บท 7
จงก่อความรักในตอนแรกนั้นขึ้นใหม่!
เอเฟโซส์
1. ข่าวสารแรกของพระเยซูมีไปถึงประชาคมใด และพระองค์ทรงเตือนพวกผู้ปกครองที่นั่นให้ระลึกถึงเรื่องใด?
ข่าวสารแรกของพระเยซูมีไปยังประชาคมที่เอเฟโซส์ซึ่งเวลานั้นเป็นเมืองชายทะเลที่เจริญรุ่งเรืองแห่งเอเชียไมเนอร์ใกล้กับเกาะปัตโมส. พระองค์ทรงบัญชาโยฮันว่า “จงเขียนถึงทูตของประชาคมในเมืองเอเฟโซส์ว่า ผู้ที่ถือดาวเจ็ดดวงนั้นไว้ในมือขวาซึ่งเดินอยู่ท่ามกลางเชิงตะเกียงทองคำเจ็ดอันนั้นพูดอย่างนี้.” (วิวรณ์ 2:1, ล.ม.) เช่นเดียวกับข่าวสารอื่นอีกหกเรื่อง พระเยซูทรงให้ความสนใจต่อลักษณะพิเศษที่แสดงถึงอำนาจด้านการปกครองของพระองค์. พระองค์ทรงเตือนพวกผู้ดูแลที่เอเฟโซส์ว่า ผู้ปกครองทุกคนอยู่ภายใต้การปกป้องดูแลจากพระองค์โดยตรง และพระองค์ทรงตรวจตราทุกประชาคม. จนถึงสมัยของเรา พระองค์ยังทรงทำหน้าที่ประมุขผู้เปี่ยมด้วยความรักนี้อยู่ เฝ้าระวังเอาใจใส่เหล่าผู้ดูแลและบำรุงเลี้ยงทุกคนที่สมทบกับประชาคมด้วยความกรุณา. เป็นครั้งคราว พระองค์ทรงปรับปรุงการจัดเตรียมของประชาคมเพื่อความสว่างจะฉายแสงได้เจิดจ้ายิ่งขึ้น. ถูกแล้ว พระเยซูทรงเป็นผู้บำรุงเลี้ยงองค์เอกเหนือฝูงแกะของพระเจ้า.—มัดธาย 11:28-30; 1 เปโตร 5:2-4.
2. (ก) พระเยซูทรงชมเชยประชาคมที่เอเฟโซส์ถึงสิ่งดีอะไร? (ข) เห็นได้ชัดว่า พวกผู้ปกครองในประชาคมที่เอเฟโซส์ได้เชื่อฟังคำแนะนำอะไรของอัครสาวกเปาโล?
2 ครั้นแล้วพระเยซูทรงวางแบบฉบับสำหรับข่าวสารของพระองค์ทั้งหมดเจ็ดเรื่องเว้นแต่สองเรื่องโดยเริ่มต้นด้วยคำชมเชยอย่างอบอุ่น. สำหรับชาวเมืองเอเฟโซส์ พระองค์ทรงให้ข่าวสารดังนี้: “เรารู้ว่าเจ้าทำอะไร และรู้ว่าเจ้าทำงานหนักและเพียรอดทน เรารู้ว่าเจ้าทนคนเลวไม่ได้ และเจ้าทดสอบคนเหล่านั้นที่บอกว่าเขาเป็นอัครสาวกแต่หาได้เป็นไม่ และเจ้าพบว่าเขาพูดมุสา. เจ้ายังมีความเพียรอดทนด้วย เจ้าทนหลายสิ่งเพื่อเห็นแก่นามของเราและไม่ได้ท้อแท้.” (วิวรณ์ 2:2, 3, ล.ม.) หลายปีก่อนหน้านี้ อัครสาวกเปาโลได้เตือนพวกผู้ปกครองในเอเฟโซส์เกี่ยวกับ “สุนัขป่าอันร้าย” พวกออกหากที่รบกวนฝูงแกะ และได้กำชับผู้ดูแลเหล่านั้นให้ “ระวังตัวให้ดี” โดยเอาอย่างความมานะไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อยของท่าน. (กิจการ 20:29, 31) เนื่องจากบัดนี้พระเยซูทรงชมเชยที่พวกเขายอมเหนื่อยยากและอดทน และที่ไม่ได้อ่อนระอาไป พวกเขาคงต้องได้ปฏิบัติตามคำแนะนำนั้น.
3. (ก) พวก “อัครสาวกเท็จ” ได้เสาะหาจะล่อลวงเหล่าผู้ซื่อสัตย์ในทุกวันนี้อย่างไร? (ข) เปโตรได้ให้คำเตือนอะไรอันเกี่ยวด้วยพวกออกหาก?
3 เช่นเดียวกัน ในระหว่างวันขององค์พระผู้เป็นเจ้ามี “อัครสาวกเท็จ” ปรากฏขึ้น ผู้ซึ่ง “กล่าวเลี่ยงความจริงเพื่อจะชักชวนเหล่าสาวกให้หลงตามเขาไป.” (2 โกรินโธ 11:13; กิจการ 20:30; วิวรณ์ 1:10) พวกเขาเห็นดีไปกับบรรดาลัทธินิกายทางศาสนาที่ขัดแย้งกัน อ้างว่าพระเจ้าไม่มีองค์การ และปฏิเสธการที่พระเยซูทรงได้รับขัตติยอำนาจเมื่อปี 1914. พวกเขาทำให้คำพยากรณ์ใน 2 เปโตร 3:3, 4 สำเร็จที่ว่า “ในเวลาวันสุดท้ายคนประมาทหมิ่นจะบังเกิดขึ้น และประพฤติตามใจปรารถนาของตน และจะถามว่า ‘คำที่ทรงสัญญาไว้ว่าพระองค์จะเสด็จมานั้นอยู่ที่ไหน? ด้วยว่าตั้งแต่บรรพบุรุษหลับล่วงไปแล้ว สิ่งทั้งปวงก็เป็นอยู่เหมือนที่ได้มีอยู่ตั้งแต่เดิมทรงสร้างโลก.’”
4. (ก) เหล่าผู้เยาะเย้ยได้แสดงออกซึ่งความหยิ่งยโสและการต่อต้านอย่างไร? (ข) ชนคริสเตียนในทุกวันนี้แสดงว่าพวกเขาเป็นเช่นเดียวกับคริสเตียนชาวเอเฟโซส์โดยการกระทำเช่นไรต่อพวกผู้ต่อต้านที่มุสา?
4 คนประมาทหมิ่นเหล่านี้คัดค้านแนวความคิดเรื่องการประกาศความเชื่อของตนต่อสาธารณชน. (โรม 10:10) พวกเขาแสวงหาการสนับสนุนจากนักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักรและความช่วยเหลือจากสื่อมวลชนและสถานีโทรทัศน์เพื่อแพร่รายงานข่าวเท็จเกี่ยวกับผู้ที่เขาเคยร่วมงานมาก่อน. ไม่ช้าบรรดาผู้ซื่อสัตย์ก็พบว่า คำพูดและการกระทำของคนหลอกลวงเหล่านี้ไม่เป็นความจริง. เช่นเดียวกับชาวเมืองเอเฟโซส์ คริสเตียนสมัยนี้ “ไม่สามารถทนต่อพวกคนเลวได้” ดังนั้น พวกเขาจึงตัดสัมพันธ์คนเหล่านั้นออกไปจากประชาคมของตน.a
5. (ก) พระเยซูตรัสว่า คริสเตียนชาวเอเฟโซส์มีข้ออ่อนแอในทางใด? (ข) ชาวเอเฟโซส์น่าจะได้จดจำถ้อยคำอะไรไว้?
5 อย่างไรก็ดี บัดนี้ ดังที่พระองค์ทรงปฏิบัติกับห้าในเจ็ดประชาคมนั้น พระเยซูทรงชี้ปัญหาร้ายแรงประการหนึ่ง. พระองค์ตรัสแก่ชาวเมืองเอเฟโซส์ว่า “แต่เรามีเรื่องจะว่ากล่าวเจ้า คือ เจ้าไม่มีความรักอย่างที่เจ้าเคยมีในตอนแรก.” (วิวรณ์ 2:4, ล.ม.) พวกเขาไม่น่าจะพลาดในเรื่องนี้ เนื่องจาก 35 ปีก่อนหน้านี้เปาโลเคยเขียนถึงพวกเขาเรื่อง “ความรักอันใหญ่หลวงซึ่งพระองค์ทรงรักเรา” และท่านได้กระตุ้นพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงประพฤติอย่างพระเจ้า เหมือนเป็นบุตรที่รัก และจงประพฤติในความรักเหมือนพระคริสต์ได้ทรงรักท่าน.” (เอเฟโซ 2:4; 5:1, 2) นอกจากนั้น คำตรัสของพระเยซูน่าจะตราตรึงอยู่ในหัวใจของเขาอย่างไม่อาจลบที่ว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของเราเป็นพระเจ้าองค์เดียว จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตต์ของเจ้า ด้วยสุดความคิด และด้วยสิ้นสุดกำลังของเจ้า.” (มาระโก 12:29-31) ชาวเมืองเอเฟโซส์ได้สูญเสียความรักที่เขาเคยมีในตอนแรก.
6. (ก) ไม่ว่าเราจะเป็นคนที่สมทบกับประชาคมนานหรือคนที่พึ่งเข้าสมทบ เราต้องระวังป้องกันอันตรายและแนวโน้มแบบใด? (ข) ความรักที่เรามีต่อพระเจ้าควรกระตุ้นเราให้ทำอะไร?
6 ไม่ว่าเราสมทบกับประชาคมเป็นเวลานานแล้วหรือเพิ่งร่วมสมทบ เราต้องระวังป้องกันไม่ปล่อยให้ความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวาในตอนแรกนั้นสูญเสียไป. การสูญเสียนี้อาจเกิดขึ้นได้อย่างไร? เราอาจปล่อยให้การมุ่งมั่นอยู่กับงานอาชีพ ความปรารถนาจะหาเงินให้ได้มาก ๆ หรือการมุ่งหาความสนุกสนานกลายมาเป็นสิ่งใหญ่ในชีวิตของเรา. โดยวิธีนี้เราจะมีแง่คิดทางด้านเนื้อหนังแทนการมีแง่คิดฝ่ายวิญญาณ. (โรม 8:5-8; 1 ติโมเธียว 4:8; 6:9, 10) ความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวาน่าจะกระตุ้นเราให้แก้ไขแนวโน้มเหล่านี้ และ ‘แสวงหาราชอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนเสมอไป’ เพื่อจะ ‘สะสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์.’—มัดธาย 6:19-21, 31-33, ล.ม.
7. (ก) การที่เรารับใช้พระยะโฮวานั้นควรได้รับการกระตุ้นจากสิ่งใด? (ข) โยฮันกล่าวอย่างไรเกี่ยวด้วยความรัก?
7 จงให้การรับใช้ของเราต่อพระยะโฮวาได้รับแรงกระตุ้นอยู่เสมอจากความรักอันสุดซึ้งที่มีต่อพระองค์. ให้เรามีความหยั่งรู้ค่าอันแรงกล้าต่อทุกสิ่งที่พระยะโฮวาและพระเยซูคริสต์ทรงทำเพื่อเรา. ดังที่โยฮันเองได้เขียนในภายหลังว่า “ความรักในกรณีนี้คือ ไม่ใช่ว่าเราได้รักพระเจ้า แต่ว่าพระองค์ได้ทรงรักเราและได้ส่งพระบุตรของพระองค์มาเป็นเครื่องบูชาระงับพระพิโรธเพราะบาปของเรา.” โยฮันบอกเราต่อไปว่า “พระเจ้าทรงเป็นความรัก และผู้ที่อยู่ในความรักก็ได้อาศัยในพระเจ้า และพระเจ้าสถิตอยู่ในผู้นั้น.” ขออย่าให้ความรักที่เรามีต่อพระยะโฮวา ต่อพระเยซูคริสต์เจ้า และต่อพระคำซึ่งมีชีวิตของพระเจ้าเสื่อมคลายไป! เราสามารถแสดงความรักชนิดนี้ได้ไม่เพียงแต่โดยการรับใช้พระเจ้าอย่างกระตือรือร้นเท่านั้นแต่โดยการเชื่อฟัง “พระบัญญัตินี้แหละเราทั้งหลายได้มาจากพระองค์ คือว่าให้คนที่รักพระเจ้ารักพี่น้องของตนด้วย.”—1 โยฮัน 4:10 (ล.ม.), 16, 21; เฮ็บราย 4:12; ดู 1 เปโตร 4:8; โกโลซาย 3:10-14; เอเฟโซ 4:15 ด้วย.
“ทำอย่างแต่ก่อน”
8. พระเยซูตรัสว่าชาวเอเฟโซส์ควรทำอย่างไร?
8 ชาวเมืองเอเฟโซส์ต้องจุดความรักที่ครั้งหนึ่งเขาเคยมีนั้นขึ้นใหม่หากเขาไม่อยากจะสูญเสีย. “ฉะนั้น จงระลึกว่าเจ้าเคยอยู่ในสภาพใด แล้วจงกลับใจและทำอย่างแต่ก่อน. ถ้าเจ้าไม่กลับใจ เราจะมาหาเจ้าและเอาเชิงตะเกียงของเจ้าออกไปจากที่ของมัน.” (วิวรณ์ 2:5, ล.ม.) คริสเตียนที่ประชาคมเอเฟโซส์รับคำเหล่านั้นอย่างไร? เราไม่ทราบ. เราหวังว่าพวกเขาได้กลับใจและประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูความรักที่เขาเคยมีต่อพระยะโฮวา. หากพวกเขาไม่ทำดังว่า ตะเกียงของเขาก็จะดับ และเชิงตะเกียงของเขาจะถูกยกออกไป. พวกเขาจะสูญเสียสิทธิพิเศษแห่งการส่องสว่างความจริงออกไป.
9. (ก) พระเยซูทรงให้คำหนุนใจอะไรแก่ชาวเอเฟโซส์? (ข) ประชาคมต่าง ๆ ภายหลังสมัยของโยฮันได้พลาดไปเสียจากการเอาใจใส่คำแนะนำของพระเยซูที่มีไปยังชาวเอเฟโซส์นั้นอย่างไร?
9 อย่างไรก็ตาม พระเยซูทรงมีถ้อยคำหนุนกำลังใจสำหรับชาวเอเฟโซส์ดังนี้: “แต่เจ้าก็มีข้อดีที่เจ้าเกลียดชังการกระทำของนิกายนิโคลาอุสซึ่งเราก็เกลียดชังด้วย.” (วิวรณ์ 2:6, ล.ม.) อย่างน้อยพวกเขาก็เกลียดชังการแบ่งแยกลัทธินิกาย เช่นเดียวกับที่พระเยซูคริสต์เจ้าทรงเกลียด. แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป หลายประชาคมไม่ได้เอาใจใส่ถ้อยคำเหล่านั้นของพระเยซู. การที่พวกเขาไม่มีความรักต่อพระยะโฮวา ต่อความจริง และต่อกันและกันยังผลให้พวกเขาหลุดลอยเข้าสู่ความมืดมนฝ่ายวิญญาณ. พวกเขาแตกแยกออกเป็นหลายนิกายที่ขัดแย้งกัน. “คริสเตียน” ผู้คัดลอกพระคัมภีร์ซึ่งไม่มีความรักต่อพระยะโฮวาได้ตัดพระนามเฉพาะของพระเจ้าออกจากฉบับสำเนาคัมภีร์ไบเบิลภาคภาษากรีก. การขาดความรักดังกล่าวยังเปิดช่องให้คำสอนแบบบาบิโลนและกรีก เช่น ไฟนรก, ไฟชำระ, และตรีเอกานุภาพ แทรกเข้ามาในนามศาสนาคริสต์. เนื่องจากขาดความรักต่อพระเจ้าและต่อความจริง คนส่วนใหญ่ที่อ้างตัวเป็นคริสเตียนนั้นจึงเลิกประกาศข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า. พวกเขาตกอยู่ใต้อำนาจชนจำพวกนักเทศน์นักบวชที่เห็นแก่ตัว ซึ่งได้สร้างอาณาจักรของตนเองขึ้นบนแผ่นดินโลกนี้.—เทียบกับ 1 โกรินโธ 4:8.
10. สภาพการณ์ทางด้านศาสนาในคริสต์ศาสนจักรในปี 1918 เป็นอย่างไร?
10 เมื่อการพิพากษาเริ่มต้นกับจำพวกของพระเจ้าในปี 1918 นักเทศน์นักบวชในนิกายต่าง ๆ แห่งคริสต์ศาสนจักรกำลังให้การสนับสนุนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอย่างเปิดเผย โดยกระตุ้นชาวคาทอลิกและชาวโปรเตสแตนต์ของทั้งสองฝ่ายในสงครามให้ฆ่าฟันซึ่งกันและกัน. (1 เปโตร 4:17) ไม่เหมือนประชาคมเอเฟโซส์ซึ่งเกลียดชังการกระทำของนิกายนิโคลาอุส นิกายต่าง ๆ ในคริสต์ศาสนจักรเต็มไปด้วยหลักคำสอนที่ขัดแย้งกันและต่อต้านพระเจ้า และนักเทศน์นักบวชของเขาต่างก็เข้าร่วมกับโลกซึ่งพระเยซูตรัสว่าเหล่าสาวกของพระองค์จะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย. (โยฮัน 15:17-19) คริสตจักรของนิกายเหล่านั้นไม่รู้เรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าอันเป็นสาระสำคัญของพระคัมภีร์ ฉะนั้นจึงมิได้เป็นเชิงตะเกียงที่เปล่งแสงแห่งความจริงจากพระคัมภีร์ และสมาชิกของพวกเขาก็มิได้เป็นส่วนแห่งพระวิหารฝ่ายวิญญาณของพระยะโฮวา. ผู้ชาย (และผู้หญิง) ที่มีชื่อเสียงเด่นท่ามกลางพวกเขาไม่ได้เป็นดวงดาวแต่ถูกเปิดเผยว่าเป็นสมาชิกแห่ง “คนละเลยกฎหมาย.”—2 เธซะโลนิเก 2:3, ล.ม.; มาลาคี 3:1-3.
11. (ก) คริสเตียนกลุ่มใดในฉากของโลกในปี 1918 ที่ได้ปฏิบัติตามถ้อยคำที่พระเยซูมีไปถึงคริสเตียนชาวเอเฟโซส์? (ข) ชนจำพวกโยฮันได้ทำอะไรตั้งแต่ปี 1919 เป็นต้นมา?
11 อย่างไรก็ตาม ชนจำพวกโยฮันผ่านพ้นความวุ่นวายของสงครามโลกครั้งแรกมาได้พร้อมกับความรักต่อพระยะโฮวาและต่อความจริงซึ่งกระตุ้นเขาให้รับใช้ด้วยความกระตือรือร้นอันแรงกล้า. พวกเขาต้านทานมิให้คนเหล่านั้นที่พยายามนำการเล่นพรรคเล่นพวกเข้ามาโดยการยกย่องนายกคนแรกของสมาคมว็อชเทาเวอร์ คือ ชาลส์ ที. รัสเซลล์ เป็นเสมือนพระองค์หนึ่งหลังจากท่านได้เสียชีวิตในปี 1916. โดยถูกตีสอนเนื่องจากการกดขี่ข่มเหงและความยากลำบาก จึงเห็นได้ชัดว่า ชนคริสเตียนกลุ่มนี้ได้รับการตัดสินจากนายว่าได้ทำ “ดีแล้ว” ทั้งได้รับคำเชิญให้ร่วมยินดีกับนายด้วย. (มัดธาย 25:21, 23) จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกรวมทั้งจากประสบการณ์ของตนเอง เขาจึงเข้าใจความสำเร็จแห่งสัญลักษณ์ที่พระเยซูทรงประทานไว้เพื่อบ่งถึงการเสด็จประทับของพระองค์อย่างไม่ปรากฏแก่ตาด้วยขัตติยอำนาจ. จากปี 1919 เป็นต้นมา พวกเขารุดหน้าไปเพื่อมีส่วนทำให้คำพยากรณ์สำคัญยิ่งของพระเยซูสำเร็จต่อไปที่ว่า “และข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อเป็นพยานแก่ทุกชาติ และครั้นแล้วอวสานจะมาถึง.” (มัดธาย 6:9, 10; 24:3-14, ล.ม.) หากความรักของเขาต่อพระยะโฮวาเคยพร่องไปบ้าง ความรักนั้นโชนขึ้นอีกนับตั้งแต่เวลานั้นเป็นต้นมา.
12. (ก) ได้มีการแถลงคำเรียกอะไร ณ การประชุมใหญ่เป็นประวัติการณ์ในปี 1922? (ข) ชนคริสเตียนแท้ได้รับเอาชื่ออะไรในปี 1931 และพวกเขาได้กลับใจจากสิ่งใด?
12 ณ การประชุมใหญ่อันเป็นประวัติการณ์ซึ่งคริสเตียนเหล่านี้ 18,000 คน ได้เข้าร่วมที่ ซีดา พอยต์ รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา วันที่ 5-13 กันยายน 1922 มีเสียงเรียกดังนี้: “จงกลับไปยังเขตประกาศ โอบรรดาบุตรของพระเจ้าองค์สูงสุด! . . . โลกจะต้องรู้ว่าพระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าและรู้ว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นกษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายและเป็นเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย . . . เพราะฉะนั้น จงโฆษณา โฆษณา โฆษณาพระมหากษัตริย์และราชอาณาจักรของพระองค์.” พระนามอันล้ำค่าของพระยะโฮวาได้รับการทำให้เด่นขึ้น. ในปี 1931 คริสเตียนเหล่านี้ที่ได้ชุมนุมกัน ณ การประชุมใหญ่ที่โคลัมบัส รัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ปีติยินดีเมื่อได้รับเอาชื่อที่พระเจ้าทรงระบุไว้ในคำพยากรณ์ของยะซายา คือพยานพระยะโฮวา. (ยะซายา 43:10, 12) ตั้งแต่ฉบับ 1 มีนาคม 1939 วารสารหลักขององค์การได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น หอสังเกตการณ์ ประกาศเรื่องราชอาณาจักรของพระยะโฮวา ทั้งนี้เป็นการถวายเกียรติแด่พระผู้สร้างของเราและราชอาณาจักรของพระองค์เป็นอันดับแรก. พยานทั้งหลายของพระยะโฮวาพร้อมด้วยความรักที่ฟื้นขึ้นใหม่ต่อพระยะโฮวา ได้กลับใจจากแนวทางที่อาจเคยผิดพลาดแต่ก่อนคือไม่ได้ถวายเกียรติยศและยกย่องพระนามอันรุ่งโรจน์และราชอาณาจักรของพระองค์.—บทเพลงสรรเสริญ 106:6, 47, 48.
“ผู้ที่มีชัย”
13. (ก) พระพรอะไรที่รอคอยชาวเอเฟโซส์อยู่หากพวกเขา ‘มีชัย’? (ข) ชนคริสเตียนชาวเอเฟโซส์จะ ‘มีชัย’ อย่างไร?
13 ดังที่พระองค์ทรงทำในข่าวสารอื่น ๆ ของพระองค์ ในที่สุดพระเยซูทรงเบนความสนใจไปยังพระวิญญาณของพระเจ้าว่าเปิดเผยเรื่องรางวัลสำหรับความซื่อสัตย์โดยทางพระเยซู. พระองค์ได้ตรัสแก่ชาวเอเฟโซส์ว่า “ผู้มีหูจงฟังสิ่งซึ่งพระวิญญาณตรัสกับประชาคมทั้งหลายที่ว่า เราจะให้ผู้ที่มีชัยกินผลจากต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งอยู่ในอุทยานของพระเจ้า.” (วิวรณ์ 2:7, ล.ม.) คนที่มีหูยอมฟังย่อมจะกระตือรือร้นเอาใจใส่ฟังข่าวสารสำคัญยิ่งนี้ โดยรู้อยู่ว่า ข่าวสารนี้ไม่ได้เป็นมาโดยความริเริ่มของพระเยซูแต่มาจากพระยะโฮวาองค์บรมมหิศรผ่านทางพระวิญญาณบริสุทธิ์หรือพลังปฏิบัติการของพระองค์. พวกเขาจะ “มีชัย” อย่างไร? โดยการติดตามรอยพระบาทของพระเยซูอย่างใกล้ชิด พระองค์ผู้ทรงได้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคงกระทั่งมรณา และดังนั้นจึงทรงกล่าวได้ว่า “จงกล้าหาญเถิด! เราชนะโลกแล้ว.”—โยฮัน 8:28; 16:33, ล.ม.; โปรดดู 1 โยฮัน 5:4 ด้วย.
14. “อุทยานของพระเจ้า” ที่พระเยซูทรงกล่าวถึงนั้นจะต้องหมายถึงสิ่งใด?
14 เนื่องจากพวกเขาไม่มีความหวังจะดำรงชีวิตในอุทยานบนแผ่นดินโลก เป็นไปอย่างไรที่ชนคริสเตียนผู้ถูกเจิม เช่น คนเหล่านั้นที่เอเฟโซส์ จะได้บำเหน็จด้วยการกิน “จากต้นไม้แห่งชีวิตซึ่งอยู่ในอุทยานของพระเจ้า”? นั่นคงไม่ใช่อุทยานที่ได้รับการฟื้นฟูบนแผ่นดินโลก เนื่องจากคริสเตียนผู้ถูกเจิม 144,000 คน รวมทั้งคนในประชาคมเอเฟโซส์ด้วย ถูกซื้อไว้แล้วจากท่ามกลางมนุษยชาติเพื่อจะปกครองกับพระเยซูคริสต์ พระเมษโปดก บนภูเขาซีโอนฝ่ายสวรรค์ในฐานะเป็นบุตรฝ่ายวิญญาณ. (เอเฟโซ 1:5-12; วิวรณ์ 14:1, 4) ฉะนั้น การกล่าวถึงในที่นี้คงต้องหมายถึงแดนสวรรค์อันเสมือนอุทยานซึ่งผู้มีชัยเหล่านี้จะได้รับเป็นมรดก. ที่นั่น “ในอุทยานของพระเจ้า” ใช่แล้ว เฉพาะพระพักตร์พระยะโฮวา ผู้มีชัยเหล่านี้ซึ่งได้รับความเป็นอมตะจะดำรงชีวิตตลอดกาล ดังแสดงนัยไว้ในที่นี้โดยการที่พวกเขากินผลจากต้นไม้แห่งชีวิต.
15. เพราะเหตุใดการที่พระเยซูทรงสนับสนุนให้มีชัยจึงเป็นสิ่งที่ชนฝูงใหญ่ในทุกวันนี้สนใจอย่างยิ่ง?
15 ถ้าเช่นนั้นแล้ว จะว่าอย่างไรเกี่ยวกับเหล่าผู้สนับสนุนผู้ถูกเจิม 144,000 คนด้วยความภักดีซึ่งอยู่ที่แผ่นดินโลก? เพื่อนพยานฝูงใหญ่เหล่านี้ก็มีชัยเช่นกัน. แต่ความหวังของพวกเขาคือการเข้าสู่อุทยานบนแผ่นดินโลก ที่ซึ่งพวกเขาจะดื่มจาก “แม่น้ำที่มีน้ำแห่งชีวิต” และได้รับการเยียวยารักษาจาก “ใบของต้นไม้เหล่านั้น” ซึ่งปลูกอยู่ตามริมฝั่งแม่น้ำนั้น. (วิวรณ์ 7:4, 9, 17; 22:1, 2, ล.ม.) หากคุณเป็นคนหนึ่งในกลุ่มนี้ ขอให้คุณแสดงความรักอันอบอุ่นต่อพระยะโฮวาและมีชัยเพราะความเชื่อด้วยเช่นกัน. โดยวิธีนี้คุณจะได้มาซึ่งความสุขจากการมีชีวิตนิรันดร์ในแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน.—เทียบกับ 1 โยฮัน 2:13, 14.
[เชิงอรรถ]
a สำหรับรายละเอียดทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการปรากฏของอัครสาวกเท็จ โปรดดูที่หน้า 37–44 ของหนังสือการหาเหตุผลจากพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) จัดพิมพ์โดยพยานพระยะโฮวา.
[กรอบหน้า 36]
การสรรเสริญพระยะโฮวาและพระบุตรของพระองค์ด้วยความรัก
ในหนังสือเพลงที่ประชาชนของพระยะโฮวาผลิตขึ้นเมื่อปี 1905 มีเพลงที่สรรเสริญพระเยซูมากเป็นสองเท่าของเพลงที่สรรเสริญพระเจ้ายะโฮวา. มาในปี 1928 ในหนังสือเพลงของพวกเขา จำนวนเพลงที่ยกย่องพระเยซูมีพอ ๆ กับที่ยกย่องพระยะโฮวา. แต่ในหนังสือเพลงล่าสุดในปี 1984 เพลงถวายเกียรติพระยะโฮวามีมากเป็นสี่เท่าของเพลงถวายเกียรติพระเยซู. สิ่งนี้สอดคล้องกับคำตรัสของพระเยซูเองที่ว่า “พระบิดาเป็นใหญ่กว่าเรา.” (โยฮัน 14:28) ความรักต่อพระยะโฮวาต้องเหนือกว่า เคียงคู่ไปกับความรักอันสุดซึ้งต่อพระเยซูและความหยั่งรู้ค่าในเครื่องบูชาอันมีค่าและตำแหน่งของพระองค์ฐานะมหาปุโรหิตและมหากษัตริย์.
[ตารางแผนภูมิหน้า 34]
แบบอย่างคำแนะนำของพระเยซู
(โดยอ้างถึงบทและข้อในพระธรรมวิวรณ์)
ข่าวสารถึง อำนาจในการ เริ่มต้นด้วย การระบุปัญหา การแก้ไขและ/ พระพรต่าง ๆ
ประชาคม ให้คำแนะนำ คำชมเชย อย่างชัดแจ้ง หรือการหนุนใจ ที่เป็นผล
เอเฟโซส์ 2:1 2:2, 3 2:4 2:5, 6 2:7
เปอร์กาโมส์ 2:12 2:13 2:14, 15 2:16 2:17
ทิอาทิรา 2:18 2:19 2:20, 21 2:24, 25 2:26-28
ซาร์ดิส 3:1 — 3:1, 2 3:3, 4 3:5
ฟีลาเดลเฟีย 3:7 3:8 — 3:8-11 3:12
ลาโอดิเคีย 3:14 — 3:15-17 3:18-20 3:21