พระธรรมเล่มที่ 16—นะเฮมยา
ผู้เขียน: นะเฮมยา
สถานที่เขียน: ยะรูซาเลม
เขียนเสร็จ: หลังปี 443 ก.ส.ศ.
ครอบคลุมระยะเวลา: 456-หลังปี 443 ก.ส.ศ.
1. นะเฮมยาอยู่ในตำแหน่งอะไรที่ได้รับความไว้วางใจ และอะไรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในความคิดของท่าน?
นะเฮมยา ซึ่งชื่อของท่านหมายความว่า “ยาห์ทรงปลอบประโลม” เป็นข้าราชการชาวยิวของกษัตริย์อาร์ทาเซอร์เซส [อะระธาสัศธา] (ลอนกีมานุส) แห่งเปอร์เซีย. ท่านเป็นผู้รินน้ำจัณฑ์ถวายกษัตริย์. นี่เป็นตำแหน่งที่ได้รับความไว้วางใจและมีเกียรติอย่างยิ่ง เป็นตำแหน่งที่พึงปรารถนา เพราะสามารถเข้าถึงกษัตริย์ในเวลาที่ท่านสำราญพระทัยและอยู่พร้อมจะแสดงความโปรดปราน. อย่างไรก็ตาม นะเฮมยาเป็นหนึ่งในผู้ถูกเนรเทศที่ซื่อสัตย์ซึ่งจัดให้ยะรูซาเลมอยู่เหนือความ “ชื่นบาน” ส่วนตัวใด ๆ. (เพลง. 137:5, 6, ฉบับแปลใหม่) ไม่ใช่ตำแหน่งหรือความมั่งคั่งด้านวัตถุที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในความคิดของนะเฮมยา แต่เป็นการฟื้นฟูการนมัสการพระยะโฮวา.
2. สภาพการณ์น่าเศร้าอะไรทำให้นะเฮมยาหดหู่ใจ แต่เวลากำหนดอะไรกำลังใกล้เข้ามา?
2 ในปี 456 ก.ส.ศ. พวกที่ “เหลืออยู่จากคนทั้งหลายที่ถูกกวาดเอาไปเป็นเชลย” คือชนที่เหลือชาวยิวที่ได้กลับสู่ยะรูซาเลม ไม่เจริญรุ่งเรือง. พวกเขาอยู่ในสภาพที่น่าเศร้า. (นเฮม. 1:3) กำแพงกรุงเป็นซากหักพัง และประชาชนเป็นที่ดูหมิ่นในสายตาของปรปักษ์ที่มีอยู่เสมอ. นะเฮมยารู้สึกหดหู่ใจ. อย่างไรก็ตาม เป็นเวลากำหนดที่พระยะโฮวาจะต้องทำอะไรสักอย่างให้เสร็จเกี่ยวกับกำแพงกรุงยะรูซาเลม. ไม่ว่าจะมีศัตรูหรือไม่ ยะรูซาเลมกับกำแพงป้องกันจะต้องถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นเครื่องบอกเวลาอันเกี่ยวข้องกับคำพยากรณ์ที่พระยะโฮวาได้ทรงประทานแก่ดานิเอลในเรื่องการมาของพระมาซีฮา. (ดานิ. 9:24-27) ดังนั้น พระยะโฮวาทรงควบคุมเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยใช้นะเฮมยาผู้ซื่อสัตย์และมีใจแรงกล้าให้ดำเนินการจนสำเร็จตามพระทัยประสงค์ของพระองค์.
3. (ก) อะไรพิสูจน์ว่านะเฮมยาเป็นผู้เขียน และเป็นไปอย่างไรที่พระธรรมนี้ถูกเรียกว่านะเฮมยา? (ข) ช่วงว่างนานเท่าไรที่แยกพระธรรมนี้จากพระธรรมเอษรา และพระธรรมนะเฮมยาครอบคลุมช่วงปีใดบ้าง?
3 ไม่มีข้อสงสัยว่านะเฮมยาเป็นผู้เขียนพระธรรมที่เรียกตามชื่อท่าน. คำขึ้นต้นที่ว่า “ถ้อยคำของท่านนะเฮมยาบุตรชายของฮะคัลยา” และการใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่งในการเขียนย่อมพิสูจน์เรื่องนี้อย่างชัดเจน. (นเฮม. 1:1) แต่เดิมพระธรรมเอษราและนะเฮมยาเป็นพระธรรมเล่มเดียวกันเรียกว่า เอษรา. ต่อมา ชาวยิวแบ่งพระธรรมนี้เป็นเอษราฉบับต้นและฉบับสอง และต่อมาเอษราฉบับสองจึงเป็นที่รู้จักกันในชื่อนะเฮมยา. มีช่วงว่างราว 12 ปีคั่นระหว่างเหตุการณ์ในตอนจบของเอษราและตอนเริ่มต้นของนะเฮมยาซึ่งมีประวัติศาสตร์ที่ครอบคลุมระยะเวลาตั้งแต่ปลายปี 456 ก.ส.ศ. จนกระทั่งภายหลังปี 443 ก.ส.ศ.—1:1; 5:14; 13:6.
4. พระธรรมนะเฮมยาสอดคล้องกับส่วนอื่น ๆ ของพระคัมภีร์อย่างไร?
4 พระธรรมนะเฮมยาสอดคล้องกับส่วนอื่น ๆ ของพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจซึ่งพระธรรมนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งอย่างถูกต้อง. พระธรรมนี้มีกล่าวพาดพิงมากมายหลายครั้งถึงพระบัญญัติ โดยกล่าวถึงเรื่องต่าง ๆ เช่น การสมรสกับชนต่างประเทศ (บัญ. 7:3; นเฮม. 10:30), การกู้ยืม (เลวี. 25:35-38; บัญ. 15:7-11; นเฮม. 5:2-11), และการฉลองเทศกาลตั้งทับอาศัย (บัญ. 31:10-13; นเฮม. 8:14-18). นอกจากนั้น พระธรรมนี้ชี้ถึงตอนเริ่มต้นแห่งความสำเร็จเป็นจริงของคำพยากรณ์ของดานิเอลที่ว่า ยะรูซาเลมจะได้รับการบูรณะแต่ใช่ว่าปราศจากการต่อต้าน “ในยามทุกข์อันแสนเข็ญ.”—ดานิ. 9:25.
5. (ก) หลักฐานจากแหล่งใดบ้างระบุว่าปีที่อาร์ทาเซอร์เซสขึ้นครองอำนาจเป็นปี 475 ก.ส.ศ.? (ข) ปีอะไรคือปีที่ 20 แห่งรัชกาลของท่าน? (ค) พระธรรมนะเฮมยาและลูกาเชื่อมโยงอย่างไรกับความสำเร็จแห่งคำพยากรณ์ของดานิเอลอันเกี่ยวกับพระมาซีฮา?
5 จะว่าอย่างไรกับปี 455 ก.ส.ศ. ที่นะเฮมยาเดินทางสู่ยะรูซาเลมเพื่อสร้างกำแพงเมืองขึ้นใหม่? หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ไว้ใจได้จากแหล่งข้อมูลของกรีซ, เปอร์เซีย, และบาบูโลน ชี้ถึงปี 475 ก.ส.ศ. ว่าเป็นปีที่อาร์ทาเซอร์เซสขึ้นมามีอำนาจและชี้ว่าปี 474 ก.ส.ศ. เป็นปีแรกแห่งการครองราชย์ของท่าน.a นี่ย่อมทำให้ปี 455 เป็นปีที่ 20 แห่งรัชกาลท่าน. นะเฮมยา 2:1-8 ระบุว่าในฤดูใบไม้ผลิปีนั้น คือในเดือนไนซานของชาวยิว ที่นะเฮมยาผู้รินน้ำจัณฑ์ถวายกษัตริย์ได้รับอนุญาตจากกษัตริย์ให้บูรณะและสร้างยะรูซาเลม, กำแพงเมือง, และประตูเมืองขึ้นใหม่. คำพยากรณ์ของดานิเอลกล่าวว่า 69 สัปดาห์แห่งปี หรือ 483 ปี จะเริ่ม “ตั้งแต่มีรับสั่งออกมาให้กู้กรุงยะรูซาเลม และให้สร้างขึ้นใหม่ไปจนกระทั่งถึงมาซีฮาผู้นำนั้น”—คำพยากรณ์ที่สำเร็จอย่างน่าทึ่งในคราวการเจิมพระเยซูในปี 29 ส.ศ. เวลาที่คงสอดคล้องกับประวัติศาสตร์ทั้งของทางโลกและในพระคัมภีร์.b (ดานิ. 9:24-27; ลูกา 3:1-3, 23, ล.ม.) ที่จริง พระธรรมนะเฮมยาและลูกาเชื่อมโยงอย่างน่าทึ่งกับคำพยากรณ์ของดานิเอลในการแสดงว่าพระยะโฮวาพระเจ้าเป็นผู้ประพันธ์และผู้ทำให้คำพยากรณ์แท้สำเร็จ! พระธรรมนะเฮมยาเป็นส่วนของคำพยากรณ์ที่มีขึ้นโดยการดลใจอย่างแท้จริง.
เนื้อเรื่องในนะเฮมยา
6. (ก) รายงานอะไรทำให้นะเฮมยาอธิษฐานถึงพระยะโฮวา และคำขออะไรที่กษัตริย์อนุญาต? (ข) ชาวยิวตอบรับแผนการของนะเฮมยาอย่างไร?
6 นะเฮมยาถูกส่งไปยะรูซาเลม (1:1–2:20). นะเฮมยาทุกข์ใจมากเนื่องด้วยรายงานจากฮะนานีซึ่งกลับจากยะรูซาเลมมายังซูซัรพร้อมกับข่าวความทุกข์ยากสาหัสของชาวยิวที่นั่นรวมทั้งสภาพหักพังของกำแพงและประตูเมือง. ท่านอดอาหารและอธิษฐานทูลต่อพระยะโฮวา “พระเจ้าแห่งฟ้าสวรรค์, พระองค์เป็นใหญ่และเป็นที่เกรงกลัวอย่างยิ่ง, พระองค์ทรงยั่งยืนในคำทรงสัญญาและประกอบไปด้วยความเมตตากรุณาต่อคนทั้งปวงที่รักและเพียรประพฤติรักษาบทพระบัญญัติทั้งหลายของพระองค์.” (1:5) ท่านสารภาพเรื่องบาปของยิศราเอลและวิงวอนพระยะโฮวาให้ระลึกถึงไพร่พลเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์เช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงสัญญากับโมเซ. (บัญ. 30:1-10) เมื่อกษัตริย์ถามนะเฮมยาถึงสาเหตุที่ท่านมีหน้าตาหม่นหมอง นะเฮมยาทูลกษัตริย์ถึงสภาพของยะรูซาเลมและทูลขออนุญาตกลับไปบูรณะกรุงและกำแพง. คำขอของท่านได้รับอนุมัติและท่านได้เดินทางไปยะรูซาเลมทันที. หลังจากตรวจสภาพกำแพงในตอนกลางคืนเพื่อให้คุ้นเคยกับงานที่อยู่ข้างหน้า นะเฮมยาได้เผยแผนการของท่านให้ชาวยิวทราบ เน้นว่าพระหัตถ์ของพระเจ้าอยู่ด้วยในเรื่องนี้. ถึงตอนนี้พวกเขากล่าวว่า “ให้เราทั้งปวงพากันก่อสร้างเถิด.” (นเฮม. 2:18) เมื่อชาวซะมาเรียที่อาศัยอยู่ใกล้เคียงและคนอื่น ๆ ได้ยินว่างานได้เริ่มต้น พวกเขาเริ่มเย้ยหยันและดูหมิ่น.
7. งานดำเนินไปอย่างไร และสถานการณ์อะไรทำให้ต้องจัดระเบียบใหม่?
7 กำแพงถูกสร้างใหม่ (3:1–6:19). งานสร้างกำแพงเริ่มในวันที่สามของเดือนที่ห้าโดยมีพวกปุโรหิต, เจ้านาย, และประชาชนร่วมแรงกัน. ประตูเมืองและกำแพงระหว่างประตูได้รับการซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว. ซันบาลาตชาวโฮโรนได้เยาะเย้ยว่า “พวกยะฮูดาคนอ่อนกำลังนี้กระทำอะไรกัน? . . . การงานของเขาจะสำเร็จในวันเดียวหรือ?” โตบิยาชาวเมืองอัมโมนพูดเยาะเย้ยเสริมซ้ำเติมอีกว่า “ที่เขาสร้างนั้น, ถ้ามีแต่หมาจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินขึ้นไป, ก็จะกระทำให้กำแพงของเขานั้นหักพังเสีย.” (4:2, 3) ขณะที่สร้างกำแพงได้สูงครึ่งหนึ่ง ปรปักษ์ที่รวมหัวกันต่างก็โกรธและคบคิดกันจะยกมารบกับยะรูซาเลม. แต่นะเฮมยากระตุ้นเตือนชาวยิวให้ระลึกเสมอว่า “พระยะโฮวาผู้ทรงฤทธาอันเป็นที่น่ากลัว” และให้ต่อสู้เพื่อครอบครัวและบ้านของตน. (4:14) มีการจัดระเบียบงานเสียใหม่เพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด; บางคนถือทวนยืนยามขณะที่คนอื่น ๆ ทำงานโดยมีดาบแขวนที่สะโพกของตน.
8. นะเฮมยาจัดการปัญหาระหว่างชาวยิวเองอย่างไร?
8 อย่างไรก็ตาม ยังมีปัญหาระหว่างพวกยิวเองด้วย. บางคนคิดดอกเบี้ยเกินอัตราจากเพื่อนผู้นมัสการพระยะโฮวาซึ่งขัดกับกฎหมายของพระองค์. (เอ็ก. 22:25) นะเฮมยาแก้ไขสถานการณ์โดยแนะนำให้ระวังการนิยมวัตถุและประชาชนเต็มใจปฏิบัติตาม. ส่วนนะเฮมยานั้น ตลอด 12 ปีที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการนับตั้งแต่ปี 455 ก.ส.ศ. ถึง 443 ก.ส.ศ. ไม่เคยเรียกร้องขนมปังที่ควรจะเป็นของผู้ว่าราชการเนื่องจากประชาชนมีงานหนักอยู่แล้ว.
9. (ก) นะเฮมยารับมือกับกลอุบายอันแนบเนียนเพื่อยุติการก่อสร้างอย่างไร? (ข) กำแพงสร้างเสร็จในเวลาใด?
9 บัดนี้ ศัตรูพยายามใช้กลอุบายที่แนบเนียนขึ้นอีกเพื่อยุติการก่อสร้าง. พวกเขาเชิญนะเฮมยาให้ลงมาประชุมกัน แต่ท่านบอกว่าไม่อาจปลีกเวลาจากงานใหญ่ที่ท่านกำลังทำอยู่ได้. ตอนนี้ซันบาลาตจึงกล่าวหานะเฮมยาว่ากบฏและวางแผนจะตั้งตัวเป็นกษัตริย์ในยูดา และเขาแอบจ้างชาวยิวคนหนึ่งมาขู่นะเฮมยาเพื่อให้ซ่อนตัวในพระวิหารซึ่งเป็นการผิด. นะเฮมยาไม่ยอมกลัวตามคำขู่ และทำงานที่พระเจ้ามอบหมายอย่างสงบและด้วยความเชื่อฟัง. กำแพงเสร็จใน “ห้าสิบสองวัน.”—นเฮม. 6:15.
10. (ก) ประชาชนอาศัยอยู่ที่ไหน และได้มีการลงชื่ออะไร? (ข) ถึงตอนนี้มีการเรียกประชุมอะไร และรายการในวันแรกคืออะไร?
10 การสั่งสอนประชาชน (7:1–12:26). มีประชาชนไม่กี่คนกับบ้านไม่กี่หลังในกรุง เพราะชาวยิศราเอลส่วนใหญ่อยู่นอกเมืองตามที่ดินมรดกของตระกูล. พระเจ้าสั่งนะเฮมยาให้ประชุมขุนนางและประชาชนทั้งปวงเพื่อให้ลงชื่อตามลำดับวงศ์ตระกูล. ในการนี้ท่านค้นบันทึกของผู้ที่กลับจากบาบูโลน. ต่อจากนั้นท่านได้จัดการประชุมแปดวันขึ้นที่จัตุรัสหน้าประตูน้ำ. เอษราเริ่มต้นการประชุมจากยกพื้นไม้. ท่านสรรเสริญพระยะโฮวาและอ่านจากหนังสือพระบัญญัติของโมเซตั้งแต่รุ่งเช้าจนถึงเที่ยง. ท่านได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากชาวเลวีคนอื่น ๆ ซึ่งอธิบายพระบัญญัติแก่ประชาชนและ “อ่านหนังสือบทพระบัญญัติของพระเจ้าด้วยเสียงอันดัง, แล้วอธิบายให้คนทั้งปวงรู้เนื้อความที่อ่านนั้น.” (8:8) นะเฮมยากระตุ้นประชาชนให้จัดเลี้ยงอาหารกันและมีความชื่นชมยินดีอีกทั้งให้หยั่งรู้ค่าพลังแห่งถ้อยคำที่ว่า “ความโสมนัสยินดีแห่งพระยะโฮวาเป็นกำลังของพวกเจ้าทั้งหลาย.”—8:10.
11. การประชุมพิเศษอะไรที่จัดขึ้นในวันที่สอง และการประชุมดำเนินไปด้วยความปีติยินดีอย่างไร?
11 ในวันที่สองของการประชุม เหล่าผู้นำประชาชนได้ประชุมพิเศษกับเอษราเพื่อได้รับความหยั่งเห็นเข้าใจในพระบัญญัติ. พวกเขาเรียนรู้ว่าควรฉลองเทศกาลตั้งทับอาศัยในเดือนที่เจ็ดนี้เอง และพวกเขาเตรียมการทันทีเพื่อสร้างทับอาศัยสำหรับงานเลี้ยงนี้แด่พระยะโฮวา. “มีความยินดีเป็นอันมาก” ขณะที่พวกเขาอยู่ในทับอาศัยเป็นเวลาเจ็ดวัน ฟังการอ่านพระบัญญัติทุกวัน. ในวันที่แปดพวกเขาถือเป็นการชุมนุมบริสุทธิ์ “ตามแบบอย่างพระบัญญัติ.”—นเฮม. 8:17, 18; เลวี. 23:33-36.
12. (ก) ต่อมามีการจัดประชุมอะไรในเดือนเดียวกัน มีอรรถบทอะไร? (ข) มติอะไรที่มีการยอมรับ? (ค) มีการจัดอย่างไรเพื่อให้มีผู้อาศัยในกรุงยะรูซาเลม?
12 ในวันที่ 24 เดือนเดียวกัน ลูกหลานยิศราเอลได้ประชุมกันอีกเพื่อแยกตัวต่างหากจากคนต่างชาติทั้งปวง. พวกเขาฟังการอ่านพระบัญญัติเป็นพิเศษแล้วจึงฟังการทบทวนในแบบที่ตรวจดูหัวใจเกี่ยวกับวิธีที่พระเจ้าทรงปฏิบัติกับพวกยิศราเอล ซึ่งนำโดยชาวเลวีกลุ่มหนึ่ง. โดยมีอรรถบทดังนี้: “จงยืนขึ้นขอบพระเดชพระคุณพระยะโฮวาพระเจ้าของตนสืบ ๆ ไปเป็นนิจ: สาธุแก่พระนามอันรุ่งเรืองของพระองค์ให้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่าคำยกยอและสรรเสริญทั้งสิ้น.” (นเฮม. 9:5) จากนั้นพวกเขาสารภาพบาปของบรรพบุรุษและถ่อมใจวิงวอนขอพระพรจากพระยะโฮวา. การนี้ทำในแบบลงมติซึ่งยืนยันโดยที่เหล่าตัวแทนของชาติประทับตราไว้. ทั้งกลุ่มตกลงใจจะละเว้นจากการสมรสกับชนชาติต่าง ๆ ในแผ่นดินนั้น, จะถือรักษาซะบาโต, และจะจัดเตรียมสำหรับงานรับใช้ในพระวิหารและผู้ทำงานที่นั่น. หนึ่งคนจากทุก ๆ สิบคนถูกเลือกโดยจับฉลากเพื่ออยู่เป็นการถาวรในยะรูซาเลม ภายในกำแพงเมือง.
13. มีการจัดรายการชุมนุมอะไรขึ้นเมื่ออุทิศกำแพง และยังผลให้มีการจัดเตรียมอะไร?
13 การอุทิศกำแพง (12:27–13:3). การอุทิศกำแพงที่สร้างใหม่เป็นเวลาของเสียงเพลงและความสุข. นั่นเป็นโอกาสแห่งการชุมนุมอีกครั้งหนึ่ง. นะเฮมยาจัดกลุ่มนักร้องขอบพระคุณกับขบวนแห่เป็นสองกลุ่มใหญ่ให้เดินบนกำแพงไปกลุ่มละทาง สุดท้ายจึงมารวมกันถวายเครื่องบูชาที่พระพระวิหารของพระยะโฮวา. มีการจัดเตรียมเพื่อบริจาควัตถุสิ่งของเพื่อสนับสนุนพวกปุโรหิตและชาวเลวีที่พระวิหาร. การอ่านพระคัมภีร์ต่อไปเผยให้ทราบว่า ไม่ควรอนุญาตให้ชาวอัมโมนและชาวโมอาบเข้ามายังที่ประชุม และดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มแยกกลุ่มชนที่ปะปนอยู่ออกจากชนยิศราเอล.
14. จงพรรณนาถึงความชั่วต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างที่นะเฮมยาไม่อยู่ และขั้นตอนต่าง ๆ ที่ท่านลงมือทำเพื่อกำจัดสิ่งเหล่านั้น.
14 การขจัดความไม่สะอาด (13:4-31). หลังจากอยู่ในบาบูโลนระยะหนึ่ง นะเฮมยาได้กลับมายังยะรูซาเลมและพบว่าความชั่วอย่างใหม่ได้คืบคลานเข้ามาในท่ามกลางชาวยิว. เรื่องราวช่างเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจริง ๆ! เอ็ลยาซิพมหาปุโรหิตถึงกับทำห้องอาหารในลานพระวิหารสำหรับโตบิยาชาวอัมโมนหนึ่งในบรรดาศัตรูของพระเจ้า. นะเฮมยาไม่ยอมชักช้าเสียเวลา. ท่านโยนข้าวของเครื่องใช้ของโตบิยาทิ้งและให้ล้างชำระห้องอาหารทั้งหมด. อนึ่ง ท่านพบว่าการบริจาคสิ่งของแก่ชาวเลวีได้หยุดไป ดังนั้น พวกเขาจึงออกไปนอกยะรูซาเลมเพื่อทำมาหากิน. คตินิยมการค้าแพร่ไปทั่วกรุง. ไม่มีการถือรักษาซะบาโต. นะเฮมยาบอกเขาว่า “พวกเจ้ายังซ้ำนำความพิโรธให้มาสวมทับพวกยิศราเอลอีกโดยเหตุที่ปล่อยวันซะบาโตให้เป็นมลทินไป.” (13:18) ท่านปิดประตูเมืองในวันซะบาโตเพื่อไม่ให้พ่อค้าเข้ามา และท่านสั่งพวกเขาให้ออกไปห่าง ๆ จากกำแพงเมือง. แต่ยังมีการชั่วที่ร้ายกว่านั้นอีก คือสิ่งที่พวกเขาได้ตกลงใจแล้วว่าจะไม่ทำอีก. พวกเขาได้นำภรรยานอกรีตชาวต่างชาติเข้ามาในกรุง. ลูกที่เกิดจากความสัมพันธ์แบบนี้พูดภาษายิวไม่ได้อีกแล้ว. นะเฮมยาเตือนพวกเขาให้ระลึกว่า ซะโลโมได้ทำบาปเพราะนางสนมต่างชาติ. เกี่ยวกับความบาปนี้ นะเฮมยาจึงขับไล่หลานของเอ็ลยาซิพมหาปุโรหิต.c ต่อมาท่านจัดระเบียบคณะปุโรหิตและงานของพวกเลวี.
15. นะเฮมยาได้ทูลขออะไรด้วยใจถ่อม?
15 นะเฮมยาจบพระธรรมที่ท่านเขียนด้วยคำทูลขอที่เรียบง่ายและด้วยความถ่อมใจที่ว่า “ขอพระองค์ทรงระลึกถึงข้าพเจ้า, และทรงสำแดงความเมตตากรุณาแก่ข้าพเจ้า.”—13:31.
เหตุที่เป็นประโยชน์
16. นะเฮมยาเป็นตัวอย่างดีเลิศแก่ผู้รักการนมัสการที่ถูกต้องทั้งปวงในทางใดบ้าง?
16 ความเลื่อมใสที่นะเฮมยามีต่อพระเจ้าควรก่อแรงดลใจแก่ผู้รักการนมัสการที่ถูกต้องทุกคน. ท่านสละตำแหน่งซึ่งได้รับความโปรดปรานจากกษัตริย์เพื่อมาเป็นผู้ดูแลที่ถ่อมใจท่ามกลางไพร่พลของพระยะโฮวา. ท่านถึงกับปฏิเสธวัตถุสิ่งของบริจาคที่ท่านมีสิทธิ์ได้รับ และท่านตำหนิอย่างหนักแน่นว่าการนิยมวัตถุเป็นบ่วงแร้ว. การมุ่งติดตามและรักษาการนมัสการพระยะโฮวาด้วยใจแรงกล้าคือสิ่งที่นะเฮมยาสนับสนุนคนทั้งชาติให้ทำ. (5:14, 15; 13:10-13) นะเฮมยาเป็นตัวอย่างดีเลิศแก่เราในการเป็นคนไม่เห็นแก่ตัวและสุขุมโดยแท้, เป็นคนที่เอาจริงเอาจัง, และกล้าหาญเพื่อความชอบธรรมเมื่อเผชิญอันตราย. (4:14, 19, 20; 6:3, 15) ท่านมีความเกรงกลัวพระเจ้าอย่างถูกต้องและสนใจเสริมสร้างความเชื่อของเพื่อนผู้รับใช้. (13:14; 8:9) ท่านปฏิบัติตามกฎหมายของพระยะโฮวาอย่างแข็งขัน โดยเฉพาะเมื่อเกี่ยวข้องกับการนมัสการแท้และการขจัดอิทธิพลของคนต่างชาติ เช่น การสมรสกับคนนอกรีต.—13:8, 23-29.
17. โดยวิธีใดที่นะเฮมยาเป็นแบบอย่างอีกเช่นกันในด้านความรู้และในการปฏิบัติตามกฎหมายของพระเจ้า?
17 ตลอดพระธรรมนี้ปรากฏชัดว่านะเฮมยามีความรู้ดีเรื่องกฎหมายของพระยะโฮวาและท่านใช้ความรู้นี้ให้เป็นประโยชน์. ท่านร้องขอพระพรจากพระเจ้าเนื่องจากคำสัญญาของพระยะโฮวาที่พระบัญญัติ 30:1-4 โดยเชื่อเต็มที่ว่าพระยะโฮวาจะทรงปฏิบัติอย่างภักดีเพื่อเห็นแก่ท่าน. (นเฮม. 1:8, 9) ท่านจัดการประชุมใหญ่หลายครั้ง โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อทำให้พวกยิวคุ้นเคยกับสิ่งที่เขียนไว้ก่อนหน้านั้น. ในการอ่านพระบัญญัติ นะเฮมยากับเอษราพากเพียรทำให้พระคำของพระเจ้าเป็นที่กระจ่างแก่ประชาชนและจากนั้นก็ปฏิบัติตาม.—8:8, 13-16; 13:1-3.
18. การนำหน้าอย่างจริงจังของนะเฮมยาควรทำให้บทเรียนอะไรบ้างฝังแน่นในใจผู้ดูแลทุกคน?
18 ความไว้วางใจเต็มเปี่ยมในพระยะโฮวาและการทูลขอด้วยใจถ่อมของนะเฮมยาควรส่งเสริมให้เราสร้างเจตคติแห่งการหมายพึ่งพระเจ้าอย่างจริงจังเหมือนกัน. จงสังเกตวิธีที่คำอธิษฐานของท่านถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า, แสดงการยอมรับเรื่องการบาปของไพร่พล, และวอนขอให้พระนามของพระยะโฮวาเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์. (1:4-11; 4:14; 6:14; 13:14, 29, 31) ที่ว่าผู้ดูแลซึ่งมีใจแรงกล้าผู้นี้เป็นพลังที่เสริมความเข้มแข็งท่ามกลางพลไพร่ของพระเจ้าเห็นได้จากการที่พวกเขาพร้อมจะติดตามการชี้นำอันสุขุมของท่านและความยินดีที่พวกเขาได้รับในการทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าร่วมกับท่าน. นับเป็นตัวอย่างที่ก่อแรงดลใจจริง ๆ! อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ดูแลที่สุขุมไม่อยู่ ลัทธิวัตถุนิยม, การทุจริต, และการออกหากอย่างโจ่งแจ้งช่างคืบคลานเข้ามาเร็วนัก! แน่นอน เรื่องนี้ควรทำให้ผู้ดูแลทุกคนท่ามกลางไพร่พลของพระเจ้าในทุกวันนี้สำนึกเสมอถึงความจำเป็นต้องเป็นคนที่ว่องไว, ตื่นตัว, มีใจแรงกล้าเพื่อผลประโยชน์ของพี่น้องคริสเตียน, รวมทั้งมีความเข้าใจและความหนักแน่นในการนำหน้าพวกเขาในหนทางแห่งการนมัสการแท้.
19. (ก) นะเฮมยาใช้พระคำของพระเจ้าอย่างไรเพื่อเสริมความมั่นใจในคำสัญญาเกี่ยวกับราชอาณาจักร? (ข) ความหวังเรื่องราชอาณาจักรกระตุ้นผู้รับใช้พระเจ้าในสมัยนี้อย่างไร?
19 นะเฮมยาสำแดงความไว้วางใจอันมั่นคงในพระคำของพระเจ้า. ท่านไม่เพียงเป็นผู้สอนพระคัมภีร์ด้วยใจแรงกล้าเท่านั้น แต่ท่านยังใช้พระคัมภีร์ในการกำหนดการสืบมรดกตามลำดับวงศ์ตระกูลและการรับใช้ของปุโรหิตกับพวกเลวีท่ามกลางไพร่พลที่ได้รับการฟื้นฟูของพระเจ้า. (นเฮม. 1:8; 11:1–12:26; ยโฮ. 14:1–21:45) เรื่องนี้คงต้องชูใจชาวยิวที่เหลืออย่างใหญ่หลวง. เรื่องนี้เสริมความมั่นใจของพวกเขาในคำสัญญาอันยิ่งใหญ่ที่ทรงประทานก่อนหน้านั้นเกี่ยวกับพงศ์พันธุ์และการบูรณะที่ใหญ่กว่าซึ่งจะมีขึ้นภายใต้ราชอาณาจักรของพระองค์. ความหวังเรื่องการบูรณะภายใต้ราชอาณาจักรนั่นแหละที่กระตุ้นผู้รับใช้ของพระเจ้าให้ต่อสู้อย่างกล้าหาญเพื่อผลประโยชน์แห่งราชอาณาจักรและเอาการเอางานในการเสริมสร้างการนมัสการแท้ตลอดทั่วแผ่นดินโลก.
[เชิงอรรถ]
a การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 2 หน้า 613-616.
b การหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) เล่ม 2 หน้า 899-901.
c นักประวัติศาสตร์ชาวยิวบางคนอ้างว่า หลานคนนี้ของเอ็ลยาซิพชื่อมะนาเซ และเขากับซันบาลาตพ่อตาของเขาได้สร้างพระวิหารบนภูเขาฆะรีซิมซึ่งได้กลายเป็นศูนย์กลางการนมัสการของชาวซะมาเรียและเขาดำรงตำแหน่งปุโรหิตที่นั่นขณะมีชีวิตอยู่. ฆะรีซิมคือภูเขาที่พระเยซูตรัสถึงในโยฮัน 4:21.—พระวิหารหลังที่สองในยะรูซาเลม (ภาษาอังกฤษ) 1908 ดับเบิลยู. ชอว์ คัลเดคอตต์ หน้า 252-255; ดูหอสังเกตการณ์ (ภาษาอังกฤษ) 15 กรกฎาคม 1960 หน้า 425-426.