บท 26
ความลับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า—ถึงจุดสุดยอดอันรุ่งโรจน์!
1. (ก) โยฮันแจ้งแก่เราอย่างไรว่าความลับอันศักดิ์สิทธิ์จะถึงที่สิ้นสุด? (ข) เพราะเหตุใดกองทัพทูตสวรรค์จึงกล่าวด้วยเสียงอันดัง?
คุณนึกออกไหมถึงการแถลงคำสาบานโดยทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์มากดังที่บันทึกในวิวรณ์ 10:1, 6, 7 (ล.ม.)? ทูตองค์นั้นตรัสว่า “จะไม่มีการชักช้าอีกต่อไป แต่ในเวลาที่จะมีเสียงแตรซึ่งทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดจะเป่านั้น ความลับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าที่มีอยู่ในข่าวดีที่พระองค์ทรงประกาศแก่ทาสของพระองค์ซึ่งก็คือพวกผู้พยากรณ์นั้นก็จะสำเร็จครบถ้วนอย่างแท้จริง.” ถึงเวลากำหนดของพระยะโฮวาแล้วเพื่อการเป่าแตรครั้งสุดท้าย! เป็นไปโดยวิธีใดที่ความลับอันศักดิ์สิทธิ์จะถึงที่สิ้นสุด? แท้จริง โยฮันเต็มตื้นด้วยความชื่นชมยินดีที่จะแจ้งแก่พวกเรา! ท่านเขียนอย่างนี้: “เมื่อทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเป่าแตรของตน มีหลายเสียงกล่าวดัง ๆ ในสวรรค์ว่า ‘ราชอาณาจักรของโลกได้เป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราและของพระคริสต์ของพระองค์แล้ว พระองค์จะทรงปกครองเป็นกษัตริย์ตลอดไปเป็นนิตย์.’” (วิวรณ์ 11:15, ล.ม.) ทูตสวรรค์เหล่านั้นมีเหตุผลจะกล่าวเสียงดัง กระทั่งดังสนั่นดังฟ้าร้อง! เพราะคำประกาศอันเป็นประวัติการณ์นี้มีความสำคัญต่อคนทั่วไป. เป็นคำประกาศที่บรรดาสิ่งมีชีวิตพึงเอาใจใส่อย่างยิ่ง.
2. เมื่อไรและด้วยเหตุการณ์อะไรที่ความลับอันศักดิ์สิทธิ์ได้มาถึงที่สิ้นสุดด้วยชัยชนะ?
2 ความลับอันศักดิ์สิทธิ์บรรลุจุดสุดยอดที่น่ายินดี! ความลับนี้ได้มาถึงที่สิ้นสุดด้วยชัยชนะอย่างรุ่งโรจน์งดงามในปี 1914 เมื่อพระยะโฮวาพระเจ้าทรงตั้งพระคริสต์ของพระองค์เป็นมหากษัตริย์ร่วมครอบครอง. เมื่อปฏิบัติหน้าที่แทนพระบิดาของพระองค์ พระเยซูคริสต์ทรงรับอำนาจปกครองท่ามกลางโลกของมนุษยชาติซึ่งเป็นศัตรู. ในฐานะพงศ์พันธุ์แห่งคำสัญญา พระองค์ทรงได้รับขัตติยอำนาจเพื่อทำลายงูพร้อมกับพงศ์พันธุ์ของมัน และทำให้แผ่นดินโลกกลับสู่สันติสุขในสภาพอุทยานอีกครั้ง. (เยเนซิศ 3:15; บทเพลงสรรเสริญ 72:1, 7) โดยวิธีนี้ พระเยซูในฐานะมหากษัตริย์มาซีฮาจึงจะทรงทำให้พระคำของพระยะโฮวาสำเร็จเป็นจริง และพิสูจน์ว่าพระบิดาของพระองค์ทรงเป็น “พระมหากษัตริย์ผู้ทรงพระเจริญนิรันดร์” อย่างชอบธรรม ซึ่งจะต้องปกครองเป็นองค์บรมมหิศร “สืบ ๆ ไปเป็นนิตย์.”—1 ติโมเธียว 1:17.
3. เพราะเหตุใดพระยะโฮวาพระเจ้า แม้ว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ตลอดกาลอยู่แล้ว จึงยอมให้อำนาจการปกครองอื่นมีอยู่บนแผ่นดินโลก?
3 แต่ “ราชอาณาจักรของโลกได้เป็นราชอาณาจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” พระยะโฮวานั้น โดยวิธีใด? พระยะโฮวาพระเจ้าทรงเป็นพระบรมมหากษัตริย์เสมอมามิใช่หรือ? ข้อนี้จริง เพราะอาซาฟแห่งตระกูลเลวีร้องเพลงดังนี้: “พระเจ้ายังเป็นพระบรมมหากษัตริย์ของข้าพเจ้าตั้งแต่กาลโบราณมา.” และผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญอีกคนหนึ่งประกาศว่า “พระยะโฮวาทรงครอบครองอยู่ [“กลายเป็นพระมหากษัตริย์,” ล.ม.]; . . . พระที่นั่งของพระองค์ตั้งมั่นคงอยู่แต่กาลโบราณ; พระองค์ . . . ทรงพระชนม์อยู่ตั้งแต่อดีตกาล.” (บทเพลงสรรเสริญ 74:12; 93:1, 2) กระนั้น โดยพระปัญญาสุขุมของพระองค์ พระยะโฮวาทรงยอมให้อธิปไตยอื่น ๆ มีอยู่บนแผ่นดินโลก. ดังนั้น ประเด็นซึ่งถูกยกขึ้นมาในสวนเอเดนที่ว่า มนุษย์จะปกครองตนเองโดยไม่พึ่งพระเจ้าได้หรือไม่นั้นจึงได้มีการพิสูจน์กันอย่างเต็มที่. การปกครองโดยมนุษย์ล้มเหลวอย่างน่าอนาถ. แท้จริง คำกล่าวของผู้พยากรณ์ของพระเจ้าเป็นความจริงที่ว่า “โอ้พระยะโฮวา, ข้าพเจ้ารู้อยู่ว่าทางที่มนุษย์จะไปนั้นไม่ได้อยู่ในตัวของตัว ไม่ใช่ที่มนุษย์ซึ่งดำเนินนั้นจะได้กำหนดก้าวของตัวได้.” (ยิระมะยา 10:23) นับตั้งแต่การทรยศของบิดามารดาคู่แรก ทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีผู้คนอาศัยอยู่ก็ตกอยู่ภายใต้อำนาจปกครองของซาตาน “งูตัวแรกเดิม.” (วิวรณ์ 12:9, ล.ม.; ลูกา 4:6) บัดนี้ถึงเวลาแล้วสำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ! เพื่อจะพิสูจน์ความถูกต้องแห่งตำแหน่งอันชอบธรรมของพระองค์ พระยะโฮวาทรงเริ่มใช้พระบรมเดชานุภาพของพระองค์เหนือแผ่นดินโลกในแนวทางใหม่ โดยทางราชอาณาจักรมาซีฮาที่พระองค์ได้ทรงตั้งขึ้น.
4. เมื่อการเป่าแตรเริ่มต้นในปี 1922 อะไรถูกยกขึ้นมาเป็นเรื่องเด่น? จงอธิบาย.
4 เมื่อการเป่าแตรทั้งเจ็ดได้เริ่มขึ้นในปี 1922 การประชุมใหญ่ที่ซีดาร์ พอยต์ โอไฮโอ ซึ่งจัดขึ้นโดยนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล มีคำบรรยายสำคัญโดย เจ. เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด อาศัยข้อพระคัมภีร์ “แผ่นดินสวรรค์มาใกล้แล้ว.” (มัดธาย 4:17) ท่านสรุปคำบรรยายอย่างนี้: “เช่นนั้นแล้ว เหล่าบุตรของพระเจ้าองค์ใหญ่ยิ่ง จงกลับไปยังเขตประกาศ! สวมยุทธภัณฑ์ครบชุด! จงตื่นอยู่เสมอ จงระวังระไวอยู่เสมอ เอาการเอางานและมีใจกล้า. จงเป็นพยานซื่อสัตย์และแท้จริงเพื่อองค์พระผู้เป็นเจ้า. จงออกไปทำการต่อสู้จนกว่าร่องรอยทุกอย่างของบาบิโลนจะไม่มีหลงเหลือเลย. จงประกาศข่าวสารออกไปให้กว้างไกล. โลกต้องรู้ว่า พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าและพระเยซูคริสต์เป็นมหากษัตริย์เหนือกษัตริย์ทั้งหลายและเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าเหนือเจ้านายทั้งหลาย. นี่เป็นเวลาสำคัญที่สุด. ดูเถิด พระมหากษัตริย์ทรงครองราชย์แล้ว! พวกท่านเป็นผู้โฆษณาของพระองค์. เหตุฉะนั้น จงโฆษณา โฆษณา โฆษณาพระมหากษัตริย์และราชอาณาจักรของพระองค์.” ราชอาณาจักรของพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์ถูกยกขึ้นมาเป็นเรื่องเด่น และนั่นจึงเริ่มการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่แห่งการประกาศราชอาณาจักรซึ่งรวมถึงการพิพากษาซึ่งประกาศโดยการเป่าแตรของทูตสวรรค์ทั้งเจ็ด.
5. ในปี 1928 มีอะไรเกิดขึ้น ณ การประชุมใหญ่ของนักศึกษาพระคัมภีร์ซึ่งเน้นการเป่าแตรที่เจ็ด?
5 คำบรรยายเด่น ๆ ณ การประชุมใหญ่ของนักศึกษาพระคัมภีร์ที่เมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมถึง 6 สิงหาคม 1928 นั้นสะท้อนการเป่าแตรของทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ด. ครั้งนั้น สถานีวิทยุกระจายเสียง 107 สถานีถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันดังที่นิตยสาร เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ พรรณนาว่าเป็น ‘การรวมเครือข่ายวิทยุที่กว้างขวางที่สุดและเสียค่าใช้จ่ายมากที่สุดเป็นประวัติการณ์.’ ด้วยความกระตือรือร้น ที่ประชุมได้รับเอา “คำแถลงการณ์ต่อต้านซาตานและเพื่อพระยะโฮวา” อันทรงพลัง ซึ่งชี้ถึงความล่มจมของซาตานพร้อมกับองค์การชั่วของมัน ณ อาร์มาเก็ดดอน และการปลดปล่อยทุกคนที่รักความชอบธรรม. พลเมืองผู้ภักดีแห่งราชอาณาจักรของพระเจ้าต่างยินดีเมื่อได้รับหนังสือใหม่ซึ่งออกในการประชุมภาคชื่อ รัฐบาล (ภาษาอังกฤษ) ขนาด 368 หน้า. หนังสือนี้ให้ข้อพิสูจน์อันชัดเจนที่สุดว่า “พระเจ้าทรงสถาปนามหากษัตริย์ที่รับการเจิมให้ขึ้นครองราชย์ในปี 1914.”
พระยะโฮวาทรงใช้ฤทธานุภาพ
6. โยฮันรายงานการขึ้นครองราชย์ของพระคริสต์ในราชอาณาจักรของพระเจ้าไว้อย่างไร?
6 พระคริสต์ทรงครองราชย์ในราชอาณาจักรของพระเจ้าแล้ว—เป็นการประกาศที่ก่อให้เกิดความชื่นชมยินดีอะไรเช่นนั้น! โยฮันรายงานว่า “แล้วผู้ปกครองยี่สิบสี่คนซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ของตนเฉพาะพระพักตร์พระเจ้าต่างหมอบลงนมัสการพระเจ้า ทูลว่า ‘พวกข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ พระยะโฮวาพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพทุกประการ ผู้ทรงเป็นอยู่เดี๋ยวนี้และทรงเป็นอยู่ในกาลก่อน เพราะพระองค์ทรงรับเอาอำนาจใหญ่ยิ่งของพระองค์และเริ่มปกครองเป็นกษัตริย์แล้ว.’”—วิวรณ์ 11:16, 17, ล.ม.
7. มีการถวายการขอบพระคุณแด่พระยะโฮวาพระเจ้าอย่างไร (ก) โดยชนที่เหลือแห่งผู้ปกครอง 24 คนอันมีความหมายเป็นนัยซึ่งอยู่บนแผ่นดินโลก? (ข) โดยคนเหล่านั้นแห่งผู้ปกครอง 24 คนอันมีความหมายเป็นนัยซึ่งถูกปลุกให้เป็นขึ้นไปรับตำแหน่งของเขาในสวรรค์แล้ว?
7 ผู้ที่ทูลขอบพระคุณพระยะโฮวาพระเจ้าได้แก่ผู้ปกครอง 24 คน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ถึงพี่น้องผู้ถูกเจิมทั้งหลายของพระคริสต์ในตำแหน่งของตนทางภาคสวรรค์. นับตั้งแต่ปี 1922 เป็นต้นไปชนที่เหลือบนแผ่นดินโลกแห่งผู้ถูกเจิม 144,000 คนต่างก็ขมีขมันทำงานซึ่งเริ่มดำเนินเมื่อมีการเป่าแตรทั้งเจ็ดนั้น. พวกเขาได้มาเข้าใจความหมายครบถ้วนของสัญลักษณ์ที่มัดธาย 24:3–25:46. อย่างไรก็ดี แม้ก่อนหน้านั้นในวันขององค์พระผู้เป็นเจ้าทีเดียว เพื่อนพยานของพวกเขาที่ได้ ‘พิสูจน์ตัวซื่อสัตย์ตราบสิ้นชีวิต’ ก็ได้รับการปลุกขึ้นจากความตายเพื่อรับเอาตำแหน่งของตนในสวรรค์ เพื่อในตอนนี้เขาสามารถเป็นตัวแทนกลุ่มชนทั้ง 144,000 คนในการซบหน้าลงกับพื้นเพื่อถวายความเคารพแด่พระยะโฮวา. (วิวรณ์ 1:10; 2:10, ล.ม.) บุคคลเหล่านี้รู้สึกขอบพระคุณเสียจริง ๆ ที่องค์บรมมหิศรหาได้ทรงเฉื่อยช้าในการทำให้ความลับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ถึงจุดสุดยอด!
8. (ก) การเป่าแตรตัวที่เจ็ดมีผลกระทบอย่างไรต่อนานาชาติ? (ข) ชนนานาชาติแสดงความโกรธแค้นต่อใคร?
8 ในทางตรงกันข้าม การเป่าแตรตัวที่เจ็ดมิได้ทำให้ชาติต่าง ๆ ปีติยินดีเลย. ถึงเวลาที่พวกเขาจะประสบกับพระพิโรธของพระยะโฮวา. ดังที่โยฮันบอกว่า “แต่ชาติต่าง ๆ พากันโกรธแค้น และพระองค์ก็ทรงพระพิโรธ และเวลาที่กำหนดไว้สำหรับการพิพากษาคนตาย สำหรับประทานบำเหน็จแก่เหล่าผู้พยากรณ์ซึ่งเป็นทาสของพระองค์ รวมทั้งแก่เหล่าผู้บริสุทธิ์กับคนเหล่านั้นที่ยำเกรงพระนามพระองค์ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย และเวลาที่กำหนดไว้สำหรับการทำลายคนเหล่านั้นที่ทำลายแผ่นดินโลกก็มาถึงแล้ว.” (วิวรณ์ 11:18, ล.ม.) ตั้งแต่ปี 1914 เป็นต้นมา นานาชาติของโลกได้แสดงความโกรธแค้นอย่างร้ายกาจต่อกัน ต่อราชอาณาจักรของพระเจ้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อพยานทั้งสองของพระยะโฮวา.—วิวรณ์ 11:3.
9. นานาชาติได้ทำลายแผ่นดินโลกอย่างไร และพระเจ้าทรงตัดสินพระทัยจะทำอย่างไรในเรื่องนี้?
9 ตลอดประวัติศาสตร์ นานาชาติได้ทำลายแผ่นดินโลกโดยการทำสงครามไม่หยุดหย่อนและวิธีจัดการที่ไม่เหมาะสม. อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ปี 1914 การทำลายเช่นนี้ทวีขึ้นถึงระดับน่าตกใจ. ความโลภและการทุจริตเป็นเหตุให้พื้นที่แห้งแล้งขยายกว้างและสูญเสียพื้นที่เพาะปลูกไปมากมาย. ฝนกรดและกลุ่มเมฆที่ปนเปื้อนกัมมันตรังสีได้ทำความเสียหายแก่พื้นที่กว้างใหญ่. แหล่งอาหารถูกทำให้มีมลพิษ. อากาศที่เราหายใจและน้ำที่เราดื่มก็ปนเปื้อน. ของเสียจากอุตสาหกรรมเป็นอันตรายต่อชีวิตบนแผ่นดินและในทะเล. ครั้งหนึ่ง ประเทศอภิมหาอำนาจทั้งหลายทำให้เกิดความกลัวการทำลายล้างมวลมนุษย์ด้วยอาวุธนิวเคลียร์. น่ายินดีที่พระยะโฮวาจะทรง “ทำลายคนเหล่านั้นที่ทำลายแผ่นดินโลก” พระองค์จะทรงสำเร็จโทษมนุษย์ที่หยิ่งยโส ไม่เลื่อมใสพระเจ้าซึ่งต้องรับผิดชอบต่อสภาพน่าสลดใจของแผ่นดิน. (พระบัญญัติ 32:5, 6; บทเพลงสรรเสริญ 14:1-3) ฉะนั้น พระยะโฮวาจึงทรงเตรียมการให้เกิดวิบัติที่สาม เพื่อจะคิดบัญชีกับผู้ประพฤติชั่วเหล่านี้.—วิวรณ์ 11:14.
วิบัติแก่พวกที่ก่อความพินาศ!
10. (ก) วิบัติที่สามคืออะไร? (ข) วิบัติที่สามจะนำมายิ่งเสียกว่าความทุกข์ทรมานด้วยวิธีใด?
10 ทีนี้เป็นวิบัติที่สาม. มันมาอย่างรวดเร็ว! พระยะโฮวาทรงใช้วิบัตินี้ทำลายคนเหล่านั้นที่เหยียบย่ำทำลาย “ม้ารองพระบาท” ของพระองค์ คือแผ่นดินอันงดงามที่เราอาศัยอยู่. (ยะซายา 66:1) การทำลายเริ่มขึ้นโดยราชอาณาจักรมาซีฮา—ความลับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า. ศัตรูของพระเจ้า และโดยเฉพาะพวกผู้นำในคริสต์ศาสนจักร ถูกทรมานอยู่แล้วจากวิบัติสองประการแรก ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากภัยพิบัติฝูงตั๊กแตนและกองทัพทหารม้า แต่วิบัติที่สามซึ่งราชอาณาจักรของพระยะโฮวาจะดำเนินการเองนั้นจะนำมาไม่เพียงแต่ภัยทรมาน. (วิวรณ์ 9:3-19) วิบัตินี้จะยังความตายฉับพลันด้วยการกำจัดสังคมมนุษย์ที่ก่อความเสียหายและพวกผู้ปกครองสังคมนั้นด้วย. สิ่งนี้จะเกิดขึ้นขณะที่การตัดสินของพระยะโฮวาถึงจุดสุดยอด ณ อาร์มาเก็ดดอน. เหมือนที่ดานิเอลพยากรณ์ไว้ดังนี้: “ในสมัยเมื่อกษัตริย์เหล่านั้น [นักปกครองที่ทำความเสียหายแก่แผ่นดิน] กำลังเสวยราชย์อยู่, พระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์จะทรงตั้งอาณาจักรอันหนึ่งขึ้น, ซึ่งจะไม่มีวันทำลายเสียได้, หรือผู้ใดจะชิงเอาอาณาจักรนี้ไปก็หาได้ไม่; แต่อาณาจักรนี้จะทำลายอาณาจักรอื่น ๆ ลงให้ย่อยยับและเผาผลาญเสียสิ้น, และอาณาจักรนี้จะดำรงอยู่เป็นนิจ.” ดุจภูเขาที่สง่างาม ราชอาณาจักรของพระเจ้าจะปกครองแผ่นดินโลกที่ถูกทำให้รุ่งโรจน์งดงาม พิสูจน์ความถูกต้องแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาและนำความชื่นชมยินดีมาสู่มนุษย์ชั่วกาลนาน.—ดานิเอล 2:35, 44; ยะซายา 11:9; 60:13.
11. (ก) คำพยากรณ์นี้พรรณนาถึงชุดเหตุการณ์อันน่าเบิกบานอะไรบ้างซึ่งดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง? (ข) มีการได้รับพระกรุณาอันไม่พึงได้รับอะไร อย่างไร และโดยใคร?
11 วิบัติที่สามมาพร้อมกับชุดเหตุการณ์น่ายินดีซึ่งจะดำเนินต่อเนื่องเป็นลำดับตลอดวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า. นั่นเป็นสมัยที่ ‘คนตายจะถูกพิพากษา และพระเจ้าจะประทานบำเหน็จแก่ทาสทั้งหลาย คือผู้พยากรณ์ และแก่เหล่าผู้บริสุทธิ์และคนทั้งหลายที่เกรงกลัวพระนามของพระองค์.’ ข้อนี้หมายถึงการเป็นขึ้นจากความตาย! สำหรับเหล่าผู้บริสุทธิ์ผู้ถูกเจิมซึ่งได้ล่วงลับไปก่อนแล้ว การเป็นขึ้นจากตายนี้เริ่มขึ้นในระยะต้น ๆ แห่งวันขององค์พระผู้เป็นเจ้า. (1 เธซะโลนิเก 4:15-17) เมื่อถึงเวลา ผู้บริสุทธิ์ที่ยังเหลืออยู่ก็จะได้อยู่ร่วมกับชนเหล่านี้โดยรับการปลุกขึ้นจากความตายในพริบตาเดียว. ส่วนคนอื่น ๆ ก็จะได้บำเหน็จเช่นกัน มีทั้งทาสของพระเจ้าคือผู้พยากรณ์ครั้งโบราณกาลและชนอื่น ๆ แห่งมนุษยชาติผู้ซึ่งเกรงกลัวพระนามของพระยะโฮวา ไม่ว่าเขาอยู่ในกลุ่มชนฝูงใหญ่ซึ่งรอดผ่านความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่ หรือเป็น “คนที่ตายแล้ว ทั้งผู้ใหญ่ผู้น้อย” ซึ่งถูกปลุกขึ้นสู่ชีวิตระหว่างรัชสมัยพันปีของพระคริสต์. เพราะเหตุที่กษัตริย์มาซีฮาของพระเจ้าทรงถือลูกกุญแจแห่งความตายและฮาเดส การที่พระองค์ปกครองราชอาณาจักรจึงเปิดโอกาสให้พระองค์ทรงประสาทชีวิตนิรันดรแก่ทุกคนซึ่งเอื้อมแขนออกไปเพื่อจะได้การจัดเตรียมอันล้ำค่านั้น. (วิวรณ์ 1:18; 7:9, 14; 20:12, 13; โรม 6:22; โยฮัน 5:28, 29) ไม่ว่าบำเหน็จนั้นเป็นชีวิตอมตะในสวรรค์หรือชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลก ของประทานอันหมายถึงชีวิตนี้เป็นพระกรุณาอันไม่พึงได้รับจากพระยะโฮวา ซึ่งผู้รับทุกคนน่าจะสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณตลอดนิรันดร์กาล!—เฮ็บราย 2:9.
เห็นหีบสัญญาของพระเจ้า!
12. (ก) ตามวิวรณ์ 11:19 โยฮันเห็นอะไรในสวรรค์? (ข) หีบสัญญาเคยเป็นเครื่องหมายเล็งถึงอะไร และเกิดอะไรขึ้นกับหีบนั้นหลังจากชนอิสราเอลตกไปเป็นเชลยในบาบิโลน?
12 พระยะโฮวาทรงครอบครองอยู่! โดยทางราชอาณาจักรมาซีฮา พระยะโฮวาทรงสำแดงพระบรมเดชานุภาพของพระองค์ต่อมนุษยชาติอย่างมหัศจรรย์. ทั้งนี้มีคำยืนยันตามที่โยฮันเห็นต่อจากนั้นดังนี้: “แล้วที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระวิหารของพระเจ้าซึ่งอยู่ในสวรรค์ก็ถูกเปิด และปรากฏว่าในที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์มีหีบสัญญาของพระองค์อยู่. แล้วจึงเกิดฟ้าแลบ เสียงพูด เสียงฟ้าร้อง แผ่นดินไหว และลูกเห็บห่าใหญ่.” (วิวรณ์ 11:19, ล.ม.) นี่เป็นการพูดถึงหีบสัญญาของพระเจ้าเพียงครั้งเดียวในวิวรณ์. หีบสัญญาเคยเป็นสัญลักษณ์ที่ปรากฏแก่ตาซึ่งแสดงถึงการที่พระยะโฮวาทรงสถิตกับชาวอิสราเอลประชาชนของพระองค์. หีบนี้ถูกเก็บไว้ในห้องบริสุทธิ์ที่สุดของพลับพลา และต่อมาก็ในพระวิหารที่ซะโลโมได้สร้าง. แต่เมื่อชาวอิสราเอลตกเป็นเชลยในบาบิโลนปี 607 ก่อนสากลศักราช กรุงเยรูซาเลมถูกทำให้เป็นเมืองร้างเปล่า และหีบสัญญาสูญหายไป. นั้นเป็นคราวที่ตัวแทนจากราชวงศ์ของดาวิดไม่ “นั่งบนพระที่นั่งของพระยะโฮวา เป็นกษัตริย์” อีกต่อไป.—1 โครนิกา 29:23.a
13. ข้อเท็จจริงที่ว่า ได้มีการเห็นหีบสัญญาของพระเจ้าในที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าในสวรรค์นั้นแสดงถึงอะไร?
13 บัดนี้ หลังจากนั้นกว่า 2,600 ปี หีบสัญญาได้ปรากฏให้เห็นอีกครั้งหนึ่ง. แต่ในนิมิตที่โยฮันเห็น หีบนี้ไม่อยู่ในพระวิหารทางแผ่นดินโลก. หีบนี้ปรากฏอยู่ในที่ศักดิ์สิทธิ์ทางภาคสวรรค์ของพระเจ้า. อีกครั้งหนึ่ง พระยะโฮวาทรงครอบครองโดยทางกษัตริย์แห่งราชวงศ์ดาวิด. อย่างไรก็ดี คราวนี้พระมหากษัตริย์เยซูคริสต์ทรงครองราชย์ในเยรูซาเลมฝ่ายสวรรค์—จากจุดที่สูงมองเห็นได้ไกลนี้เองที่พระองค์ทรงดำเนินการตามคำตัดสินต่าง ๆ ของพระยะโฮวา. (เฮ็บราย 12:22) บทต่อ ๆ ไปของพระธรรมวิวรณ์จะเผยคำตัดสินเหล่านี้ให้เราทราบ.
14, 15. (ก) ในเยรูซาเลมโบราณ ใครเท่านั้นที่ได้เห็นหีบสัญญา และเพราะเหตุใด? (ข) ณ ที่ศักดิ์สิทธิ์ของพระวิหารของพระเจ้าในสวรรค์ ใครที่เห็นหีบสัญญาของพระองค์?
14 ในเยรูซาเลมโบราณบนแผ่นดินโลก ไม่ว่าชาวอิสราเอลทั่ว ๆ ไปหรือพวกปุโรหิตที่ปฏิบัติงานในพระวิหารก็ไม่เห็นหีบนั้น เพราะหีบนั้นอยู่ในห้องบริสุทธิ์ที่สุดซึ่งมีม่านกั้นไว้ต่างหากจากที่บริสุทธิ์. (อาฤธโม 4:20; เฮ็บราย 9:2, 3) เฉพาะมหาปุโรหิตเพียงผู้เดียวได้เห็นหีบนั้นเมื่อเขาได้เข้าไปยังที่บริสุทธิ์ที่สุดในวันไถ่โทษประจำปี. กระนั้นก็ดี เมื่อที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งพระวิหารในสวรรค์เปิดออก หีบที่มีความหมายเป็นนัยก็ปรากฏไม่เฉพาะแก่พระเยซูคริสต์มหาปุโรหิตของพระยะโฮวาเท่านั้น แต่ปรากฏแก่รองปุโรหิต 144,000 คน ซึ่งรวมทั้งโยฮันด้วย.
15 คนกลุ่มแรกที่ได้รับการปลุกขึ้นจากความตายไปสวรรค์เห็นหีบที่มีความหมายเป็นนัยนี้ในระยะใกล้ เพราะชนเหล่านี้เข้าประจำที่ของเขาในฐานะเป็นส่วนของผู้ปกครอง 24 คนรอบราชบัลลังก์ของพระยะโฮวา. และชนจำพวกโยฮันที่อยู่บนแผ่นดินโลกได้รับความกระจ่างโดยพระวิญญาณของพระยะโฮวาเพื่อจะเข้าใจการประทับของพระองค์ในพระวิหารฝ่ายวิญญาณของพระองค์. นอกจากนั้น ยังมีสัญลักษณ์เพื่อปลุกมนุษยชาติทั่วไปให้ตื่นตัวต่อเหตุการณ์มหัศจรรย์นี้. นิมิตของโยฮันกล่าวถึงฟ้าแลบ, เสียงพูด, เสียงฟ้าร้อง, แผ่นดินไหว, และลูกเห็บ. (เทียบกับวิวรณ์ 8:5.) สิ่งเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ถึงอะไร?
16. ได้เกิดมีฟ้าแลบ, เสียงพูด, เสียงฟ้าร้อง, แผ่นดินไหว, และลูกเห็บห่าใหญ่อย่างไร?
16 ตั้งแต่ปี 1914 ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในวงการศาสนา. แต่น่ายินดีที่ “แผ่นดินไหว” นี้เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงซึ่งได้อุทิศแก่การให้ข่าวสารอันชัดเจนเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้าที่รับการสถาปนาแล้ว. ได้มีการประกาศ ‘สัญญาณเตือนภัย’ จากคัมภีร์ไบเบิลออกไปซึ่งดังเหมือนฟ้าร้อง. ความสว่างแห่งการหยั่งเห็นเข้าใจในเรื่องพระคำเชิงพยากรณ์ของพระเจ้าที่ได้รับแล้วโฆษณาออกไปนั้นเป็นเหมือนฟ้าแลบ. “ลูกเห็บ” แห่งการพิพากษาของพระเจ้าถูกปล่อยให้ตกกระหน่ำอย่างหนักต่อคริสต์ศาสนจักรและศาสนาเท็จทั่ว ๆ ไป. ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้ประชาชนหันมาเอาใจใส่. แต่น่าเสียดาย คนส่วนใหญ่ก็เหมือนประชาชนในเยรูซาเลมสมัยพระเยซู ไม่ได้สังเกตเข้าใจความสำเร็จเป็นจริงของสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในพระธรรมวิวรณ์.—ลูกา 19:41-44.
17, 18. (ก) การเป่าแตรของทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดได้นำมาซึ่งหน้าที่รับผิดชอบอะไรแก่คริสเตียนผู้ได้อุทิศตัวแล้ว? (ข) ชนคริสเตียนได้ทำหน้าที่มอบหมายของตนให้สำเร็จโดยวิธีใด?
17 ทูตสวรรค์ทั้งเจ็ดองค์ยังคงเป่าแตรต่อไป ให้สัญญาณถึงเหตุการณ์อันเป็นประวัติการณ์บนแผ่นดินโลกนี้. คริสเตียนที่อุทิศตัวแล้วมีความรับผิดชอบสำคัญในการประกาศแถลงการณ์เหล่านี้ให้โลกรู้ต่อ ๆ ไป. คนเหล่านี้กำลังทำให้งานมอบหมายนี้บรรลุผลสำเร็จด้วยความยินดี! มีข้อบ่งชี้ถึงเรื่องนี้ในข้อที่ว่า ในช่วงยี่สิบปี ตั้งแต่ปี 1986 ถึง 2005 พวกเขาได้ใช้เวลาเพื่องานประกาศสั่งสอนแต่ละปีตลอดทั่วโลกเกือบสองเท่าตัว คือจาก 680,837,042 ชั่วโมงเป็น 1,278,235,504 ชั่วโมง. จริงทีเดียว “ความลับอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าที่มีอยู่ในข่าวดี” กำลังได้รับการประกาศ “ไปถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก.”—วิวรณ์ 10:7, ล.ม.; โรม 10:18.
18 มีนิมิตอื่น ๆ อีกรอเราอยู่ ในขณะที่พระประสงค์เกี่ยวกับราชอาณาจักรของพระเจ้าได้รับการเปิดเผยต่อไป.
[เชิงอรรถ]
a ทาซิทุสนักประวัติศาสตร์ชาวโรมันรายงานว่า เมื่อกรุงเยรูซาเลมถูกยึดได้ในปี 63 ก่อนสากลศักราช และนีอุส ปอมปีอุสได้เข้าไปในห้องบริสุทธิ์ที่สุดแห่งพระวิหาร เขาพบว่าห้องนั้นว่างเปล่า. ไม่มีหีบสัญญาอยู่ในนั้นเลย.—ประวัติศาสตร์ โดยทาซิทุส, 5.9.
[กรอบหน้า 173]
จุดเด่นแห่งคำแถลงการพิพากษาของพระยะโฮวาที่เปรียบเสมือน การเป่าแตร
1. ปี 1922 ที่ซีดาร์ พอยต์, โอไฮโอ: คำท้าทายพวกผู้นำแห่งคริสต์ศาสนจักรซึ่งอยู่ในวงการศาสนา, การเมือง, และธุรกิจใหญ่ ๆ เพื่อให้เขาแก้ตัวเรื่องความล้มเหลวของพวกเขาในการก่อให้เกิดสันติภาพ, ความเจริญ, และความสุข. ราชอาณาจักรมาซีฮาต่างหากคือยาครอบจักรวาล.
2. ปี 1923 ที่ลอส แอนเจลิส, แคลิฟอร์เนีย: คำบรรยายสาธารณะเรื่อง “บัดนี้ นานาชาติกำลังเคลื่อนขบวนสู่อาร์มาเก็ดดอน แต่หลายล้านคนซึ่งมีชีวิตอยู่เดี๋ยวนี้จะไม่ตายเลย” เชิญชวน “ชนเยี่ยงแกะ” ซึ่งรักสันติให้ออกมาจากทะเลแห่งมนุษยชาติที่ทำให้ถึงตาย.
3. ปี 1924 ที่โคลัมบัส, โอไฮโอ: พวกผู้สอนศาสนาถูกกล่าวโทษสำหรับการยกย่องตนเองและการปฏิเสธไม่ทำการประกาศเรื่องราชอาณาจักรมาซีฮา. ชนคริสเตียนแท้ต้องประกาศการแก้แค้นของพระเจ้าและปลอบประโลมมนุษยชาติที่เป็นทุกข์โศกเศร้า.
4. ปี 1925 ที่อินเดียนาโปลิส, อินเดียนา: ข่าวสารแห่งความหวังที่เทียบให้เห็นความแตกต่างระหว่างความมืดทางฝ่ายวิญญาณในคริสต์ศาสนจักร กับคำสัญญาอันสดใสแห่งราชอาณาจักรเกี่ยวกับสันติภาพ, ความเจริญ, สุขภาพ, ชีวิต, เสรีภาพ, และความสุขตลอดไป.
5. ปี 1926 ที่ลอนดอน, ประเทศอังกฤษ: ภัยพิบัติที่ราวกับฝูงตั๊กแตนรบกวนคริสต์ศาสนจักรและเหล่านักเทศน์นักบวชของเขา โดยการเปิดโปงถึงการที่พวกเขาปฏิเสธราชอาณาจักรของพระเจ้า และโดยการโห่ร้องต้อนรับการกำเนิดแห่งรัฐบาลฝ่ายสวรรค์.
6. ปี 1927 ที่โทรอนโต, ประเทศแคนาดา: คำเชิญที่มีการนำออกไปราวกับโดยกองทหารม้า ร้องเรียกให้ประชาชนละทิ้ง “ศาสนาคริสเตียนที่รวมตัวกัน” เสีย และมอบหัวใจสวามิภักดิ์ต่อพระยะโฮวาพระเจ้าและต่อมหากษัตริย์และราชอาณาจักรที่พระองค์ทรงสถาปนาขึ้น.
7. ปี 1928 ที่ดีทรอยต์, มิชิแกน: คำแถลงการณ์เพื่อพระยะโฮวาและต่อต้านซาตาน ทำให้ชัดเจนว่า มหากษัตริย์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระเจ้าขึ้นครองราชย์ปี 1914 จะทรงทำลายล้างองค์การชั่วช้าของซาตานและปลดปล่อยมนุษยชาติ.
[กรอบหน้า 175]
การทำลายแผ่นดินโลก
“ทุกสามวินาทีมีส่วนหนึ่งของป่าทึบเขตร้อนที่มีอยู่แต่เดิมขนาดเท่าสนามฟุตบอลหายไป. . . . การสูญเสียป่าที่สำคัญ ๆ เหล่านั้นเป็นการทำลายทั้งพืชและสัตว์หลายพันชนิด.”—สมุดแผนที่มีภาพประกอบของโลก (ภาษาอังกฤษ, แรนด์ แม็กแนลลี).
“ภายในสองศตวรรษแห่งการบุกเบิกถิ่นฐาน [ทะเลสาบใหญ่] ก็ได้กลายเป็นที่ทิ้งน้ำเสียใหญ่ที่สุดของโลกด้วย.”—วารสารเดอะ โกลบ แอนด์ เมล์ (แคนาดา).
ในเดือนเมษายน ปี 1986 การระเบิดและไฟไหม้ที่โรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในเชอร์โนบิล, อดีตสหภาพโซเวียต “เป็นอุบัติการณ์เกี่ยวกับนิวเคลียร์ครั้งสำคัญที่สุด . . . นับตั้งแต่การทิ้งระเบิดที่ฮิโรชิมาและนางาซากิ” โดยมีการแผ่กระจาย “รังสีออกไปสู่บรรยากาศ, ผิวหน้าชั้นดินและน้ำของโลกเป็นระยะเวลานานมากพอ ๆ กับการทดสอบทางนิวเคลียร์และลูกระเบิดทั้งหมดเท่าที่เคยมีการเกิดระเบิดขึ้นรวมกัน.”—เจเอเอ็มเอ; เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์.
ที่มินามาตะ, ประเทศญี่ปุ่น โรงงานเคมีแห่งหนึ่งได้ปล่อยสารเมทิลเมอร์คิวรีลงในอ่าว. การกินปลาและพวกกุ้งที่ปนเปื้อนไปด้วยสารนั้นเป็นเหตุให้เกิดโรคมินามาตะ (เอ็มดี) ขึ้น ซึ่งเป็น “โรคประสาทเรื้อรัง. . . . จนถึงบัดนี้ [ปี 1985] มี 2,578 คนในญี่ปุ่นที่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเป็นโรคนี้.”—วารสารนานาชาติเกี่ยวกับวิชาโรคติดต่อ (ภาษาอังกฤษ).
[กรอบหน้า 176]
คำแถลงการณ์สำคัญในพระธรรมวิวรณ์ 11:15-19 เป็นบทนำของนิมิตต่าง ๆ ที่จะติดตามมา. วิวรณ์บท 12 เป็นการย้อนกล่าวซึ่งขยายรายละเอียดของการแถลงครั้งใหญ่ในวิวรณ์ 11:15, 17. บท 13 บอกให้ทราบความเป็นมาของบท 11:18 ขณะที่อธิบายถึงต้นตอและการพัฒนาขึ้นขององค์การทางการเมืองของซาตานซึ่งได้ก่อความเสียหายแก่แผ่นดินโลก. บท 14 และ 15 ให้รายละเอียดมากขึ้นเรื่องการพิพากษาของราชอาณาจักรซึ่งเกี่ยวพันกับการเป่าแตรตัวที่เจ็ดและภัยพิบัติที่สาม.
[ภาพหน้า 174]
พระยะโฮวาจะทรง “ทำลายคนเหล่านั้นที่ทำลายแผ่นดินโลก”