บท 25
ฉันจะมีความสุขได้ไหมถ้าอยู่ในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว?
“เด็กที่มีทั้งพ่อและแม่มีห้องส่วนตัวและซื้อเสื้อผ้าใหม่ ๆ ได้. แต่ฉันไม่มีห้องของตัวเอง เสื้อผ้าที่อยากได้ก็ไม่ได้เพราะแม่ไม่มีเงินซื้อให้. แม่ไปทำงาน ฉันต้องทำงานบ้านอย่างกับคนใช้เลยไม่มีเวลาไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่น.”—ชาลอนดา อายุ 13
ครอบครัวที่สมบูรณ์คือครอบครัวที่มีทั้งพ่อและแม่ที่รักกัน. พ่อแม่ที่อยู่ด้วยกันจะช่วยกันชี้แนะและปกป้องดูแลลูกได้ดีกว่า. พระคัมภีร์บอกว่า “สองคนช่วยกันทำดีกว่าทำคนเดียว เพราะจะได้ผลงานที่ดีกว่า.”—ท่านผู้ประกาศ 4:9, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย
แต่ครอบครัวที่มีทั้งพ่อและแม่ยิ่งนานวันก็ยิ่งหายากขึ้นทุกที. ตัวอย่างเช่น ปัจจุบันประเทศไทยมีเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 11-22 ปี จำนวน 11.4 ล้านคนอยู่ในครอบครัวที่มีแต่พ่อหรือแม่.
หนุ่มสาวบางคนที่มีแต่แม่รู้สึกอายกับสภาพของตน.a บางคนรู้สึกว่าต้องรับมือกับปัญหาและความกดดันในชีวิตมากมายเหลือเกินจนแทบทนไม่ไหว. ถ้าคุณอยู่ในครอบครัวแบบนี้ คุณเจอความกดดันอะไรบ้าง? ปัญหาไหนหนักที่สุด?
․․․․․
การไม่ได้รับความรักจากพ่อทำให้คุณต้องกลายเป็นเด็กอมทุกข์ไหม? ขึ้นอยู่กับว่าคุณมองสภาพการณ์นั้นอย่างไร. สุภาษิต 15:15 บอกว่า “วันเวลาทั้งหมดของคนรับทุกข์เป็นที่เศร้าหมอง; แต่คนที่มีใจชื่นบานเปรียบเหมือนมีการเลี้ยงอยู่เสมอ.” สุภาษิตข้อนี้ทำให้รู้ว่า ความสุขของคนเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ขึ้นอยู่กับวิธีที่เขามองสภาพการณ์นั้นต่างหาก. คุณควรทำอย่างไรเพื่อจะ “มีใจชื่นบาน” ทั้ง ๆ ที่อยู่ในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว?
คนอื่นทำให้คุณรู้สึกแย่ไหม?
อย่างแรก อย่าปล่อยให้คำพูดในแง่ลบของคนอื่นทำให้คุณรู้สึกแย่ เช่น ครูบางคนพูดและทำอะไรโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของเด็กที่อยู่ในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว. บางคนถึงกับเหมาว่าปัญหาด้านความประพฤติของเด็กมาจากสภาพครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์. แต่ลองคิดดูสิ คนที่พูดอย่างนั้นรู้จักคุณกับครอบครัวของคุณจริง ๆ ไหม? หรือเขาพูดตามคนอื่นโดยไม่คิด?
ขอให้สังเกตว่าคัมภีร์ไบเบิลพูดถึง “ลูกกำพร้า” หลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่มีสักครั้งที่พูดในทำนองดูถูก. ที่จริง แต่ละครั้งที่พูดถึง “ลูกกำพร้า” พระยะโฮวาแสดงว่าพระองค์ห่วงใยเด็กกลุ่มนี้เป็นพิเศษ.b
ในทางกลับกัน คนที่เจตนาดีอาจระวังเกินไปเมื่อพูดกับคุณ เช่น เขาอาจไม่กล้าพูดคำว่า “พ่อ,” “หย่าร้าง,” หรือ “ตาย” เพราะกลัวว่าจะทำให้คุณไม่สบายใจ. คุณไม่ชอบที่พวกเขาทำแบบนั้นใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้น ให้บอกพวกเขาว่า “ไม่ต้องคิดมาก พูดคำพวกนั้นได้.” โทนี อายุ 14 ไม่เคยรู้จักพ่อแท้ ๆ ของเขา. เขาเล่าว่า บางคนจะหยุดชะงักเมื่อพูดคำพวกนี้. แต่ตัวโทนีเองกลับใช้คำพวกนี้. เขาบอกว่า “ผมอยากให้พวกเขารู้ว่าผมไม่อายที่เป็นเด็กไม่มีพ่อ.”
อย่ามัวคิดว่า “ถ้า . . . ”
ถ้าพ่อแม่หย่าร้างกันหรือคนหนึ่งคนใดเสียชีวิต แล้วคุณรู้สึกเศร้าก็เป็นเรื่องปกติ. คุณควรยอมรับความจริงในเรื่องนี้. พระคัมภีร์แนะนำว่า “อย่าถามว่า ‘ทำไมสมัยก่อนดีกว่าเดี๋ยวนี้?’” (ท่านผู้ประกาศ 7:10, ฉบับอมตธรรมร่วมสมัย) พ่อแม่ของซาราหย่ากันตอนเธออายุ 10 ขวบ ตอนนี้เธออายุ 13 แล้ว เธอบอกว่า “อย่ามัวคิดว่า ‘ถ้า . . . ก็จะดี’ หรือคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะคุณขาดพ่อหรือแม่ อย่ามัวอิจฉาเด็กที่มีทั้งพ่อและแม่ซึ่งมีชีวิตที่สะดวกสบาย.” ใช่แล้ว ครอบครัวที่สมบูรณ์ก็มีปัญหาเหมือนกัน.
ลองนึกภาพว่าทุกคนในครอบครัวไปพายเรือกัน. ถ้าจะให้ดีต้องมีฝีพายครบ. ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเป็นเหมือนขาดฝีพายไปหนึ่งคน คนที่เหลือก็ต้องช่วยกันทำงานหนักขึ้น. แต่นี่จะทำให้ครอบครัวล้มเหลวไหม? ถ้าคนที่เหลือร่วมมือกัน เรือจะไม่ล่มและไปถึงจุดหมายปลายทางได้แน่นอน.
คุณทำส่วนของคุณไหม?
เมื่อคุณกับครอบครัวลงเรือลำเดียวกัน คุณช่วยพวกเขาพายไหม? จะช่วยอย่างไร? ให้มาดูคำแนะนำสามข้อต่อไปนี้.
หัดประหยัด. เงินเป็นปัญหาใหญ่ในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว. คุณจะช่วยได้อย่างไร? โทนีที่พูดถึงตอนต้นบอกว่า “เพื่อน ๆ ในโรงเรียนเรียกร้องให้พ่อแม่ซื้อเสื้อผ้าและรองเท้ากีฬาที่มียี่ห้อให้. ถ้าไม่ซื้อให้ เขาจะไม่ยอมไปเรียน. เสื้อผ้าที่ผมใส่ไม่ใช่ยี่ห้อดัง แต่ก็สะอาดเรียบร้อยเพราะผมดูแลดี. แม่พยายามเอาใจใส่ผมเต็มที่อยู่แล้ว ผมจึงไม่อยากเพิ่มภาระให้แม่.” ถ้าคุณพยายามสักนิด คุณจะเลียนแบบอัครสาวกเปาโลได้ ท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้เรียนรู้แล้วว่าจะอิ่มใจพอใจในสิ่งที่มีอยู่ไม่ว่าข้าพเจ้าอยู่ในสภาพการณ์อย่างไร.”—ฟิลิปปอย 4:11, 12
อีกวิธีหนึ่งที่จะประหยัดคืออย่าทำให้อะไรเสียเปล่า. (โยฮัน 6:12) รอดนีย์บอกว่า “ผมระวังไม่ทำให้ของในบ้านแตกเสียหาย เพราะถ้าต้องซ่อมหรือซื้อใหม่ก็เป็นเงินทั้งนั้น. ผมจะปิดไฟปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้เพื่อช่วยลดค่าไฟ.”
เป็นคนริเริ่ม. แม่ไร้คู่มักไม่ค่อยอยากตั้งกฎเกณฑ์หรือบอกให้ลูกช่วยทำงานบ้าน. เพราะอะไร? บางคนรู้สึกว่าลูกขาดพ่อจึงอยากชดเชยให้ลูกอยู่อย่างสุขสบาย. เขาอาจหาเหตุผลว่า ‘ฉันอยากให้ลูกได้สนุกสนานเหมือนเพื่อน ๆ.’
ทีนี้คุณเลยฉวยโอกาสไม่ช่วยอะไรแม่เลยไหม? การทำอย่างนี้มีแต่เพิ่มภาระให้แม่. คุณน่าจะคิดดูว่าจะช่วยแม่ทำอะไรได้บ้าง. โทนีเล่าว่า “แม่ทำงานที่โรงพยาบาล ชุดทำงานแม่ต้องรีด ผมเลยรีดให้. บางคนอาจคิดว่านี่เป็นงานผู้หญิง แต่ผมยินดีทำทุกอย่างที่ช่วยแม่ได้.”
แสดงว่าสำนึกบุญคุณ. นอกจากจะช่วยทำงานบ้านแล้ว คุณยังให้กำลังใจแม่ได้โดยแสดงว่าคุณสำนึกบุญคุณ. แม่ไร้คู่คนหนึ่งเขียนว่า “วันไหนที่ฉันทำงานเหนื่อยและอารมณ์ไม่ค่อยดี พอกลับถึงบ้านเมื่อเห็นว่าลูกสาวกำลังเตรียมอาหาร ส่วนลูกชายก็วิ่งมากอด ฉันจะหายเหนื่อยและอารมณ์ดีขึ้นทันที.”
ในสามจุดนี้ จุดไหนที่คุณต้องพยายามเป็นพิเศษ? ․․․․․
การอยู่ในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวทำให้คุณมีโอกาสพัฒนานิสัยดี ๆ เช่น เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว รู้จักเห็นอกเห็นใจคนอื่นและรับผิดชอบตัวเอง. นอกจากนั้น พระเยซูยังบอกว่า “การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ.” (กิจการ 20:35) ถ้าคุณเป็นฝ่าย “ให้” พ่อแม่โดยช่วยทำงาน คุณจะมีความสุขมาก.
บางครั้งคุณคงคิดอยากมีทั้งพ่อและแม่. แต่คุณก็มีความสุขได้ แม้จะมีแต่แม่. เนียบอกว่า “หลังจากพ่อเสียชีวิต มีคนพูดกับฉันว่า ‘จะสุขหรือทุกข์ก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง’ ประโยคนี้ก้องอยู่ในหัวฉันและคอยเตือนฉันไม่ให้จม อยู่กับความทุกข์ไปตลอด.” คุณก็ควรคิดแบบนี้. จำไว้ว่าจะสุขหรือทุกข์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ของคุณ แต่ขึ้นอยู่กับว่าคุณมองและจัดการสภาพการณ์นั้นอย่างไรต่างหาก.
เชิญอ่านเรื่องนี้เพิ่มเติมได้ในเล่ม 1 บท 4
[เชิงอรรถ]
a ในบทนี้พูดถึงครอบครัวที่มีแต่แม่ แต่คำแนะนำนี้ก็ใช้ได้กับครอบครัวที่มีแต่พ่อด้วย.
b ดูตัวอย่างในพระบัญญัติ 24:19-21 และบทเพลงสรรเสริญ 68:5.
ข้อคัมภีร์หลัก
“ไม่ห่วงแต่เรื่องของตัวเองเท่านั้น แต่ห่วงเรื่องของคนอื่นด้วย.”—ฟิลิปปอย 2:4
ข้อแนะ
ถ้าคุณรู้สึกว่ามีงานมากเกินไป ทำไม่ไหว ลองเสนอแนะพ่อแม่ให้ทำอย่างนี้
● เขียนว่าแต่ละคนต้องทำงานบ้านอะไรบ้าง
● ถ้าจำเป็นก็แบ่งงานให้ลูกที่โตแล้วช่วยทำด้วย
คุณรู้ไหม . . . ?
ถ้าคุณอยู่ในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวและต้องช่วยทำงานบ้าน คุณจะรู้จักรับผิดชอบมากกว่าหนุ่มสาวที่มีทั้งพ่อและแม่ซึ่งไม่ค่อยทำอะไร.
แผนปฏิบัติการ
ถ้าฉันมีความรู้สึกในแง่ลบ ฉันจะ ․․․․․
ถ้าฉันรู้สึกว่าคนรอบข้างระวังคำพูดมากเกินไป ฉันจะ ․․․․․
สิ่งที่ฉันอยากถามพ่อแม่เกี่ยวกับเรื่องนี้คือ ․․․․․
คุณคิดอย่างไร?
● ทำไมบางคนมีอคติกับเด็กที่มีแต่พ่อหรือแม่?
● ทำไมพ่อหรือแม่ไม่อยากให้คุณช่วยทำงานบ้าน?
● คุณจะแสดงความสำนึกบุญคุณพ่อหรือแม่ได้อย่างไร?
[คำโปรยหน้า 211]
“พ่อกับแม่หย่ากัน ฉันจึงสนิทกับแม่มาก เรามักคุยกันอย่างเปิดอก.”—เมลานี
[ภาพหน้า 210, 211]
ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยวเป็นเหมือนการพายเรือโดยขาดฝีพายไปหนึ่งคน คนที่เหลือต้องทำงานหนักขึ้น แต่ถ้าทุกคนร่วมมือร่วมใจกันก็ประสบความสำเร็จได้