ข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ได้รับการเปิดเผย
“ข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความเลื่อมใสในพระเจ้านี้เป็นที่ยอมรับว่ายิ่งใหญ่จริง.”—1 ติโมเธียว 3:16, ล.ม.
1. ข้อลึกลับอะไรได้รับการพรรณนาใน 1 ติโมเธียว 3:16?
สิ่งลึกลับต่าง ๆ ทำให้คุณรู้สึกทึ่งไหม? คุณชอบสืบสวนอะไร ๆ ที่ลึกลับไหม? พวกเราส่วนใหญ่ชอบ! เช่นนั้นแล้ว มาร่วมกับเราสิ เมื่อเราตรวจสอบข้อลึกลับอย่างหนึ่งซึ่งสำคัญที่สุด—ความลับที่ถูกปกปิดไว้ในพระวจนะของพระเจ้านานนับพัน ๆ ปี. ข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์นี้มีผลกระทบต่อชีวิตของเราอย่างแท้จริง ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต. มันเป็น ‘ข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความเลื่อมใสในพระเจ้า’ ตามคำพรรณนาใน 1 ติโมเธียว 3:16. พวกเราควรขอบพระคุณพระยะโฮวา “ผู้ทรงสำแดงเรื่องลึกลับให้ปรากฏแจ้ง” สักเพียงไร เนื่องด้วยพระทัยกรุณาพระองค์ทรงเผยให้เรารู้ข้อลึกลับอันประเสริฐยิ่งรวมทั้งการแสดงนัยแห่งข้อลึกลับนี้ด้วย!—ดานิเอล 2:28, 29.
2. (ก) พระยะโฮวาตรัสถึงข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งแรกเมื่อไร ครั้นแล้วพระองค์ทรงสัญญาเรื่องอะไร? (ข) คำถามอะไรบ้างที่จำต้องได้รับคำตอบ?
2 พระยะโฮวาตรัสข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์เป็นครั้งแรกภายหลังงูได้ล่อลวงฮาวา และอาดามก็ได้กบฏร่วมไปกับนางด้วย. ตอนนั้นแหละพระเจ้าทรงสัญญาว่า “พงศ์พันธุ์” หรือบุตรจะบดขยี้หัวงูนั้น. (เยเนซิศ 3:15) ใครคือพงศ์พันธุ์นั้น? พงศ์พันธุ์นั้นจะปราบงูอย่างไร? ท่านผู้นี้จะเชิดชูความสัตย์จริงของพระเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์ที่มีต่อแผ่นดินโลกไหม?
3. คำพยากรณ์ต่าง ๆ ที่มาจากพระเจ้าให้ร่องรอยอะไรไว้เกี่ยวเนื่องกับเอกลักษณ์และการงานของพงศ์พันธุ์?
3 ในเวลาต่อมา คำพยากรณ์ของพระเจ้าได้เผยร่องรอยแห่งเอกลักษณ์และสิ่งที่พงศ์พันธุ์นั้นจะกระทำ. ท่านผู้นี้จะเป็นเชื้อสายของอับราฮาม สืบราชบัลลังก์กษัตริย์ดาวิด และจะได้ฉายาว่าเป็นองค์สันติราช. ‘ความจำเริญรุ่งเรืองแห่งรัฐบาลของท่านและสันติสุขจะไม่รู้สิ้นสุด.’ (ยะซายา 9:6, 7; เยเนซิศ 22:15-18; บทเพลงสรรเสริญ 89:35-37) แต่ดังที่โรม 16:25 (ล.ม.) แถลงว่า ข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์นี้ “ได้ปิดเงียบไว้เป็นเวลาอันยาวนาน.”
ไขข้อลึกลับ
4. ข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์เริ่มต้นคลี่คลายโดยวิธีใดในปีสากลศักราช 29?
4 ในที่สุด หลังจากสี่พันปีผ่านไป ข้อลึกลับก็ถูกเผยออกมาชัดแจ้ง! โดยวิธีใด? ปีสากลศักราช 29 โยฮันให้พระเยซูจากเมืองนาซาเร็ธรับบัพติสมาในแม่น้ำยาระเด็น แล้วมีสุรเสียงของพระเจ้าจากสวรรค์ประกาศว่า “ท่านนี้เป็นบุตรที่รักของเรา เราชอบใจท่านมาก.” (มัดธาย 3:17) อะฮ้า ผู้นี้แหละคือพงศ์พันธุ์ตามคำสัญญา! ข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์เริ่มเผยแง่มุมที่รุ่งโรจน์ออกมาให้ประจักษ์ รวมทั้งเรื่องความเลื่อมใสในพระเจ้าด้วย.
5. “ความเลื่อมใสในพระเจ้า” คืออะไร และเรื่องนี้มีผลกระทบอย่างไรต่อคนที่ถือปฏิบัติ?
5 เราเข้าใจอย่างไรเกี่ยวกับ “ความเลื่อมใสในพระเจ้า”? ในคัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีก วลีนี้มีปรากฏอยู่ 20 ครั้ง. มากกว่าครึ่งของจำนวนนี้อยู่ในจดหมายสองฉบับของเปาโลถึงติโมเธียว. หนังสืออินไซท์ ออน เดอะ สคริพเจอร์ส นิยามคำ “เลื่อมใสในพระเจ้า” ว่า “ความเคารพอย่างสูง การนมัสการ และการรับใช้พระเจ้า ด้วยความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระเดชานุภาพของพระองค์.” ความเคารพเริ่มขึ้นในหัวใจซึ่งเอนเอียงเข้าหาพระเจ้า เกรงขามความสง่างามของพระองค์ ความเป็นอมตะของพระองค์ และความหลากหลายสลับซับซ้อนแห่งการสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พร้อมด้วยความสำนึกขอบคุณพระองค์สำหรับของประทานมากมายทั้งสิ่งฝ่ายวิญญาณและทางด้านวัตถุแก่มนุษย์ที่หยั่งรู้ค่าด้วยความยินดี. แท้จริง พวกเราแต่ละคนที่แสดงออกซึ่งความเลื่อมใสในพระเจ้าสามารถกล่าวได้เช่นเดียวกับผู้ประพันธ์บทเพลงสรรเสริญกล่าวไว้ในบทเพลงสรรเสริญ 104:1 ที่ว่า “จิตวิญญาณของข้าพเจ้าเอ๋ย จงสรรเสริญพระยะโฮวา. ข้าแต่พระยะโฮวาพระเจ้าของข้าพเจ้า พระองค์เป็นใหญ่ยิ่งนัก ทรงฉลองพระองค์ด้วยยศศักดิ์และเดชานุภาพ.”
6. (ก) ผู้นมัสการพระยะโฮวาต่างกันอย่างไรกับผู้คนที่เข้าโบสถ์แห่งคริสต์ศาสนจักร? (ข) เปาโลพูดถึงสิ่งใดที่พระธรรมโรม 11:33, 34 ด้วยเหตุนี้จึงมีการตั้งคำถามอะไรขึ้น?
6 ความเลื่อมใสของเราต่อพระเจ้าจำต้องได้แสดงให้ประจักษ์ และทั้งนี้จะปรากฏออกมาโดยการกระทำ. ในเรื่องนี้ ผู้ซึ่งนมัสการพระยะโฮวาพระเจ้าองค์เที่ยงแท้จึงต่างกันมากกับพวกที่เข้าไปนั่งในโบสถ์อันซบเซาแห่งคริสต์ศาสนจักร. สำหรับหลายคนในโลกนี้ หากยังคงนับถือศาสนาก็ถือว่าศาสนาคือพิธีรีตอง เป็นเสื้อคลุมซึ่งเมื่อสวมแล้วทำให้ดูเป็นผู้บริสุทธิ์ขณะเดียวกันเขาดำเนินชีวิตในแบบที่กลมกลืนกับโลกอันเสื่อมทรามรอบ ๆ ตัว. พวกเขาไม่รู้จักว่าใครเป็นพระเจ้าด้วยซ้ำ. ไม่ต้องสงสัย บุคคลประเภทนี้จะต้องพิจารณาคำกล่าวของเปาโลที่กิจการ 17:23 เมื่อท่านพูดกับชาวเมืองเอเธนส์ซึ่งนมัสการ “พระเจ้าที่เขาไม่รู้จัก” ดังนี้ “เหตุฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงได้มาประกาศและแสดงให้ท่านทั้งหลายทราบถึงพระเจ้าที่ท่านทั้งหลายไม่รู้จัก แต่ยังนมัสการอยู่ [ยังให้ความเลื่อมใส, ล.ม. ]” เกี่ยวด้วยพระเจ้าองค์สูงส่งเลิศล้ำนั้น เปาโลแถลงที่โรม 11:33, 34 ว่า “โอพระปัญญาและความรู้ของพระเจ้ามีอเนกอนันต์มากเท่าใด! พระดำริของพระองค์เหลือที่จะเข้าใจได้ และทางทั้งหลายของพระองค์เหลือที่จะสืบเสาะได้! เพราะว่า ‘ใครเล่าได้รู้จักพระทัยของพระเจ้า หรือใครเล่าเป็นที่ปรึกษาเตือนสติพระองค์?’” ถ้าเช่นนั้น โดยวิธีใดเราจึงได้มารู้จักทางของพระเจ้า? โดยการเรียน ‘ข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความเลื่อมใสในพระเจ้า.’ แต่เราจะทำได้อย่างไร?
7. ทำไมจึงจะกล่าวได้ว่า “ข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นที่ยอมรับว่ายิ่งใหญ่จริง”?
7 ที่ 1 ติโมเธียวบท 3 แรกทีเดียวอัครสาวกเปาโลวางเค้าโครงข้อเรียกร้องสำหรับผู้รับใช้พึงปฏิบัติภายในครอบครัวของพระเจ้า ซึ่ง ดังที่พรรณนาในข้อ 15 ว่าคือ “ประชาคมของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ซึ่งเป็นหลักและรากแห่งความจริง.” แล้วเปาโลกล่าวเพิ่มในข้อ 16: “ข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความเลื่อมใสในพระเจ้านี้เป็นที่ยอมรับว่ายิ่งใหญ่จริง.” แน่นอน ยิ่งใหญ่ก็เพราะพระยะโฮวาได้ส่งพระบุตรที่รักองค์เดียวของพระองค์เข้ามาในโลกเพื่อจะเปิดเผยข้อลึกลับนี้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ความเลื่อมใสในพระเจ้าจริง ๆ แล้วเป็นอะไร และความเลื่อมใสเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างไรในการนมัสการแท้. ข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความเลื่อมใสในพระเจ้าได้ปรากฏให้เห็นชัดด้วยวิถีชีวิตของพระเยซูขณะอยู่บนแผ่นดินโลก. บรรดาผู้มีความรักต่อพระยะโฮวาจำต้องสร้างความเชื่อและวางฐานชีวิตของตนบนพระคริสต์ ผู้เป็นแบบอย่างอันดีแห่งความเลื่อมใสในพระเจ้า. แล้วพระเยซูทรงไขข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความเลื่อมใสในพระเจ้าโดยวิธีใด?
มองได้หกด้าน
8. (ก) แง่มุมหกประการของความลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ตามที่เปาโลพรรณนาใน 1 ติโมเธียว 3:16 นั้นมีอะไรบ้าง? (ข) ใครคือ “พระองค์” ผู้นั้นที่ถูกส่งมาให้ปรากฏ?
8 เปาโลตอบคำถามนั้นโดยรับการดลใจ. ที่ 1 ติโมเธียว 3:16 (ล.ม.) ท่านพรรณนาถึงข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์นี้ถึงหกแง่ด้วยกันดังนี้ “พระองค์ [1] ถูกส่งมาให้ปรากฏเป็นเนื้อหนัง [2] ได้รับการประกาศว่าชอบธรรมในสภาพเป็นวิญญาณ [3] ทรงปรากฏแก่เหล่าทูตสวรรค์ [4] ได้รับการประกาศถึงท่ามกลางนานาชาติ [5] ได้รับความเชื่อถือในโลก [6] ถูกรับขึ้นไปในสง่าราศี.” “พระองค์” ผู้นั้นเป็นใครที่ถูกส่งมาให้ปรากฏตัว? เห็นได้ชัดว่า “พระองค์” นั้นคือ พระเยซู พงศ์พันธุ์แห่งคำสัญญา ผู้ได้เสด็จมาเพื่อกระทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. พระองค์เป็นแก่นแห่งข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้ข้อลึกลับนั้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างแท้จริง.
9. มีข้อพิสูจน์อะไรที่ 1 ติโมเธียว 3:16 ไม่ควรอ่านว่า “พระเจ้าทรงปรากฏเป็นเนื้อหนัง”?
9 พวกที่ยึดหลักตรีเอกานุภาพพยายามทำให้เกิดความสับสนในด้านความเข้าใจข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์โดยบอกว่า “พระองค์” ใน 1 ติโมเธียว 3:16 นี้แหละเป็นพระเจ้า. เขาอาศัยคัมภีร์ฉบับคิง เจมส์ ไบเบิล เป็นหลัก ซึ่งอ่านดังนี้: “พระเจ้าได้ทรงปรากฏเป็นเนื้อหนัง.” ทว่าสำเนาต้นฉบับภาษากรีกที่เชื่อถือได้ดีที่สุดพูดไว้อย่างไร? ปรากฏว่าเขาใช้คำ “พระองค์” แทนคำ “พระเจ้า” โดยตลอด. เวลานี้นักวิจารณ์ต้นฉบับต่างก็เห็นพ้องกันว่า การแทรกคำ “พระเจ้า” ไว้ในคัมภีร์ข้อนี้เป็นความผิดพลาดทางอักขระ. ฉะนั้น การแปลตอนหลัง ๆ เช่น คัมภีร์ฉบับแปลอเมริกัน สแตนดาร์ด เวอร์ชัน, เดอะ นิว อิงลิช ไบเบิล, และ นิว เวิลด์ แทรนสเลชัน ช่วยให้อ่านได้อย่างถูกต้องว่า ‘พระองค์ [หรือพระองค์ผู้ซึ่ง] ได้ถูกส่งมาปรากฏเป็นเนื้อหนัง.’ เปล่า พระองค์ผู้ซึ่งได้ปรากฏเป็นเนื้อหนังหาใช่พระเจ้าไม่ แต่เป็นพระบุตรที่รักและเป็นผู้แรกในบรรดาสรรพสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงสร้าง ซึ่งอัครสาวกโยฮันเขียนเกี่ยวกับพระบุตรองค์นี้ว่า “ดังนั้น พระวาทะจึงได้กลายเป็นเนื้อหนัง และทรงอยู่ท่ามกลางเรา และเราได้เห็นสง่าราศีของพระองค์คือสง่าราศีซึ่งเป็นของพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวจากพระบิดา และพระองค์บริบูรณ์ไปด้วยพระกรุณาอันไม่พึงได้รับและความจริง.”—โยฮัน 1:14, ล.ม.
“ปรากฏเป็นเนื้อหนัง”
10. (ก) แง่มุมประการแรกแห่งข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ได้ปรากฏให้เห็นอย่างไรในคราวการรับบัพติสมาของพระเยซู? (ข) เพราะเหตุใดพระเยซูจึงได้มาเป็น “อาดามผู้ซึ่งมาภายหลัง”?
10 ณ การรับบัพติสมาของพระเยซู ลักษณะแรกแห่งข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ที่ปรากฏแจ้งได้แก่: “ถูกส่งมาให้ปรากฏเป็นเนื้อหนัง” ฐานะเป็นพระบุตรที่ถูกเจิมของพระเจ้า. พระยะโฮวาเจ้าทรงย้ายชีวิตพระบุตรจากสวรรค์เข้าสู่ครรภ์ของนางมาเรียเพื่อว่า พระเยซูจะบังเกิดเป็นคนมีเลือดเนื้อเป็นมนุษย์สมบูรณ์. ฉะนั้น ดังแจ้งอยู่ใน 1 โกรินโธ 15:45-47 (ฉบับแปลใหม่) ว่า พระเยซูได้มาเป็นอาดามที่สองหรือ “อาดามผู้ซึ่งมาภายหลัง” จิตวิญญาณที่สมบูรณ์ซึ่งมีค่าเท่าเทียมกับอาดามคนแรก. เพื่อวัตถุประสงค์อะไร? 1 ติโมเธียว 2:5, 6 อ้างถึง “อาดามผู้ซึ่งมาภายหลัง” ว่าเป็น “พระเยซูคริสต์ผู้ทรงสภาพเป็นมนุษย์ ผู้ทรงประทานพระองค์เป็นค่าไถ่สำหรับคนทั้งปวง.” โดยอาศัยพื้นฐานทางกฎหมายว่าด้วยการเสียสละของมนุษย์ที่สมบูรณ์เป็นเครื่องบูชา พระเยซูทรงเป็นคนกลางแห่งคำสัญญาไมตรีใหม่กับมนุษย์ 144,000 คนผู้ซึ่งจะเป็นทายาทร่วมปกครองในราชอาณาจักรของพระองค์.—วิวรณ์ 14:1-3.
11. ประโยชน์แห่งเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูได้แผ่ไปยังผู้ใด?
11 คนอื่นนอกจากจำนวนนี้จะได้ประโยชน์จากการที่พระองค์ได้วายพระชนม์เป็นพลีกรรมไหม? ได้แน่นอน! หนึ่งโยฮัน 2:2 กล่าวว่า พระเยซูคริสต์ “ทรงเป็นผู้ระงับพระพิโรธเพราะความบาปของเรา [หมายถึงบาปซึ่งกระทำไปโดยชนคริสเตียนผู้ถูกเจิมเช่นโยฮัน] แต่ไม่ใช่พวกเราพวกเดียว แต่ว่าของมนุษย์โลกทั้งสิ้นด้วย.” ฉะนั้น คุณประโยชน์แห่งเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูจึงแผ่ไปถึงมนุษย์โดยทั่วไป ไม่เฉพาะแต่ชนคริสเตียนผู้ถูกเจิม 144,000 คนเท่านั้น. “มหาชนหมู่ใหญ่” ซึ่งมีชีวิตอยู่เวลานี้และอีกหลายพันล้านคน ซึ่งจะถูกปลุกขึ้นจากตายในสมัยที่โลกนี้เป็นอุทยานก็จะได้รับชีวิตนิรันดร์โดยอาศัยความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์. ดังคำพยากรณ์บอกไว้ที่วิวรณ์ 7:9, 10 แม้ในเวลานี้มหาชนหมู่ใหญ่ได้ชำระเสื้อผ้าของตนให้ขาวสะอาดโดยการสำแดงความเชื่อในพระโลหิตที่ทรงหลั่งออกมาของพระเมษโปดก คือพระเยซูคริสต์. พวกเขาถูกนับเป็นคนชอบธรรมฐานที่มีมิตรภาพกับพระเจ้า. ด้วยความชื่นชม คนเหล่านี้ได้เรียนรู้ด้านต่าง ๆ แห่งข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์แล้วแสดงความเลื่อมใสในพระเจ้าสอดคล้องกับตัวอย่างของพระเยซู!
ลักษณะอื่น ๆ
12. พระเยซู “ได้รับการประกาศว่าชอบธรรมในสภาพเป็นวิญญาณ” โดยวิธีใด?
12 ทีนี้จะว่าอย่างไรเกี่ยวกับลักษณะที่สองดังกล่าวไว้ใน 1 ติโมเธียว 3:16? พระเยซู “ได้รับการประกาศว่าชอบธรรมในสภาพเป็นวิญญาณ.” แต่โดยวิธีใด? โดยที่พระยะโฮวาทรงปลุกพระบุตรผู้ซึ่งรักษาความจงรักภักดีให้คืนพระชนม์ในสภาพกายวิญญาณ. ทั้งนี้ก็เท่ากับว่าพระเจ้าได้ทรงประกาศว่า พระเยซูเป็นผู้ชอบธรรมโดยแท้และคู่ควรกับหน้าที่มอบหมายอันมีเกียรติขั้นต่อไป. ดังที่กล่าวในโรม 1:4 พระเยซูนั้น “พระวิญญาณแห่งความบริสุทธิ์ยังทรงชี้หมายไว้ว่าเป็นบุตรของพระเจ้าโดยฤทธานุภาพด้วยการเป็นขึ้นมาจากความตาย.” เพื่อยืนยันเรื่องนี้ เปโตรแจ้งไว้ในจดหมายฉบับแรกของท่าน บท 3 ข้อ 18 (ล.ม.) ดังนี้: “แม้ว่าพระคริสต์ได้วายพระชนม์ครั้งเดียวสำหรับตลอดกาลเกี่ยวกับบาป พระองค์ผู้ชอบธรรมเพื่อผู้ไม่ชอบธรรมทั้งหลาย เพื่อว่าพระองค์จะทรงนำท่านทั้งหลายไปถึงพระเจ้า พระองค์ทรงถูกประหารในสภาพเป็นเนื้อหนัง แต่ทรงถูกทำให้มีชีวิตสภาพเป็นวิญญาณ.” ตัวอย่างของพระเยซูเกี่ยวด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้านำคุณ ไปถึงพระเจ้าไหม?
13. พระเยซูซึ่งถูกปลุกให้คืนพระชนม์แล้วทรงปรากฏแก่ทูตสวรรค์จำพวกไหน และพระองค์ได้ประกาศข่าวสารอะไรแก่ทูตเหล่านั้น?
13 ดำเนินเรื่องต่อไปตามที่กล่าวใน 1 ติโมเธียว 3:16 จากนั้นเปาโลอ้างถึงลักษณะที่สามแห่งข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ โดยบอกว่า พระเยซู “ทรงปรากฏแก่เหล่าทูตสวรรค์.” ทูตสวรรค์เหล่านี้คือใคร? เกี่ยวกับพระเยซูซึ่งขณะนี้ “ถูกทำให้มีชีวิตในสภาพเป็นวิญญาณ” เปโตรเขียนที่ 1 เปโตร 3:19, 20, (ล.ม.) ดังนี้ “ในสภาพเช่นนี้ด้วย พระองค์ได้เสด็จไปและประกาศแก่พวกวิญญาณในคุก ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งไม่เชื่อฟังคราวเมื่อความอดกลั้นพระทัยของพระเจ้ารออยู่ในสมัยโนฮา.” ตามพระธรรมยูดาข้อ 6 (ล.ม.) วิญญาณเหล่านั้นได้แก่ “ทูตสวรรค์ . . . ที่ไม่ได้รักษาตำแหน่งดั้งเดิมของตน แต่ได้ละทิ้งสถานที่อยู่อันควรของตน” ในสวรรค์. ทูตเหล่านั้นได้แปลงกายเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อเพื่อจะร่วมเพศสัมพันธ์อย่างผิด ๆ กับผู้หญิง. เมื่อเกิดน้ำท่วมโลก ทูตสวรรค์เหล่านั้นจึงจำต้องกลับไปสู่แดนวิญญาณและถูกผลักลงไปสู่ทาร์ทารัส สภาพตกต่ำที่สุด. (2 เปโตร 2:4) พระเยซูผู้คืนพระชนม์แล้วได้ประกาศแก่ทูตเหล่านี้. แต่เป็นข่าวแห่งความรอดไหม? ไม่ใช่แน่นอน! ในทางตรงกันข้าม พระเยซูทรงประณามความชั่วช้าของเขาว่าเป็นสิ่งตรงข้ามกับความเลื่อมใสในพระเจ้าอย่างสิ้นเชิง. พลไพร่ของพระเจ้าสมัยนี้ ไม่ว่าใครก็ตาม ซึ่งทำเล่น ๆ กับการผิดศีลธรรมทางเพศควรถือเอาคำประกาศตัดสินทูตสวรรค์เหล่านั้นเป็นการเตือนสติ!
14. การประกาศเรื่องพระเยซู “ท่ามกลางนานาชาติ” เริ่มขึ้นอย่างไร?
14 ลักษณะที่สี่แห่ง 1 ติโมเธียว 3:16 ระบุว่า พระเยซู “ได้รับการประกาศถึงท่ามกลางนานาชาติ.” เรื่องนี้สำเร็จแล้วอย่างไร? ไม่นานก่อนพระองค์ถูกจับกุม พระเยซูทรงกำชับพวกอัครสาวกดังนี้ “เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า ผู้ที่วางใจในเรา กิจการซึ่งเรากระทำนั้นเขาจะกระทำด้วย และเขาจะกระทำการใหญ่กว่านั้นอีก เพราะเราไปถึงพระบิดาของเรา.” (โยฮัน 14:12) ภายหลังจากนั้นไม่เท่าไร ในวันเพ็นเตคอสเตปีสากลศักราช 33 พระเยซูก็ได้หลั่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาสู่บรรดาสาวกของพระองค์ และข่าวอันน่าตื่นเต้นที่ว่า “พระเยซูนี้พระเจ้าทรงบันดาลให้คืนพระชนม์” ก็เริ่มประกาศออกไปถึงชาวยิว. ต่อมา ชาวซะมาเรียได้รับรองเอาพระคำของพระเจ้าและเริ่มได้รับพระวิญญาณบริสุทธิ์. (กิจการ 2:32; 8:14-17) ครั้นมาในปี 36 สากลศักราช เปโตรได้ประกาศแก่โกระเนเลียวกับคนอื่นซึ่งเป็นชาวต่างชาติที่ได้ชุมนุมกันในบ้านของเขา. ฉะนั้น ข่าวดีจึงเริ่มได้รับ “การประกาศถึงท่ามกลางนานาชาติ” หมายถึงประกาศไปถึงคนที่ไม่ใช่ยิว ซึ่งพวกเขาก็ได้รับการเจิมด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน.
15. อะไรเป็นข้อพิสูจน์ยืนยันว่า คริสเตียนสมัยศตวรรษแรกมีความเข้าใจข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความเลื่อมใสในพระเจ้าเป็นอย่างดี?
15 ดังรายงานที่แจ้งไว้ในกิจการ 12:24 “คำของพระยะโฮวาก็ยังแผ่เจริญมากขึ้น.” กิจการ 17:6 กล่าวว่า ผู้ขัดขวางในประเทศกรีซตอนเหนือได้ร้องตะโกน เหมือนที่เขาทำจนกระทั่งทุกวันนี้ว่า “คนเหล่านั้นที่เป็นพวกคว่ำแผ่นดินได้มาที่นี่ด้วย.” ภายในเวลาสามสิบปี เปาโลสามารถเขียนจดหมายจากกรุงโรมได้ว่า ข่าวดี “ได้ประกาศแล้วแก่มนุษย์ทุกคนที่อยู่ใต้ฟ้า.” (โกโลซาย 1:23) คริสเตียนสมัยนั้นเข้าใจข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์แห่งความเลื่อมใสในพระเจ้าได้อย่างถ่องแท้. คนเหล่านั้นช่างประพฤติด้วยใจร้อนรนสมกับความเข้าใจของเขาเสียจริง ๆ! และขอให้พวกเราจงเรียนรู้และปฏิบัติตามความรู้ในสมัยที่การประกาศเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้ามาถึงจุดสุดยอด!
16. ลักษณะที่ห้าแห่งข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ได้แก่อะไร และกิจกรรมอะไรทำให้แง่นี้ปรากฏชัด?
16 เพื่อให้ตรงกับเรื่องการประกาศในสมัยศตวรรษแรก ลักษณะที่ห้าแห่งข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งกล่าวไว้ที่ 1 ติโมเธียว 3:16 ได้ปรากฏอย่างเด่นชัด. บัดนี้พระเยซู “ได้รับความเชื่อถือในโลก.” ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากพวกมิชชันนารีที่ปฏิบัติเยี่ยงพระคริสต์ในด้านความเลื่อมใสในพระเจ้า รวมทั้งเปาโลและติโมเธียว. พวกเขาได้นำข่าวดีไปประกาศในเอเชียน้อยและที่ยุโรป อาจไปถึงสเปนด้วยซ้ำ และเข้าไปถึงแอฟริกาซีกตะวันออกโดยการพูดให้คำพยานของชาวเอธิโอเปียคนนั้นที่รับบัพติสมา ขณะที่เปโตรได้ปฏิบัติงานในบาบูโลน.
17. ทำไมทั่วโลกสมัยปัจจุบันมีคนเชื่อในพระเยซู?
17 สมัยนี้ล่ะเป็นอย่างไร? ตั้งแต่ปี 1919 ชนที่เหลือผู้ถูกเจิมได้ประพฤติเป็นตัวอย่างเกี่ยวด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้าอยู่เรื่อยมา. ผู้ถูกเจิมเหล่านี้ได้สร้างความเชื่อไว้อย่างมั่นคงบนรากฐานที่พระเยซูได้ทรงวางไว้แล้ว. โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ปี 1935 พวกเขาเริ่มดำเนินการรวบรวมมหาชนเข้ามา ซึ่งเป็นผู้ที่ยินดีในความหวังว่าจะผ่าน “ความทุกข์ลำบากใหญ่ยิ่ง” แล้วได้รับชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน. (วิวรณ์ 7:9, 14) ด้วยเหตุนี้ ข่าวดีซึ่งรวมจุดอยู่ที่พระเยซูจึงมีผู้คนเชื่อถือทั่วโลกสมัยปัจจุบัน. ด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้า เวลานี้พยานพระยะโฮวามากกว่าสามล้านเจ็ดแสนคนกำลังทำการประกาศและเจริญรุ่งเรืองอยู่ทั่วโลก!
18. พระเยซู “ถูกรับขึ้นไปในสง่าราศี” โดยวิธีใด?
18 ยังมีอีกลักษณะหนึ่งเกี่ยวด้วยข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นประการที่หก: คือพระเยซู “ถูกรับขึ้นไปในสง่าราศี.” ระหว่าง 40 วันหลังจากถูกทำให้มีชีวิตในสภาพเป็นวิญญาณ พระเยซูได้จำแลงกายเป็นมนุษย์ ปรากฏแก่บรรดาสาวกและทรงสั่งสอนเขา “ถึงเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า.” แล้วพระองค์ได้เสด็จสู่สวรรค์. (กิจการ 1:3, 6–9) ดังนั้น คำอธิษฐานของพระองค์ ดังบันทึกไว้ที่โยฮัน 17:1-5 ได้รับคำตอบแล้วที่ว่า “พระบิดาเจ้าข้า . . . ขอโปรดให้พระบุตรของพระองค์มีเกียรติยศ เพื่อพระบุตรจะถวายเกียรติยศแก่พระองค์ . . . ข้าพเจ้าได้ถวายเกียรติยศแก่พระองค์ในโลก . . . เดี๋ยวนี้พระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดให้ข้าพเจ้ามีเกียรติยศจำเพาะพระพักตร์พระองค์ คือเกียรติยศซึ่งข้าพเจ้าได้มีกับพระองค์ในกาลก่อน.”
19. การที่พระเยซูเสด็จกลับสวรรค์คงต้องได้รับการต้อนรับอย่างไร?
19 การที่พระเยซูกลับสู่สวรรค์คงต้องได้ก่อความชื่นชมยินดีอย่างใหญ่หลวงอะไรเช่นนั้น! ตั้งแต่บรรพกาล เมื่อพระยะโฮวาได้วางรากแผ่นดินโลก “เหล่าบุตรของพระเจ้าส่งเสียงแสดงความยินดี.” (โยบ 38:7) จะยิ่งกว่านั้นเพียงใดที่เหล่าทูตสวรรค์คงแสดงความชื่นชมยินดีเหลือหลายเมื่อผู้ซึ่งซื่อสัตย์เป็นเลิศต่อพระยะโฮวาองค์บรมมหิศรกลับมาอยู่ท่ามกลางพวกเขาอีก!
20. เพราะเหตุใดพระเยซูจึงได้รับพระนามเยี่ยมยอดเช่นนั้น และพระเยซูได้ทำอะไรขณะที่พระองค์อยู่ในโลก?
20 เปาโลกล่าวถึงพระเยซูผู้มีชัยที่เฮ็บราย 1:3, 4 ดังนี้: “เมื่อพระองค์ได้ทรงชำระความบาปของเราเสร็จแล้ว ก็ได้ประทับข้างขวาพระหัตถ์ผู้ทรงเดชานุภาพเบื้องบน. พระองค์ทรงดีเยี่ยมกว่าทูตสวรรค์มาก ด้วยว่าพระองค์ได้ทรงรับพระนามที่เยี่ยมกว่าพวกทูตนั้นเป็นมรดก.” พระคริสต์ได้รับพระนามนั้น เพราะพระองค์ทรงมีชัยชนะความอธรรม. พระบุตรองค์นี้ของพระเจ้าเป็นผู้แรกที่เบิกทางแห่งความเลื่อมใสในพระเจ้าบนแผ่นดินโลก. นอกจากนี้ พระองค์ทรงวางแบบอย่างแก่บรรดาผู้ที่จะบรรลุชีวิตนิรันดร์. ด้วยการที่พระเยซูได้รับเกียรติยศประทับเบื้องขวาพระหัตถ์พระเจ้าในสวรรค์เช่นนี้ ทุกแง่ทุกประการแห่งข้อลึกลับอันศักดิ์สิทธิ์นี้จึงได้รับการเปิดเผยออกมาอย่างชัดแจ้ง.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ “ความเลื่อมใสในพระเจ้า” หมายถึงอะไร?
▫ โดยวิธีใดพระเยซู “ถูกส่งมาให้ปรากฏเป็นเนื้อหนัง” และหลังจากนั้น “ได้รับการประกาศว่าชอบธรรมในสภาพเป็นวิญญาณ”?
▫ พระเยซูทรงปรากฏแก่ทูตสวรรค์จำพวกไหน พร้อมด้วยข่าวอะไร?
▫ โดยวิธีใดพระคริสต์ได้ “รับการประกาศถึงท่ามกลางนานาชาติ” และ “ได้รับความเชื่อถือในโลก.”?
▫ พระเยซู “ถูกรับขึ้นไปในสง่าราศี” เมื่อไร และภายหลังทรงกระทำอะไรเกี่ยวกับความเลื่อมใสในพระเจ้า?