พระธรรมเล่มที่ 5—พระบัญญัติ
ผู้เขียน: โมเซ
สถานที่เขียน: ที่ราบโมอาบ
เขียนเสร็จ: 1473 ก.ส.ศ.
ครอบคลุมระยะเวลา: 2 เดือน (1473 ก.ส.ศ.)
1. อาจถามคำถามอะไรบ้างที่เกี่ยวกับการเข้าสู่แผ่นดินแห่งคำสัญญาของชาวยิศราเอล?
พระธรรมพระบัญญัติมีข่าวสารอันทรงพลังสำหรับไพร่พลของพระยะโฮวา. หลังจากร่อนเร่ในถิ่นทุรกันดาร 40 ปี ตอนนี้บุตรหลานยิศราเอลยืนอยู่ที่ชายแดนแผ่นดินแห่งคำสัญญา. มีอะไรคอยท่าพวกเขาอยู่เบื้องหน้า? ปัญหาเฉพาะอย่างอะไรบ้างที่พวกเขาจะต้องเผชิญบนอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำยาระเดน? โมเซจะพูดอะไรแก่คนทั้งชาติในที่สุด? เราอาจถามอีกว่า เหตุใดจึงเป็นประโยชน์ที่พวกเราทุกวันนี้จะรู้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้?
2. พระบัญญัติมีความสำคัญอันโดดเด่นในทางใด?
2 คำตอบต่าง ๆ จะพบในถ้อยคำที่โมเซกล่าวไว้และที่ท่านบันทึกไว้ในพระธรรมเล่มที่ห้าในคัมภีร์ไบเบิล คือพระบัญญัติ. แม้พระธรรมนี้จะกล่าวซ้ำกับพระธรรมเล่มก่อน ๆ มากทีเดียว แต่พระธรรมพระบัญญัติก็ยังสำคัญในแบบที่โดดเด่นของตัวเอง. เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? พระธรรมพระบัญญัติเน้นข่าวสารที่พระเจ้าทรงประทานให้ในช่วงประวัติศาสตร์แห่งไพร่พลของพระยะโฮวาในคราวที่พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการนำหน้าที่เปี่ยมพลังและการชี้แนะที่ชัดเจน. พวกเขาจวนจะเข้าสู่แผ่นดินแห่งคำสัญญาภายใต้ผู้นำคนใหม่. พวกเขาต้องได้รับการชูใจเพื่อจะรุดไปข้างหน้า และในเวลาเดียวกันก็จำเป็นต้องได้รับการเตือนสติจากพระเจ้าเพื่อให้พวกเขาสามารถเลือกแนวทางที่ถูกต้องซึ่งทำให้ได้รับพระพรจากพระยะโฮวา.
3. โมเซเน้นอะไรตลอดพระบัญญัติ และเหตุใดเรื่องนี้จึงสำคัญต่อพวกเราทุกวันนี้?
3 สอดคล้องกับความจำเป็นนี้ โมเซถูกกระตุ้นอย่างมากจากพระวิญญาณของพระยะโฮวาให้ขอร้องชาวยิศราเอลอย่างตรงไปตรงมาให้เชื่อฟังและซื่อสัตย์. ตลอดทั้งพระธรรมนี้ ท่านเน้นว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าสูงสุดซึ่งเรียกร้องความเลื่อมใสโดยเฉพาะ และทรงปรารถนาให้ไพร่พลของพระองค์ ‘รักพระองค์ด้วยสุดหัวใจ สุดจิตวิญญาณและสุดกำลังของพวกเขา.’ พระองค์เป็น “พระเจ้าเหนือพระอื่นทั้งปวง, เป็นพระองค์เจ้าเหนือเจ้านายทั้งหลาย, เป็นพระเจ้าองค์ใหญ่, ผู้ทรงฤทธิ์อันน่ากลัว, ผู้มิได้เห็นแก่บุคคลผู้ใด, และมิได้เห็นแก่อามิษสินบน.” พระองค์ไม่ทรงยอมให้มีคู่แข่ง. การเชื่อฟังพระองค์หมายถึงชีวิต การไม่เชื่อฟังหมายถึงความตาย. คำสั่งของพระยะโฮวาตามที่ทรงประทานไว้ในพระบัญญัติเป็นการตระเตรียมและเป็นคำแนะนำที่ชาวยิศราเอลจำเป็นต้องได้รับเพื่อภารกิจสำคัญที่อยู่เบื้องหน้า. คำแนะนำนั้นยังเป็นคำเตือนสติที่พวกเราจำต้องได้รับในทุกวันนี้เพื่อจะดำเนินด้วยความเกรงกลัวพระยะโฮวาเสมอ โดยทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์ท่ามกลางโลกที่เสื่อมทราม.—บัญ. 5:9, 10; 6:4-6; 10:12-22.
4. ชื่อภาษาอังกฤษของพระบัญญัติหมายความอย่างไร และอะไรคือวัตถุประสงค์ของพระธรรมเล่มนี้?
4 ชื่อภาษาอังกฤษของพระธรรมพระบัญญัติมาจากชื่อในฉบับแปลกรีกเซปตัวจินต์ ที่ว่า เดฟเทโรโนʹมิโอน ซึ่งรวมคำเดฟʹเทโรส ที่หมายความว่า “ที่สอง” กับคำ โนʹโมส ซึ่งหมายความว่า “กฎหมาย.” ดังนั้นชื่อนี้จึงมีความหมายว่า “พระบัญญัติที่สอง; การกล่าวซ้ำพระบัญญัติ” ทั้งนี้มาจากการแปลวลีฮีบรูมิชเนʹ ฮัทโทราห์ʹ ในพระบัญญัติ 17:18 เป็นภาษากรีก ซึ่งมีการแปลอย่างถูกต้องว่า ‘สำเนากฎหมาย.’ อย่างไรก็ตาม แม้ชื่อพระบัญญัติมีความหมายเช่นนั้น พระธรรมนี้ในคัมภีร์ไบเบิลก็ไม่ใช่ กฎหมายที่สองหรือเป็นเพียงการกล่าวซ้ำพระบัญญัติ. แต่พระธรรมนี้เป็นการอธิบาย พระบัญญัติ ซึ่งกระตุ้นเตือนชาวยิศราเอลให้รักและเชื่อฟังพระยะโฮวาเมื่ออยู่ในแผ่นดินแห่งคำสัญญาซึ่งพวกเขาจะเข้าไปในไม่ช้า.—1:5.
5. อะไรพิสูจน์ว่าโมเซเป็นผู้เขียนพระบัญญัติ?
5 ด้วยพระธรรมนี้เป็นหนังสือม้วนหรือเล่มที่ห้าแห่งเพนทาทุก ผู้เขียนจึงต้องเป็นคนเดียวกับที่เขียนสี่เล่มก่อน ซึ่งก็คือโมเซ. ข้อความขึ้นต้นระบุพระบัญญัติว่า “เป็นคำที่โมเซได้กล่าวแก่พวกยิศราเอล.” และข้อความต่อ ๆ มา เช่น “โมเซได้เขียนพระบัญญัตินี้” และ “โมเซจึงเขียนคำเพลงนี้” พิสูจน์อย่างชัดเจนว่าท่านเป็นผู้เขียน. ชื่อของท่านปรากฏเกือบ 40 ครั้งในพระธรรมนี้ โดยทั่วไปแล้วก็เพื่อยืนยันข้อความที่ได้กล่าว. มีการใช้บุรุษที่หนึ่ง ซึ่งหมายถึงโมเซ เกือบตลอดทั้งเล่ม. มีการเพิ่มข้อท้าย ๆ หลังจากโมเซตาย คงโดยยะโฮซูอะหรือโดยเอละอาซารมหาปุโรหิต.—1:1; 31:9, 22, 24-26.
6. (ก) พระบัญญัติครอบคลุมช่วงเวลาใด? (ข) พระธรรมนี้เขียนใกล้แล้วเสร็จช่วงเวลาใด?
6 เหตุการณ์ต่าง ๆ ในพระบัญญัติเกิดขึ้นเมื่อไร? ในตอนต้น ๆ พระธรรมนี้บอกเราว่า “ในปีที่สี่สิบ, เดือนสิบเอ็ด, วันที่ 1 นั้น, โมเซได้กล่าวแก่พวกยิศราเอล.” เมื่อจบบันทึกในพระบัญญัติ พระธรรมยะโฮซูอะบันทึกเหตุการณ์สามวันก่อนข้ามยาระเดนซึ่งเป็นใน “วันที่สิบเดือนต้น.” (บัญ. 1:3; ยโฮ. 1:11; 4:19) เหตุการณ์ในพระบัญญัติจึงเกิดขึ้นในระยะเวลาสองเดือนกับหนึ่งสัปดาห์. อย่างไรก็ตาม 30 วันจากระยะเวลาเก้าสัปดาห์นี้ได้ใช้ไปกับการร้องไห้โศกเศร้าเนื่องด้วยความตายของโมเซ. (บัญ. 34:8) ทั้งนี้หมายความว่า เหตุการณ์เกือบทั้งหมดในพระบัญญัติคงต้องเกิดขึ้นในเดือนที่ 11 ของปีที่ 40. พอถึงตอนสิ้นเดือนที่ 11 การเขียนพระธรรมนี้คงต้องใกล้แล้วเสร็จด้วย พร้อมกับโมเซสิ้นชีวิตในช่วงต้นเดือนที่ 12 แห่งปีที่ 40 หรือตอนต้นปี 1473 ก.ส.ศ.
7. อะไรแสดงว่าพระธรรมพระบัญญัติเชื่อถือได้?
7 ข้อพิสูจน์ต่าง ๆ ที่มีให้อยู่แล้วสำหรับความเชื่อถือได้ของพระธรรมสี่เล่มแรกแห่งเพนทาทุกก็ใช้ได้กับพระบัญญัติที่เป็นพระธรรมเล่มที่ห้าเช่นกัน. นอกจากนั้น พระธรรมนี้ยังเป็นหนึ่งในพระธรรมสี่เล่มในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่มีการอ้างถึงบ่อยที่สุดในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก ส่วนเล่มอื่น ๆ นั้นคือ เยเนซิศ, บทเพลงสรรเสริญ, และยะซายา. มีการอ้างอิงถึงพระธรรมพระบัญญัติ 83 ครั้ง และมีพระธรรม 17 เล่มในพระคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกที่อ้างอิงถึงพระบัญญัติ.a
8. พระเยซูทรงให้คำพยานอันหนักแน่นอะไรที่พิสูจน์ความเชื่อถือได้ของพระบัญญัติ?
8 พระเยซูเองทรงให้คำพยานอันหนักแน่นที่สุดเพื่อสนับสนุนพระบัญญัติ. ในตอนเริ่มงานรับใช้ พระองค์ถูกพญามารล่อใจสามครั้ง และทั้งสามครั้งพระองค์ตอบว่า “มีคำเขียนไว้ว่า.” เขียนไว้ที่ไหน? ในพระธรรมพระบัญญัติ (8:3; 6:16, 13, ล.ม.) ซึ่งพระเยซูทรงยกมากล่าวในฐานะเป็นข้อความที่มีขึ้นโดยการดลใจ ที่ว่า “มนุษย์จะเลี้ยงชีพด้วยขนมปังแต่อย่างเดียวไม่ได้ แต่ด้วยคำตรัสทุกคำที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระยะโฮวา.” “เจ้าต้องไม่ลองดีพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า.” “พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้านั่นแหละ ที่เจ้าต้องนมัสการ และแด่พระองค์ผู้เดียวที่เจ้าต้องถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์.” (มัด. 4:1-11, ล.ม.) ต่อมาเมื่อพวกฟาริซายมาทดสอบพระองค์เกี่ยวกับพระบัญญัติของพระเจ้า พระเยซูทรงตอบโดยยก “พระบัญญัติข้อต้นข้อใหญ่” จากพระบัญญัติ 6:5 มากล่าว. (มัด. 22:37, 38; มโก. 12:30; ลูกา 10:27) คำพยานของพระเยซูแสดงให้เห็นอย่างไม่อาจโต้แย้งได้ว่า พระบัญญัติเชื่อถือได้.
9. หลักฐานภายนอกอะไรที่พิสูจน์ความถูกต้องของพระบัญญัติ?
9 นอกจากนั้น เหตุการณ์และคำกล่าวต่าง ๆ ในพระธรรมนี้ก็ตรงกับสภาพการณ์และสภาพแวดล้อมทางประวัติศาสตร์. ข้อความที่อ้างถึงอียิปต์, คะนาอัน, อะมาเล็ก, อัมโมน, โมอาบ, และอะโดม ต่างก็ตรงกับช่วงเวลา และชื่อสถานที่ก็มีการกล่าวถึงอย่างถูกต้องแม่นยำ.b โบราณคดีเผยให้เห็นข้อพิสูจน์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในเรื่องความซื่อสัตย์มั่นคงของโมเซในการเขียน. เฮนรี เอช. แฮลลีย์ เขียนดังนี้: “โบราณคดีพูดเสียงดังมากในระยะหลัง ๆ จนเป็นเหตุให้มีปฏิกิริยาที่ชัดแจ้งต่อทัศนะเชิงอนุรักษ์ [ที่ว่าโมเซเขียนเพนทาทุก]. ทฤษฎีที่ว่าการเขียนไม่เป็นที่รู้จักกันในสมัยโมเซนั้นถูกหักล้างอย่างสิ้นเชิง. และทุก ๆ ปีมีการขุดพบหลักฐานต่าง ๆ ในอียิปต์, ปาเลสไตน์, และเมโสโปเตเมีย ทั้งในรูปคำจารึกและในชั้นผิวดินต่าง ๆ ว่าเรื่องราวนั้น [ในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู] เป็นบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เป็นความจริง. และ ‘นักวิชาการ’ กำลังให้ความเชื่อถือมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องคำเล่าสืบปากที่ว่าโมเซเป็นผู้เขียน.”c ดังนั้น แม้แต่หลักฐานภายนอกก็สนับสนุนพระบัญญัติและส่วนอื่นของเพนทาทุกว่าเป็นบันทึกที่แท้จริงน่าเชื่อถือซึ่งเขียนโดยโมเซผู้พยากรณ์ของพระเจ้า.
เนื้อเรื่องในพระบัญญัติ
10. พระบัญญัติประกอบด้วยอะไร?
10 พระธรรมนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยชุดคำบรรยายที่โมเซพูดแก่ลูกหลานยิศราเอล ณ ที่ราบโมอาบตรงข้ามยะริโฮ. คำบรรยายแรกจบในบท 4, คำบรรยายที่สองดำเนินไปจนจบบท 26, คำบรรยายที่สามต่อเนื่องถึงบท 28, และอีกคำบรรยายหนึ่งดำเนินเรื่อยไปจนจบบท 30. แล้วหลังจากโมเซจัดการเรื่องต่าง ๆ ครั้งสุดท้ายโดยคำนึงถึงความตายของตนที่ใกล้เข้ามา ซึ่งรวมทั้งการมอบหมายยะโฮซูอะเป็นผู้สืบตำแหน่ง ท่านบันทึกบทเพลงที่ไพเราะที่สุดบทหนึ่งเพื่อสรรเสริญพระยะโฮวา ตามด้วยการอวยพรตระกูลต่าง ๆ ของชาติยิศราเอล.
11. โมเซขึ้นต้นคำบรรยายแรกของท่านอย่างไร?
11 คำบรรยายแรกของโมเซ (1:1–4:49). คำบรรยายนี้ให้การแนะนำด้านประวัติศาสตร์สำหรับสิ่งที่ตามมา. แรกทีเดียว โมเซทบทวนเรื่องการที่พระยะโฮวาทรงปฏิบัติด้วยความซื่อสัตย์ต่อไพร่พลของพระองค์. โมเซบอกพวกเขาให้ไปยึดเอาแผ่นดินที่ได้สัญญาไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา คืออับราฮาม, ยิศฮาค, และยาโคบ. ท่านกล่าวทบทวนวิธีที่พระยะโฮวาทรงประสานงานกิจกรรมแห่งชุมชนตามระบอบของพระเจ้าชุมชนนี้ในตอนเริ่มต้นการเดินทางในถิ่นทุรกันดารโดยให้โมเซเลือกชายที่ฉลาด, สุขุม, และมีประสบการณ์ให้ปฏิบัติหน้าที่เป็นนายพัน, นายร้อย, นายห้าสิบ, และนายสิบ. มีการจัดระเบียบอันเลิศล้ำที่ดูแลโดยพระยะโฮวา ขณะที่พวกยิศราเอล “เดินทะลุถิ่นทุรกันดารใหญ่อันเป็นที่น่ากลัว.”—1:19, ฉบับแปลใหม่.
12. ถัดจากนั้นโมเซทบทวนเหตุการณ์อะไรบ้างที่เกี่ยวกับการสอดแนมในแผ่นดินคะนาอันในตอนแรก?
12 ตอนนี้โมเซเล่าถึงการบาปที่พวกเขาขืนอำนาจในคราวที่ได้ยินรายงานจากผู้สอดแนมที่กลับมาจากคะนาอันและบ่นว่าพระยะโฮวาทรงเกลียดชังพวกเขา เพราะพวกเขากล่าวหาว่า พระองค์ทรงพาพวกเขาออกจากอียิปต์เพื่อจะทอดทิ้งพวกเขาแก่พวกอะโมรี. เนื่องด้วยพวกเขาขาดความเชื่อ พระยะโฮวาจึงตรัสแก่คนรุ่นที่ชั่วนั้นว่า เว้นแต่คาเลบและยะโฮซูอะแล้ว ไม่มีใครในพวกเขาจะได้เห็นแผ่นดินอันอุดมนั้น. ถึงตอนนี้ พวกเขาได้ประพฤติตนแข็งข้ออีกครั้งหนึ่ง เต็มไปด้วยโทสะและโจมตีศัตรูตามลำพังโดยไม่ฟังใคร จึงถูกพวกอะโมรีไล่ตีเหมือนฝูงผึ้งและทำให้พวกเขากระจัดกระจายไป.
13. โมเซรับรองชัยชนะของยะโฮซูอะโดยอาศัยพื้นฐานอะไร?
13 พวกเขาเดินทางในถิ่นทุรกันดารมุ่งลงไปยังทะเลแดง และระหว่าง 38 ปี คนรุ่นนักรบทุกคนตายหมด. ครั้นแล้วพระยะโฮวาทรงบัญชาพวกเขาให้ยกข้ามไปและยึดดินแดนตอนเหนือของอาระโนน โดยตรัสว่า “ตั้งแต่วันนี้ไปเราจะให้ชนประเทศทั้งหลายทั่วใต้ฟ้าเกรงกลัวเจ้าทั้งหลาย, บรรดาผู้ซึ่งจะยินข่าวว่าด้วยเจ้า, ผู้นั้นจะกลัวตัวสั่น, และมีความทุกข์เพราะเจ้า.” (2:25) ซีโฮนและดินแดนของเขาตกเป็นของยิศราเอล และอาณาจักรของโอฆถูกยึดครอง. โมเซรับรองกับยะโฮซูอะว่า พระยะโฮวาจะสู้รบเพื่อชาวยิศราเอลด้วยวิธีเดียวกันเพื่อเอาชนะอาณาจักรทั้งปวง. ต่อมาโมเซทูลขอพระเจ้าว่า ท่านจะข้ามไปยังแผ่นดินอันอุดมอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำยาระเดนได้หรือไม่ แต่พระยะโฮวายังคงปฏิเสธคำขอนี้ ทรงสั่งโมเซให้มอบหมาย, ชูใจ, และหนุนกำลังยะโฮซูอะ.
14. โมเซเน้นพระบัญญัติของพระเจ้าและความเลื่อมใสโดยเฉพาะอย่างไร?
14 ตอนนี้โมเซย้ำอย่างหนักแน่นเรื่องพระบัญญัติของพระเจ้า โดยเตือนไม่ให้เพิ่มเติมหรือตัดทอนพระบัญญัติของพระองค์. การไม่เชื่อฟังจะนำมาซึ่งความหายนะ: “เจ้าจงระวังตัว, และรักษาจิตต์ใจของเจ้าให้ดี, กลัวว่าเจ้าจะลืมสิ่งทั้งหลายที่ตาของเจ้าได้เห็นนั้น, และลืมไปเสียจากใจของเจ้าทุกวันคืนแห่งชีวิตของเจ้า; แต่จงสอนบัญญัติเหล่านี้แก่ลูกหลานของเจ้าต่อไป.” (4:9) พวกเขาไม่เห็นรูปพรรณสัณฐานใด ๆ เมื่อพระยะโฮวาทรงแถลงพระบัญญัติสิบประการแก่พวกเขาภายใต้สภาพการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวในโฮเรบ. จะเกิดความพินาศแก่พวกเขาหากตอนนี้พวกเขาหันไปไหว้รูปเคารพและนมัสการรูปปั้น เพราะดังที่โมเซบอก “พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าเป็นเปลวเพลิง, เป็นพระเจ้าผู้หวงแหน [“เรียกร้องความเลื่อมใสศรัทธาโดยเฉพาะ,” ล.ม.].” (4:24) พระองค์เป็นผู้ที่รักบรรพบุรุษของพวกเขาและได้เลือกพวกเขา. ไม่มีพระเจ้าองค์ใดอื่นในสวรรค์หรือบนแผ่นดินเบื้องล่าง. โมเซกระตุ้นเตือน จงเชื่อฟังพระองค์ “เพื่อเจ้าจะดำรงชีวิตไว้ช้านานในแผ่นดิน, ซึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าประทานให้เจ้า, ต่อไปเป็นนิจ.”—4:40.
15. มีการจัดเตรียมอะไรสำหรับเมืองคุ้มภัยทางฝั่งตะวันออกของยาระเดน?
15 หลังจากจบคำบรรยายที่หนักแน่นนี้แล้ว โมเซจึงดำเนินการแยกเมืองเบเซร, เมืองราโมธ, และเมืองโฆลานเป็นเมืองคุ้มภัยทางฝั่งตะวันออกของยาระเดน.
16. คำบรรยายที่สองของโมเซเน้นเรื่องอะไร?
16 คำบรรยายที่สองของโมเซ (5:1–26:19). คำบรรยายนี้เรียกร้องชาวยิศราเอลให้ฟังพระยะโฮวาซึ่งตรัสกับพวกเขาซึ่งหน้าที่ซีนาย. ขอให้สังเกตวิธีที่โมเซกล่าวซ้ำพระบัญญัติพร้อมด้วยการปรับเปลี่ยนบางอย่างที่จำเป็น ด้วยวิธีนี้จึงเป็นการดัดแปลงพระบัญญัติเข้ากับชีวิตใหม่ของพวกเขาเมื่อข้ามแม่น้ำยาระเดน. นี่ไม่ใช่แค่การทบทวนข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์. ทุก ๆ คำแสดงว่าหัวใจของโมเซเต็มไปด้วยใจแรงกล้าและการทุ่มเทตนเพื่อพระเจ้าของท่าน. ท่านพูดเพื่อสวัสดิภาพของชาติ. มีการเน้นการเชื่อฟังพระบัญญัติตลอดคำบรรยาย คือการเชื่อฟังจากหัวใจที่เต็มไปด้วยความรักไม่ใช่โดยถูกบังคับ.
17. ชาวยิศราเอลต้องตอบแทนความรักที่พระยะโฮวาแสดงต่อพวกเขาอย่างไร?
17 แรกทีเดียว โมเซกล่าวซ้ำสิบถ้อยคำ คือพระบัญญัติสิบประการ และบอกชาวยิศราเอลให้เชื่อฟัง ไม่หันไปทางขวาหรือทางซ้าย เพื่อจะให้วันเวลาที่พวกเขาอยู่ในดินแดนนั้นยาวนานและเพื่อพวกเขาจะทวีจำนวนขึ้น. “ดูกรพวกยิศราเอล, จงฟังเถิด: พระยะโฮวาพระเจ้าของเราเป็นเอกพระยะโฮวา.” (6:4) หัวใจ, จิตวิญญาณ, และพละกำลังทั้งสิ้นต้องถวายให้กับการรักพระองค์ และพวกยิศราเอลต้องสอนบุตรของตนและบอกพวกเขาถึงหมายสำคัญอันยิ่งใหญ่รวมทั้งการอัศจรรย์ที่พระยะโฮวาทรงทำในอียิปต์. จะต้องไม่มีการผูกสัมพันธ์ทางการสมรสกับชาวคะนาอันที่ไหว้รูปเคารพ. พระยะโฮวาได้เลือกพวกยิศราเอลให้เป็นสมบัติพิเศษของพระองค์ ไม่ใช่เพราะเขามีประชากรมาก แต่เพราะพระองค์ทรงรักพวกเขาและจะทรงรักษาคำปฏิญาณที่ทำไว้กับบรรพบุรุษของพวกเขา. ชาวยิศราเอลต้องหลีกหนีหลุมพรางของศาสนาแบบผีปิศาจทำลายรูปเคารพให้หมดจากแผ่นดินและยึดมั่นในพระยะโฮวา “พระเจ้าผู้ทรงฤทธิ์น่ากลัว” อย่างแท้จริง.—7:21.
18. โมเซกระตุ้นเตือนพวกยิศราเอลให้ระวังป้องกันตัวจากอะไร?
18 พระยะโฮวาทรงทำให้พวกเขาถ่อมใจลงเป็นเวลา 40 ปีในถิ่นทุรกันดาร เพื่อสอนพวกเขาว่า คนเรามีชีวิตไม่ใช่เพราะมานาหรือขนมปัง แต่โดยคำตรัสทุก ๆ คำจากพระโอษฐ์ของพระยะโฮวา. ตลอดช่วงแห่งการดัดแปลงแก้ไขนั้น เสื้อผ้าของพวกเขาไม่ได้ขาด และเท้าของพวกเขาก็ไม่บวม. บัดนี้พวกเขากำลังเข้าสู่แผ่นดินแห่งความมั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์! อย่างไรก็ตาม พวกเขาต้องระวังกับดักของการนิยมวัตถุและการถือว่าตนชอบธรรม อีกทั้งให้จดจำว่าพระยะโฮวาทรงเป็น “ผู้ให้กำลังแก่ท่านที่จะได้ทรัพย์สมบัติ” และผู้ช่วงชิงทรัพย์สมบัติของชนชาติที่ชั่วช้า. (8:18, ฉบับแปลใหม่) แล้วโมเซได้ทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ชาวยิศราเอลยั่วยุพระเจ้า. พวกเขาต้องระลึกว่าพระพิโรธของพระยะโฮวาพลุ่งขึ้นต่อพวกเขาอย่างไรในถิ่นทุรกันดารโดยให้มีโรคระบาดและไฟและการสังหาร! พวกเขาต้องระลึกถึงการนมัสการโคทองคำที่ก่อความหายนะ ซึ่งยังผลให้พระยะโฮวาพิโรธและต้องทำแผ่นศิลาจารึกพระบัญญัติขึ้นใหม่! (เอ็ก. 32:1-10, 35; 17:2-7; อาฤ. 11:1-3, 31-35; 14:2-38) แน่นอน บัดนี้พวกเขาต้องรับใช้และยึดมั่นกับพระยะโฮวาผู้ทรงรักพวกเขาด้วยเห็นแก่บรรพบุรุษของพวกเขา และได้จัดตั้งพวกเขาไว้ “ดุจดาวในอากาศ.”—บัญ. 10:22.
19. ทางเลือกอะไรที่มีกล่าวอย่างชัดเจน และมีการให้เค้าโครงกฎหมายอะไรไว้บ้างสำหรับชาตินี้?
19 พวกยิศราเอลต้องรักษา “บัญญัติทั้งปวง” และต้องเชื่อฟังพระยะโฮวาอย่างแน่วแน่ รักพระองค์ในฐานะพระเจ้าของพวกเขา รับใช้พระองค์สุดหัวใจและสุดจิตวิญญาณของเขา. (11:8, 13) พระยะโฮวาจะทรงหนุนหลังและประทานบำเหน็จแก่พวกเขาหากพวกเขาเชื่อฟังพระองค์. อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะต้องทุ่มเทตัวและพากเพียรสอนลูก ๆ ของตน. ทางเลือกที่อยู่ต่อหน้าชาวยิศราเอลมีกล่าวไว้ชัดเจน นั่นคือ การเชื่อฟังนำไปสู่พระพร การไม่เชื่อฟังนำไปสู่ความแช่ง. พวกเขาต้องไม่ “ไปติดตามพระอื่น ๆ.” (11:26-28) แล้วโมเซได้ให้เค้าโครงกฎหมายเฉพาะเรื่อง ซึ่งส่งผลกระทบชาวยิศราเอลขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปยึดครองแผ่นดินแห่งคำสัญญา. กฎหมายเหล่านั้นได้แก่ (1) กฎหมายเกี่ยวกับศาสนาและการนมัสการ; (2) กฎหมายเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม, การปกครอง, และสงคราม; และ (3) กฎหมายที่ควบคุมชีวิตส่วนตัวและชีวิตสังคมของประชาชน.
20. จุดสำคัญอะไรบ้างที่เน้นกฎหมายเกี่ยวกับการนมัสการ?
20 (1) ศาสนาและการนมัสการ (12:1–16:17). เมื่อชาวยิศราเอลเข้าสู่แผ่นดินนั้น ร่องรอยทุก ๆ อย่างของศาสนาเท็จ เช่น ที่สูง, แท่นบูชา, ศิลาศักดิ์สิทธิ์, และรูปเคารพ ต้องถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง. พวกเขาต้องนมัสการเฉพาะในสถานที่ซึ่งพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขาทรงเลือกสำหรับตั้งพระนามของพระองค์ และพวกเขาทั้งปวงต้องปีติยินดีในพระองค์ ณ ที่นั่น. ข้อกำหนดเรื่องการกินเนื้อและเครื่องบูชารวมเอาข้อเตือนใจครั้งแล้วครั้งเล่าที่ว่า พวกเขาต้องไม่กินเลือด. “เจ้าทั้งหลายจงระวังตัวให้ดีอย่าได้รับประทานเลือดสัตว์เลย; . . . อย่าได้รับประทานเลย: เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้มีความจำเริญ, และลูกหลานของเจ้าทั้งหลายด้วย, เมื่อเจ้าทั้งหลายกระทำซึ่งการชอบในคลองพระเนตรพระยะโฮวา.” (12:16, 23-25, 27; 15:23) ตอนนี้โมเซเริ่มกล่าวคำตำหนิการไหว้รูปเคารพอย่างตรงไปตรงมา. ชาวยิศราเอลต้องไม่แม้แต่จะถามถึงแนวทางของศาสนาเท็จ. ถ้าผู้พยากรณ์คนใดถูกพิสูจน์ว่าเป็นผู้พยากรณ์เท็จ เขาจะต้องตาย และพวกออกหาก—แม้จะเป็นญาติหรือเพื่อนที่รัก แม้กระทั่งทั้งเมือง—ก็ต้องถูกทำลายเช่นกัน. ต่อมาเป็นข้อกำหนดเรื่องอาหารที่สะอาดและไม่สะอาด, การถวายส่วนสิบลดหนึ่ง, และการดูแลพวกเลวี. มีการปกป้องผลประโยชน์ของลูกหนี้, คนจน, และทาสด้วยความรัก. ท้ายสุด โมเซทบทวนเทศกาลประจำปีในฐานะเป็นโอกาสขอบพระคุณพระยะโฮวาสำหรับพระพรของพระองค์ดังนี้: “ผู้ชายทั้งหลายนั้นจะต้องมาต่อพระพักตร์พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าปีละสามครั้ง ในสถานที่ซึ่งพระองค์จะทรงเลือกนั้น: คือในการเลี้ยงรับประทานขนมไม่มีเชื้อ, ในการเลี้ยงขวบอาทิตย์, และในการเลี้ยงตั้งทับอาศัย; คนทั้งหลายที่มาต่อพระพักตร์พระยะโฮวานั้นอย่าให้มามือเปล่า.”—16:16.
21. มีการให้กฎหมายอะไรไว้เกี่ยวกับความยุติธรรม และคำพยากรณ์สำคัญอะไรที่โมเซได้กล่าว?
21 (2) ความยุติธรรม, การปกครอง, และสงคราม (16:18–20:20). แรกทีเดียว โมเซให้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่. ความยุติธรรมเป็นเรื่องสำคัญ สินบนและการตัดสินที่บิดเบือนเป็นสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเกลียดชัง. ขั้นตอนในการเสนอหลักฐานและการจัดการกับคดีต่าง ๆ ตามกฎหมายมีการวางเค้าโครงไว้. “ให้มีพยานสองสามปากว่า, ผู้นั้นควรแก่โทษจึงประหารชีวิตได้.” (17:6) มีกล่าวถึงกฎหมายที่เกี่ยวกับกษัตริย์. มีการจัดเตรียมสำหรับปุโรหิตและพวกเลวี. ลัทธิภูตผีปิศาจถือว่าผิดกฎหมาย “เป็นที่พระยะโฮวาทรงเกลียดชัง.” (18:12) โดยมองการณ์ไกลถึงอนาคต โมเซประกาศว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าจะทรงโปรดให้ผู้พยากรณ์บังเกิดขึ้นในท่ามกลางเจ้าทั้งหลาย, แต่พวกพี่น้องของเจ้า, เหมือนเราเอง; เจ้าทั้งหลายจงเชื่อฟังท่านผู้นั้น.” (18:15-19) อย่างไรก็ตาม ผู้พยากรณ์เท็จต้องตาย. ส่วนนี้จบด้วยกฎหมายเรื่องเมืองคุ้มภัยและการแก้แค้นแทนเลือด รวมทั้งคุณสมบัติสำหรับการยกเว้นการเป็นทหารและกฎเกณฑ์เรื่องสงคราม.
22. มีการอธิบายกฎหมายที่ควบคุมอะไรบ้างอันเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวและสังคม?
22 (3) ชีวิตส่วนตัวและชีวิตสังคม (21:1–26:19). กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของชาวยิศราเอลมีกำหนดในเรื่องต่าง ๆ เช่น เมื่อพบคนถูกฆ่า, การสมรสกับหญิงเชลย, สิทธิของบุตรหัวปี, บุตรชายที่ขืนอำนาจ, การแขวนศพอาชญากรบนต้นไม้, หลักฐานการเป็นพรหมจารี, อาชญากรรมทางเพศ, การตอน, บุตรนอกกฎหมาย, การปฏิบัติต่อชาวต่างชาติ, การรักษาอนามัย, การชำระดอกเบี้ยและคำปฏิญาณ, การหย่า, การลักพา, การกู้ยืม, ค่าจ้าง, และการเก็บพืชผลที่ตก. การโบยคนจำกัดไว้ไม่เกิน 40 ที. วัวจะต้องไม่ถูกสวมตะกร้อขณะนวดข้าว. มีการให้เค้าโครงขั้นตอนสำหรับการแต่งงานกับพี่น้องของสามี. ต้องใช้หน่วยวัดน้ำหนักที่ถูกต้องแม่นยำ เพราะความไม่ยุติธรรมเป็นสิ่งที่พระยะโฮวาทรงสะอิดสะเอียน.
23. โมเซแสดงว่าผลจะเป็นเช่นไรเมื่อไพร่พลของพระเจ้าเชื่อฟังพระบัญญัติของพระองค์?
23 ก่อนจบคำบรรยายที่เร้าใจนี้ โมเซทบทวนวิธีที่ชาวอะมาเลคโจมตีชาวยิศราเอลที่อิดโรยจากด้านหลังขณะที่หนีจากอียิปต์ และโมเซสั่งชาวยิศราเอลให้ “ทำลายล้างผลาญชื่อเสียงของพวกอะมาเลคจากใต้ฟ้า.” (25:19) เมื่อพวกเขาเข้าสู่แผ่นดิน เขาต้องถวายผลแรกจากแผ่นดินด้วยความปีติยินดี และพวกเขาต้องถวายส่วนสิบลดหนึ่งด้วยคำอธิษฐานขอบคุณพระยะโฮวาดังนี้: “ขอทรงทอดพระเนตรลงมาจากสวรรค์, ที่บริสุทธิ์ของพระองค์, และทรงอวยพรแก่พวกยิศราเอลไพร่พลของพระองค์, และแก่แผ่นดินซึ่งพระองค์ได้ประทานให้ข้าพเจ้าทั้งหลาย, ซึ่งอุดมด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง, ตามคำซึ่งพระองค์ได้ทรงปฏิญาณไว้กับปู่ย่าตายายของข้าพเจ้าทั้งหลายนั้น.” (26:15) ถ้าพวกเขาปฏิบัติตามคำสั่งนี้ด้วยสุดหัวใจและจิตวิญญาณ พระยะโฮวาจะ ‘กระทำให้พวกเขามีความสรรเสริญ, ชื่อเสียง, และยศศักดิ์สูงเหนือบรรดาประเทศ, ซึ่งพระองค์ทรงสร้างไว้นั้น, เพื่อพวกเขาจะได้เป็นชนประเทศอันบริสุทธิ์แก่พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, ตามซึ่งพระองค์ตรัสไว้นั้น.’—26:19.
24. พระพรและคำแช่งสาปอะไรที่คำบรรยายที่สามตั้งไว้ต่อหน้าชาวยิศราเอล?
24 คำบรรยายที่สามของโมเซ (27:1–28:68). ในคำบรรยายนี้ผู้เฒ่าผู้แก่แห่งยิศราเอลและปุโรหิตได้ร่วมกับโมเซ ขณะที่ท่านกล่าวอย่างละเอียดถึงคำแช่งสาปของพระยะโฮวาสำหรับการไม่เชื่อฟังและพรสำหรับความซื่อสัตย์. มีการให้คำเตือนอย่างหนักแน่นในเรื่องผลอันน่าสะพรึงกลัวของความไม่ซื่อสัตย์. ถ้าชาวยิศราเอลซึ่งเป็นไพร่พลบริสุทธิ์ของพระองค์เชื่อฟังพระสุรเสียงของพระยะโฮวาพระเจ้าของพวกเขาอยู่เสมอ พวกเขาจะชื่นชมกับพระพรอันยอดเยี่ยมและคนทุกชาติแห่งแผ่นดินโลกจะเห็นว่า พวกเขาถูกเรียกตามพระนามพระยะโฮวา. อย่างไรก็ดี ถ้าพวกเขาไม่ทำเช่นนี้ พระยะโฮวาจะนำ “ความแช่ง, ความวุ่นวาย, และคำติเตียน” มาสู่พวกเขา. (28:20) พวกเขาจะถูกโจมตีด้วยโรคน่ารังเกียจ, ความแห้งแล้ง, และความอดอยาก; ศัตรูของพวกเขาจะไล่ตามและจับพวกเขาเป็นทาส และพวกเขาจะถูกทำให้กระจัดกระจายและถูกกำจัดจากแผ่นดิน. คำแช่งสาปเหล่านี้และอื่น ๆ จะมีมาเหนือพวกเขาถ้าพวกเขา “ไม่ยอมเชื่อฟังทำตามบรรดาถ้อยคำพระบัญญัติที่เขียนไว้ในหนังสือนี้, และเกรงกลัวพระนามอันมีเดชพิลึกพึงกลัวนั้น, คือพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า.”—28:58.
25. (ก) ตอนนี้พระยะโฮวาทรงทำสัญญาไมตรีอะไรกับชาติยิศราเอล? (ข) ทางเลือกอะไรที่โมเซวางไว้ต่อหน้าพวกเขา?
25 คำบรรยายที่สี่ของโมเซ (29:1–30:20). ตอนนี้พระยะโฮวาทรงทำสัญญาไมตรีกับชาติยิศราเอลที่โมอาบ. สัญญาไมตรีนี้รวบรวมเอาพระบัญญัติเข้าด้วย ดังที่โมเซกล่าวซ้ำและชี้แจง ซึ่งจะชี้นำชาติยิศราเอลขณะที่พวกเขาเข้าสู่แผ่นดินแห่งคำสัญญา. คำปฏิญาณที่ทำพร้อมกับสัญญาไมตรีย้ำหน้าที่รับผิดชอบของชาตินี้. ท้ายสุดโมเซอ้างถึงสวรรค์และแผ่นดินโลกให้เป็นพยานขณะที่ท่านวางชีวิตและความตาย คำพรและคำแช่งสาปไว้ตรงหน้าชนชาตินี้และกระตุ้นเตือนว่า “เจ้าทั้งหลายจะเลือกเอาข้างชีวิต, ตัวเจ้าและเผ่าพันธุ์ของเจ้าจะได้มีชีวิตจำเริญอยู่; เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้รักพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, เพื่อฟังถ้อยคำของพระองค์, และนับถือพระองค์, เพราะพระองค์เป็นชีวิตของเจ้า, เป็นผู้ทรงโปรดให้เจ้าทั้งหลายมีชีวิตยั่งยืนอยู่; เพื่อเจ้าทั้งหลายจะได้ตั้งอยู่ในแผ่นดินซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงปฏิญาณไว้กับปู่ย่าตายายของเจ้า, คืออับราฮาม, ยิศฮาค, และยาโคบ, ว่าจะประทานให้แก่ท่าน.”—30:19, 20.
26. การจัดเตรียมสุดท้ายอะไรบ้างที่โมเซทำก่อนท่านตาย?
26 การมอบหมายยะโฮซูอะ และเพลงของโมเซ (31:1–32:47). หลังจากที่ท่านเขียนพระบัญญัติและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการอ่านพระบัญญัติในที่สาธารณะเป็นประจำ บท 31 กล่าวถึงวิธีที่โมเซมอบหมายยะโฮซูอะ บอกยะโฮซูอะให้กล้าหาญและเข้มแข็ง แล้วจึงกล่าวถึงวิธีที่โมเซแต่งเพลงเพื่อการรำลึกและเขียนถ้อยคำแห่งพระบัญญัติให้เสร็จ รวมทั้งจัดวางพระบัญญัติไว้ที่ข้างหีบสัญญาไมตรีของพระยะโฮวา. หลังจากนั้นโมเซได้กล่าวคำเพลงแก่ที่ชุมนุมชนทั้งสิ้นเป็นการกระตุ้นเตือนครั้งสุดท้าย.
27. ข่าวสารอันทรงพลังอะไรมีอยู่ในเพลงของโมเซ?
27 ตอนเริ่มต้นเพลงของโมเซช่างแสดงถึงความหยั่งรู้ค่าจริง ๆ โดยระบุแหล่งที่มาอันสดชื่นแห่งคำสั่งสอนของท่าน! “โอวาทของเราจะหยดลงมาดังน้ำฝน, วาจาของเราจะตกดังน้ำค้าง, ดังฝนตกปรอย ๆ อยู่ที่หญ้าอ่อน, ดังห่าฝนตกลงมาที่ต้นผักเขียวสด. ด้วยเราจะประกาศพระนามพระยะโฮวา.” ถูกแล้ว ความยิ่งใหญ่เป็นของ “พระเจ้าของเรา” “พระองค์เป็นศิลา.” (32:2-4) จงทำให้พระราชกิจอันสมบูรณ์ของพระองค์, วิถีทางที่ยุติธรรมของพระองค์, ความสัตย์ซื่อ, ความชอบธรรม, และความเที่ยงธรรมของพระองค์เป็นที่รู้จัก. น่าอายจริง ๆ ที่ชาวยิศราเอลประพฤติเสื่อมเสีย แม้ว่าพระยะโฮวาได้ทรงปกป้องพวกเขาในทะเลทรายที่เวิ้งว้างน่ากลัว ทรงคุ้มครองพวกเขาดังลูกนัยน์ตาของพระองค์และสถิตอยู่เหนือพวกเขาเหมือนนกอินทรีคอยดูแลลูกของมัน. พระองค์ทำให้ไพร่พลของพระองค์อ้วนท้วน เรียกพวกเขาว่ายะซูรุน คือ “ผู้เที่ยงธรรม” แต่พวกเขายั่วยุพระองค์ให้หวงแหนด้วยพระอื่น ๆ และกลายเป็น “ลูกที่หามีความซื่อสัตย์ไม่.” (32:20) การแก้แค้นและการตอบแทนเป็นของพระยะโฮวา. พระองค์ทรงประหารชีวิตและทำให้มีชีวิต. เมื่อพระองค์ทรงลับพระแสงดาบอันวาววับของพระองค์และพระหัตถ์ของพระองค์ยึดเอาการพิพากษา พระองค์จะทรงแก้แค้นตอบแทนแก่ปรปักษ์ของพระองค์อย่างแน่นอน. เรื่องนี้น่าจะเร้าใจไพร่พลของพระองค์ให้รู้สึกมั่นใจสักเพียงไร! ดังที่บทเพลงนี้กล่าวในตอนสุดยอด นั่นเป็นเวลาที่ “ชนประเทศทั้งหลายเอ๋ย จงยินดีกับไพร่พลของพระองค์.” (32:43) จะมีกวีฝ่ายโลกคนใดที่อาจเข้าถึงความไพเราะอันเลอเลิศ, พลัง, และความลึกซึ้งแห่งความหมายของบทเพลงนี้ที่มีแด่พระยะโฮวา?
28. พระยะโฮวาได้รับการยกย่องอย่างไรในคำอวยพรสุดท้ายของโมเซ?
28 คำอวยพรสุดท้ายของโมเซ (32:48–34:12). ตอนนี้โมเซได้รับคำสั่งสุดท้ายเกี่ยวกับความตายของท่าน แต่ท่านยังทำงานรับใช้ของท่านตามระบอบของพระเจ้าไม่เสร็จ. ประการแรก ท่านต้องอวยพรชาติยิศราเอล และในการนี้ท่านยกย่องพระยะโฮวากษัตริย์ของยะซูรุนอีกครั้งหนึ่ง ขณะส่องแสงพร้อมด้วยเหล่าผู้บริสุทธิ์นับหมื่นของพระองค์. แต่ละตระกูลได้รับพรของตนเองตามชื่อ แล้วโมเซจึงสรรเสริญพระยะโฮวาในฐานะผู้สูงส่งดังนี้: “พระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่เป็นนิตย์, เป็นที่อาศัยของเจ้า. และพระหัตถ์อันถาวรเป็นนิจของพระองค์ก็รับรองเจ้าอยู่.” (33:27) จากหัวใจที่เปี่ยมด้วยความหยั่งรู้ค่า โมเซได้กล่าวถ้อยคำสุดท้ายแก่ชาติยิศราเอลดังนี้: “โอ้พวกยิศราเอล, เจ้าทั้งหลายเป็นสุขอยู่: ผู้ใดจะเหมือนเจ้า, เป็นชนประเทศที่พระยะโฮวาได้ทรงช่วย.”—33:29.
29. โมเซเด่นในทางใดบ้าง?
29 หลังจากมองแผ่นดินแห่งคำสัญญาจากภูเขานะโบ โมเซก็สิ้นชีวิตและพระยะโฮวาทรงฝังศพท่านในโมอาบ อุโมงค์ของท่านไม่เป็นที่รู้จักและไม่มีการยกย่องจนถึงทุกวันนี้. ท่านอายุได้ 120 ปี แต่ “จักษุของท่านยังมิได้มัว, และกำลังก็ยังมิได้หย่อนถอย.” พระยะโฮวาได้ใช้ท่านทำหมายสำคัญและการอัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ และตามรายงานในบทสุดท้าย “ไม่มีผู้พยากรณ์ผู้หนึ่งผู้ใดในพวกยิศราเอลเสมอกับโมเซ, ซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงสนทนาต่อหน้ากันนั้น.”—34:7, 10.
เหตุที่เป็นประโยชน์
30. พระบัญญัติให้บทส่งท้ายที่เหมาะสมอย่างไรสำหรับเพนทาทุก?
30 ในฐานะเป็นพระธรรมเล่มสุดท้ายในชุดเพนทาทุก พระบัญญัติเชื่อมโยงทุกเล่มก่อนหน้านี้เข้าด้วยกันในการประกาศและทำให้พระนามใหญ่ยิ่งของพระยะโฮวาพระเจ้าเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์. พระองค์ผู้เดียวเป็นพระเจ้า ทรงเรียกร้องความเลื่อมใสโดยเฉพาะและไม่ยอมให้มีการแข่งขันโดยพระที่เป็นพวกผีปิศาจแห่งการนมัสการเท็จ. ในสมัยนี้ คริสเตียนทุกคนต้องเอาใจใส่จริงจังต่อหลักการสำคัญ ๆ ที่แฝงอยู่ในกฎหมายของพระเจ้าและเชื่อฟังพระองค์เพื่อพวกเขาจะพ้นจากคำแช่งสาปของพระองค์ขณะที่พระองค์ทรงลับพระแสงดาบอันวาววับสำหรับทำการแก้แค้นพวกศัตรู. พระบัญญัติแรกและที่สำคัญที่สุดของพระองค์ต้องเป็นหลักนำในชีวิตของพวกเขา “เจ้าจงรักพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดใจ, สุดจิตต์ของเจ้า, และด้วยสิ้นสุดกำลังของเจ้า.”—6:5.
31. พระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจเล่มอื่น ๆ ได้เอาพระบัญญัติไปใช้อย่างไรเพื่อทวีความหยั่งรู้ค่าต่อพระประสงค์ของพระเจ้า?
31 ส่วนอื่น ๆ ของพระคัมภีร์อ้างถึงพระบัญญัติบ่อยครั้งเพื่อทวีความหยั่งรู้ค่าต่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า. นอกจากข้อความที่ทรงยกมาตอบผู้ล่อลวงแล้ว พระเยซูทรงอ้างอิงถึงพระบัญญัติในที่อื่นอีกหลายครั้ง. (บัญ. 5:16—มัด. 15:4; บัญ. 17:6—มัด. 18:16 และ โย. 8:17) การอ้างถึงเช่นนี้มีต่อเนื่องไปจนถึงพระธรรมวิวรณ์ซึ่งพระเยซูผู้ทรงสง่าราศีได้เตือนในตอนท้ายห้ามการเพิ่มเติมหรือการตัดทอนข้อความจากม้วนหนังสือคำพยากรณ์ของพระยะโฮวา. (บัญ. 4:2—วิ. 22:18) เปโตรยกข้อความจากพระบัญญัติไปกล่าวในการโต้แย้งหาเหตุผลหนักแน่นว่าพระเยซูเป็นพระคริสต์และผู้พยากรณ์ที่ยิ่งใหญ่กว่าโมเซซึ่งพระยะโฮวาทรงสัญญาว่าจะยกชูขึ้นในชาติยิศราเอล. (บัญ. 18:15-19—กิจ. 3:22, 23) เปาโลยกข้อความจากพระบัญญัติไปกล่าวเมื่ออ้างถึงบำเหน็จสำหรับคนทำงาน, การสืบพยานอย่างถี่ถ้วน, และการสั่งสอนเด็ก ๆ.—บัญ. 25:4—1 โก. 9:8-10 และ 1 ติโม. 5:17, 18; บัญ. 13:14 และ 19:15—1 ติโม. 5:19 และ 2 โก. 13:1; บัญ. 5:16—เอเฟ. 6:2, 3.
32. ยะโฮซูอะ, ฆิดโอน, และพวกผู้พยากรณ์เป็นตัวอย่างที่ดีแก่เราในด้านใด?
32 ไม่เพียงแต่ผู้เขียนพระคัมภีร์คริสเตียนเท่านั้น แต่ผู้รับใช้ของพระเจ้าก่อนสมัยคริสเตียนด้วยที่ได้รับคำสั่งสอนและการหนุนกำลังใจจากพระบัญญัติ. เราจึงควรติดตามตัวอย่างของพวกเขา. จงพิจารณาการเชื่อฟังโดยไม่สงสัยของยะโฮซูอะผู้สืบตำแหน่งจากโมเซในการทำลายเมืองที่พิชิตได้ระหว่างการบุกคะนาอัน โดยไม่หยิบฉวยสิ่งของที่ชิงมาได้อย่างที่อาคานได้ทำ. (บัญ. 20:15-18 และ 21:23—ยโฮ. 8:24-27, 29) การที่ฆิดโอนขจัดผู้ที่ “กลัว, ใจยังสะดุ้งอยู่” ออกจากกองทัพ เป็นการเชื่อฟังทำตามพระบัญญัติ. (บัญ. 20:1-9—วินิจ. 7:1-11) เนื่องด้วยความซื่อสัตย์ต่อกฎหมายของพระยะโฮวานั่นเองที่พวกผู้พยากรณ์ในยิศราเอลและยูดาพูดด้วยความกล้าหาญไม่หวั่นกลัวอันตรายในการตำหนิชาติที่กำลังเสื่อม. อาโมศให้ตัวอย่างที่ดีเยี่ยมในเรื่องนี้. (บัญ. 24:12-15—อาโมศ 2:6-8) แท้จริงแล้ว มีหลายร้อยตัวอย่างที่เชื่อมโยงพระบัญญัติเข้ากับส่วนอื่น ๆ แห่งพระคำของพระเจ้า ด้วยวิธีนี้จึงแสดงว่าพระบัญญัติเป็นส่วนประกอบและเป็นส่วนที่ก่อประโยชน์ของพระคัมภีร์ที่สอดคล้องกันทั้งเล่ม.
33. (ก) พระบัญญัติถวายคำสรรเสริญแด่พระยะโฮวาอย่างไร? (ข) ตารางที่ให้ไว้นี้แสดงให้เห็นอะไรเกี่ยวกับการที่ชาติต่าง ๆ ในโลกยอมรับหลักการในกฎหมายของพระเจ้า?
33 สาระสำคัญของพระบัญญัติคือการสรรเสริญพระยะโฮวาพระเจ้าองค์บรมมหิศร. มีการเน้นตลอดทั้งเล่มว่า ‘จงนมัสการพระยะโฮวา; ถวายความเลื่อมใสโดยเฉพาะแด่พระองค์.’ แม้ว่าพระบัญญัติไม่ผูกมัดคริสเตียนอีกต่อไป แต่หลักการต่าง ๆ ที่แฝงอยู่ในพระบัญญัติไม่ได้ถูกยกเลิก. (ฆลา. 3:19) คริสเตียนแท้จะเรียนรู้ได้มากทีเดียวจากพระธรรมอันทรงพลังแห่งกฎหมายของพระเจ้าเล่มนี้ พร้อมด้วยการสอนเป็นขั้น ๆ, ตรงไปตรงมา, และการเสนอเรื่องแบบเรียบง่าย! แม้กระทั่งชาติต่าง ๆ ในโลกก็ยอมรับความเป็นเลิศแห่งกฎหมายอันสูงส่งของพระยะโฮวา โดยเขียนข้อกำหนดหลายประการจากพระบัญญัติไว้ในหนังสือกฎหมายของพวกเขาเอง. ตารางที่ให้มาพร้อมนี้จะให้ตัวอย่างต่าง ๆ ที่น่าสนใจของกฎหมายต่าง ๆ ที่พวกเขานำหลักการไปใช้.
34. มีความเกี่ยวข้องอะไรกันระหว่าง “การกล่าวซ้ำพระบัญญัติ” นี้กับราชอาณาจักรของพระเจ้า?
34 นอกจากนั้น การอธิบายพระบัญญัตินี้ชี้ถึงและเน้นความหยั่งรู้ค่าราชอาณาจักรของพระเจ้า. โดยวิธีใด? ขณะอยู่บนแผ่นดินโลก พระเยซูคริสต์ผู้ถูกแต่งตั้งไว้เป็นกษัตริย์ทรงคุ้นเคยอย่างดีกับพระธรรมนี้และนำไปใช้ ดังที่การอ้างอิงถึงพระบัญญัติอย่างชำนาญของพระองค์แสดงให้เห็น. ในการขยายการปกครองโดยราชอาณาจักรเหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น พระองค์จะปกครองตามหลักการ ที่ถูกต้องแห่ง “กฎหมาย” เดียวกันนี้ และทุกคนที่มาเพื่อทำให้ตนเองได้รับพระพรทางพระองค์ผู้เป็น “พงศ์พันธุ์” แห่งราชอาณาจักรจะต้องเชื่อฟังหลักการเหล่านี้. (เย. 22:18, ล.ม.; บัญ. 7:12-14) เป็นประโยชน์และเป็นข้อได้เปรียบที่จะเริ่มเชื่อฟังหลักการเหล่านั้นเดี๋ยวนี้. แทนที่จะล้าสมัย “กฎหมาย” อายุ 3,500 ปีนี้กล่าวแก่เราด้วยท่วงทำนองที่ทรงพลัง และจะส่งเสียงเรื่อยไปจนถึงในโลกใหม่ภายใต้ราชอาณาจักรของพระเจ้า. ขอให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์ต่อ ๆ ไปท่ามกลางไพร่พลของพระองค์ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในเพนทาทุก ซึ่งบรรลุจุดสุดยอดอย่างรุ่งโรจน์ในพระธรรมพระบัญญัติ—ซึ่งเป็นส่วนของ “พระคัมภีร์ทุกตอน” ที่มีขึ้นโดยการดลใจและที่ก่อแรงดลใจอย่างแน่นอน!
[เชิงอรรถ]
a ดูรายการ “การยกข้อความจากพันธสัญญาเดิมมากล่าว” ในหนังสือพันธสัญญาใหม่ในภาษากรีกดั้งเดิม (ภาษาอังกฤษ) โดย บี. เอฟ. เวสต์คอตต์ และ เอฟ. เจ. เอ. ฮอร์ต 1956 หน้า 601-618.
b พระบัญญัติ 3:9, ฉบับแปลโลกใหม่ที่มีข้ออ้างอิง, เชิงอรรถ.
c คู่มือคัมภีร์ไบเบิลของแฮลลีย์ (ภาษาอังกฤษ) 1988 เฮนรี เอช. แฮลลีย์ หน้า 56.
[แผนภูมิหน้า 49]
ตัวอย่างกฎหมายบางประการในพระบัญญัติd
1. กฎหมายเกี่ยวกับบุคคลและครอบครัว บทและข้อ
ก. ความสัมพันธ์ส่วนบุคคล
1. บิดามารดากับบุตร 5:16
2. ความสัมพันธ์ทางการสมรส 22:30; 27:20, 22, 23
3. กฎหมายเกี่ยวกับการหย่า 22:13-19, 28, 29
ข. ทรัพยสิทธิ 22:1-4
2. กฎหมายรัฐธรรมนูญ
ก. คุณสมบัติและหน้าที่ของกษัตริย์ 17:14-20
ข. ข้อกำหนดทางทหาร
1. การยกเว้นการรับราชการทหาร 20:1, 5-7; 24:5
2. เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อย 20:9
3. ระบบศาล
ก. หน้าที่ของผู้พิพากษา 16:18, 20
ข. ศาลสูงสุด 17:8-11
4. กฎหมายอาญา
ก. อาชญากรรมต่อรัฐ
1. การให้สินบน การบิดเบือน ความยุติธรรม 16:19, 20
2. การเป็นพยานเท็จ 5:20
ข. อาชญากรรมต่อศีลธรรม
2. การสมรสผิดกฎหมาย 22:30; 27:20, 22, 23
ค. อาชญากรรมต่อบุคคล
1. ฆาตกรรมและการประทุษร้าย 5:17; 27:24
2. การข่มขืนกระทำชำเราและการล่อลวงให้เสียตัว 22:25-29
5. กฎหมายมนุษยธรรม
ก. ความกรุณาต่อสัตว์ 25:4; 22:6, 7
ข. การคำนึงถึงคนด้อยโอกาส 24:6, 10-18
ค. กฎเกณฑ์ความปลอดภัยของอาคาร 22:8
ง. การปฏิบัติต่อผู้อยู่ในความอุปถัมภ์ 15:12-15;
จ. การให้ความช่วยเหลือ 14:28, 29; 15:1-11;
ผู้ที่ขัดสน 16:11, 12; 24:19-22
[เชิงอรรถ]
d กฎหมายและตัวอย่างกฎหมายของอิสราเอล 1907 ซี. เอฟ. เคนต์ หน้า 7 ถึง 18; ดูการหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 2 หน้า 214-220 ด้วย.