ภาษาบริสุทธิ์รวมชนฝูงใหญ่ผู้นมัสการเข้ามาเป็นเอกภาพ
ภาษาบริสุทธิ์ซึ่งพระเจ้าทรงประทานให้เป็นพลังสำหรับเอกภาพของคริสเตียน. ข้อพิสูจน์ในเรื่องนี้ปรากฏชัดต่อทุก ๆ คนที่เข้าร่วมการประชุมภาคของพยานพระยะโฮวาซึ่งจัดขึ้นที่เบอร์ลินตะวันตกวันอังคารถึงวันศุกร์ ที่ 24 ถึง 27 กรกฎาคม 1990 เนื่องจากมีพยานฯเข้าร่วมจากประเทศต่าง ๆ 64 ประเทศ.
คราวที่จัดการประชุม “ความเลื่อมใสในพระเจ้า” ขึ้นในประเทศโปแลนด์ตอนฤดูร้อนปี 1989 ตัวแทนนับพันมาจากรัสเซียและเชคโกสโลวาเกีย แต่มีจำนวนเพียงไม่กี่ร้อยคนที่มาจากเยอรมนีตะวันออก. สถานการณ์ทางการเมืองของโลกได้เปลี่ยนแปลงไปสักเพียงไรนับแต่นั้นมา! ในคราวนี้ ตัวแทนราว 30,000 คนจากเยอรมนีตะวันออกมาชุมนุมกับพยานฯที่สนามกีฬาโอลิมเปียในเบอร์ลินตะวันตก. การประชุมภาคแบบเดียวกันนี้จัดขึ้นนับร้อยแห่งตามส่วนต่าง ๆ ของโลกตามปกติเป็นวันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์.
ในคำกล่าวต้อนรับตอนเปิดการประชุมในวันอังคาร ประธานอ้างถึงการจัดประชุมภาคคราวต่าง ๆ นับตั้งแต่ปี 1919 ว่ามีบทบาทในการช่วยพยานพระยะโฮวาให้ทำความก้าวหน้าในการพูดภาษาบริสุทธิ์. การประชุมภาคครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันจะช่วยทุกคนที่เข้าร่วมให้ปรับปรุงความสามารถในการพูดภาษาบริสุทธิ์และดำเนินชีวิตตามนั้น. เขาเตือนผู้เข้าร่วมว่า โดยการปรากฏตัวที่สะอาดและความประพฤติที่ดียิ่งของพวกเขา พลไพร่ของพระยะโฮวาแสดงให้เห็นชัดแจ้งถึงความก้าวหน้าในการพูดภาษาบริสุทธิ์.
“ภาษาบริสุทธิ์สำหรับชนทุกชาติ”
นับว่าเหมาะที่คำบรรยายสำคัญของการประชุมภาคมีหัวเรื่องนี้. เรื่องนี้อาศัยพระธรรมซะฟันยา 3:9 (ล.ม.) ซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาว่า “เราจะให้มีการเปลี่ยนเป็นภาษาบริสุทธิ์แก่ประชาชน เพื่อเขาทุกคนจะได้ร้องถึงพระนามของพระยะโฮวา เพื่อจะรับใช้พระองค์เคียงบ่าเคียงไหล่กัน.” ภาษาบริสุทธิ์เกี่ยวข้องกับความเข้าใจที่ถูกต้องและการหยั่งรู้ค่าความจริงเรื่องพระเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์. เฉพาะพระยะโฮวาเท่านั้นจึงจะสามารถจัดเตรียมสิ่งนี้โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์. ความรักต่อความจริงควรเป็นแรงกระตุ้นคนเราให้เรียนภาษาบริสุทธิ์ ซึ่งปราศจากความไม่สะอาดทางศีลธรรมทั้งสิ้น.
นอกจากนั้น การพูดภาษาบริสุทธิ์นั้นไม่ใช่แค่การใช้คำศัพท์เฉพาะอย่าง. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น แนวทางแห่งชีวิตของเราต้องประสานกับสิ่งที่ออกจากริมฝีปากของเรา. ที่จริง น้ำเสียงของเรา การแสดงออกทางสีหน้า และท่าทางก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน เพราะทั้งหมดนี้สะท้อนถึงสิ่งที่อยู่ภายในตัวเรา. เพื่อทันกับภาษาบริสุทธิ์ที่ขยายตัวเรื่อยไป เราต้องยึดอยู่กับตารางการศึกษาที่เสมอต้นเสมอปลายและเข้าร่วมการประชุมทุกรายการของประชาคมอย่างสม่ำเสมอ.
การเรียนภาษาบริสุทธิ์
ดังที่มีการเน้นในคำบรรยายของบ่ายวันอังคาร การเรียนภาษาบริสุทธิ์หมายถึง “ความก้าวหน้าจากเบื้องต้นไปสู่ความอาวุโส.” การพัฒนาเป็นสิ่งจำเป็นหากเราต้องการก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณต่อ ๆ ไป. นี้หมายถึงการรับเอาประโยชน์จากการจัดเตรียมทุกอย่างเพื่อความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณและนำหลักการในพระคัมภีร์มาใช้ในชีวิตประจำวัน.
เพื่อจะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในภาษาบริสุทธิ์ เราต้อง “ได้รับการสั่งสอนจากพระยะโฮวา” ซึ่งเป็นหัวเรื่องคำบรรยายชุดของเช้าวันพฤหัสบดี. ผู้บรรยายคนแรกแสดงให้เห็นว่าสิ่งนี้ ‘ได้มีแบบอย่างจากพระเยซูคริสต์.’ จากคำพูดและการกระทำของพระเยซูเห็นได้ชัดว่าพระองค์ได้รับการสอนจากพระยะโฮวา. ดังนั้น เราต้องการเลียนแบบพระองค์ในเรื่องวิธีการสอน. และดังที่พระเยซูทรงยินยอมอ่อนโน้มต่อพระทัยประสงค์พระบิดาของพระองค์เสมอ พวกเราก็จำต้องทำเช่นกัน.
ผู้บรรยายอีกสามคนถัดไปแสดงถึงวิธีที่พระยะโฮวาทรงสอนโดยการประชุมต่าง ๆ และการประชุมใหญ่. เราให้ประโยชน์จากการประชุมประจำประชาคมทั้งห้ารายการและไม่ควรจะละเลยรายการใด ๆ. แต่ละการประชุมสำคัญเพื่อความก้าวหน้าฝ่ายวิญญาณของเรา. นอกจากนั้น พระยะโฮวาทรงสอนเราโดยรายการต่าง ๆ ในการประชุมหมวด การประชุมภาค และการประชุมพิเศษวันเดียว. เพื่อจะได้ประโยชน์จากการประชุมเหล่านี้ทั้งหมด เราต้องฟังด้วยใจจดจ่อแล้วนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปปฏิบัติ.
ถัดจากคำบรรยายชุดนี้เป็นคำบรรยายเรื่อง “การเสียสละเพื่อการศึกษาส่วนตัว.” ที่จะหาเวลาสำหรับเรื่องนี้ เราต้องติดตามคำแนะนำที่เอเฟโซ 5:15, 16 ที่ให้ซื้อเวลามาจากสิ่งซึ่งมีความสำคัญน้อยกว่า.
ตามเหตุผลแล้ว เป้าหมายของการเรียนภาษาบริสุทธิ์คือการอุทิศตัวและรับบัพติสมา. ความจริงข้อนี้ได้รับการเน้นในคำบรรยายเรื่อง “การรับบัพติสมาของคนเหล่านั้นที่กำลังเรียนภาษาบริสุทธิ์.” ภาษานี้นำคนมากมายมาถึงการอุทิศตัวและการรับบัพติสมา. อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นเขาต้องติดตามแบบอย่างของพระเยซูต่อ ๆ ไปด้วยการประกาศข่าวดีอย่างกระตือรือร้น สวมบุคลิกลักษณะใหม่ และแยกตัวอยู่ห่างจากโลกเรื่อยไป.
อาหารแข็งฝ่ายวิญญาณ
นอกจากนั้น ผู้เข้าร่วมประชุมยินดีที่ได้รับอาหารแข็งฝ่ายวิญญาณซึ่งอาศัยเรื่องราวที่เป็นภาพพยากรณ์ซึ่งสำเร็จสมจริงแล้ว. ตอนบ่ายวันพฤหัสบดี มีคำบรรยายสองเรื่องโดยอาศัยเนื้อหาจากคำพยากรณ์ของยะเอศเคล. เรื่องแรก “ราชรถฝ่ายสวรรค์ของพระยะโฮวากำลังเคลื่อนที่” พรรณนาถึงยานพาหนะที่ยิ่งใหญ่รุ่งโรจน์น่าเกรงขามทางภาคสวรรค์เร็วดุจสายฟ้าแลบ. ยานพาหนะนั้นเป็นภาพเล็งถึงองค์การทางภาคสวรรค์ของพระยะโฮวา ซึ่งพระเจ้าทรงขับขี่โดยที่พระองค์ทรงชี้นำการเคลื่อนไหวทุกอย่างด้วยความรักและทรงใช้พาหนะนี้เพื่อดำเนินงานจนบรรลุวัตถุประสงค์ของพระองค์. ท่านยะเอศเคลเป็นภาพเล็งถึงชนที่เหลือผู้ถูกเจิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนับตั้งแต่ปี 1919. นับจากปี 1935 “ชนฝูงใหญ่” ก็เข้ามาสมทบกับพวกเขา.—วิวรณ์ 7:9.
คำบรรยายต่อมามีชื่อเรื่องว่า “จงก้าวไปพร้อมกับองค์การที่ประจักษ์แก่ตา.” ไม่ต้องสงสัยว่าองค์การอันประจักษ์แก่ตาของพระเจ้านี้กำลังตามติดองค์การฝ่ายสวรรค์ซึ่งเป็นดุจราชรถของพระองค์. เช่นเดียวกับท่านยะเอศเคล พลไพร่ของพระยะโฮวาทุกวันนี้ต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายตามคำพยากรณ์จนบรรลุผลสำเร็จทั้งที่มีความไม่แยแส การเยาะเย้ยหรือแม้แต่การต่อต้านขัดขวาง. การก้าวไปข้างหน้านำพระพรมากมายในปัจจุบันรวมทั้งชีวิตถาวรในโลกใหม่ของพระเจ้าที่คืบใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว.
ในเช้าวันศุกร์ ได้มีการเตรียมอาหารแข็งฝ่ายวิญญาณเช่นกันด้วยคำบรรยายสามเรื่องซึ่งอาศัยพระธรรมยะซายาบทที่ 28. คำบรรยายแรกของชุดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้เมามายฝ่ายวิญญาณของยูดาและยิศราเอลโบราณเป็นภาพเล็งถึงผู้เมามายฝ่ายวิญญาณแห่งคริสต์ศาสนจักร. และผู้เมามายฝ่ายวิญญาณพวกแรกได้ประสบการลงโทษจากพระยะโฮวาฉันใด ผู้เมามายฝ่ายวิญญาณแห่งคริสต์ศาสนจักรก็จะประสบฉันนั้น.
คำบรรยายถัดมามีชื่อเรื่องว่า “ที่คุ้มภัยของพวกเขา—เป็นเรื่องโกหก!” บรรจุคำเตือนที่รุนแรง: อาณาจักรยูดาโบราณที่วางใจในอียิปต์ซึ่งก็ปรากฏแล้วว่าเป็นแหล่งคุ้มภัยที่ไร้ประโยชน์ฉันใด การที่คริสต์ศาสนจักรวางใจในการเป็นมิตรไมตรีกับผู้มีอำนาจทางการเมืองในสมัยของเราก็จะเป็นฉันนั้น. คำบรรยายที่สามที่อาศัยพระธรรมยะซายาบทที่ 28 “ประกาศคำเตือนอยู่เรื่อยไปเรื่องราชกิจอันแปลกประหลาดของพระยะโฮวา” มุ่งไปถึงผู้รับใช้ของพระเจ้า. สิ่งที่พระยะโฮวาจะทรงกระทำต่อคริสต์ศาสนจักรเรียกได้อย่างเหมาะเจาะว่าแปลกประหลาด เพราะเหตุการณ์นี้จะนำความตะลึงงันสุดคาดมาสู่เขา. ปัจจุบันนี้ พระยะโฮวาทรงเป็นมงกุฏแห่งความรุ่งโรจน์สำหรับชนคริสเตียนผู้ถูกเจิมกลุ่มเล็ก ๆ และสำหรับ “แกะอื่น” ซึ่งมีจำนวนมากกว่าสี่ล้านคน. (โยฮัน 10:16) ผู้บรรยายสรุปด้วยถ้อยคำที่เร้าใจดังนี้: “ขอให้ความกระตือรือร้น ความแน่วแน่ และความภักดีของพวกเราเป็นส่วนส่งเสริมคำสรรเสริญแด่พระเจ้าของเรา พระยะโฮวา.”
การพูดภาษาบริสุทธิ์หมายถึงการสำแดงความรักฉันพี่น้อง
ตอนบ่ายวันพุธผู้เข้าร่วมประชุมได้รับการอธิบายอย่างแจ่มแจ้งว่า การพูดภาษาบริสุทธิ์ยังหมายถึงการ “เห็นอกเห็นใจเด็กกำพร้าและหญิงม่ายในความทุกข์ลำบากของเขา.” เด็กผู้ชายซึ่งไม่มีบิดาสามารถได้รับความช่วยเหลือโดยการฝึกอบรมเป็นส่วนตัว. เราสามารถแสดงความเห็นอกเห็นใจหญิงม่ายด้วยคำพูดหนุนใจที่เต็มด้วยความกรุณา โดยรวมพวกเขาอยู่ในกิจกรรมฝ่ายคริสเตียนของเราและการพบปะสังสรรค์ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านวัตถุแก่พวกเขาหากพวกเขาสมควรจะได้และมีความต้องการจริง ๆ. การสัมภาษณ์ได้แสดงให้เห็นถึงวิธีทำสิ่งต่าง ๆ ดังกล่าว.
ในตอนบ่ายของวันพฤหัสบดี มีคำบรรยายที่ฟังแล้วอบอุ่นใจอีกเรื่องหนึ่งคือ “วิธีที่คริสเตียนเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน.” พยานพระยะโฮวามีประวัติอันดีงามในเรื่องการเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะเมื่อประสบกับความเสียหายจากพายุเฮอริเคน แผ่นดินไหว หรือเมื่อมีความจำเป็นต้องเขียนจดหมายถึงเจ้าหน้าที่ หรือเมื่อมีความจำเป็นในท้องถิ่น. แต่เมื่อเกิดความยุ่งยากขึ้นเพราะความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์ เราควรจะใช้หลักการที่มีอยู่ในคำแนะนำของพระเยซูที่มัดธาย 5:23, 24 และ 18:15-17. โดยเฉพาะในกรณีที่เกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจกับพี่น้อง จำเป็นต้องมีความเคารพนับถือซึ่งกันและกัน และความเอาใจใส่ซึ่งกันและกันเพื่อว่าทั้งนายจ้างและลูกจ้างจะไม่ได้ฉวยเอาผลประโยชน์ในทางที่เห็นแก่ตัวจากความสัมพันธ์ทางฝ่ายวิญญาณ.
การพูดภาษาบริสุทธิ์โดยการเฝ้าระวังความประพฤติของเรา
ความจำเป็นในการเฝ้าระวังความประพฤติของเราได้รับการเน้นซ้ำแล้วซ้ำอีก. ด้วยเหตุนี้ ผู้บรรยายคนแรกของบ่ายวันอังคารจึงบรรยายในอรรถบทที่ว่า “การได้ยินและการถือรักษาพระคำของพระเจ้า.” เขากล่าวว่ามีเหตุผลใหญ่ ๆ สองประการสำหรับการเข้าร่วมประชุมของเราคือ: เพื่อรับเอาความรู้ถ่องแท้และเพื่อรับการกระตุ้นให้ปฏิบัติตามความรู้นั้น.
คำบรรยายแรกของเช้าวันพุธได้ยกเอาคำถามที่ชวนให้คิดที่ว่า “พระคริสต์ ‘ทรงเกลียดการละเลยกฎหมาย’—คุณล่ะ?” ที่จะรักแต่ความชอบธรรมนั้นยังไม่พอ. เราจะต้องเกลียดการละเลยกฎหมายเพื่อจะได้มีสติรู้สึกผิดชอบที่ดี เพื่อรักษาสัมพันธภาพอันดีกับพระยะโฮวา เพื่อหลีกเลี่ยงการนำความเสื่อมเสียมาสู่พระนามของพระองค์ และเพื่อเลี่ยงการเก็บเกี่ยวผลแห่งการละเลยกฎหมายคือ—ความเสื่อมเสียและความตาย.
คำบรรยายต่อมาเกี่ยวโยงกับหัวเรื่องข้างต้นอย่างใกล้ชิด มีชื่อเรื่องว่า “จงปฏิเสธความเพ้อฝันอย่างโลก จงติดตามความเป็นจริงแห่งราชอาณาจักร.” ซาตาน ฮาวา และทูตสวรรค์ที่เสื่อมลงทั้งหมดนี้ติดตามความเพ้อฝันไปสู่ความหายนะ. ความเพ้อฝันของโลกประกอบด้วยความเพ้อฝันเรื่องวัตถุนิยม หรือเรื่องการเล่นชู้ ยังผลคือความผิดหวังหรือไม่ก็อาจทำความผิดร้ายแรงด้วยซ้ำ. เพื่อจะยับยั้งความเพ้อฝันเหล่านี้ เราต้องติดตามความจริงแห่งราชอาณาจักรโดยการศึกษา การอธิษฐาน การเข้าร่วมประชุม และออกไปประกาศ.
เพื่อดำเนินชีวิตคริสเตียนอย่างซื่อตรง เรายังต้องติดตามคำแนะนำที่ให้ในตอนบ่ายวันพุธในคำบรรยายเรื่อง “คริสเตียน—จงดำเนินชีวิตอยู่ในขอบเขตรายได้ของคุณ.” หากไม่ปฏิบัติอย่างนั้นก็คงต้องได้รับผลกระทบที่เป็นความเสียหายทั้งต่อร่างกายและฝ่ายวิญญาณ. แนวทางแห่งสติปัญญาก็คือควบคุมความปรารถนาของเนื้อหนังด้วยการไม่ยอมตกเข้าสู่การเป็นหนี้โดยไม่จำเป็นและการวางแผนงบประมาณตามความเป็นจริง จากนั้นก็ยึดมั่นกับงบประมาณ. เราต้องปลูกฝังความเลื่อมใสในพระเจ้าตลอดเวลา. พร้อมด้วยความอิ่มใจพอใจ ทั้งหมดนี้เป็นแนวทางที่จะได้กำไรมาก.—1 ติโมเธียว 6:6-8.
ความสำคัญของการเฝ้าระวังการคบหาสมาคมของเราได้รับการเน้นในคำบรรยายวันอังคารเรื่อง “เพื่อนของคุณเป็นมิตรของพระยะโฮวาไหม?” เพื่อนของเราควรจะเป็นคริสเตียนซึ่งสวมบุคลิกลักษณะแบบคริสเตียนและกระตือรือร้นในงานประกาศ. คนคุ้นเคยที่เป็นชาวโลกไม่ได้เป็นมิตรกับพระเจ้า และเราไม่อาจคบหาสมาคมกับเขาโดยปราศจากความเสียหายต่อตัวเราเอง. แม้แต่ในประชาคมของเรา เราต้องรู้จักเลือกหากเราต้องการให้การคบหาสมาคมเป็นชนิดที่เสริมสร้างจริง ๆ.
คำแนะนำที่กล่าวข้างต้นเกี่ยวกับการประพฤติได้รับการเน้นให้เห็นภาพด้วยละครฉากปัจจุบัน. ละครนั้นมีชื่อเรื่องว่า “รับมือกับการกระทำด้วยเล่ห์เหลี่ยมของพญามาร.”
ภาษาบริสุทธิ์คำแนะนำสำหรับครอบครัว
คำบรรยายที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งได้แก่คำบรรยายวันพุธเรื่อง “บิดามารดา—จงปฏิบัติภาระหน้าที่ของคุณให้สำเร็จ!” บิดามารดาเองต้องเข้าใจถึงพระทัยประสงค์ของพระเจ้าและดำเนินชีวิตตามนั้นด้วยสุดความสามารถของเขา. เขาจำต้องหมั่นพร่ำสอนพระวจนะของพระเจ้าให้แก่ลูก ๆ ของเขาด้วย. ยิ่งกว่านั้น เพียงแต่พาลูกไปยังการประชุมคริสเตียนและไปในงานประกาศเท่านั้นไม่พอ. จำต้องสอนพวกเขาให้รักพระยะโฮวาและช่วยให้เห็นถึงสติปัญญาที่ใช้การได้จากการกระทำสิ่งต่าง ๆ ที่แสดงความเลื่อมใสในพระเจ้า.
ถัดมาเป็นคำบรรยายชุดในหัวข้อ “ครอบครัวในสมัยของเรา.” ผู้บรรยายคนแรกแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้เริ่มต้นครอบครัว. บิดาจำต้องสื่อความหมายได้ดีในเรื่องเกี่ยวกับสิ่งฝ่ายวิญญาณ. มารดาต้องเป็นผู้ดูแลบ้านอย่างดี และลูก ๆ จำต้องแสดงความนับถือต่อพระยะโฮวาโดยให้ความร่วมมือกับบิดามารดาของตน.
ผู้บรรยายต่อจากนั้นกล่าวว่าครอบครัวอยู่ “ภายใต้การโจมตีจากคู่ปรปักษ์.” ความกดดันทางเศรษฐกิจนำความยุ่งยากมาสู่พวกเขา. ที่ทำงานมีการล่อใจให้ทำผิด สื่อต่าง ๆ โชยกลิ่นของความรุนแรง การผิดศีลธรรมทางเพศ ความดึงดูดใจทางวัตถุนิยม. จำต้องเริ่มสอนแต่เนิ่น ๆ และเพื่อจะเอาชนะอิทธิพลของโลกได้ จำเป็นต้องออกความพยายามอย่างยิ่ง. ที่จะได้ผลดีต้องอาศัยเครื่องมือที่มาจากระบอบการของพระเจ้าซึ่งจัดโดยสมาคมวอชเทาเวอร์.
คำบรรยายต่อมาเป็นเรื่องเกี่ยวกับ ‘การคุ้มครองรักษาครอบครัวเข้าสู่โลกใหม่’ เน้นมากขึ้นถึงหน้าที่รับผิดชอบอันสำคัญของบิดามารดา. การฝึกอบรมลูก ๆ ต้องทำด้วยความเอาจริงเอาจังอย่างยิ่ง. มีการให้คำแนะนำที่ดีมากเกี่ยวกับการศึกษาพระคัมภีร์กับครอบครัวและสิ่งที่จะใช้ได้ในการศึกษา ทั้งหมดนี้มีจุดมุ่งหมายในการเข้าถึงหัวใจของลูก ๆ. เฉพาะแต่การทำดังกล่าวเท่านั้นบิดามารดาและลูก ๆ จึงมีความหวังว่าจะได้รับการคุ้มครองเข้าสู่โลกใหม่ฐานะเป็นครอบครัว.
มีการเสนอคำแนะนำอันดียิ่งที่สนองความจำเป็นสำหรับสภาพการณ์ของครอบครัวซึ่งพยานหลายคนได้ประสบได้แก่คำบรรยายเรื่อง “การอยู่กับคู่สมรสที่นับถือคนละศาสนา.” มีคำแนะนำให้บรรดาผู้ที่มีสภาพดังกล่าวไม่ล้มเลิกความหวังที่ว่าวันหนึ่งฝ่ายที่ไม่เชื่อจะกลายมาเป็นผู้เชื่อถือ. จงให้เวลากับคู่สมรสที่ไม่เชื่อและทำให้แน่ใจว่าคุณปฏิบัติตามข้อเรียกร้องทั้งสิ้นสำหรับคู่สมรสคริสเตียน. คุณสามารถรับความช่วยเหลือจากผู้ปกครองหรือบางทีจากคนอื่นที่อยู่กับคู่สมรสที่นับถือคนละศาสนา.
การพูดภาษาบริสุทธิ์กับคนอื่น ๆ
นับว่าเหมาะที่สุด ที่มีการเน้นให้เราใช้ทุก ๆ โอกาสสอนภาษาบริสุทธิ์แก่คนอื่น ๆ. ดังนั้น ตอนเช้าวันพุธผู้เข้าร่วมประชุมจึงได้ยินคำบรรยายเรื่อง “จงใช้เวลาอันมีค่าของคุณอย่างฉลาด.” เพื่อจะทำสิ่งนั้นได้เราต้องกำหนดสิ่งสำคัญอันดับแรก ประสานกับมัดธาย 6:33, (ล.ม.) ที่กล่าวว่า “จงแสวงหาราชอาณาจักรและความชอบธรรมของพระองค์ก่อนเสมอไป.” นั่นหมายรวมถึงการจัดเวลาไว้สำหรับการศึกษาส่วนตัว เข้าร่วมการประชุมทุกรายการ และร่วมงานประกาศอย่างสม่ำเสมอ. สิ่งนี้เรียกร้องให้เราซื้อเวลาจากสิ่งที่มีความสำคัญน้อยกว่า แม้จะเป็นกิจกรรมที่ให้ความเพลิดเพลินก็ตาม. การสัมภาษณ์สองสามรายแสดงให้เห็นวิธีที่บางคนได้ทำสิ่งนี้.
เราต้องไม่ลืมว่าเราเป็นพยานพระยะโฮวา. ตอนบ่ายวันพฤหัสบดี มีการแสดงตัวอย่างต่าง ๆ ที่เน้นถึงจุดนั้นภายใต้หัวข้อ “จงพูดภาษาบริสุทธิ์ต่อ ๆ ไปในทุกโอกาส.” การแสดงตัวอย่างเหล่านี้แสดงถึงวิธีที่จะทำสิ่งนี้ได้ด้วยการให้คำพยานตามท้องถนน การให้คำพยานอย่างไม่เป็นทางการ และด้วยการใช้โทรศัพท์. ความรักอย่างไม่เห็นแก่ตัวที่มีต่อพระยะโฮวาพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้านของเราจะกระตุ้นเราให้พูดภาษาบริสุทธิ์ในทุก ๆ โอกาส.
คำบรรยายถัดไปเชื่อมโยงสอดคล้องกับคำบรรยายนี้คือเรื่อง “พระพรของคนเหล่านั้นที่ไม่ขอตัว.” มีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดระหว่างคริสต์ศาสนจักรกับองค์การของพยานพระยะโฮวาซึ่งมีการสอนอยู่ตลอดทั่วโลก. เราแต่ละคนต้องทานความกดดันทุกอย่าง เช่น การต่อต้านขัดขวางจากทางการ การเมินเฉยที่มีอยู่ทั่วไป และปัญหาทางเศรษฐกิจ. การสาธิตซึ่งอาศัยหนังสือการหาเหตุผลจากพระคัมภีร์ แสดงถึงวิธีที่จะเอาชนะความกดดันต่าง ๆ เหล่านี้.
นอกจากนั้น ยังมีการสนับสนุนงานประกาศด้วยความกระตือรือร้นด้วยละครทางพระคัมภีร์เรื่อง กระทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าด้วยความร้อนรน. ละครนี้แสดงให้เห็นว่าท่านเยฮูมีความกระตือรือร้นสักเพียงไรเพื่อพระนามของพระยะโฮวาและเป็นสิ่งสำคัญสักเพียงไรสำหรับพวกเราที่จะแสดงความกล้าหาญและความกระตือรือร้นในทำนองเดียวกันเพื่อการงานของพระเจ้า.
การออกหนังสือใหม่ ณ การประชุมภาค
มีหนังสือที่มีคุณค่าและน่าประทับใจอย่างยิ่งสองเล่ม ที่ออกมาเป็นภาษาอังกฤษและเยอรมันในระหว่างการประชุมภาคนี้. หนังสือเล่มแรกที่ออกมาประสานกับคำบรรยายเรื่อง “การรักษาชีวิตของคุณไว้ด้วยเลือด—โดยวิธีใด?” ทีแรกผู้บรรยายพูดถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวเนื่องกับการถ่ายเลือด. เขาอธิบายว่ามีสารอื่นหลายอย่างที่จะใช้ได้แทนเลือดเมื่อสูญเสียเลือด. แต่ว่าพยานพระยะโฮวาละเว้นจากเลือดไม่ใช่เพราะสิ่งนั้นเป็นภัยต่อสุขภาพแต่เพราะการรับเลือดทำให้เราไม่บริสุทธิ์. เขาละเว้นเลือด ไม่ใช่เพราะเลือดอาจจะไม่สะอาด แต่เพราะเลือดมีค่าในสายพระเนตรของพระเจ้า. เลือดซึ่งช่วยชีวิตได้อย่างแท้จริงคือพระโลหิตซึ่งเป็นค่าไถ่ของพระเยซูคริสต์. ในตอนสรุปผู้บรรยายทำให้ผู้ฟังทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมยินดีด้วยการแสดงจุลสารขนาด 32 หน้าชื่อ เลือดจะช่วยชีวิตของคุณได้อย่างไร?
หนังสือออกใหม่ที่มีคุณค่าอีกเล่มหนึ่งซึ่งสัมพันธ์กับคำบรรยายที่มีชื่อเรื่องว่า “ประชาชนทั้งหลาย จงแสวงหาพระยะโฮวา.” ส่วนใหญ่แล้ว ประชาชนไม่แสวงหาพระเจ้า. ศาสนาต่าง ๆ มากมายที่มีอยู่แสดงให้เห็นว่าการแสวงหาพระเจ้าของมนุษย์ช่างผิดพลาดสักเพียงไรเมื่อเขามองข้ามพระวจนะของพระเจ้า. ดังที่เห็นจากรายงานการประชุมอนุสรณ์ของเราในแต่ละปี ชนนับล้านต้องการความช่วยเหลือเพื่อพวกเขาจะยืนหยัดอยู่ฝ่ายพระยะโฮวา. ยะซายา 55:6, 7 (ฉบับแปลใหม่) แสดงว่าพระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงรักและทรงเมตตากรุณาอย่างแท้จริง พระองค์พร้อมที่จะ “ให้อภัยอย่างล้นเหลือ.” ในฐานะที่เป็นพยานของพระองค์ เราได้รับภาษาบริสุทธิ์เพื่อว่าเราจะช่วยคนอื่น ๆ ให้เข้าร่วมในการรับใช้พระยะโฮวาเคียงบ่าเคียงไหล่กัน.
ปัจจุบันนี้ พลไพร่ของพระเจ้าเผชิญกับสิ่งท้าทายที่เกี่ยวกับการย้ายถิ่นฐานที่อยู่ของประชากรเป็นอันมาก. ดังนั้น ผู้คนในเขตทำงานของเราอาจถือศาสนาต่าง ๆ หลายอย่าง. เพื่อเราจะสามารถช่วยชาวฮินดู ชาวพุทธ ชาวชินโต และชนที่ถือศาสนาอื่นอีกมากมาย สมาคมได้จัดทำหนังสือที่ดียิ่งขนาดหนา 384 หน้าที่มีชื่อว่า มนุษย์แสวงหาพระเจ้า. หนังสือนี้เสนอคำสอนพื้นฐานศาสนาใหญ่ ๆ ภายนอกคริสต์ศาสนจักร. แต่หนังสือนี้ยังติดตามประวัติของศาสนาเท็จซึ่งอยู่ภายในคริสต์ศาสนจักร. หนังสือเล่มนี้อาจเปิดโอกาสเริ่มการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลกับผู้คนที่ถือศาสนาต่าง ๆ ได้.
คำบรรยายสาธารณะและคำบรรยายลงท้าย
“เป็นเอกภาพเนื่องจากภาษาบริสุทธิ์” เป็นชื่อเรื่องของคำบรรยายสาธารณะในวันศุกร์. ผู้บรรยายกล่าวว่าแม้จะมีภาษาต่าง ๆ กันถึงสามพันภาษาซึ่งปัจจุบันนี้เป็นอุปสรรคกีดขวางเอกภาพ แต่ภาษาบริสุทธิ์เป็นพลังที่ทรงอานุภาพในการก่อเอกภาพ. ภาษานี้ช่วยคุ้มครองพยานพระยะโฮวาจากความเข้าใจผิดแบบบาบูโลน ทั้งช่วยสอนพวกเขาให้นับถือความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตและเลือด และช่วยพวกเขาให้ดำเนินชีวิตโดยอาศัยหลักการของคัมภีร์ไบเบิลซึ่งยังประโยชน์ทั้งทางด้านร่างกายและด้านวิญญาณ. ทุกคนจำเป็นต้องตั้งใจเรียนและพูดภาษาบริสุทธิ์ เนื่องจากเฉพาะแต่บรรดาคนที่ปฏิบัติดังกล่าวจึงจะมีชีวิตรอดผ่านอาร์มาเก็ดดอน. ไม่ควรรีรอชักช้าที่จะเอาใจใส่คำแนะนำในซะฟันยา 2:1-3.
หลังจากคำแนะนำจากคัมภีร์ไบเบิลที่เกี่ยวกับความจำเป็นเรื่อง “จงเฝ้าระวังในเรื่องการอธิษฐาน” ก็มาถึงคำบรรยายลงท้ายที่โดดเด่นในหัวเรื่อง “ประพฤติสอดคล้องกับภาษาบริสุทธิ์.” ขณะนี้จำนวนผู้ที่ดำเนินตามภาษาบริสุทธิ์กำลังเพิ่มขึ้นจริง ๆ. และการเอาใจใส่ภาษาบริสุทธิ์ก็จะเห็นได้จากความสะอาด ความเป็นระเบียบและการประสานกันอย่างมีระบบของบรรดาคนเหล่านั้นที่เข้าร่วมการประชุม. สิ่งพิมพ์ที่ออกใหม่จะช่วยพยานพระยะโฮวาทุกคนให้กระจายภาษาบริสุทธิ์ออกไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น.
ผู้บรรยาย ณ การประชุมคนสุดท้ายเตือนเราทุกคนถึงความจำเป็นของการอดทน. ท่านชี้ว่า ผลจากการประชุมคราวนี้ ทุกคนคงจะได้รับการเสริมความตั้งใจของตนที่จะรีบเร่งรุดหน้าไป. จากนั้นท่านสรุปด้วยคำพูดที่ว่า “ขอให้เราประพฤติสอดคล้องกับภาษาบริสุทธิ์ซึ่งพระเจ้าเป็นผู้ประทานให้ต่อ ๆ ไปเพื่อว่าเราสามารถสรรเสริญพระยะโฮวาพระเจ้าพระบิดาที่รักทางภาคสวรรค์ของเรา ทั้งในขณะนี้และตลอดไป!”
[กรอบหน้า 26]
ยอดผู้เข้าร่วมการประชุมภาคที่เบอร์ลินตะวันตกคือ 44,532 และมีผู้รับบัพติสมา 1,018 คน. ใช้เวลาถึง 19 นาทีกว่าผู้เสนอตัวรับบัพติสมาจะเดินเรียงแถวออกจากสนามกีฬาโอลิมเปีย และในระหว่างเวลานั้น มีเสียงปรบมือไม่ขาดสาย. มีส่วนที่นั่งพิเศษสำหรับตัวแทนซึ่งพูดภาษาอังกฤษ. ผู้เข้าร่วมราว 6,000 คนในพวกนี้ได้ยินรายการการประชุมโดยตลอดด้วยภาษาของเขาเอง. ณ การประชุมภาคนี้ มีผู้เข้าร่วมอีก 4,500 คนจากโปแลนด์และในช่วงพักกลางวันสองชั่วโมง สมาชิกจากคณะกรรมการปกครองได้ให้คำบรรยายสั้น ๆ เพื่อผลประโยชน์สำหรับพวกเขา.
[รูปภาพหน้า 24, 25]
1. สนามกีฬาโอลิมเปีย, เบอร์ลินตะวันตก
2. กำหนดการของการประชุม
3. รถทัวร์สองร้อยคันนำตัวแทนมาจากเยอรมนีตะวันออก
4. ตัวแทนจากโปแลนด์ยินดีรับหนังสือที่ออกใหม่
5. การตบแต่งโดยดอกไม้เพิ่มสีสัน
6. เอ. ดี. ชโรเดอร์ หนึ่งในคณะกรรมการปกครองมีส่วนในระเบียบวาระที่เบอร์ลินตะวันตก