ปี—2000 ความขัดข้องทางคอมพิวเตอร์จะกระทบคุณไหม?
หลังจากคอมพิวเตอร์ปรากฏโฉมครั้งแรกในโลก มีการกล่าวกันว่ามันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดนับตั้งแต่มนุษย์นำไฟฟ้ามาใช้ประโยชน์. ปัจจุบัน หลังจากหลายทศวรรษผ่านไป หลายคนสงสัยว่าพวกเขาจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่มีคอมพิวเตอร์. วารสารที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้ก็ผลิตโดยคอมพิวเตอร์. คอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลไว้ในหน่วยความจำและเรียกออกมาดูได้ทันที. คอมพิวเตอร์อัศจรรย์จริง ๆ! ช่างยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้! โลกจะเป็นเช่นไรหากไม่มีคอมพิวเตอร์?
ตามเขตต่าง ๆ ในโลกที่ทันสมัย เกือบทุกด้านของชีวิตได้รับผลกระทบบางอย่างจากคอมพิวเตอร์. ถ้าคุณต้องพึ่งรายได้จากเงินบำนาญ, เงินช่วยเหลือผู้ทุพพลภาพจากรัฐบาล, การคืนเงินภาษีและเงินประกัน, หรือการจ่ายเงินแบบอื่น ๆ อีกหลายแบบทำนองนี้ การได้รับเงินของคุณต้องอาศัยคอมพิวเตอร์. ถ้าคุณเป็นลูกจ้าง เช็คจ่ายเงินเดือนที่คุณได้รับอาจใช้ระบบคอมพิวเตอร์. คอมพิวเตอร์บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับการฝากเงินในธนาคารและการให้ดอกเบี้ย. ในบ้านสมัยใหม่คอมพิวเตอร์ควบคุมอุปกรณ์นับไม่ถ้วน เช่น อุปกรณ์ที่ผลิตไฟฟ้า หรือน้ำบริสุทธิ์. คอมพิวเตอร์เป็นประโยชน์ต่อแพทย์, คลินิก, และโรงพยาบาล ในการวินิจฉัยปัญหาสุขภาพ—และการช่วยชีวิต. มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้เฝ้าติดตามสภาพลมฟ้าอากาศและป้องกันเครื่องบินไม่ให้ชนกันกลางอากาศ.
คอมพิวเตอร์ฉลาดแค่ไหน?
คอมพิวเตอร์ไม่ฉลาดไปกว่ามนุษย์ที่เขียนโปรแกรมให้มัน. คอมพิวเตอร์แก้ปัญหาเฉพาะที่มันได้รับคำสั่ง. มันไม่มีสามัญสำนึกใด ๆ. เมื่อเกิดผิดพลาด ก็มีแต่จะฟ้องถึงความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ที่เขียนโปรแกรมหรือกำหนดให้มันทำงาน. เมื่อทำงานถูกต้อง มนุษย์ก็ได้ความดีความชอบ. คอมพิวเตอร์อาจทำงานเร็วกว่าคน แต่มันไม่สามารถให้คำตอบสำหรับปัญหาต่าง ๆ เว้นแต่มนุษย์จะจัดหาวิธีเพื่อได้คำตอบนั้น.
ยกตัวอย่าง การมองเห็นล่วงหน้าของมนุษย์นั้นสั้นจริง ๆ เมื่อเขาเขียนโปรแกรมครั้งแรกให้คอมพิวเตอร์บางระบบในทศวรรษ 1950 และ 1960. เนื่องจากในตอนนั้นหน่วยความจำของคอมพิวเตอร์มีราคาแพง ผู้เขียนโปรแกรมจึงมองหาวิธีที่จะประหยัดหน่วยความจำ. อักษรหรือตัวเลขแต่ละตัวในคอมพิวเตอร์กินเนื้อที่. ดังนั้น เพื่อจะประหยัดเนื้อที่เมื่อเก็บข้อมูลวันที่ ผู้เขียนโปรแกรมสมัยแรก ๆ จึงคิดตัวย่อขึ้นโดยตัดตัวเลขสองตัวแรกของปีออกไป. ยกตัวอย่าง ปี 1965 ย่อเป็น “65” ปี 1985 ย่อเป็น “85” ปี 1999 ย่อเป็น “99” และอื่น ๆ ทำนองนี้. เป็นเรื่องง่ายที่จะเติม “19” เข้ากับ “85” เพื่อจะได้ 1985 เมื่อพิมพ์วันที่ออกมา. ตลอดสองสามทศวรรษที่ผ่านมา หลายล้านโปรแกรมเขียนโดยใช้ตัวย่อนี้. มีนักเขียนโปรแกรมไม่กี่คนที่คิดว่าตัวย่อซึ่งดูเหมือนไม่ก่อความเสียหายนี้จะก่อผลพวงร้ายแรง เนื่องจากพวกเขาไม่นึกว่าโปรแกรมของตนจะยังคงใช้อยู่เมื่อขึ้นศตวรรษใหม่. อย่างไรก็ดี โปรแกรมที่ใช้ตัวย่อนี้หลายโปรแกรมยังคงใช้กันอยู่และจะเก็บปี 2000 เป็น “00.”
คอมพิวเตอร์บางระบบจะแปล “00” เป็นปี 1900! ลองนึกภาพความสับสนในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ดูก็แล้วกันเมื่อคอมพิวเตอร์คำนวณเงินกู้ห้าปีซึ่งเริ่มในปี 1999 และคำนวณการถึงกำหนดชำระเงินงวดสุดท้ายในปี 1904! ในอีกกรณีหนึ่ง การคำนวณวันที่จะเป็นเหตุให้โปรแกรมคอมพิวเตอร์หยุดชะงักพร้อมด้วยอาการของความผิดพลาด และถ้าเป็นกรณีที่ร้ายแรงโปรแกรมนั้นก็จะเสียไปเลย.
หนังสือพิมพ์โทรอนโต สตาร์ เขียนว่า “แม้ไมโครชิปจะนำเราสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมพอ ๆ กับการประดิษฐ์คิดค้นไฟฟ้า แต่มันยังทำให้เราเปราะบางเกินกว่าที่ผู้ประดิษฐ์อาจนึกภาพได้.” หนังสือพิมพ์สตาร์ กล่าวเช่นกันว่า “ระบบคอมพิวเตอร์และไมโครชิปที่ไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างปี 1900 กับปี 2000 ได้นั้นมีอยู่ทั่วโลก. อาจเกิดภาวะยุ่งเหยิงทั่วโลก เว้นแต่จะมีการระบุระบบเหล่านี้ออกมาและทำการเปลี่ยนแปลง.”
สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญบางคนทำนาย
โรเบิร์ต เบนเนตต์ สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐจากยูตาห์กล่าวว่า “ทุก ๆ คนรวมทั้งผมด้วยกำลังเดากันว่าผลที่ออกมาจะเลวร้ายเพียงใด. และไม่มีใครจะรู้ได้จนกระทั่งถึงวันขึ้นปีใหม่ของปี 2000 หรือไม่ก็หนึ่งหรือสองสัปดาห์หลังจากนั้น.” ผู้ช่วยคนหนึ่งของประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวว่า “ที่จริงมีพื้นฐานบางอย่างที่จะพูดว่า . . . จะมีผลที่ยังความยุ่งยากอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจและต่อประชาชน.”
โฆษกประจำสำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐบอกว่า “เราเป็นห่วงเรื่องความขัดข้องที่อาจเกิดขึ้นได้ในระบบเครือข่ายไฟฟ้า, โทรคมนาคม, และธุรกิจธนาคาร.” ตามรายงานต่าง ๆ จากทั่วโลก คอมพิวเตอร์บางระบบประสบปัญหาไปแล้วเมื่อวันที่ในคอมพิวเตอร์นั้นไปถึงปี 2000 หรือเลยไป.
วารสารยู.เอส. นิวส์ แอนด์ เวิลด์ รีพอร์ต รายงานว่า “พวกผู้เชี่ยวชาญกำลังทำนายถึงความเดือดร้อนยิ่งขึ้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เนื่องจากบันทึกเกี่ยวกับรายการค่าใช้จ่ายและการทำประกันของคนไข้ตามโรงพยาบาลหรือสำนักงานประกันสุขภาพนั้นมีโอกาสเสียหายได้ง่าย. อุปกรณ์ด้านชีวแพทย์บางชนิด รวมทั้งอุปกรณ์ตรวจติดตามอาการคนไข้ก็เสี่ยงต่อการขัดข้องด้วย. เนื่องจากหน่วยบริการไฟฟ้าหลายแห่งลงมือแก้ปัญหาล่าช้า จึงเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าดับตามท้องที่ต่าง ๆ.” หนังสือพิมพ์แคนาดาฉบับหนึ่งแสดงความวิตกกลัวเช่นเดียวกันดังนี้: “เทคโนโลยีด้านการแพทย์และโรงพยาบาลของเราล้วนแล้วแต่พึ่งอาศัยไมโครชิปทุกแง่ทุกมุม ฉะนั้น การล้มเหลวของระบบคอมพิวเตอร์อาจคร่าชีวิตผู้คนได้.” ผู้บริหารโรงพยาบาลคนหนึ่งครวญว่า “ดูจากธุรกิจของเราแล้ว ความล้มเหลวของระบบจะก่อผลกระทบแตกต่างจากธุรกิจอื่น. อุตสาหกรรมอื่น ๆ อาจจะไม่อยู่ในสภาพที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตาย.”
ผู้เชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์ที่มองในแง่ร้ายกว่าทำนายว่าตลาดหลักทรัพย์จะล้มละลาย, ธุรกิจขนาดเล็กจะพังพินาศ, และผู้ฝากเงินที่วิตกกลัวจะแห่กันไปถอนเงินจากธนาคาร. ในสหรัฐ รองเลขาธิการกระทรวงกลาโหมเรียกความขัดข้องของคอมพิวเตอร์ทั่วโลกนี้ว่าเป็นปรากฏการณ์เอลนินโญทางอิเล็กทรอนิก และให้ความเห็นว่า “ผมขอเป็นคนแรกที่บอกว่า เราจะหนีไม่พ้นเรื่องร้ายแรงบางอย่างที่คาดไม่ถึง.”
ประธานหอการค้าของอเมริกาบอกว่า “ธุรกิจในรัสเซียจะได้รับผลกระทบอย่างมหันต์ถ้าไม่แก้ไขคอมพิวเตอร์ให้เรียบร้อยก่อนวันที่ 1 มกราคม ปี 2000.” สำนักข่าวรอยเตอส์รายงานว่า “บริษัทต่าง ๆ ในเยอรมนีไม่ตื่นตัวต่อภัยพิบัติคอมพิวเตอร์ที่จะระเบิดในปี 2000 และผลพวงก็ส่อเค้าว่าจะก่อความยุ่งเหยิงตลอดทั่วยุโรป.” ผู้อำนวยการการวิจัยหนึ่งกล่าวว่า “คำวิจารณ์เดียวกันนี้คุณสามารถนำไปใช้ได้กับออสเตรเลีย, สวิตเซอร์แลนด์, สเปน, ฝรั่งเศส, และอิตาลี.”
หนังสือพิมพ์บางกอก โพสต์ ก็เรียกร้องให้สนใจปัญหาคอมพิวเตอร์ในประเทศไทยเช่นกันดังนี้: “สำนักงานสถิติแห่งชาติในภูมิภาคนี้เผชิญข้อท้าทายสองต่อเกี่ยวกับปี 2000 คือ การป้องกันปัญหาปี 2000 (Y2K) ในระบบคอมพิวเตอร์ของตน, และการเตรียมพร้อมเพื่อดำเนินการสำรวจสำมะโนประชากรรอบใหม่ ตามรายงานจากสำนักข่าวสารแห่งสหประชาชาติ.” จีน, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์, ออสเตรเลีย, อังกฤษ, ไอร์แลนด์, และฮ่องกง ล้วนแล้วแต่เผชิญปัญหาเดียวกันนี้. จริง ๆ แล้ว นี่เป็นปัญหาทั่วโลกที่วอนขอวิธีแก้.
ค่าใช้จ่ายที่น่าตกตะลึง
ผู้เชี่ยวชาญบางคนได้คิดค่าใช้จ่ายสำหรับการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนเงินที่น่าตกตะลึง. เพื่อเป็นตัวอย่าง สำนักงานการจัดการและงบประมาณของสหรัฐ กะประมาณว่าจะต้องใช้ 4,700 ล้านดอลลาร์ในการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์เฉพาะในรัฐบาลกลางเท่านั้น. ผู้เชี่ยวชาญกลุ่มหนึ่งบอกว่า การกะประมาณที่ตรงตามความเป็นจริงมากกว่าในการยกเครื่องครั้งใหญ่สำหรับคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลกลางน่าจะเป็น 30,000 ล้านดอลลาร์. ค่าใช้จ่ายตลอดทั่วโลกตกประมาณเท่าไร? มหาศาล “600,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการแก้ซอฟต์แวร์ และ 1,000,000 ล้านดอลลาร์สำหรับการฟ้องร้องที่ไม่อาจเลี่ยงได้เมื่อการแก้บางรายล้มเหลว” ตามรายงานของหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก โพสต์. ผู้เชี่ยวชาญอีกกลุ่มหนึ่งกะประมาณว่า “ค่าซ่อม, ค่าฟ้องร้อง, และค่าความเสียหายทางธุรกิจอาจมียอดรวมสูงถึง 4,000,000 ล้านดอลลาร์.” หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก โพสต์ เขียนว่า “ปัญหาปี 2000 ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นปัญหาที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์.” อีกรายงานหนึ่งพรรณนาปัญหานี้ว่าเป็น “โครงการที่อาจจะใหญ่โตที่สุด, มีความเสี่ยงสูงที่สุด, และแพงที่สุด เท่าที่มนุษยชาติเคยประสบ.”
ความเห็นแตกต่าง
ปัญหานี้จะกระทบคุณอย่างไร? ขึ้นอยู่กับว่าคุณอาศัยอยู่ที่ไหน และสถาบันที่คุณติดต่อเกี่ยวข้องด้วยนั้นออกความพยายามมากน้อยเพียงไร ขอบข่ายของปัญหานี้อาจมีตั้งแต่ไม่ก่อผลกระทบใด ๆ จนถึงทำให้อารมณ์เสียเล็กน้อยและกระทั่งยุ่งยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสองสามสัปดาห์แรกหลังจากวันที่ 1 มกราคม ปี 2000. หากมีอะไรที่คุณเป็นห่วง อย่างเช่น อุปกรณ์เฉพาะที่คุณใช้สำหรับดูแลสุขภาพ ให้ติดต่อกับบริษัทหรือสถาบันที่ให้บริการและถามเขาว่าปี 2000 จะมีผลกระทบอะไรบ้างต่ออุปกรณ์หรือบริการนั้น.
ตลอดสองสามปีที่ผ่านมานี้ ปัญหาปี 2000 ได้รับการโจษขานกันมาก. บางคนบอกว่าปัญหานี้ร้ายแรงอย่างยิ่ง; บางคนก็ตอบโต้ว่าที่พูดมานั้นเกินความเป็นจริง. มีหลายคนบอกว่าธนาคารจะล้ม ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางธนาคารบอกว่าพอถึงปี 2000 ปัญหาส่วนใหญ่ของพวกเขาก็จะได้รับการแก้ไขเรียบร้อย. ประธานคณะกรรมการการสื่อสารแห่งรัฐบาลกลางของสหรัฐบอกว่า “ไม่มีใครเชื่อว่าเครือข่ายโทรศัพท์จะได้รับความเสียหายอย่างหนัก.” อย่างไรก็ดี เขายอมรับว่า เมื่อขึ้นศตวรรษใหม่โทรศัพท์จะมีปัญหา แต่เขาบอกว่าคงจะทำให้ข้องขัดใจ ไม่ใช่เสียหายอย่างหนัก. หลายองค์การกำลังทำการทดสอบจำลองวันที่ในห้องปฏิบัติการอยู่แล้ว. การทดสอบนี้อาจจะขจัดปัญหาหลายอย่าง. กระนั้น โลกจะต้องคอยดูกันต่อไปว่าปัญหาปี 2000 จะร้ายแรงเพียงใด.