ความจริงเรื่องจิตวิญญาณนับว่าสำคัญ
“เจ้าทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงจะทำให้เจ้าเป็นอิสระ.”—โยฮัน 8:32, ล.ม.
1. ทำไมสำคัญที่จะตรวจสอบความเชื่อของเราเรื่องจิตวิญญาณและความตาย?
ความเชื่อเกี่ยวกับความตายและชีวิตหลังความตายส่วนใหญ่เป็นผลจากภูมิหลังทางศาสนาและวัฒนธรรมของคนเรา. ดังที่เราเห็นแล้ว ความเชื่อเหล่านั้นมีตั้งแต่การเชื่อมั่นว่าจิตวิญญาณบรรลุเป้าหมายสุดท้ายก็ต่อเมื่อหลังจากเกิดใหม่หลายครั้ง ไปจนถึงแนวคิดที่ว่าช่วงชีวิตในชาติเดียวกำหนดจุดหมายปลายทางสุดท้ายของคนเรา. ฉะนั้น คนหนึ่งอาจรู้สึกมั่นใจว่าในที่สุดเขาจะรวมตัวกับสัจธรรมสูงสุดเมื่อตาย, อีกคนหนึ่งอาจมั่นใจในการบรรลุนิพพาน, และก็ยังมีคนอื่นเชื่อเรื่องการได้รับรางวัลในสวรรค์. ดังนั้นแล้ว ความจริงคืออย่างไร? เนื่องจากความเชื่อของเรามีผลกระทบต่อเจตคติ, การกระทำ, และการตัดสินใจของเรา มิควรหรือที่เราจะสนใจกับการหาคำตอบสำหรับคำถามนั้น?
2, 3. (ก) ทำไมเราสามารถวางใจในสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวเกี่ยวกับจิตวิญญาณ? (ข) ตามที่บอกไว้ในคัมภีร์ไบเบิล ความจริงเรื่องจิตวิญญาณคืออย่างไร?
2 คัมภีร์ไบเบิล หนังสือเก่าแก่ที่สุดในโลกสืบร่องรอยประวัติของมนุษย์ย้อนไปถึงการสร้างจิตวิญญาณมนุษย์คนแรก. คำสอนของคัมภีร์ไบเบิลปราศจากหลักปรัชญาและประเพณีของมนุษย์. คัมภีร์ไบเบิลบอกความจริงอย่างชัดเจนเรื่องจิตวิญญาณดังนี้: จิตวิญญาณของคุณก็คือตัวคุณ, คนตายมิได้มีชีวิตอยู่ที่ไหนอีกเลย, และคนเหล่านั้นที่อยู่ในความทรงจำของพระเจ้าจะได้รับการปลุกให้เป็นขึ้นจากตายในเวลากำหนดของพระองค์. การทราบเรื่องนี้อาจหมายถึงอะไรสำหรับคุณ?
3 พระเยซูคริสต์ตรัสแก่เหล่าสาวกว่า “เจ้าทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงจะทำให้เจ้าเป็นอิสระ.” (โยฮัน 8:32, ล.ม.) ถูกแล้ว ความจริงปลดปล่อยให้เป็นอิสระ. แต่ความจริงเรื่องจิตวิญญาณทำให้เราเป็นอิสระพ้นจากอะไร?
เป็นอิสระพ้นจากความกลัวและความสิ้นหวัง
4, 5. (ก) ความจริงเรื่องจิตวิญญาณขจัดความกลัวอะไร? (ข) ความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายทำให้วัยรุ่นคนหนึ่งที่ป่วยระยะสุดท้ายมีความกล้าหาญอย่างไร?
4 สารานุกรม เดอะ เวิลด์ บุ๊ก กล่าวว่า “คนส่วนใหญ่กลัวความตายและพยายามหลีกเลี่ยงการคิดถึงความตาย.” นักประวัติศาสตร์คนหนึ่งให้ข้อสังเกตไว้ว่า “คำ ‘ความตาย’ นั้นเองกลายเป็นคำที่แทบจะไม่สมควรพูดถึงในโลกตะวันตก.” และในบางวัฒนธรรมถ้อยคำที่สุภาพนุ่มนวลเช่น “เสียไปแล้ว” และ “ล่วงลับไปแล้ว” โดยทั่วไปใช้พรรณนาถึงการตายของคน. การกลัวความตายเช่นนี้ที่จริงแล้วเป็นการกลัวสิ่งที่ไม่รู้จัก เนื่องจากสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ความตายคือข้อลึกลับ. ความรู้เกี่ยวกับความจริงที่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเราตายนั้นย่อมบรรเทาความกลัวนี้.
5 ตัวอย่างเช่น ขอพิจารณาสภาพจิตใจของไมคาลินวัย 15 ปี. เธอเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวและเผชิญกับความตายที่น่าเศร้าสลด. พอลา แม่ของเธอเล่าว่า “ไมคาลินบอกว่าไม่ห่วงเรื่องการตาย เพราะเธอรู้ว่าความตายเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น. เราพูดคุยกันมากเรื่องโลกใหม่ของพระเจ้าและบรรดาคนเหล่านั้นที่จะถูกปลุกขึ้นจากตายในโลกใหม่. ไมคาลินมีความเชื่อมากทีเดียวในพระยะโฮวาพระเจ้าและการกลับเป็นขึ้นจากตาย—ไม่มีความสงสัยแม้แต่น้อย.” ความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายทำให้เด็กหญิงผู้กล้าหาญคนนี้พ้นจากการจมอยู่กับการกลัวความตาย.
6, 7. ความจริงเรื่องจิตวิญญาณทำให้เราพ้นจากความสิ้นหวังอะไร? จงยกตัวอย่าง.
6 ความจริงมีผลกระทบอย่างไรต่อบิดามารดาของไมคาลิน? เจฟฟ์ ผู้เป็นบิดาบอกว่า “การตายของลูกสาวเป็นเรื่องทำให้เจ็บปวดที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นกับเรา. แต่เราไว้ใจเต็มที่ในคำสัญญาของพระยะโฮวาเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย และเราคอยท่าวันหนึ่งที่เราจะได้กอดไมคาลินที่รักไว้ในอ้อมแขนอีก. นั่นจะเป็นการมาอยู่ร่วมกันอีกที่วิเศษเสียจริง ๆ!”
7 ถูกแล้ว ความจริงเรื่องจิตวิญญาณทำให้คนเราพ้นจากความสิ้นหวังแบบหมดหนทางอันเนื่องมาจากความตายของผู้เป็นที่รัก. แน่นอน ไม่มีสิ่งใดสามารถกำจัดความเจ็บปวดและความโศกเศร้าอย่างสิ้นเชิงที่ได้รับเมื่อผู้เป็นที่รักเสียชีวิต. อย่างไรก็ตาม ความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายบรรเทาความโศกเศร้าและทำให้ทนรับความเจ็บปวดได้ง่ายขึ้น.
8, 9. ความจริงเรื่องสภาพของคนตายทำให้เราพ้นจากความกลัวอะไร?
8 ความจริงตามหลักพระคัมภีร์เกี่ยวกับสภาพของคนตายยังทำให้เราพ้นจากการกลัวคนตาย. ตั้งแต่ได้เรียนรู้ความจริงเรื่องนี้ หลายคนซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกผูกมัดด้วยพิธีที่ถือโชคลางเกี่ยวกับคนตายไม่กังวลอีกต่อไปเรื่องคำสาปแช่ง, ลางร้าย, ยันต์ป้องกันตัว, เครื่องรางของขลัง, ทั้งเขาไม่ต้องถวายเครื่องเซ่นไหว้ที่ทำให้สิ้นเปลืองเพื่อทำให้บรรพบุรุษของเขาพอใจและเพื่อป้องกันมิให้กลับมารบกวนคนเป็น. ที่จริง เนื่องจากคนตาย “ไม่รู้อะไรเลย” กิจปฏิบัติดังกล่าวจึงไม่เกิดประโยชน์อะไร.—ท่านผู้ประกาศ 9:5.
9 ความจริงเรื่องจิตวิญญาณที่ปรากฏในคัมภีร์ไบเบิลปลดปล่อยให้เป็นอิสระและวางใจได้จริง ๆ. แต่ขอพิจารณาความหวังวิเศษสุดที่คัมภีร์ไบเบิลเสนอให้คุณด้วย.
[รูปภาพหน้า 29]
ความจริงเรื่องจิตวิญญาณทำให้คุณเป็นอิสระจากการกลัวความตาย, การกลัวคนตาย, ความสิ้นหวังเกี่ยวกับการตายของผู้เป็นที่รัก