แหล่งที่จะให้คำตอบได้
“ทฤษฎีว่าด้วยการทรมานชั่วนิรันดร์ไม่ประสานกับความเชื่อในเรื่องความรักของพระเจ้าต่อสิ่งที่ทรงสร้างขึ้นมา. . . . ที่จะเชื่อเรื่องการลงโทษจิตวิญญาณตลอดกาลเนื่องด้วยความผิดในช่วงไม่กี่ปี โดยไม่ให้โอกาสแก่จิตวิญญาณในการแก้ไข เป็นการสวนทางกับกฎแห่งเหตุผลทั้งสิ้น.”—นิคิลานันทะ นักปรัชญาชาวฮินดู.
1, 2. เมื่อคำนึงถึงความหลากหลายของความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย เกิดคำถามอะไรขึ้น?
เช่นเดียวกับนิคิลานันทะนักปรัชญาชาวฮินดู หลายคนในปัจจุบันรู้สึกอึดอัดใจกับคำสอนเรื่องการทรมานตลอดกาล. ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน คนอื่น ๆ รู้สึกว่ายากที่จะเข้าใจแนวคิดอย่างเช่น การบรรลุนิพพานและการรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเต๋า.
2 กระนั้น เนื่องจากแนวคิดที่ว่าจิตวิญญาณเป็นอมตะ ศาสนาทั้งทางตะวันออกและตะวันตกได้พัฒนารูปแบบของความเชื่อหลายอย่างซึ่งทำให้งุนงงในเรื่องชีวิตหลังความตาย. มีทางเป็นไปได้ไหมที่จะทราบความจริงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราเมื่อเราตาย? จิตวิญญาณเป็นอมตะจริง ๆ ไหม? เราจะหาคำตอบได้จากที่ไหน?
วิทยาศาสตร์และหลักปรัชญา
3. วิทยาศาสตร์หรือวิธีตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์มีคำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับชีวิตหลังจากตายไหม?
3 วิทยาศาสตร์หรือวิธีตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์มีคำตอบสำหรับคำถามเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายไหม? โดยอาศัยเรื่องราวไม่นานมานี้เกี่ยวกับประสบการณ์ของคนใกล้ตายหรือ ‘อยู่ในภวังค์’ นักวิจัยบางคนได้พยายามตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับชีวิตหลังจากตาย. เมื่อทบทวนคำอ้างบางอย่างของพวกเขาในคำบรรยายเรื่อง “ความตายเป็นทางสู่ความสว่างไหม?” ฮันส์ คึง นักเทววิทยาชาวคาทอลิกได้สรุปว่า “ประสบการณ์แบบนี้ไม่ได้พิสูจน์อะไรเรื่องชีวิตที่เป็นไปได้หลังจากตาย: ประสบการณ์เหล่านี้เพียงแต่เกี่ยวโยงกับห้านาทีสุดท้ายก่อน ตาย ไม่ใช่ชีวิตตลอดกาลหลังจาก ตาย.” เขากล่าวเสริมอีกว่า “ประเด็นเรื่องชีวิตที่เป็นไปได้หลังจากตายมีความสำคัญยิ่งต่อชีวิตก่อนตาย. จำเป็นต้องได้รับคำตอบซึ่งต้องแสวงหาจากแหล่งอื่นหากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ไม่สามารถให้คำตอบได้.”
4. หลักปรัชญาสามารถช่วยเราพบคำตอบจากบรรดาความเป็นไปได้หลายอย่างเกี่ยวกับชีวิตหลังจากตายตามที่ศาสนาต่าง ๆ ได้เสนอนั้นไหม?
4 จะว่าอย่างไรเกี่ยวกับหลักปรัชญา? หลักปรัชญาสามารถช่วยเราพบคำตอบจากบรรดาความเป็นไปได้หลายอย่างเกี่ยวกับชีวิตหลังจากตายที่ศาสนาต่าง ๆ ได้เสนอนั้นไหม? เบอร์แทรนด์ รัสเซลล์ นักปรัชญาชาวอังกฤษในศตวรรษที่ 20 กล่าวว่า การวิเคราะห์ด้านปรัชญาหมายรวมถึง “กิจกรรมที่เป็นการคาดคะเน.” ตามที่สารานุกรม เดอะ เวิลด์ บุ๊ก กล่าวนั้น ปรัชญาคือ “การตรวจสอบในรูปแบบหนึ่ง—กระบวนการในการวิเคราะห์, การวิพากษ์วิจารณ์, การตีความ, และการคาดคะเน.” เกี่ยวกับหัวเรื่องชีวิตหลังความตายนั้น การคาดคะเนทางปรัชญามีหลากหลายตั้งแต่การเรียกสภาพอมตะว่าเป็นเพียงความเพ้อฝันไปจนถึงการประกาศว่านั่นเป็นสิทธิโดยกำเนิดของมนุษย์ทุกคน.
แหล่งคำตอบที่ไม่มีใดเหมือน
5. หนังสือเล่มใดเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยมีการเขียนมา?
5 อย่างไรก็ตาม มีหนังสือเล่มหนึ่งซึ่งมีคำตอบที่เป็นความจริงสำหรับคำถามสำคัญเรื่องชีวิตและความตาย. นี่เป็นหนังสือเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยมีการเขียนมา มีการเรียบเรียงบางส่วนของหนังสือนั้นราว ๆ 3,500 ปีมาแล้ว. ส่วนแรกของหนังสือนี้เขียนสองสามศตวรรษก่อนคัมภีร์พระเวท บทสวดชุดแรกสุดของคัมภีร์ฮินดูรวบรวมขึ้น และประมาณหนึ่งพันปีก่อนพระพุทธเจ้า, พระมหาวีระ, และขงจื๊อ มีชีวิตอยู่บนโลก. หนังสือนี้เขียนเสร็จในปีสากลศักราช 98 มากกว่า 500 ปีก่อนพระมุฮัมหมัดก่อตั้งศาสนาอิสลาม. แหล่งแห่งสติปัญญาที่สูงเยี่ยมกว่าที่ไม่มีใดเหมือนนี้คือคัมภีร์ไบเบิล.a
6. ทำไมเราคาดหมายได้ว่าคัมภีร์ไบเบิลจะบอกเราว่าจิตวิญญาณคืออะไร?
6 คัมภีร์ไบเบิลมีประวัติเก่าแก่ซึ่งถูกต้องมากที่สุดในบรรดาหนังสือเล่มใด ๆ ที่มีอยู่. ประวัติที่บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลย้อนไปจนถึงการเริ่มต้นของครอบครัวมนุษย์และอธิบายว่าเรามาอยู่บนแผ่นดินโลกนี้อย่างไร. พระคัมภีร์พาเราย้อนไปถึงช่วงเวลาก่อนมนุษย์ถูกสร้างขึ้นด้วยซ้ำ. หนังสือดังกล่าวสามารถให้ความหยั่งเห็นเข้าใจแก่เราในเรื่องที่ว่ามนุษย์ถูกสร้างอย่างไรและจิตวิญญาณคืออะไร.
7, 8. ทำไมเราสามารถหันไปหาคัมภีร์ไบเบิลด้วยความมั่นใจเพื่อได้คำตอบที่เป็นความจริงและน่าพอใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเราตาย?
7 นอกจากนี้ คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือแห่งคำพยากรณ์ที่ได้สำเร็จเป็นจริงอย่างไม่ผิดพลาด. ตัวอย่างเช่น พระคัมภีร์บอกล่วงหน้าถึงความรุ่งเรืองและความล่มจมของจักรวรรดิมีเดีย-เปอร์เซียและกรีซอย่างละเอียดทีเดียว. ถ้อยคำเหล่านี้แม่นยำเสียจนนักวิจารณ์บางคนพยายามแต่ไร้ผลที่จะพิสูจน์ว่าเรื่องนั้นเขียนภายหลังเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นแล้ว. (ดานิเอล 8:1-7, 20-22) คำพยากรณ์บางเรื่องที่บันทึกในคัมภีร์ไบเบิลได้สำเร็จเป็นจริงอย่างละเอียดในสมัยของเราเองทีเดียว.b—มัดธายบท 24; มาระโกบท 13; ลูกาบท 21; 2 ติโมเธียว 3:1-5, 13.
8 ไม่มีมนุษย์คนใด ไม่ว่าเฉลียวฉลาดแค่ไหน สามารถบอกล่วงหน้าถึงเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างแม่นยำถึงขนาดนั้น. เฉพาะแต่พระผู้สร้างเอกภพที่ทรงไว้ซึ่งอำนาจและสติปัญญาทุกประการเท่านั้นสามารถทำได้. (2 ติโมเธียว 3:16, 17; 2 เปโตร 1:20, 21) คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่มาจากพระเจ้าจริง ๆ. แน่นอน หนังสือดังกล่าวสามารถให้คำตอบที่เป็นความจริงและน่าพอใจแก่เราเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราเมื่อเราตาย. ทีแรกขอให้เราพิจารณาดูว่าพระคัมภีร์กล่าวอย่างไรเรื่องจิตวิญญาณ.
[เชิงอรรถ]
a โปรดดูจุลสารหนังสือสำหรับทุกคน จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์แห่งนิวยอร์ก.
b โปรดดูคัมภีร์ไบเบิล—คำของพระเจ้าหรือของมนุษย์? (ภาษาอังกฤษ) จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์แห่งนิวยอร์ก.
[รูปภาพหน้า 18]
หนังสือเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยมีการเขียนมา
[รูปภาพหน้า 18]
หนังสือซึ่งให้คำตอบที่เชื่อถือได้และน่าพอใจ