บท 11
ความเจ็บป่วยและความตาย—เพราะเหตุใด?
ไม่ว่าคนเราจะทำอะไรก็ตามเพื่อเอาใจใส่สุขภาพของตน เขาก็ยังแก่ลง เจ็บป่วยและตายในที่สุด. ไม่มีใครจะหลีกพ้นได้. แม้คนที่เลื่อมใสในพระเจ้าก็เลี่ยงไม่พ้น. (1 กษัตริย์ 1:1; 2:1, 10; 1 ติโมเธียว 5:23) เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น?
2 เซลล์ในร่างกายของเราดูเหมือนมีศักยภาพในการทดแทนเซลล์ที่ตายไปอีกนานยิ่งกว่าที่มันทำอยู่ในขณะนี้ และสมองของเราก็มีศักยภาพมากกว่าที่เราจะสามารถใช้ในช่วงชีวิตของเราตั้งหลายเท่า. จะเป็นเช่นนี้ทำไมกัน—ถ้าเราไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อให้ใช้ความสามารถเหล่านี้? ที่จริง บรรดานักวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเราแก่ลง เจ็บป่วยและตาย. แต่พระคัมภีร์ให้ความกระจ่างในเรื่องนี้.
สาเหตุของความเจ็บป่วยและความตาย
3 อัครสาวกเปาโลชี้นำเราไปสู่ทิศทางที่ถูกต้อง โดยกล่าวว่า “คนทั้งปวงได้ตายเพราะเกี่ยวเนื่องกับอาดาม.” (1 โกรินโธ 15:21, 22) ณ ที่นี่ เปาโลอ้างถึงเรื่องราวในพระคัมภีร์เกี่ยวกับอาดามและฮาวา ซึ่งพระเยซูคริสต์ทรงยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง. (มาระโก 10:6-8) พระผู้สร้างได้ทรงจัดให้มนุษย์คู่แรกอยู่ในบ้านที่เป็นอุทยาน พร้อมกับความหวังที่ยังความสุขใจว่า จะมีชีวิตไม่รู้สิ้นสุดสอดคล้องกับพระประสงค์ของพระองค์. เขาทั้งสองได้อาหารที่มีคุณค่าอย่างบริบูรณ์จากต้นไม้และพืชผักนานาชนิด. ยิ่งกว่านั้น อาดามและฮาวาเป็นมนุษย์สมบูรณ์ ปราศจากข้อบกพร่องใด ๆ ทางด้านจิตใจและร่างกาย และไม่มีอะไรจะทำให้เกิดความเสื่อมโทรมแก่จิตใจและร่างกาย ดังที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ขณะนี้.—พระบัญญัติ 32:4; เยเนซิศ 1:31.
4 มีการวางข้อจำกัดอย่างเดียวเท่านั้นสำหรับมนุษย์คู่แรก. พระเจ้าตรัสว่า “เว้นแต่ต้นไม้ที่ให้รู้ความดีและชั่ว ผลของต้นนั้นเจ้าอย่ากินเป็นอันขาด ถ้าเจ้าขืนกินวันใด เจ้าจะตายในวันนั้นเป็นแน่.” (เยเนซิศ 2:17) โดยการทำตามข้อจำกัดนี้ เขาก็จะแสดงให้เห็นว่า ยอมรับอำนาจการตัดสินของพระเจ้าที่ว่า อะไรดีอะไรชั่วสำหรับมนุษย์. ในเวลาต่อมา เขาได้ตั้งมาตรฐานของตนเองขึ้นเกี่ยวด้วยความดีและชั่ว. (เยเนซิศ 3:6, 7) โดยการฝ่าฝืนพระบัญชาของพระเจ้าที่ทรงแถลงอย่างชัดเจน เขาทั้งสองได้กระทำสิ่งที่พระคัมภีร์เรียกว่า “บาป.” คำ “ทำบาป” ไม่ว่าในภาษาฮีบรูหรือภาษากรีกหมายถึง “พลาด [เป้า].” อาดามและฮาวาได้พลาดเป้าหรือขาดไปจากการเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์พร้อม. เขาไม่ได้สะท้อนความสมบูรณ์พร้อมทุกประการของพระยะโฮวาอีกต่อไป และเขานำการพิพากษาที่เที่ยงธรรมจากพระเจ้ามาสู่ตนเอง.—ลูกา 16:10.
5 บาปของอาดามกับฮาวาได้ส่งผลกระทบถึงตัวเขาเองและต่อเนื่องถึงพวกเราด้วย. ทำไมจึงตกแก่เราด้วย? ทั้งนี้เพราะพระเจ้ามิได้สำเร็จโทษเขาทันที. ด้วยการคำนึงถึงทุกสิ่งที่เกี่ยวข้อง พระยะโฮวาทรงปล่อยมนุษย์คู่แรกให้กำเนิดบุตรหลาน. แต่อาดามและฮาวาหาใช่มนุษย์สมบูรณ์อีกต่อไปไม่; เมื่อเขาทำบาป สภาพด้านร่างกายและจิตใจของเขาเริ่มเสื่อม. ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถให้กำเนิดบุตรที่สมบูรณ์พร้อมได้. (โยบ 14:4) อาจเปรียบเทียบสภาพนั้นกับสภาพของคู่สมรสในทุกวันนี้ ซึ่งมีข้อบกพร่องเกี่ยวกับหน่วยถ่ายพันธุ์ที่เขาถ่ายทอดมายังลูก ๆ ของเขา. เราได้รับข้อบกพร่องอันได้แก่บาปเป็นมรดก เพราะพวกเราทุกคนล้วนแต่เกิดมาจากมนุษย์คู่แรกที่ไม่สมบูรณ์. เปาโลอธิบายว่า “ความผิดได้เข้ามาในโลกเพราะคน ๆ เดียว [อาดาม] และความตายเกิดมาเพราะความผิดนั้น อย่างนั้นแหละ ความตายจึงได้ลามไปถึงคนทั้งปวง เพราะคนทั้งปวงเป็นคนผิดอยู่แล้ว.”—โรม 5:12; บทเพลงสรรเสริญ 51:5.
6 สภาพการณ์เช่นนั้นหมดหนทางแก้ไขไหม? ทั้งประวัติศาสตร์และพระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่า คงหมดหนทางแน่ถ้าปล่อยไว้ให้มนุษย์แก้ไขกันเอง. เราไม่สามารถขจัดรอยบาปหรือช่วยตัวเองหลุดพ้นจากการปรับโทษของพระเจ้าได้. ถ้าจะมีการปลดเปลื้อง พระเจ้าจะทรงเตรียมการนั้น. ในเมื่อเกิดการละเมิดกฎหมายที่พระองค์บัญญัติขึ้นมา พระองค์นั่นแหละจะทรงตัดสินว่าจะบรรลุความยุติธรรมอันครบถ้วนทั้งทรงเตรียมการปลดเปลื้องด้วยได้อย่างไร. พระยะโฮวาเจ้าทรงสำแดงพระกรุณาอันไม่พึงได้รับ โดยทรงจัดเตรียมให้การสงเคราะห์ผู้ที่เป็นเชื้อสายของอาดามกับฮาวารวมทั้งพวกเราด้วย. พระคัมภีร์ชี้แจงถึงวิธีการจัดเตรียมเช่นนั้นและวิธีที่เราจะได้ประโยชน์.
7 ข้อคัมภีร์ต่อไปนี้เป็นพื้นฐานเพื่อเข้าใจเรื่องนี้:
“พระเจ้าทรงรักโลก [มนุษยชาติ] จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะมิได้พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์.”—โยฮัน 3:16.
“บุตรมนุษย์ [พระเยซู] มิได้มาเพื่อจะให้เขาปรนนิบัติ แต่ท่านมาเพื่อจะปรนนิบัติเขา และประทานชีวิตของท่านให้เป็นค่าไถ่คนเป็นอันมาก.”—มาระโก 10:45.
“คนทั้งปวงได้ทำผิดทุกคนและขาดการถวายเกียรติยศแก่พระเจ้า แต่พระเจ้าทรงกรุณาให้เขาเป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดค่าเพราะพระเยซูทรงไถ่เขาให้พ้นแล้ว. พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูนั้นไว้ให้ปรากฏเป็นที่ระงับพระพิโรธเพราะความเชื่อในพระโลหิตของพระองค์.”—โรม 3:23-25.
“ค่าไถ่” คืออะไร?
8 คัมภีร์สองข้อนั้นกล่าวถึง “ค่าไถ่.” โดยพื้นฐานแล้วค่าไถ่คือราคาที่จ่ายเพื่อปล่อยเชลยเป็นอิสระ. (ยะซายา 43:3) เราได้ยินคำนี้บ่อย ๆ เกี่ยวข้องกับเงินที่จ่ายเพื่อให้ปล่อยผู้ที่ถูกลักพาตัวไป. ในกรณีของเรา เชลยคือมนุษยชาติ. อาดามได้ขายเราเป็นทาสของบาป มีผลตามมาคือความเจ็บป่วยและความตาย. (โรม 7:14) อะไรเป็นสิ่งที่มีค่ามากพอจะไถ่มนุษยชาติและให้เรามีช่องทางจะดำรงชีวิตอยู่โดยไม่รับผลกระทบจากบาป?
9 จำไว้ว่า พระคัมภีร์กล่าวว่าพระเยซู ‘ประทานชีวิต ของพระองค์เป็นค่าไถ่.’ (มาระโก 10:45) จากข้อนี้เราสามารถเข้าใจได้ว่า จำเป็นต้องใช้ชีวิตมนุษย์. โดยการทำบาป อาดามได้ทำให้ชีวิตมนุษย์สมบูรณ์เสียไป. เพื่อเปิดทางให้มนุษยชาติได้รับชีวิตในสภาพสมบูรณ์อีก ชีวิตมนุษย์สมบูรณ์อีกชีวิตหนึ่งเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อทดแทน หรือซื้อคืนสิ่งที่อาดามทำให้เสียไป. ข้อนี้จึงเน้นสาเหตุที่ลูกหลานผู้ไม่สมบูรณ์ของอาดามไม่มีแม้แต่คนเดียวจะจัดหาค่าไถ่ได้. ดังที่บทเพลงสรรเสริญ 49:7, 8 กล่าวว่า “ไม่มีคนใดไถ่ตัวเองได้หรือถวายค่าไถ่สำหรับตนแด่พระเจ้า: เพราะค่าไถ่ชีวิตของเขานั้นแพงนัก และเกินกำลังที่เขาจะชำระได้.”—เจรูซาเลมไบเบิล.
10 เพื่อที่จะมีค่าไถ่ พระเจ้าจึงทรงส่งพระบุตรของพระองค์ที่เป็นกายวิญญาณสมบูรณ์พร้อมจากสวรรค์ลงมากำเนิดเป็นมนุษย์. ทูตสวรรค์ได้ชี้แจงแก่มาเรียหญิงสาวพรหมจารีผู้บริสุทธิ์ถึงวิธีที่พระเจ้าทำให้แน่ใจว่า พระเยซูจะเกิดมาสมบูรณ์พร้อมดังนี้: “ฤทธิ์เดชของผู้สูงสุดจะสวมทับเธอ. เหตุฉะนั้นองค์บริสุทธิ์ที่จะบังเกิดนั้นจะได้นามว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า.” (ลูกา 1:35; ฆะลาเตีย 4:4) เนื่องจากพระเยซูไม่ได้เกิดมาจากบิดาซึ่งเป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์ จึงไม่ได้รับช่วงความบาปที่สืบทอดกันมา.—1 เปโตร 2:22; เฮ็บราย 7:26.
11 หลังจากดำเนินชีวิตในฐานะมนุษย์อย่างที่ประสานกับพระทัยประสงค์ของพระเจ้าโดยครบถ้วนแล้ว พระคริสต์จึงสละชีวิตมนุษย์สมบูรณ์ของพระองค์. ชีวิตของพระองค์เท่าเทียมกันกับชีวิตของอาดามในคราวที่ถูกสร้าง ดังนั้น พระเยซูจึงมาเป็น “ค่าไถ่ [ที่มีค่าเท่าเทียมกัน, ล.ม.] สำหรับคนทั้งปวง.” (1 ติโมเธียว 2:5, 6; 1 โกรินโธ 15:45) ถูกแล้ว ค่าไถ่นั้น “สำหรับคนทั้งปวง” ในประการที่พระองค์ทรงชำระค่าเพื่อซื้อครอบครัวมนุษย์ทั้งสิ้น. เพราะฉะนั้น พระคัมภีร์กล่าวว่า พระองค์ “ได้ทรงไถ่ท่านทั้งหลายแล้วตามราคา.” (1 โกรินโธ 6:20) ด้วยเหตุนี้ โดยความตายของพระเยซู พระเจ้าจึงได้ทรงวางรากฐานไว้เพื่อลบล้างสิ่งที่อาดามก่อขึ้นเมื่อนำบาป ความเจ็บป่วยและความตายมาสู่มนุษยชาติ. สัจธรรมข้อนี้ย่อมมีความหมายอย่างแท้จริงเพื่อพวกเราจะมีชีวิตอยู่ด้วยความสุข.
บาปของเราจะได้รับอภัยโดยวิธีใด?
12 เป็นการดีที่ทราบจากพระคัมภีร์ว่า พระเยซูได้ชำระราคาค่าไถ่แล้ว. แต่ยังมีบางสิ่งซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการจะได้รับความพอพระทัยพร้อมด้วยพระพรของพระเจ้า. นั่นคือข้อเท็จจริงที่ว่า พวกเราแต่ละบุคคลเป็นคนบาป. เรา ‘พลาดเป้า’ หลายครั้ง. เปาโลได้เขียนอย่างนี้: “คนทั้งปวงได้ทำผิดทุกคนและขาดการถวายเกียรติยศแด่พระเจ้า.” (โรม 3:23) ในเรื่องนี้เราจะทำอะไรได้บ้าง? เราจะเป็นที่ยอมรับสำหรับพระยะโฮวา พระเจ้าที่ชอบธรรมของเราได้อย่างไร?
13 แน่นอน เราคงจะไม่คาดหมายว่าพระเจ้าทรงมองเราด้วยความพอพระทัย หากเรายังดำเนินในแนวทางซึ่งเรารู้อยู่ว่า ทางนั้นไม่สอดคล้องกับพระทัยประสงค์ของพระองค์. เราต้องกลับใจอย่างแท้จริงเกี่ยวเนื่องกับความปรารถนา คำพูด และความประพฤติที่ผิดของเรา ครั้นแล้วพยายามทำให้ได้ตามมาตรฐานของพระองค์ดังแจ้งไว้ในพระคัมภีร์. (กิจการ 17:30) กระนั้น การบาปที่เราได้กระทำ—ทั้งในอดีตและปัจจุบัน—จำต้องได้รับการอภัย. เครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูเป็นประโยชน์แก่เราในที่นี้. เปาโลให้ความกระจ่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยเขียนว่าพระเจ้า ‘ทรงตั้งพระเยซู . . . เป็นที่ระงับพระพิโรธเพราะความเชื่อในพระโลหิตของพระองค์.’—โรม 3:24, 25.
14 ณ ที่นี้ อัครสาวกอ้างถึงสิ่งที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมมานานแล้ว เพื่อให้เป็นภาพเล็งถึงพระคริสต์. ในประเทศยิศราเอลโบราณ เคยมีการใช้สัตว์เป็นเครื่องบูชาไถ่บาปเป็นประจำเพื่อประชาชน. และแต่ละคนสามารถถวายเครื่องบูชาแก้บาปสำหรับกรณีพิเศษที่เขาเองได้กระทำผิด. (เลวีติโก 16:1-34; 5:1-6, 17–19) พระเจ้าทรงยอมรับโลหิตที่ถวายเป็นเครื่องบูชาเพื่อไถ่โทษหรือลบล้างบาปของมนุษย์. แต่เครื่องบูชาเช่นนี้ก็ใช่ว่าจะช่วยได้ตลอดไป เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า “เลือดโคผู้และเลือดแพะจะชำระความบาปหามิได้.” (เฮ็บราย 10:3, 4) อย่างไรก็ดี ลักษณะการนมัสการดังกล่าวซึ่งเกี่ยวข้องกับปุโรหิต วิหาร แท่นบูชาและของถวายเป็น “ตัวอย่าง” หรือ “เงาของสิ่งดีที่จะมาภายหน้า” รวมทั้งเครื่องบูชาของพระเยซูด้วย.—เฮ็บราย 9:6-9, 11, 12; 10:1.
15 พระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้สำคัญเพียงไรสำหรับการที่เราได้รับอภัยโทษโดยกล่าวว่า “ในพระองค์นั้น เราได้รับการไถ่ โดยพระโลหิต ของพระองค์ [พระเยซู] และได้รับอภัยโทษ ในความผิดของเราโดยพระกรุณาอันอุดมของพระองค์.” (เอเฟโซ 1:7; 1 เปโตร 2:24) ดังนั้น นอกจากความตายของพระองค์จัดให้มีค่าไถ่แล้ว ความตายนั้นปกปิดความบาปของเรา เราอาจได้รับการอภัยความบาปของเรา. แต่มีข้อเรียกร้องสำหรับพวกเรา. เนื่องจากเราถูกซื้อไว้แล้ว คือ “ได้ทรงไถ่ท่านทั้งหลายไว้แล้วตามราคา” โดยค่าไถ่ของพระคริสต์ เราต้องเต็มใจรับรองเอาพระเยซูเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าหรือเป็นเจ้าของของเราและเชื่อฟังพระองค์. (1 โกรินโธ 6:11, 20; เฮ็บราย 5:9) เพราะฉะนั้น เราจึงต้องกลับใจจากความบาปของเรา แล้วเชื่อมสิ่งนี้เข้ากับความเชื่อศรัทธาในเครื่องบูชาของพระเยซูองค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา.
16 หากเราทำเช่นนั้น เราไม่จำเป็นต้องรอการให้อภัยกระทั่งถึงเวลาที่พระเจ้าทรงปลดเปลื้องมนุษยชาติพ้นจากผลกระทบทุกอย่างที่สืบเนื่องจากบาป แล้วกำจัดความเจ็บป่วยและความตายให้หมดไป. พระคัมภีร์กล่าวถึงการอภัยนี้ว่า เป็นสิ่งที่ให้ประโยชน์แก่เราแม้แต่ในเวลานี้ คือยังผลให้มีสติรู้สึกผิดชอบอันดีจำเพาะพระเจ้า.—1 โยฮัน 2:12.
17 เพราะฉะนั้น เครื่องบูชาของพระเยซูน่าจะมีความสำคัญสำหรับเราเป็นส่วนตัว. โดยเครื่องบูชานั้น พระเจ้าสามารถให้อภัยเมื่อเราทำผิดได้. อัครสาวกโยฮันอธิบายว่า “ข้าพเจ้าเขียนข้อความเหล่านี้ฝากมายังท่านทั้งหลาย เพื่อท่านจะไม่หลงกระทำผิด. และถ้าผู้ใดหลงกระทำผิด เราก็มีพระองค์ผู้ช่วยเหลือสถิตอยู่กับพระบิดา คือพระเยซูคริสต์ผู้เที่ยงธรรมนั้น.” (1 โยฮัน 2:1; ลูกา 11:2-4) นี้คือหลักคำสอนพื้นฐานของพระคัมภีร์ และเป็นสิ่งสำคัญเพื่อความสุขถาวรของเรา.—1 โกรินโธ 15:3.
คุณจะทำประการใด?
18 คุณมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อพระคัมภีร์พูดถึงต้นเหตุของความเจ็บป่วยและความตาย ค่าไถ่และวิธีการจัดเตรียมเพื่ออภัยโทษโดยทางพระเยซูคริสต์? คนเราอาจเข้าใจเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดโดยที่เรื่องนี้หาได้มีผลกระทบต่อหัวใจและชีวิตของเขา. แต่มีข้อเรียกร้องมากกว่านั้นสำหรับพวกเรา.
19 เราหยั่งรู้ค่าความรักของพระเจ้าที่ทรงจัดเตรียมค่าไถ่ไหม? อัครสาวกโยฮันได้เขียนว่า “พระเจ้าทรงรักโลกมากจนถึงกับ ได้ประทานพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวของพระองค์.” (โยฮัน 3:16, ล.ม.) จำไว้ว่า มนุษย์ที่พระองค์ทรงรักนั้นล้วนเป็นคนบาป เหินห่างจากพระเจ้า. (โรม 5:10; โกโลซาย 1:21) คุณจะยอมสละผู้ที่คุณรักมากที่สุดไหมเพราะเห็นแก่บุคคลกลุ่มหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะสนใจคุณหรือไม่แยแสเลย? ถึงกระนั้น พระยะโฮวาทรงส่งพระบุตรองค์บริสุทธิ์ของพระองค์ เป็นบุตรที่ซื่อสัตย์ บุตรองค์แรก เป็นบุตรสุดที่รัก เข้ามาในโลกให้เผชิญกับการดูถูกเหยียดหยาม ความอับอายและความตายเพื่อจัดเตรียมการปลดเปลื้องมนุษยชาติ. โดยเหตุนี้ เปาโลให้เขียนว่า “แต่ฝ่ายพระเจ้าได้ทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะเมื่อเรายังเป็นคนบาป พระคริสต์ได้ทรงยอมตายแทนเรา.”—โรม 5:8.
20 พระบุตรเองทรงแสดงความรักให้ประจักษ์เช่นกัน. เมื่อได้เวลาแล้ว พระองค์เต็มพระทัยลดฐานะลงมาเป็นมนุษย์. พระองค์ตรากตรำทำงานเพื่อมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์ ทรงสั่งสอนและบำบัดรักษาเขา. และ ถึงแม้พระองค์ไม่มีความผิด พระองค์ทรงทนรับการเยาะเย้ย การทรมาน และการตายอย่างน่าอดสูโดยน้ำมือของฝ่ายปรปักษ์ที่ต่อต้านความจริง. เพื่อเป็นการช่วยให้หยั่งรู้เข้าใจเรื่องนี้ จงปลีกเวลาอ่านเรื่องการทรยศต่อพระเยซู การพิจารณาคดี การทำทารุณและการประหารชีวิตพระเยซูคริสต์จากพระธรรมลูกา 22:47 จนถึง 23:47.
21 คุณจะแสดงอาการต่อเรื่องราวทั้งหมดนี้อย่างไร? แน่ละ คนเราไม่ควรเอาเรื่องการที่เขายอมรับวิธีจัดเตรียมเรื่องค่าไถ่ซึ่งแสดงถึงความรักนั้น มาเป็นข้อแก้ตัวสำหรับการประพฤติผิด. ถ้าทำเช่นนั้นจะเป็นการพลาดไปจากวัตถุประสงค์ของการจัดเตรียมนั้น และอาจจะยังผลเป็นบาปเกินกว่าจะได้รับการอภัยโทษก็ได้. (เฮ็บราย 10:26, 29; อาฤธโม 15:30) แทนที่จะทำเช่นนั้น เราควรพยายามดำเนินชีวิตในแนวทางที่จะเป็นเกียรติแก่พระผู้สร้างของเรา. และความเชื่อที่มีต่อการจัดเตรียมอันยอดเยี่ยมซึ่งเป็นมาโดยทางพระบุตรนั้นน่าจะกระตุ้นเราให้พูดเรื่องนี้กับคนอื่น ๆ ช่วยเขาให้หยั่งรู้เข้าใจวิธีที่เขาอาจได้รับผลประโยชน์ด้วยเช่นกัน.—กิจการ 4:12; โรม 10:9, 10; ยาโกโบ 2:26; 2 โกรินโธ 5:14, 15.
22 เมื่อพระเยซูคริสต์อยู่ในโลก พระองค์ตรัสว่า พระองค์สามารถเผื่อแผ่การอภัยโทษจากพระเจ้าได้. บางคนที่เป็นศัตรูเคยตำหนิพระองค์ในเรื่องนี้. ดังนั้น พระเยซูจึงได้พิสูจน์ให้เขาเห็นโดยการรักษาชายซึ่งเป็นอัมพาตให้หาย. (ลูกา 5:17-26) ดังนั้น บาปส่งผลกระทบต่อมนุษย์ด้านร่างกายฉันใด การอภัยโทษแห่งบาปย่อมจะยังผลเป็นประโยชน์นานาประการฉันนั้น. นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นพึงรู้เรื่องนี้. สิ่งที่พระเยซูได้กระทำบนแผ่นดินโลกแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าสามารถยุติความเจ็บป่วยและความตายได้. ทั้งนี้ประสานกับสิ่งที่พระเยซูคริสต์เองได้ตรัสไว้ที่ว่า พระยะโฮวาพระเจ้าได้ประทานพระบุตรของพระองค์ เพื่อว่าผู้มีความเชื่อจะได้รับ “ชีวิตนิรันดร์.” (โยฮัน 3:16) แต่โดยวิธีใด? เมื่อไร? และจะว่าอย่างไรเกี่ยวกับบุคคลอันเป็นที่รักของเราซึ่งเสียชีวิตไป?
[คำถามศึกษา]
ทำไมความเจ็บป่วยและความตายเป็นเรื่องที่น่าฉงนสนเท่ห์? (1, 2)
ความเจ็บป่วยและความตายตกทอดมาถึงเราอย่างไร? (3-5)
ทำไมการแก้ไขสภาพเจ็บป่วยและความตายจึงขึ้นอยู่กับพระเจ้า? (6, 7)
การจัดเตรียมค่าไถ่เป็นไปโดยวิธีใด? (8-11)
การที่บาปของเราจะถูกลบล้างนั้นอาศัยอะไรเป็นหลัก? (12-17)
คุณตอบรับอย่างไรต่อการจัดเตรียมซึ่งพระเจ้าและพระเยซูกระทำเพื่อคุณ? (1 โยฮัน 4:9-11) (18-21)
การยกบาปของเราเกี่ยวพันไปถึงความหวังอะไร? (22)
[กรอบหน้า 111]
ไอแซค อาซิมอฟ นักเขียนแนววิทยาศาสตร์ได้อธิบายว่า โมเลกุล RNA ในสมองมนุษย์เป็น “ระบบแฟ้มเก็บเอกสารซึ่งสามารถบันทึกสิ่งที่มนุษย์เรียนรู้และความทรงจำเท่าที่มนุษย์จะใส่ไว้ ทั้งจะบรรจุได้อีกเป็นพันล้านเท่าด้วย.”—เดอะ นิวยอร์ก “ไทมส์ แม็กกาซีน.”
[รูปภาพหน้า 117]
เครื่องบูชาที่ถวายในชาติยิศราเอลเล็งถึงเครื่องบูชาค่าไถ่ของพระเยซู