องต้องกัน แต่ทุกคนก็ยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าสิ่งมีชีวิตหลายชนิดล่อแหลมต่อการสูญพันธุ์. สจ๊วต พิมม์ นักนิเวศวิทยาตั้งข้อสังเกตว่า “ประเด็นโต้แย้งที่ว่าเรากำลังสูญเสีย [สิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ] เร็วแค่ไหนนั้น โดยพื้นฐานแล้วเป็นการถกเถียงที่พัวพันกับอนาคตของเรา.” เขาเสริมว่า “ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา มนุษย์เราได้เร่งอัตราการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตมากกว่าอัตราที่ธรรมชาติเป็นตัวก่ออย่างลิบลับ. ผลที่ตามมาก็คืออนาคตของเราแย่ลง.”
ดาวเคราะห์โลกของเรานั้นเปรียบเสมือนบ้าน. บางคนซึ่งเป็นห่วงว่าสิ่งมีชีวิตจะสูญพันธุ์ได้ศึกษาเรื่องนิเวศวิทยา (ecology) อันเป็นคำที่สร้างขึ้นในช่วงห้าสิบปีหลังของศตวรรษที่ 19 โดยอาศัยคำกรีกออยโคส (oikos) “บ้าน.” วิชานี้มุ่งความสนใจไปที่ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตกับสิ่งแวดล้อม. ระหว่างศตวรรษที่ 19 มีความสนใจมากขึ้นในเรื่องการอนุรักษ์ ไม่ต้องสงสัยรายงานเรื่องการสูญพันธุ์คงเป็นตัวกระตุ้น. ในสหรัฐ สิ่งนี้นำไปสู่การก่อตั้งวนอุทยานแห่งชาติและเขตคุ้มครองซึ่งให้การปกป้องแก่สิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ. ในปัจจุบัน กะประมาณว่า เขตคุ้มครองชีวิตสัตว์ป่าอันเป็นที่ยอมรับท่ามกลางนานาประเทศนั้น มีราว ๆ 8,000 แห่งทั่วโลก. ถ้านับรวมสถานที่อีก 40,000 แห่งซึ่งช่วยบำรุงรักษาถิ่นอาศัยของสัตว์ป่าแล้ว พื้นที่ทั้งหมดก็มีเกือบ ๆ 10 เปอร์เซ็นต์ของผืนแผ่นดินบนโลก.
หลายคนที่มีความห่วงใย ขณะนี้สนับสนุนสิ่งที่เรียกกันว่านโยบายเขียว ไม่ว่าจะโดยขบวนการเคลื่อนไหวซึ่งประชาสัมพันธ์เรื่องการสูญพันธุ์ที่กำลังคุกคาม หรือโดยหน่วยงานที่แค่ให้ความรู้แก่ประชาชนในเรื่องชีวิตที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน. และนับตั้งแต่การประชุมริโอเอิร์ทซัมมิต (การประชุมสุดยอดสิ่งแวดล้อมโลก) ในปี 1992 ความคิดของรัฐบาลโดยทั่วไปดูแล้วตื่นตัวยิ่งขึ้นต่อปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม.
ปัญหาเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่ใกล้จะสูญพันธุ์เป็นปัญหาระดับโลก และกำลังขยายตัวขึ้น. แต่อะไรเป็นสาเหตุ? ความพยายามใด ๆ เพื่อป้องกันการสูญพันธุ์กำลังประสบผลสำเร็จในปัจจุบันนี้ไหม? และอนาคตล่ะจะเป็นเช่นไร? คุณเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไร? บทความของเราต่อจากนี้จะให้คำตอบ.
[เชิงอรรถ]
a สิ่งมีชีวิตที่สูญพันธุ์ได้รับการนิยามว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีการพบเห็นในธรรมชาติเป็นเวลา 50 ปี ขณะที่สิ่งมีชีวิตซึ่งใกล้จะสูญพันธุ์พาดพิงถึงพวกที่ล่อแหลมต่อการสูญพันธุ์หากไม่มีการเปลี่ยนสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันของสิ่งมีชีวิตชนิดนั้น.