บท 5
โยฮันเห็นพระเยซูผู้ทรงสง่าราศี
นิมิต 1—วิวรณ์ 1:10–3:22
เรื่อง: พระเยซูทรงตรวจตราอิสราเอลฝ่ายวิญญาณที่อยู่บนแผ่นดินโลก และประทานการหนุนใจอันอบอุ่น
เวลาแห่งการสำเร็จเป็นจริง: ลักษณะนี้แห่งวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าเริ่มจากปี 1914 ไปจนกระทั่งผู้ถูกเจิมที่ซื่อสัตย์คนสุดท้ายสิ้นชีวิตและถูกปลุกให้เป็นขึ้นจากตาย
1. มีการนำเสนอนิมิตแรกอย่างไร และโยฮันได้ชี้ให้เห็นอย่างไรถึงเวลาที่นิมิตนี้จะสำเร็จเป็นจริง?
นิมิตแรกในพระธรรมวิวรณ์เริ่มต้นในบท 1 ข้อ 10. เช่นเดียวกับนิมิตอื่นในพระธรรมวิวรณ์ นิมิตนี้เริ่มต้นด้วยคำแถลงว่า โยฮันได้ยินหรือเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดธรรมดา. (วิวรณ์ 1:10, 12; 4:1; 6:1) นิมิตแรกนี้ได้ถูกนำเสนอตามเค้าโครงในศตวรรษแรกซึ่งข่าวสารได้มีไปถึงเจ็ดประชาคมในสมัยโยฮัน. แต่โยฮันบ่งถึงเวลาที่นิมิตนี้จะสำเร็จเป็นจริงโดยกล่าวว่า “ด้วยฤทธิ์แห่งพระวิญญาณ ข้าพเจ้าจึงมาอยู่ในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า.” (วิวรณ์ 1:10ก, ล.ม.) “วัน” ดังกล่าวคือเมื่อไร? เหตุการณ์ต่าง ๆ อันน่าทึ่งในสมัยที่เต็มไปด้วยความรุนแรงนี้มีความเกี่ยวพันกับวันนั้นไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้น เราควรให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดต่อคำพยากรณ์นี้ เพราะมีผลกระทบต่อชีวิตเรา กระทั่งต่อความอยู่รอดของเราทีเดียว.—1 เธซะโลนิเก 5:20, 21.
ในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า
2. วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าเริ่มต้นเมื่อไร และสิ้นสุดลงเมื่อไร?
2 คำแถลงนี้กำหนดให้ความสำเร็จเป็นจริงของพระธรรมวิวรณ์อยู่ในช่วงเวลาใด? เอาละ วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าคืออะไร? อัครสาวกเปาโลได้กล่าวถึงวันดังกล่าวว่า เป็นเวลาแห่งการพิพากษาและการสำเร็จเป็นจริงของคำทรงสัญญาต่าง ๆ ของพระเจ้า. (1 โกรินโธ 1:8; 2 โกรินโธ 1:14; ฟิลิปปอย 1:6, 10; 2:16) เมื่อ “วัน” นั้นมาถึง พระประสงค์อันยอดเยี่ยมของพระยะโฮวาจะดำเนินอย่างต่อเนื่องและอย่างมีชัยสู่จุดสุดยอดของมัน. “วัน” นั้นเริ่มขึ้นด้วยการสถาปนาพระเยซูคริสต์ขึ้นเป็นกษัตริย์ในสวรรค์. แม้ภายหลังพระเยซูทรงลงโทษตามคำพิพากษาแก่โลกของซาตานแล้ว วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าก็ยังดำเนินต่อไป ด้วยการฟื้นฟูอุทยานและการทำให้มนุษยชาติบรรลุความสมบูรณ์ จนในที่สุดพระเยซู “ทรงมอบราชอาณาจักรแด่พระเจ้าและพระบิดาของพระองค์.”—1 โกรินโธ 15:24-26, ล.ม.; วิวรณ์ 6:1, 2.
3. (ก) คำพยากรณ์ของดานิเอลเกี่ยวกับ “เจ็ดวาระ” ช่วยเราอย่างไรให้เข้าใจถึงเวลาที่วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าเริ่มต้น? (ข) เหตุการณ์อะไรบ้างบนแผ่นดินโลกที่ยืนยันว่าปี 1914 เป็นตอนเริ่มต้นวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า?
3 ความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์อื่น ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลช่วยเราให้เข้าใจว่า วันขององค์พระผู้เป็นเจ้าเริ่มขึ้นเมื่อไร. ตัวอย่างเช่น ดานิเอลพรรณนาการตัดขาดการปกครองจากราชวงศ์ของกษัตริย์ดาวิด หลังจาก “เจ็ดปี [เจ็ดวาระ, ฉบับแปลใหม่]” แล้ว จะเป็นที่ทราบกันว่า “พระผู้สูงสุดเป็นผู้บงการอาณาจักรมนุษย์ และทรงพอพระทัยประทานให้แก่ผู้ใดก็ประทานให้แก่ผู้นั้น.” (ดานิเอล 4:23, 24, 31, 32) ความสำเร็จเป็นจริงอันสำคัญของคำพยากรณ์นี้เริ่มต้นด้วยการทำให้อาณาจักรยูดาร้างเปล่า ซึ่งหลักฐานจากคัมภีร์ไบเบิลระบุว่าสำเร็จครบถ้วนในเดือนตุลาคมปี 607 ก่อนสากลศักราช. พระธรรมวิวรณ์ 12:6, 14 แสดงว่า 3 วาระครึ่งเท่ากับ 1,260 วัน ดังนั้น เจ็ดวาระ (สองเท่าของจำนวนนั้น) ก็เท่ากับ 2,520 วัน. เมื่อคิดเป็น “วันละปี” เราจะได้ระยะ “เจ็ดวาระ” เท่ากับ 2,520 ปี. (ยะเอศเคล 4:6) ดังนั้น พระเยซูคริสต์ทรงเริ่มต้นครองราชย์ในสวรรค์ในช่วงหลังของปี 1914. การปะทุของสงครามโลกครั้งที่หนึ่งในปีนั้นเป็น “ขั้นแรกแห่งความทุกข์” ซึ่งทรมานมนุษยชาติเรื่อยมา. ตั้งแต่ปี 1914 เหตุการณ์เด่น ๆ ในโลกที่เปื้อนเลือดนี้ยืนยันว่า ปีนั้นเป็นตอนเริ่มต้นของ “วัน” แห่งการประทับของพระเยซู!—มัดธาย 24:3-14.a
4. (ก) ถ้อยคำในพระธรรมวิวรณ์ชี้ถึงอะไรเกี่ยวกับเวลาที่นิมิตแรกได้สำเร็จเป็นจริง? (ข) ความสำเร็จเป็นจริงของนิมิตแรกสิ้นสุดลงเมื่อไร?
4 ดังนั้น นิมิตแรกนี้กับคำแนะนำที่มีอยู่จึงมีไว้สำหรับวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า ตั้งแต่ปี 1914 เป็นต้นมา. การระบุเวลานี้ได้รับการสนับสนุนโดยข้อเท็จจริงที่ว่า บันทึกต่อมาในพระธรรมวิวรณ์พรรณนาถึงการลงโทษตามการพิพากษาที่สัตย์จริงและยุติธรรมของพระเจ้า—เหตุการณ์ต่าง ๆ ซึ่งพระเยซูเจ้าทรงมีบทบาทอย่างโดดเด่น. (วิวรณ์ 11:18; 16:15; 17:1; 19:2, 11) ถ้าการสำเร็จเป็นจริงของนิมิตแรกเริ่มในปี 1914 การสำเร็จเป็นจริงนี้จะสิ้นสุดเมื่อไร? ดังที่ข่าวสารนั้นแสดงให้เห็น องค์การที่มีกล่าวถึงนั้นคือประชาคมแห่งผู้ถูกเจิมของพระเจ้าบนแผ่นดินโลก. ดังนั้น การสำเร็จเป็นจริงของนิมิตแรกจึงสิ้นสุดลงเมื่อสมาชิกที่ซื่อสัตย์คนสุดท้ายแห่งประชาคมที่ถูกเจิมนี้เสียชีวิตและได้รับการปลุกขึ้นสู่ชีวิตทางภาคสวรรค์. อย่างไรก็ดี วันขององค์พระผู้เป็นเจ้า พร้อมกับพระพรต่าง ๆ สำหรับแกะอื่นแห่งแผ่นดินโลก ยังดำเนินต่อไปจนสิ้นสุดรัชสมัยพันปีของพระเยซูคริสต์.—โยฮัน 10:16; วิวรณ์ 20:4, 5.
5. (ก) มีเสียงเรียกให้โยฮันทำอะไร? (ข) เพราะเหตุใดตำแหน่งที่ตั้งของ “ประชาคมทั้งเจ็ด” จึงเอื้ออำนวยต่อการส่งม้วนหนังสือถึงพวกเขา?
5 ในนิมิตแรกนี้ ก่อนที่โยฮันจะเห็นอะไร ท่านได้ยินบางสิ่ง: “และข้าพเจ้าได้ยินเสียงดังเหมือนเสียงแตรอยู่ข้างหลังข้าพเจ้า ตรัสว่า ‘จงเขียนสิ่งที่เจ้าเห็นลงในม้วนหนังสือแล้วส่งไปยังประชาคมทั้งเจ็ด คือประชาคมในเมืองเอเฟโซส์ เมืองสเมอร์นา เมืองเปอร์กาโมส์ เมืองทิอาทิรา เมืองซาร์ดิส เมืองฟีลาเดลเฟีย และเมืองลาโอดิเคีย.’” (วิวรณ์ 1:10ข, 11, ล.ม.) เสียงที่มีอำนาจและเป็นคำสั่งดังเสียงแตรสั่งให้โยฮันเขียนไปถึง “ประชาคมทั้งเจ็ด” นั้น. ท่านจะได้รับข่าวสารเป็นชุด และท่านจะต้องเผยแพร่สิ่งที่ท่านจะได้เห็นและได้ยิน. จงสังเกตว่า ประชาคมซึ่งกล่าวถึงที่นี่มีอยู่จริงในสมัยของโยฮัน. ทั้งหมดตั้งอยู่ในเอเชียไมเนอร์ตรงข้ามกับเกาะปัตโมส. การเดินทางติดต่อกันระหว่างเมืองเหล่านั้นเป็นไปได้สะดวกโดยถนนที่พวกโรมันสร้างไว้อย่างดีเยี่ยมในแถบนั้น. ผู้นำสารสามารถนำม้วนหนังสือจากประชาคมหนึ่งไปยังประชาคมถัดไปได้อย่างสบาย. ประชาคมทั้งเจ็ดคล้ายคลึงกับส่วนหนึ่งของหมวดแห่งพยานพระยะโฮวาในยุคปัจจุบัน.
6. (ก) “สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้” นั้นหมายถึงอะไร? (ข) เหตุใดเราจึงแน่ใจได้ว่า สภาพการณ์ในประชาคมคริสเตียนผู้ถูกเจิมสมัยนี้คงต้องคล้ายคลึงกับสภาพการณ์ในสมัยโยฮัน?
6 คำพยากรณ์ส่วนใหญ่ในพระธรรมวิวรณ์จะได้สำเร็จเป็นจริงภายหลังสมัยของโยฮัน. คำพยากรณ์เหล่านั้นพาดพิงถึง “สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น.” แต่คำแนะนำที่มีสำหรับประชาคมทั้งเจ็ดเกี่ยวข้องกับ “สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้” คือสภาพการณ์ที่มีอยู่จริงในเจ็ดประชาคมสมัยนั้น. ข่าวสารเหล่านี้เป็นคำแนะนำที่มีคุณค่ายิ่งแก่ผู้ปกครองที่ซื่อสัตย์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งในประชาคมทั้งเจ็ด ทั้งในประชาคมอื่น ๆ ทุกประชาคมแห่งคริสเตียนผู้ถูกเจิมในสมัยนั้น.b เนื่องจากนิมิตนี้สำเร็จเป็นจริงประการแรกในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า สิ่งที่พระเยซูตรัสจึงแสดงว่า อาจคาดหมายได้ว่า จะมีสภาพการณ์คล้ายคลึงกันในประชาคมแห่งคริสเตียนผู้ถูกเจิมในสมัยของเรา.—วิวรณ์ 1:10, 19, ล.ม.
7. โยฮันเห็นผู้ใดในนิมิตแรกนี้ และเพราะเหตุใดนั้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญและน่าตื่นตาตื่นใจแก่พวกเราในทุกวันนี้?
7 ในนิมิตแรกนี้ โยฮันเห็นพระเยซูคริสต์เจ้า ผู้งามเลิศด้วยสง่าราศีทางภาคสวรรค์. มีอะไรจะเหมาะไปกว่านี้สำหรับหนังสือแห่งคำพยากรณ์ซึ่งเกี่ยวข้องกับวันใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้าองค์นี้ ผู้ทรงรับการแต่งตั้งจากสวรรค์? และจะมีอะไรสำคัญมากกว่านี้สำหรับพวกเรา ซึ่งมีชีวิตอยู่ในยุคดังกล่าว และกำลังเอาใจใส่อย่างรอบคอบต่อพระบัญชาของพระองค์ทุกประการ? ยิ่งกว่านั้น ช่างน่าตื่นตาตื่นใจจริง ๆ สำหรับเหล่าผู้สนับสนุนพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาที่จะได้รับการรับรองว่า พงศ์พันธุ์มาซีฮา ผู้ได้ทนรับการทดลองและการข่มเหงทุกอย่างซึ่งซาตานนำมาและได้ทนรับความตายด้วยความเจ็บปวดทรมานเมื่อ “ส้นเท้า” ของพระองค์ถูกทำให้ฟกช้ำเกือบ 2,000 ปีมาแล้ว บัดนี้ทรงพระชนม์อยู่ในสวรรค์ ได้รับอำนาจเพื่อจะทำให้พระประสงค์อันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าสำเร็จอย่างมีชัย!—เยเนซิศ 3:15.
8. บัดนี้ พระเยซูทรงพร้อมจะปฏิบัติการอะไร?
8 เห็นได้ชัดว่า ขณะนี้พระเยซูทรงพร้อมจะดำเนินการในฐานะกษัตริย์ผู้ทรงราชย์แล้ว. พระองค์ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้สำเร็จโทษองค์เอกโดยพระยะโฮวา เพื่อดำเนินการตามการพิพากษาขั้นสุดท้ายของพระยะโฮวาต่อระบบเก่าอันชั่วช้านี้ รวมทั้งซาตาน พระเจ้าที่โฉดชั่วของระบบนี้. นอกจากนี้พระองค์ยังทรงพร้อมจะพิพากษาประชาคมผู้ถูกเจิมของพระองค์และชนฝูงใหญ่สหายของพวกเขา เช่นเดียวกับพิพากษาโลก.—วิวรณ์ 7:4, 9; กิจการ 17:31.
9. (ก) โยฮันพรรณนาอย่างไรถึงพระเยซูผู้ทรงสง่าราศีอยู่ท่ามกลางเชิงตะเกียงทองคำทั้งเจ็ดนั้น? (ข) สภาพที่เหมือนกับในวิหารและฉลองพระองค์ที่พระเยซูทรงสวมใส่นั้นชี้ถึงอะไร? (ค) แถบผ้าทองคำของพระเยซูแสดงถึงอะไร?
9 โยฮันหันไปดูเมื่อได้ยินเสียงดัง และท่านได้เห็นดังนี้: “ข้าพเจ้าจึงหันไปทางเสียงที่ตรัสกับข้าพเจ้าและเห็นเชิงตะเกียงทองคำเจ็ดอัน.” (วิวรณ์ 1:12, ล.ม.) ต่อมา โยฮันเรียนรู้ว่าเชิงตะเกียงทั้งเจ็ดหมายถึงอะไร. แต่บุคคลที่อยู่ท่ามกลางเชิงตะเกียงนั้นต่างหากที่สะดุดตาท่าน. ที่นั่น “ท่ามกลางเชิงตะเกียงเหล่านั้น ข้าพเจ้าเห็นผู้หนึ่งเหมือนบุตรมนุษย์ ทรงฉลองพระองค์ยาวกรอมพระบาท และทรงคาดพระอุระด้วยผ้าแถบทองคำ.” (วิวรณ์ 1:13, ล.ม.) พระเยซูผู้เป็น “บุตรมนุษย์” ได้ปรากฏพระองค์ในรูปลักษณะเรืองรองงามสง่าต่อหน้าโยฮัน พยานซึ่งตกตะลึงอยู่. พระองค์ทรงปรากฏด้วยสง่าราศีเจิดจ้าท่ามกลางเชิงตะเกียงทองคำที่ติดไฟอยู่. สภาพที่เหมือนกับในวิหารนี้ทำให้โยฮันซาบซึ้งในข้อเท็จจริงที่ว่า พระเยซูทรงปรากฏในฐานะมหาปุโรหิตของพระยะโฮวา พร้อมด้วยอำนาจพิพากษา. (เฮ็บราย 4:14; 7:21-25) ฉลองพระองค์ที่ยาว งามสง่าของพระองค์เหมาะกับตำแหน่งปุโรหิตของพระองค์. เช่นเดียวกับมหาปุโรหิตของพวกยิวสมัยโบราณ พระองค์ทรงคาดแถบผ้าเป็นแถบผ้าทองคำที่พระอุระซึ่งคลุมทับพระหทัยของพระองค์. ทั้งนี้แสดงว่า พระองค์จะทรงปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายจากพระยะโฮวาพระเจ้าด้วยเต็มพระทัย.—เอ็กโซโด 28:8, 30; เฮ็บราย 8:1, 2.
10. (ก) พระเกศาขาวดุจหิมะและพระเนตรดุจเปลวไฟของพระเยซูบ่งชี้ถึงอะไร? (ข) พระบาทของพระเยซูที่เป็นดุจทองแดงเปล่งแสงจ้านั้นหมายถึงอะไร?
10 โยฮันพรรณนาต่อไปว่า “พระเศียรและพระเกศาของพระองค์ขาวดังขนแกะสีขาวและดุจหิมะ พระเนตรของพระองค์ดุจเปลวไฟ.” (วิวรณ์ 1:14, ล.ม.) พระเกศาที่ขาวดังหิมะบ่งชี้ถึงพระปัญญาที่สั่งสมมาตลอดพระชนม์ชีพอันยาวนาน. (เทียบกับสุภาษิต 16:31.) และพระเนตรดุจเปลวไฟของพระองค์แสดงว่า พระองค์ทรงเฉียบแหลม, ตื่นตัว, ขณะพระองค์ค้นหา, ทดสอบ, หรือแสดงความไม่พอพระทัย. แม้แต่พระบาทของพระองค์ก็สะดุดตาโยฮัน: “พระบาทของพระองค์ดุจทองแดงเนื้อดีที่เปล่งแสงในเตาหลอม และพระสุรเสียงของพระองค์ดุจเสียงน้ำไหลเชี่ยว.” (วิวรณ์ 1:15, ล.ม.) ในนิมิต พระบาทของพระเยซูเป็นดุจทองแดง, เปล่งแสง, สว่างจ้า—เหมาะจริง ๆ สำหรับผู้ที่ดำเนินอย่างกระตือรือร้น พร้อมด้วยฐานะอันดีต่อพระพักตร์พระยะโฮวา. นอกจากนั้น ขณะที่ในคัมภีร์ไบเบิลมักมีการใช้ทองคำแทนสิ่งที่เกี่ยวกับพระเจ้าอยู่บ่อยครั้ง สิ่งที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์จะแทนด้วยทองแดงเป็นบางครั้ง.c ฉะนั้น พระบาทที่เปล่งแสงดุจทองแดงเนื้อดีนั้นจึงทำให้เราระลึกว่า พระบาทของพระองค์ “งดงาม” สักเพียงไรเมื่อพระองค์ทรงดำเนินอยู่บนแผ่นดินโลกประกาศข่าวดี.—ยะซายา 52:7; โรม 10:15.
11. (ก) พระบาทอันโชติช่วงของพระเยซูเตือนเราให้ระลึกถึงอะไร? (ข) ความจริงที่ว่า พระสุรเสียงของพระเยซูดุจ “เสียงน้ำไหลเชี่ยว” นั้นชี้ถึงอะไร?
11 แท้จริงแล้ว ในฐานะมนุษย์สมบูรณ์ พระเยซูทรงมีพระรัศมีซึ่งปรากฏชัดต่อทูตสวรรค์และมนุษย์. (โยฮัน 1:14) พระบาทอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ยังทำให้เราระลึกว่า พระองค์ทรงดำเนินในที่บริสุทธิ์ในองค์การของพระยะโฮวา ซึ่งพระองค์ทรงเป็นมหาปุโรหิต. (เทียบกับเอ็กโซโด 3:5.) นอกจากนั้น พระสุรเสียงของพระองค์ดังกึกก้องดุจน้ำตกขนาดใหญ่. พระสุรเสียงของพระองค์น่าประทับใจ น่าเกรงขาม เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ได้รับการเรียกขานโดยตำแหน่งว่าเป็นพระวาทะของพระเจ้า ผู้ซึ่งมาเพื่อ “พิพากษาโลกตามความชอบธรรม.”—กิจการ 17:31; โยฮัน 1:1.
12. “พระแสงสองคมทั้งยาวและคมกริบ” หมายถึงอะไร?
12 “พระองค์ทรงมีดาวเจ็ดดวงในพระหัตถ์ขวาและมีพระแสงสองคมทั้งยาวและคมกริบออกมาจากพระโอษฐ์ และพระพักตร์ของพระองค์ดุจดวงอาทิตย์เมื่อส่องแสงกล้า. เมื่อข้าพเจ้าเห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็ล้มลงแทบพระบาทพระองค์เหมือนคนตาย.” (วิวรณ์ 1:16, 17ก, ล.ม.) หลังจากนั้นไม่นาน พระเยซูเองทรงอธิบายความหมายของดาวเจ็ดดวงนั้น. แต่จงสังเกตสิ่งซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์: “พระแสงสองคมทั้งยาวและคมกริบ.” ช่างเป็นสิ่งที่เหมาะสมจริง ๆ! เพราะพระเยซูคือผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้ประกาศการพิพากษาขั้นสุดท้ายของพระยะโฮวาต่อศัตรูของพระองค์. พระดำรัสที่เฉียบขาดจากพระโอษฐ์ของพระองค์จะยังผลด้วยการประหารผู้ชั่วทั้งหมด.—วิวรณ์ 19:13, 15.
13. (ก) พระพักตร์ที่ส่องแสงเจิดจ้าของพระเยซูเตือนเราให้ระลึกถึงอะไร? (ข) โดยทั่วไปแล้วเราได้รับความประทับใจอย่างไรจากคำพรรณนาของโยฮันเกี่ยวกับพระเยซู?
13 พระพักตร์ที่ฉายแสงเจิดจ้าของพระเยซูทำให้เราระลึกถึงใบหน้าของโมเซที่มีแสงส่องออกมาหลังจากพระยะโฮวาทรงสนทนากับท่านบนภูเขาซีนาย. (เอ็กโซโด 34:29, 30) ขอระลึกด้วยว่า เมื่อพระเยซูทรงจำแลงพระกายต่อหน้าอัครสาวกสามคนเมื่อเกือบ 2,000 ปีมาแล้ว “พระพักตร์ของพระองค์ก็ผ่องใสเหมือนแสงอาทิตย์ ฉลองพระองค์ก็ขาวดุจแสงสว่าง.” (มัดธาย 17:2) บัดนี้ ในภาพนิมิตของพระเยซูในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระพักตร์ของพระองค์ก็สะท้อนรัศมีเจิดจ้าของผู้ซึ่งได้อยู่ต่อพระพักตร์พระยะโฮวา. (2 โกรินโธ 3:18) ที่จริงแล้ว ภาพทั้งหมดที่ถ่ายทอดผ่านนิมิตของโยฮันเป็นภาพแห่งสง่าราศีอันโชติช่วง. จากพระเกศาที่ขาวดุจหิมะ, พระเนตรดุจเปลวไฟ, และพระพักตร์ที่มีรัศมีเจิดจ้าลงไปจนถึงพระบาทที่สุกใส นี่เป็นภาพนิมิตที่วิเศษยิ่งของพระองค์ผู้ซึ่งบัดนี้ทรงสถิตอยู่ “ในความสว่างที่มนุษย์คนใดจะเข้าไปถึงไม่ได้.” (1 ติโมเธียว 6:16) ภาพที่เหมือนจริงนี้ช่างแจ่มชัดเสียจริง ๆ! โยฮันที่ตื่นตะลึงมีปฏิกิริยาอย่างไร? ท่านอัครสาวกบอกเราว่า “เมื่อข้าพเจ้าเห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็ล้มลงแทบพระบาทพระองค์เหมือนคนตาย.”—วิวรณ์ 1:17, ล.ม.
14. เราควรได้รับผลกระทบอย่างไรเมื่ออ่านเรื่องนิมิตของโยฮันเกี่ยวกับพระเยซูผู้ทรงสง่าราศี?
14 ทุกวันนี้ นิมิตของโยฮันที่พรรณนาไว้อย่างละเอียด มีชีวิตชีวา ทำให้ประชาชนของพระเจ้าเต็มไปด้วยความหยั่งรู้ค่าจากหัวใจ. เวลาได้ล่วงไปกว่า 90 ปีแล้วในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า เป็นช่วงเวลาซึ่งนิมิตนี้มีการสำเร็จเป็นจริงอันน่าตื่นตาตื่นใจต่อ ๆ ไป. สำหรับพวกเราแล้ว การปกครองแห่งราชอาณาจักรของพระเยซูเป็นสิ่งที่จริงจัง มีชีวิตชีวาในปัจจุบัน มิใช่ความหวังในอนาคต. ดังนั้น จึงเหมาะสมที่พวกเราซึ่งเป็นราษฎรที่ภักดีแห่งราชอาณาจักรจะเฝ้าดูสิ่งซึ่งโยฮันพรรณนาในนิมิตแรกนี้ต่อไปด้วยความสนใจใคร่รู้และเพื่อจะฟังอย่างอ่อนน้อมต่อถ้อยคำของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงสง่าราศี.
[เชิงอรรถ]
a สำหรับคำอธิบายที่ละเอียด โปรดดูหนังสือคัมภีร์ไบเบิลสอนอะไรจริงๆ? หน้า 88-92, 215-218 จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา.
b ในศตวรรษแรก เมื่อประชาคมหนึ่งได้รับจดหมายจากอัครสาวก เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่จะส่งจดหมายนั้นเวียนไปยังประชาคมอื่น ๆ เพื่อว่าทุกประชาคมจะได้รับประโยชน์จากคำแนะนำในจดหมายนั้น.—เทียบกับโกโลซาย 4:16.
c การตบแต่งภายในและการประดับประดาพระวิหารของซะโลโมทำด้วยทองหรือไม่ก็หุ้มด้วยทอง ขณะที่มีการใช้ทองแดงในการเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับลานพระวิหาร.—1 กษัตริย์ 6:19-23, 28-35; 7:15, 16, 27, 30, 38-50; 8:64.
[ภาพหน้า 23]
ซากปรักหักพังทางโบราณคดีที่ยังคงอยู่ของเมืองต่าง ๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของประชาคมทั้งเจ็ดนั้นยืนยันบันทึกในคัมภีร์ไบเบิล. ที่นี่เองที่คริสเตียนในศตวรรษแรกได้รับข่าวสารที่ให้การหนุนใจจากพระเยซูซึ่งกระตุ้นใจประชาคมทั่วโลกในปัจจุบัน
เปอร์กาโมส์
สเมอร์นา
ทิอาทิรา
ซาร์ดิส
เอเฟโซส์
ฟีลาเดลเฟีย
ลาโอดิเคีย