ปฏิบัติพระยะโฮวาด้วยใจชื่นชม
“จงปฏิบัติพระยะโฮวาด้วยใจชื่นชม จงเข้ามาเฝ้าพระองค์ด้วยร้องเพลง.”—บทเพลงสรรเสริญ 100:2, ล.ม.
1, 2. (ก) ลัทธิแบ่งเชื้อชาติถูกนำขึ้นมาเป็นเรื่องเด่นอย่างไรในเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี? (ข) ได้มีการสังเกตความแตกต่างอะไร ณ สนามกีฬาโอลิมปิคเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 1990 เมื่อเทียบกับปี 1936 และความยินดีของกลุ่มชนนานาชาติที่ร่วมประชุมที่นั่นได้อาศัยอะไรเป็นหลัก?
นี้คือภาพสนามกีฬาโอลิมปิคในกรุงเบอร์ลิน. เมื่อห้าสิบสี่ปีก่อน สนามกีฬาที่สวยงามแห่งนี้ได้กลายเป็นศูนย์กลางแห่งความขัดแย้งเมื่อมีรายงานว่าอดอล์ฟ ฮิตเลอร์จอมเผด็จการพรรคนาซีแสดงอาการปั้นปึ่งกับนักวิ่งสี่เหรียญทองชาวอเมริกันผิวดำอย่างน่าอัปยศอดสู. ที่แท้ เป็นการหักล้างคำอวดอ้างของฮิตเลอร์เรื่องเชื้อชาติที่ว่าด้วย “ความเหนือกว่าแห่งชาวอารยัน”! แต่มาบัดนี้ ในวันที่ 26 กรกฏาคม 1990 คนผิวดำ ผิวขาว ผิวเหลือง—ประชาชนซึ่งเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันจาก 64 ชาติ มีจำนวนถึง 44,532 คน—ร่วมชุมนุมกัน ณ การประชุมภาค “ภาษาบริสุทธิ์” ซึ่งจัดขึ้นโดยคณะพยานพระยะโฮวา. บ่ายวันพฤหัสฯนั้น ทุกคนต่างก็ปลาบปลื้มยินดีเสียนี่กระไร! เมื่อจบคำบรรยายเรื่องบัพติสมาแล้ว จำนวนผู้จะรับบัพติสมา 1,018 คนเปล่งเสียงตอบรับ “ยา!” และอีกครั้ง “ยา!” เป็นคำพูดยืนยันการอุทิศตัวต่อพระยะโฮวา ที่จะกระทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์.
2 ต้องใช้เวลา 19 นาทีสำหรับพยานฯใหม่เหล่านี้จะเดินเรียงแถวจากสนามกีฬาไปยังสระน้ำเพื่อรับบัพติสมา. และตลอดช่วงเวลานั้น เสียงปรบมือดังกึกก้องไม่ขาดระยะทั่วสนามใหญ่แห่งนั้น. ผู้กำชัยชนะคราวแข่งกีฬาโอลิมปิคไม่เคยประสบเสียงตบมือยินดีเหมือนตอนที่ต้อนรับบุคคลเหล่านี้นับร้อย ๆ คน ซึ่งมาจากหลายกลุ่มทางเชื้อชาติ เป็นผู้ที่สำแดงความเชื่ออันมีชัยแก่โลก. (1 โยฮัน 5:3, 4) ความยินดีของเขาอาศัยความมั่นใจที่ว่าการครอบครองโดยราชอาณาจักรของพระเจ้าทางพระคริสต์จะนำพระพรอันรุ่งเรืองหนึ่งพันปีมาสู่มนุษยชาติ.—เฮ็บราย 6:17, 18; วิวรณ์ 20:6; 21:4, 5.
3. ความจริงอะไรได้รับการเน้นให้เด่นชัดโดยความมั่นใจของผู้ที่เข้าร่วมประชุม และโดยวิธีใด?
3 ณ ที่นี่ไม่มีการเกลียดชังกันระหว่างผิวหรือเชื้อชาติ เพราะทุกคนต่างก็พูดภาษาบริสุทธิ์แห่งพระคำของพระเจ้า ดังนั้น จึงเป็นการย้ำความจริงแห่งคำพูดของเปโตรที่ว่า “ข้าพเจ้าเห็นจริงแล้วว่าพระเจ้าไม่ทรงเลือกหน้าผู้ใด แต่ชาวชนในประเทศใด ๆ ที่เกรงกลัวพระองค์และประพฤติในทางชอบธรรมก็เป็นที่ชอบพระทัยพระองค์.”—กิจการ 10:34, 35; ซะฟันยา 3:9.
4. ส่วนใหญ่ของผู้เข้าร่วมประชุมครั้งนี้ได้เข้ามาเป็นผู้เชื่อถือภายใต้สภาพการณ์เช่นไร และคำอธิษฐานของพวกเขาได้รับคำตอบอย่างไร?
4 ในท่ามกลางผู้เข้าร่วมประชุมใหญ่ที่เบอร์ลิน ส่วนมากได้เข้ามาเป็นผู้เชื่อถือระหว่างช่วงนานหลายปีที่มีการกดขี่ในยุคนาซี (ปี 1933-1945) และต่อมาก็เป็นยุคสังคมนิยมในเยอรมนีตะวันออก ซึ่งคำสั่งห้ามงานของพยานพระยะโฮวาพึ่งได้รับการประกาศยกเลิกเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 1990. ฉะนั้น ประชาชนจำนวนมากได้ “รับถ้อยคำนั้นในความยากลำบากเป็นอันมาก และด้วยความยินดีในพระวิญญาณบริสุทธิ์.” (1 เธซะโลนิเก 1:6) เวลานี้บุคคลดังกล่าวมีเสรีภาพมากขึ้นที่จะรับใช้พระยะโฮวา และความยินดีของเขาไม่มีสิ้นสุด.—เทียบกับยะซายา 51:11.
โอกาสต่าง ๆ สำหรับความยินดี
5. ชาวยิศราเอลได้ฉลองการช่วยให้รอดที่มาจากพระยะโฮวา ณ ทะเลแดงนั้นโดยวิธีใด?
5 การปลดเปลื้องพี่น้องของเราในยุโรปตะวันออก และเมื่อเร็ว ๆ นี้ในบางส่วนของแอฟริกาและเอเชีย ทำให้เรานึกถึงการช่วยให้รอดสมัยก่อนซึ่งเป็นมาโดยพระยะโฮวา. เรานึกถึงราชกิจอันยิ่งใหญ่ของพระยะโฮวาที่ทะเลแดง และการที่ในบทเพลงโมทนาพระคุณซึ่งพวกยิศราเอลได้ร้องมาถึงสุดยอดด้วยถ้อยคำดังนี้: “ข้าแต่พระยะโฮวา ในบรรดาพระเจ้าทั้งหลาย องค์ไหนจะเหมือนพระองค์? องค์ไหนเหมือนพระองค์ พิสูจน์พระองค์เองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในความบริสุทธิ์? ผู้ซึ่งทรงเป็นที่ครั่นคร้ามด้วยบทเพลงสดุดี ผู้ซึ่งทรงกระทำการอัศจรรย์.” (เอ็กโซโด 15:11, ล.ม.) ทุกวันนี้ พวกเรายังคงชื่นชมยินดีมิใช่หรือกับราชกิจต่าง ๆ อันน่าอัศจรรย์ซึ่งพระยะโฮวาทรงกระทำเพื่อพลไพร่ของพระองค์? พวกเราชื่นชมอย่างแท้จริง!
6. เราได้เรียนอะไรจากการที่ชาวยิศราเอลโห่ร้องแสดงความยินดีในปี 537 ก่อนสากลศักราช?
6 ในปี 537 ก่อนสากลศักราช มีความยินดีอย่างท่วมท้นเมื่อชาวยิศราเอลได้รับการปลดปล่อยให้กลับสู่ประเทศของตนหลังจากเป็นเชลยอยู่ในบาบูโลน. ตอนนั้นชนชาติของพระยะโฮวาสามารถประกาศอย่างเปิดเผยดังที่ยะซายาพยากรณ์ไว้ว่า “ดูเถิด! พระเจ้าเป็นความรอดของข้าพเจ้า. ข้าพเจ้าจะวางใจและไม่หวาดกลัว; เพราะยาห์ พระยะโฮวาทรงเป็นกำลังและฤทธิ์เดชของข้าพเจ้า และพระองค์ได้ทรงกลายเป็นความรอดของข้าพเจ้า.” ช่างเป็นการยกย่องสดุดีอะไรอย่างนั้น! และชนชาตินั้นได้แสดงความยินดีอย่างไร? ยะซายาแถลงต่อไปว่า “ในวันนั้นเจ้าทั้งหลายจะกล่าวเป็นแน่ว่า ‘ประชาชนทั้งหลาย จงโมทนาพระคุณพระยะโฮวา! จงร้องเรียกพระนามของพระองค์. จงประกาศให้ชนชาวประเทศต่าง ๆ รู้จักการปฏิบัติของพระองค์. จงกล่าวว่าพระนามพระองค์นั้นถูกยกย่อง. จงบรรเลงเพลงถวายพระยะโฮวา เพราะพระองค์ได้ทรงกระทำกิจอันเลอเลิศ.’” ในครั้งกระโน้นพวกเขาสามารถ “ร้องแสดงความยินดี” ด้วยการประกาศราชกิจอันประกอบด้วยฤทธิ์เดชของพระองค์ “ให้รู้กันทั่วแผ่นดินโลก” ดังที่ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาที่ได้รับการปลดเปลื้องแล้วกำลังกระทำอยู่ในเวลานี้.—ยะซายา 12:1-6, ล.ม.
ชื่นชมในราชกิจของพระยะโฮวา
7. การช่วยให้รอดพ้นแบบไหนทำให้มีการแสดงความชื่นชมยินดีเมื่อปี 1919?
7 ในสมัยปัจจุบันนี้ ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาได้เริ่มเปล่งเสียงแสดงความชื่นชมเมื่อพระองค์ทรงโปรดช่วยให้เขารอดพ้นอย่างคาดคิดไม่ถึงในปี 1919. วันที่ 26 มีนาคมปีนั้นเอง สมาชิกคณะกรรมการปกครองได้รับการปลดปล่อยจากคุกแห่งสหรัฐ ซึ่งพวกเขาถูกคุมขังนานถึงเก้าเดือนด้วยข้อหาเท็จว่าปลุกปั่นก่อความไม่สงบ. ช่างเป็นการฉลองต้อนรับครั้งมโหฬารอะไรเช่นนั้นเมื่อพวกเขากลับคืนสู่สำนักเบเธลที่บรุคลิน! ยิ่งกว่านั้น ชนที่เหลือผู้ถูกเจิมเหล่านั้นทุกคนต่างก็ปีติยินดีที่ได้รับการปลดปล่อยฝ่ายวิญญาณจากบาบูโลนใหญ่ ระบบศาสนาซึ่งซาตานได้ใช้เพื่อทำโลกทั้งสิ้นติดกับ.—วิวรณ์ 17:3-6; 18:2-5.
8. มีคำประกาศแจ้งการออกหนังสืออะไรอันยังความประหลาดใจ ณ การประชุมที่ซีดาร์ พอยน์ท ปี 1919 และมีการป่าวร้องให้ลงมือปฏิบัติการอะไร?
8 ความเปลี่ยนแปลงแห่งปี 1919 อันเป็นประวัติการณ์เช่นนั้นได้ขึ้นถึงสุดยอดด้วยการประชุมใหญ่แห่งไพร่พลของพระเจ้าซึ่งจัดขึ้นที่ซีดาร์ พอยน์ท รัฐโอไฮโอ สหรัฐ ระหว่างวันที่ 1-8 กันยายน. ณ วันที่ห้าของการประชุม เรียกว่า “วันแห่งผู้ร่วมงาน” นายกสมาคมวอชเทาเวอร์สมัยนั้นคือ เจ. เอ็ฟ. รัทเธอร์ฟอร์ดได้กล่าวคำปราศรัยที่เร้าใจต่อผู้ฟัง 6,000 คนเรื่อง “การประกาศราชอาณาจักร.” หลังจากพิจารณาข้อคัมภีร์ที่วิวรณ์ 15:2 และยะซายา 52:7 แล้ว ท่านได้แจ้งแก่ผู้ฟังทั้งหลายว่าจะมีการออกวารสารใหม่รายปักษ์ชื่อ เดอะ โกลเด็น เอจ (ปัจจุบันเรียกตื่นเถิด) จัดพิมพ์เพื่อจำหน่ายเผยแพร่โดยเฉพาะ. ท่านกล่าวตอนท้ายว่า “บรรดาผู้ที่เลื่อมใสแด่พระเจ้าอย่างเต็มที่ ผู้ไม่หวั่นกลัว เป็นคนใจบริสุทธิ์ ผู้ซึ่งรักพระเจ้าและรักองค์พระเยซูคริสต์อย่างสุดความคิดจิตใจ สุดกำลัง และสุดจิตวิญญาณย่อมจะชื่นชมยินดีที่จะร่วมทำงานนี้เท่าที่โอกาสอำนวย. จงทูลขอการทรงนำและการชี้แนะจากพระเจ้าเพื่อว่าพระองค์จะทรงตั้งท่านเป็นทูตแท้จริง ซื่อสัตย์ และมีประสิทธิภาพ. แล้วพร้อมกับมีเพลงแห่งความยินดีในหัวใจของท่าน จงออกไปรับใช้พระองค์.”
9, 10. พระยะโฮวาทรงอำนวยให้วารสารวอชเทาเวอร์ และอเวค! เฟื่องฟูอย่างไร?
9 “เพลงแห่งความยินดี” นั้นได้ระบือไกลไปตลอดทั่วโลกทีเดียว! ไม่ต้องสงสัยที่ผู้อ่านของเราจำนวนมากมีส่วนทำให้วารสารตื่นเถิด เพิ่มจำนวนพิมพ์จำหน่ายสูงถึง 12,980,000 ฉบับแต่ละงวดใน 64 ภาษาในขณะนี้. ตื่นเถิด เป็นเครื่องมือที่มีพลังในการนำผู้คนที่มีความสนใจเข้ามาเรียนความจริง ตื่นเถิด จึงออกคู่กับวารสารหอสังเกตการณ์. สตรีผู้ประกาศเต็มเวลาคนหนึ่งในประเทศทางตะวันออกนำวารสารเวียนส่งประจำ และแปลกใจว่าทุกครั้งที่เธอนำส่งวารสารฉบับล่า เจ้าของบ้านจะบริจาคเงินประมาณ 7 เหรียญ (สหรัฐ) เพื่อสนับสนุนงานของพยานพระยะโฮวาที่ทำกันทั่วโลก—เป็นการแสดงถึงการหยั่งรู้ค่าสำหรับงานราชอาณาจักรอย่างแท้จริง!
10 บัดนี้วารสารหอสังเกตการณ์ ย่างเข้าปีที่ 112 แล้ว มียอดพิมพ์จำหน่าย 15,290,000 ฉบับแต่ละงวดใน 111 ภาษา จากจำนวนนี้มี 59 ภาษาซึ่งออกมาครบทุกเรื่องและออกในเวลาเดียวกัน. ชนที่เหลือผู้ถูกเจิมฐานะเป็นคนต้นเรือนที่ซื่อสัตย์ยังคงแจก “อาหาร [ฝ่ายวิญญาณ] ตามเวลา” แก่ผู้อ่านที่หยั่งรู้ค่า. (ลูกา 12:42) ในระหว่างปี 1990 พยานพระยะโฮวารายงานว่าได้บอกรับวารสารสองอย่าง 2,968,309 ราย เพิ่มจากปี 1989 ถึง 22.7 เปอร์เซ็นต์.
ความยินดีอุดมบริบูรณ์
11. (ก) มีการเรียกร้องอะไรจากไพร่พลของพระเจ้าที่ซีดาร์ พอยน์ท ปี 1922? (ข) เสียงโห่ร้องด้วยความยินดีได้ขยายกว้างไกลออกไปถึงขนาดไหน?
11 อนึ่ง ความยินดีมีอย่างบริบูรณ์เมื่อประชาชนของพระเจ้า ซึ่งขณะนั้นมีจำนวน 10,000 คน ได้ร่วมประชุมกันอีกเป็นครั้งที่สอง ณ ซีดาร์พอยน์ท เมื่อเดือนกันยายน 1922 และ 361 คนได้รับบัพติสมา. ในคำบรรยายของบราเดอร์รัทเธอร์ฟอร์ดเรื่อง “ราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์มาใกล้แล้ว” โดยอาศัยพระธรรมมัดธาย 4:17 ท่านได้นำเรื่องสู่ขั้นสุดยอดอย่างที่เร้าใจว่า “โลกต้องรู้ว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้า และรู้ว่าพระเยซูคริสต์เป็นจอมกษัตริย์และเป็นเจ้านายเหนือเจ้านายทั้งหลาย. ยุคนี้พิเศษอย่างไม่มียุคใดเทียบเท่า. ดูเถิด พระมหากษัตริย์ทรงครอบครองแล้ว! พวกท่านเป็นโฆษกของพระองค์. เหตุฉะนั้น จงโฆษณา โฆษณา โฆษณา พระมหากษัตริย์และราชอาณาจักรของพระองค์.” บรรดาผู้เปล่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีในการประชุมครั้งนั้นได้ทวีจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งในปี 1989 มีมากกว่า 6,600,000 คนได้ร่วมการประชุมใหญ่ของพยานพระยะโฮวาที่จัดขึ้น 1,210 แห่งทั่วโลกและผู้รับบัพติสมาทั้งสิ้น 123,688 คน.
12. (ก) ไพร่พลของพระเจ้าสมัยปัจจุบันมีส่วนร่วมในความยินดีอะไรอย่างไม่อาจประมาณได้? (ข) เราจะจัดงานรับใช้พระยะโฮวาให้สมดุลกับการเชื่อฟัง “ผู้มีอำนาจที่สูงกว่า” นั้นอย่างไร?
12 พยานพระยะโฮวาถนอมอิสรภาพ. สำคัญอย่างยิ่ง คือพวกเขาชื่นชมในความสมจริงในปัจจุบันเกี่ยวด้วยคำตรัสของพระเยซูที่ว่า “เจ้าทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงนั้นจะทำให้เจ้าเป็นอิสระ.” เป็นความยินดีใหญ่หลวงอะไรเช่นนั้นที่ได้หลุดพ้นจากความลึกลับและการถือโชคลางแห่งศาสนาเท็จ! ช่างเป็นความยินดีอันประมาณมิได้ที่ได้รู้จักพระยะโฮวาและพระบุตรของพระองค์ อีกทั้งได้กลายมาเป็นผู้ร่วมงานกับพระองค์ พร้อมกับมีความหวังจะได้ชีวิตนิรันดร์! (โยฮัน 8:32, ล.ม.; 17:3; 1 โกรินโธ 3:9-11) ผู้รับใช้ของพระเจ้าหยั่งรู้ค่าเมื่อ “ผู้มีอำนาจที่สูงกว่า” ของโลกนี้ซึ่งมีอำนาจปกครองเขายอมรับเสรีภาพของเขาที่จะประกาศความหวังอันรุ่งโรจน์แห่งราชอาณาจักรของพระยะโฮวาภายใต้พระคริสต์. พยานฯเต็มใจยินดี “ให้ของของกายะซาแก่กายะซา” แต่ในขณะเดียวกันเขาถวาย “ของของพระเจ้าแก่พระเจ้า.”—โรม 13:1-7; ลูกา 20:25, ล.ม.
13. พยานพระยะโฮวาได้แสดงออกซึ่งความยินดีอย่างไรเมื่อได้รับการช่วยให้พ้นจากการกดขี่?
13 อย่างไรก็ดี ถ้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมืองพยายามจะจำกัดพันธะหน้าที่นี้อันพึงทำถวายพระเจ้า พยานพระยะโฮวาก็จะตอบอย่างที่พวกอัครสาวกตอบว่า “เราต้องเชื่อฟังพระเจ้าในฐานะผู้ครอบครองยิ่งกว่าเชื่อฟังมนุษย์.” ณ โอกาสนั้น หลังจากผู้มีอำนาจปล่อยพวกอัครสาวกไปแล้ว คนเหล่านั้น ‘ได้ออกไปด้วยความยินดี.’ พวกเขาแสดงความยินดีโดยวิธีใด? “เขาจึงได้สั่งสอนประกาศกิตติคุณของพระเยซูคริสต์ในโบสถ์และตามบ้านเรือนทุก ๆ วันมิได้ขาด.” (กิจการ 5:27-32, 41, 42) ทำนองเดียวกัน พยานพระยะโฮวาสมัยปัจจุบันชื่นชมยินดีเมื่อเขาได้รับเสรีภาพเพิ่มมากขึ้นเพื่อจะได้มุ่งทำงานประกาศสั่งสอน. ในหลายดินแดนซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงเปิดหนทางไว้ พวกเขาแสดงความยินดีมากยิ่งเช่นนี้โดยการให้คำพยานอย่างทั่วถึงเกี่ยวด้วยพระนามของพระยะโฮวา และการคืบใกล้เข้ามาแห่งราชอาณาจักรโดยทางพระเยซูคริสต์.—เทียบกับกิจการ 20:20, 21, 24; 23:11; 28:16, 23.
อดทนด้วยความยินดี
14. ความยินดีอย่างนี้ซึ่งเป็นผลแห่งพระวิญญาณเหนือกว่าความยินดีที่นิยามไว้ในพจนานุกรมอย่างไร?
14 ความยินดีอันแรงกล้าซึ่งคริสเตียนแท้ประสบอยู่เวลานี้คืออะไร? มันเป็นความยินดีอย่างดื่มด่ำและยืนยงกว่าความยินดีชั่วประเดี๋ยวเดียวของผู้ชนะกีฬาโอลิมปิค. ความยินดีนี้เป็นผลแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าซึ่งพระเจ้าประทานแก่คนที่ “เชื่อฟังพระองค์ฐานะผู้ครอบครอง.” (กิจการ 5:32, ล.ม.) พจนานุกรมฉบับเว็บสเตอร์ นิยามความยินดีว่า ‘หยั่งลึกยิ่งกว่าความดีใจโดยทั่วไป ส่งประกายหรือแสดงให้เห็นยิ่งกว่าความเบิกบาน.” สำหรับคริสเตียน ความยินดียิ่งหมายความลึกซึ้งมากกว่านั้นด้วยซ้ำ. เนื่องจากอาศัยความเชื่อของเรา ความยินดีจึงเป็นคุณลักษณะที่ส่อถึงพลัง เสริมความเข้มแข็งมั่นคง. “ความยินดีแห่งพระยะโฮวาเป็นป้อมอันมั่นคงของท่านทั้งหลาย.” (นะเฮมยา 8:10, ล.ม.) ความยินดีแห่งพระยะโฮวาซึ่งพลไพร่ของพระเจ้าได้เพาะให้เจริญงอกงามนั้นเหนือกว่าความตื่นเต้นเร้าใจเพียงชั่วแล่นซึ่งผู้คนได้จากความสนุกสนานเพลิดเพลินทางกามารมณ์และทางโลกีย์.—ฆะลาเตีย 5:19-23.
15. (ก) จากประสบการณ์ของคริสเตียนที่ซื่อสัตย์ ความพากเพียรควบคู่กันกับความยินดีอย่างไร? (ข) จงยกข้อคัมภีร์บางข้อซึ่งเป็นคำรับรองที่ให้กำลังใจเกี่ยวกับการคงไว้ซึ่งความยินดี.
15 จงพิจารณาพี่น้องของเราในรัฐยูเครน. เมื่อเจ้าหน้าที่ฝ่ายบ้านเมือง ‘ผู้มีอำนาจสูงกว่า’ ได้เนรเทศคนเหล่านี้นับพัน ๆ คนไปยังไซบีเรียในช่วงต้นทศวรรษปี 1950 พวกเขาทนทุกข์ยากอย่างหนัก. ครั้นผู้มีอำนาจได้นิรโทษกรรมเวลาต่อมา พวกเขาต่างก็รู้สึกขอบคุณ แต่ไม่ใช่ทุกคนกลับบ้านเกิดของตน. เพราะเหตุใด? การทำงานในค่ายกรรมกรทางภาคตะวันออกของประเทศทำให้เขาระลึกถึงถ้อยคำในยาโกโบ 1:2-4 ที่ว่า “ดูก่อนพี่น้องของข้าพเจ้า เมื่อท่านทั้งหลายตกอยู่ในการทดลองต่าง ๆ ก็จงมีความยินดีเถิด ท่านทั้งหลายรู้แล้วว่า การทดลองดูความเชื่อของท่านนั้นกระทำให้เกิดความเพียร.” พวกเขาต้องการจะพากเพียรอดทนต่อ ๆ ไปในการเก็บเกี่ยวที่น่ายินดีดังกล่าว และเป็นความยินดีอะไรเช่นนั้น ณ การประชุมใหญ่แห่งคณะพยานพระยะโฮวาเมื่อไม่นานมานี้ซึ่งจัดขึ้นในประเทศโปแลนด์ได้ต้อนรับเหล่าพยานฯจากสุดภาคตะวันออก เช่นชุมชนต่าง ๆ ทางชายฝั่งแปซิฟิก. ความอดทนและความยินดีควบคู่กันไปบังเกิดผลอย่างนี้. แท้จริง พวกเราทั้งหลายซึ่งด้วยความยินดีได้อดทนรับใช้พระยะโฮวาสามารถกล่าวได้ว่า “ข้าพเจ้าคงยินดีอยู่ในพระเจ้าผู้ช่วยให้รอดของข้าพเจ้า พระยะโฮวาเจ้าเป็นกำลังของข้าพเจ้า”.—ฮะบาฆูค 3:18, 19; มัดธาย 5:11, 12.
16. ตัวอย่างอันดีของยิระมะยาและโยบน่าจะสนับสนุนพวกเราอย่างไรในงานประกาศตามบ้านเรือน?
16 กระนั้น เราจะคงไว้ซึ่งความยินดีได้อย่างไรเมื่อเราให้คำพยานในที่ ๆ มีคนต่อต้านอย่างดันทุรัง? จงจำไว้ว่า ผู้พยากรณ์ของพระเจ้ารักษาทัศนคติอันน่าชื่นชมภายใต้สภาพการณ์คล้าย ๆ กัน. ยิระมะยากล่าวเมื่อท่านตกอยู่ในความยากลำบากว่า “คำโอวาทของพระองค์ข้าพเจ้าได้พบแล้ว และข้าพเจ้าได้กินคำนั้น และคำโอวาทของพระองค์เป็นที่ให้เกิดความอภิรมย์ยินดีในใจข้าพเจ้า เพราะข้าพเจ้าเรียกชื่อด้วยนามของพระองค์ โอ้พระยะโฮวาพระเจ้าของพลโยธาทั้งหลาย.” (ยิระมะยา 15:16) นับว่าเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่ถูกเรียกตามพระนามของพระยะโฮวาและที่จะให้คำพยานถึงพระนามนั้น! การขะมักเขม้นศึกษาของเราเป็นส่วนตัวและการเข้าส่วนอย่างเต็มที่ในการประชุมคริสเตียนย่อมเสริมสร้างเราให้มีความปีติยินดีในความจริงอยู่เรื่อยไป. ความยินดีของเราจะแสดงให้ประจักษ์ในกิริยาท่าทางของเราเมื่อออกไปประกาศตามบ้าน และด้วยอาการยิ้มแย้มเมื่อเราพูดเรื่องราชอาณาจักร. ถึงแม้ตกอยู่ภายใต้การทดลองลำบากแสนสาหัส โยบสามารถพูดถึงฝ่ายที่เป็นปฏิปักษ์ท่านว่า “ข้ายิ้มแย้มต่อเขาเมื่อเขาท้อถอย และใบหน้ายิ้มแย้มของข้า เขามิได้หม่นหมอง.” (โยบ 29:24, ฉบับแปลใหม่) เช่นเดียวกันกับท่านโยบผู้ซื่อสัตย์ เราไม่จำเป็นต้องรู้สึกหดหู่ท้อใจเมื่อผู้ต่อต้านดูถูกเรา. จงยิ้มไว้เสมอ! สีหน้าของเราสามารถสะท้อนความยินดี และเมื่อเป็นเช่นนั้นจะมีคนหันมาฟังเรา.
17. ความเพียรอดทนกับความยินดีอาจบังเกิดผลอย่างไร?
17 ขณะที่เราทำงานทั่วเขตซ้ำแล้วซ้ำอีก ความเพียรอดทนและความยินดีของเราอาจประทับใจผู้คนที่เอนเอียงเข้าหาทางชอบธรรมและทำให้เขาอยากสืบค้นเพื่อจะมีความหวังอันรุ่งโรจน์อย่างที่เรายึดอยู่ก็ได้. ช่างเป็นความยินดีอะไรอย่างนั้นที่จะนำการศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจำและสม่ำเสมอกับคนประเภทนี้! ครั้นเขารับเอาความจริงอันประเสริฐแห่งพระวจนะของพระเจ้าเข้าไว้ในหัวใจแล้ว เราจะยินดีสักปานใดเมื่อท้ายที่สุดพวกเขาได้กลายมาเป็นเพื่อนร่วมงานกับเราในงานรับใช้พระยะโฮวา! แล้วเราจะสามารถพูดไว้อย่างอัครสาวกเปาโลที่เคยกล่าวกับคนใหม่ ๆ ซึ่งเข้ามาเชื่อในสมัยของท่านว่า “ด้วยว่าอะไรจะเป็นความหวังหรือความชื่นชม หรือมงกุฏสำหรับมีหน้ามีตาของเรา? ก็มิใช่ท่านทั้งหลายหรือ? จำเพาะพระพักตร์พระเยซูคริสต์เจ้าเมื่อพระองค์จะเสด็จมา? เพราะว่าท่านทั้งหลายเป็นสง่าราศีและความยินดีของเรา.” (1 เธซะโลนิเก 2:19, 20) จริงทีเดียว เราจะประสบความยินดีก่อความอิ่มใจพอใจเมื่อนำคนใหม่ ๆ มาถึงความจริงแห่งพระวจนะของพระเจ้า และช่วยเหลือเขาถึงขั้นเป็นพยานฯที่อุทิศตัวและรับบัพติสมา.
ความยินดีเป็นกำลังค้ำจุน
18. อะไรจะช่วยเราให้รับมือได้กับความยากลำบากต่าง ๆ ในสมัยปัจจุบัน?
18 ในชีวิตประจำวันของเรา สภาพการณ์หลายอย่างอาจทำให้เราต้องอดทน. ความเจ็บป่วยด้านร่างกายก็ดี ความหดหู่ใจและความเดือดร้อนทางการเงินก็ดี สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงบางอย่างเท่านั้น. คริสเตียนจะรักษาความยินดีได้โดยวิธีใดเพื่อรับมือกับความทุกข์เดือดร้อนดังกล่าว? ทั้งนี้อาจทำได้โดยการยึดอยู่กับพระวจนะของพระเจ้าเพื่อจะได้การปลอบโยนและการนำทาง. การอ่านพระธรรมบทเพลงสรรเสริญหรือฟังผู้อื่นอ่านจะยังความสดชื่นแก่เราในยามเป็นทุกข์เดือดร้อน. และรับรู้คำแนะนำอันสุขุมของดาวิดที่ว่า “จงมอบภาระไว้กับพระยะโฮวา และพระองค์จะทรงค้ำจุนท่าน. พระองค์จะไม่ทรงยอมให้ผู้ชอบธรรมต้องแตกฉานซ่านเซ็น.” (บทเพลงสรรเสริญ 55:22) แท้จริง พระยะโฮวาทรง “สดับคำอธิษฐาน.”—บทเพลงสรรเสริญ 65:2.
19. เหมือนดาวิดและเปาโล เราอาจมีความมั่นใจอะไร?
19 องค์การของพระยะโฮวา โดยทางสรรพหนังสือที่องค์การพิมพ์ออกมา พร้อมทั้งผู้ปกครองในประชาคมพร้อมจะช่วยเราผู้เป็นมนุษย์ที่อ่อนแอต่อสู้อุปสรรคปัญหาต่าง ๆ. ดาวิดแนะนำด้วยความอบอุ่นดังนี้: “จงมอบทางประพฤติของตนไว้กับพระยะโฮวา แถมจงวางใจในพระองค์ด้วย และพระองค์จะทรงกระทำให้สำเร็จดังประสงค์.” ท่านสามารถกล่าวได้ด้วยว่า “ตั้งแต่ข้าพเจ้าเป็นคนหนุ่ม จนบัดนี้เป็นคนชราแล้ว ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นคนชอบธรรมถูกทอดทิ้ง หรือพงศ์พันธุ์ของเขาต้องขอทาน.” ด้วยการคบหากับประชาคมคริสเตียน เราจะตระหนักดีว่า “ความรอดของคนชอบธรรมมาจากพระยะโฮวา พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยของเขาในยามยากลำบาก.” (บทเพลงสรรเสริญ 37:5, 25, 39) จงให้เราติดตามคำแนะนำของเปาโลเสมอ ที่ว่า “เหตุฉะนั้น เราจึงไม่ย่อท้อ . . . ด้วยว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่แลเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่แลไม่เห็น. เพราะว่าสิ่งของซึ่งแลเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งแลไม่เห็นนั้นก็ถาวรอยู่นิรันดร์.”—2 โกรินโธ 4:16-18.
20. เราแลเห็นอะไรโดยตาแห่งความเชื่อ และข้อนี้กระตุ้นเราอย่างไร?
20 ด้วยสายตาแห่งความเชื่อของเรา เราสามารถมองเห็นระบบใหม่ของพระยะโฮวาอยู่ไม่ไกลนัก. เวลานั้นช่างจะเป็นความยินดีและพระพรมากมายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้! (บทเพลงสรรเสริญ 37:34; 72:1, 7; 145:16) เพื่อเป็นการเตรียมตัวสำหรับวาระอันรุ่งเรืองนั้น ให้เราเชื่อฟังคำกล่าวในบทเพลงสรรเสริญ 100:2 ที่ว่า “จงปฏิบัติพระยะโฮวาด้วยใจชื่นชม. จงเข้ามาเฝ้าพระองค์ด้วยร้องเพลง.”
เพื่อทบทวน:
▫ ชัยชนะที่น่ายินดีอะไรต่อลัทธิการแบ่งเชื้อชาติซึ่งเห็นได้ในสมัยนี้?
▫ อะไรเป็นสาเหตุให้ไพร่พลของพระเจ้าสมัยก่อนร้องเพลงและเปล่งเสียงร้องด้วยความยินดี?
▫ ความยินดีที่แท้จริงทวีมากขึ้นอย่างไรในสมัยปัจจุบัน?
▫ ความเพียรอดทนและความยินดีควบคู่กันอย่างไร?
▫ โดยวิธีใดเราอาจคงไว้ซึ่งความยินดีของเรา?