พูดภาษาบริสุทธิ์และมีชีวิตตลอดไป!
“จงแสวงหาพระยะโฮวา . . . จงแสวงหาความชอบธรรม แสวงหาความถ่อมใจ. ชะรอยเจ้าอาจถูกกำบังไว้ในวันแห่งความพิโรธของพระยะโฮวา.”—ซะฟันยา 2:3, ล.ม.
1. (ก) นักเรียนใช้วิธีใดเรียนภาษาต่างประเทศ? (ข) ทำไมจึงพูดภาษาบริสุทธิ์?
นักเรียนอาจเรียนภาษาใหม่ได้โดยการใช้วิธีเรียนไวยากรณ์ หรือใช้วิธีเรียนภาษาโดยการพูด. ในการเรียนโดยวิธีเรียนไวยากรณ์ ปกติแล้วนักเรียนใช้ตำราและเรียนหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ทางไวยากรณ์. ระหว่างเรียนภาษาโดยการพูด นักเรียนจะออกเสียงเลียนคำพูดและกลุ่มคำตามครู. วิธีเรียนทั้งสองอย่างนี้ก็นำมาใช้กับการเรียน “ภาษาบริสุทธิ์.” และเป็นสิ่งจำเป็นที่เราพึงพูดภาษานี้ถ้าเราหวังจะ “ถูกกำบังไว้ในวันแห่งความพิโรธของพระยะโฮวา.”—ซะฟันยา 2:1-3; 3:8, 9, ล.ม.
2. โดยวิธีใดเราจะเรียนสิ่งที่อาจเรียกได้ว่ากฎไวยากรณ์สำหรับภาษาบริสุทธิ์?
2 ตำราเรียนที่ถือเป็นหลักเพื่อใช้เรียนภาษาบริสุทธิ์ได้แก่คัมภีร์ไบเบิล. การศึกษาพระคัมภีร์ด้วยความอุตสาหะพากเพียรและการศึกษาหนังสืออาศัยพระคัมภีร์เป็นหลักสอนคุณซึ่งอาจเรียกได้ว่าหลักเกณฑ์ของไวยากรณ์สำหรับภาษาบริสุทธิ์. การศึกษาพระคัมภีร์ที่บ้านซึ่งนำศึกษาโดยพยานพระยะโฮวาก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี. ส่วนผู้ที่ได้อุทิศตัวแด่พระเจ้าแล้ว การศึกษาค้นคว้าข้อคัมภีร์ต่าง ๆ เป็นประจำและอย่างขยันขันแข็งเป็นสิ่งสำคัญ. แต่มีวิธีเรียนภาษาบริสุทธิ์อย่างที่ใช้ได้ผลเป็นพิเศษไหม? และเกิดประโยชน์อะไรจากการพูดภาษาบริสุทธิ์?
วิธีเรียนภาษาบริสุทธิ์
3. วิธีหนึ่งที่จะเรียนภาษาบริสุทธิ์นั้นคืออะไร?
3 วิธีหนึ่งที่จะเรียนภาษาบริสุทธิ์คือ นำเอาสัจธรรมที่คุณเรียนอยู่เข้ามาผูกเข้ากับจุดต่าง ๆ ที่คุณรู้แล้ว เหมือนนักเรียนภาษาอาจเชื่อมหลักเกณฑ์ต่าง ๆ ทางไวยากรณ์เข้าด้วยกันตามลำดับ. อาทิ ครั้งหนึ่งคุณอาจเคยรู้ว่าพระเยซูคริสต์เป็นพระบุตรของพระเจ้า แต่คุณรู้ไม่มากในเรื่องหน้าที่ของพระองค์. ตั้งแต่นั้นมา การศึกษาพระคัมภีร์คงได้สอนคุณว่าขณะนี้พระคริสต์ทรงปกครองเป็นกษัตริย์ฝ่ายสวรรค์และที่ว่าในระหว่างรัชสมัยพันปีของพระองค์ มนุษยชาติที่เชื่อฟังจะได้รับการกู้เข้าสู่สภาพสมบูรณ์. (วิวรณ์ 20:5, 6) ใช่แล้ว การผูกโยงความคิดใหม่ ๆ เข้ากับสิ่งที่คุณเรียนมาแล้วย่อมทำให้ความเข้าใจภาษาบริสุทธิ์ของคุณดีขึ้น.
4. (ก) อะไรเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะเรียนกฎไวยากรณ์ภาษาบริสุทธิ์ และเรื่องอะไรในพระคัมภีร์ถูกนำมาใช้เป็นอุทาหรณ์? (ข) เกิดอะไรขึ้นขณะที่ฆิดโอนและกองกำลังสามร้อยคนลงมือปฏิบัติการ? (ค) เรื่องฆิดโอนให้บทเรียนอะไร?
4 อีกวิธีหนึ่งที่จะเรียนหลักไวยากรณ์ภาษาบริสุทธิ์คือ วาดมโนภาพเรื่องราวต่าง ๆ ที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์. ยกตัวอย่าง: จงพยายามจะ ‘มองและฟัง’ เรื่องที่บันทึกไว้ในพระธรรมวินิจฉัย 7:15-23. ดูซิ! ผู้วินิจฉัยฆิดโอนซึ่งเป็นชาวยิศราเอลได้แบ่งกองกำลังของตนออกเป็นสามกอง ๆ ละร้อยนาย. คนเหล่านี้เร้นกายแฝงความมืดลงไปจากภูเขาฆีละโบอะและเข้าล้อมค่ายพวกมิดยานที่กำลังนอนหลับ. ทหารสามร้อยคนของฆิดโอนเพียบด้วยยุทธปัจจัยไหม? ไม่มีในแง่ของการทหาร. นักการทหารที่ทรนงคงถือเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะแน่ ๆ! แต่ละคนถือเพียงแตรหนึ่งคัน หม้อดินเผาใบใหญ่ และคบเพลิงหนึ่งอันซ่อนไว้ในหม้อ. แต่ฟังซิ! เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณ ทหารหนึ่งร้อยคนที่อยู่กับฆิดโอนได้เป่าแตรขึ้นแล้วต่อยหม้อที่เขาถือไว้ให้แตก. ทหารอื่น ๆ อีกสองร้อยก็ทำเหมือนกัน. ขณะที่ทุกคนชูคบเพลิงที่ติดไฟลุกโพลงขึ้นเหนือศีรษะ คุณได้ยินเสียงร้องตะโกนว่า “กระบี่ของพระยะโฮวาและของฆิดโอน!” การทำเช่นนั้นก่อความตกใจกลัวแก่ชาวมิดยานสักเพียงไร! พวกเขาผวาตื่นออกจากเต็นท์ดวงตาครึ่งหลับครึ่งตื่นของเขาต้องเบิกโพลงด้วยความตระหนกเมื่อเห็นเปลวไฟพวยพลุ่งซึ่งเน้นให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างที่มองไม่ชัด และก่อให้เกิดความกลัวแบบเชื่อโชคลาง. พอพวกมิดยานแตกทัพวิ่งหนี คนของฆิดโอนยังคงเป่าแตรมิได้หยุด และพระเจ้าทรงบันดาลให้พวกศัตรูฆ่าฟันกันเอง. ช่างเป็นบทเรียนที่ให้พลังอะไรเช่นนั้นในการเรียนภาษาบริสุทธิ์! พระเจ้าสามารถช่วยผู้รับใช้ของพระองค์โดยไม่ต้องอาศัยกำลังทางทหาร. ยิ่งกว่านั้น “ด้วยพระยะโฮวาทรงเห็นแก่พระนามอันเลิศของพระองค์คงจะไม่ละทิ้งพลไพร่ของพระองค์.”—1 ซามูเอล 12:22.
5. การประชุมคริสเตียนช่วยขัดเกลาภาษาพูดของเราอย่างไร?
5 เมื่อนักเรียนเรียนภาษาต่างประเทศโดยวิธีใช้ภาษาพูด นักเรียนพยายามออกเสียงซ้ำ ๆ หลายครั้งตามครูและตามรูปแบบของคำอย่างถูกต้อง. นับว่ามีโอกาสเหมาะ ๆ เสมอที่จะพูดภาษาบริสุทธิ์ ณ การประชุมคริสเตียน! ณ การประชุมเราได้ยินคนอื่นแสดงความคิดเห็นของเขาเองเป็นภาษาซึ่งบอกสัจธรรมของพระคัมภีร์ และตัวเราเองก็คงมีสิทธิพิเศษจะออกความเห็นได้. เรากลัวว่าจะตอบผิดไหม? อย่าถือเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะการตอบผิดไปนั้นซึ่งได้รับการชี้แนะอย่างนุ่มนวลโดยผู้ปกครองที่เป็นประธานการประชุมเช่นการศึกษาหอสังเกตการณ์ ประจำสัปดาห์สามารถขัดเกลาภาษาพูดของเราได้. ดังนั้น จงร่วมประชุมคริสเตียนและเข้าส่วนการประชุมเป็นประจำ.—เฮ็บราย 10:24, 25.
การแทรกซึมของสิ่งไม่บริสุทธิ์
6. เหตุใดจึงมีความแตกต่างเช่นนั้นระหว่างพยานพระยะโฮวากับองค์การศาสนาแห่งคริสต์ศาสนจักร?
6 บรรดาผู้ที่ประกาศพระประสงค์ของพระยะโฮวาและประกาศเรื่องราชอาณาจักรฝ่ายสวรรค์ในฐานะเป็นพยานของพระองค์ล้วนแต่พูดภาษาบริสุทธิ์ทั้งนั้น. พวกเขาทำให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและรับใช้พระองค์ “เคียงบ่าเคียงไหล่” หรือเป็นเอกฉันท์. (ซะฟันยา 3:9, ล.ม.) ถึงแม้ศาสนาต่าง ๆ ในคริสต์ศาสนจักรมีพระคัมภีร์ เขาก็ไม่พูดภาษาบริสุทธิ์หรือร้องถึงพระนามของพระเจ้าด้วยความเชื่อ. (โยเอล 2:32) พวกเขาไม่มีข่าวสารที่สอดคล้องกันซึ่งอาศัยพระคัมภีร์เป็นหลัก. เพราะเหตุใด? เพราะเขายกย่องประเพณีทางศาสนา ปรัชญาของมนุษย์และความจงรักภักดีทางการเมืองให้สูงกว่าพระคำของพระเจ้า. วัตถุประสงค์ ความหวังและวิธีการต่าง ๆ ของเขาเป็นส่วนของโลกที่ชั่วร้ายนี้.
7. ที่ 1 โยฮัน 4:4-6 ชี้ให้เห็นความแตกต่างกันอย่างไรระหว่างพยานพระยะโฮวากับศาสนาเท็จ?
7 คริสต์ศาสนจักร—ที่จริงแล้วคือจักรภพโลกแห่งศาสนาเท็จทั้งสิ้น—หาได้พูดภาษาเดียวกันกับพยานพระยะโฮวาไม่. น่าเอาใจใส่ที่อัครสาวกโยฮันเขียนถึงคนเหล่านั้นซึ่งพูดภาษาบริสุทธิ์ว่า “ท่านเป็นฝ่ายพระเจ้า . . . และได้ชัยชนะแก่เขาเหล่านั้น เพราะว่าพระองค์ที่ดำรงอยู่ในท่านทั้งหลายเป็นใหญ่กว่าผู้ที่อยู่ในโลก. เขาเหล่านั้นเป็นฝ่ายโลก เหตุฉะนั้นเขาจึงพูดตามโลกและโลกก็เชื่อฟังเขา. เราทั้งหลายเป็นฝ่ายพระเจ้า. และผู้ที่รู้จักพระเจ้าก็ฟังเรา ผู้ที่ไม่รู้จักพระเจ้าก็ไม่ได้ฟังเรา.” (1 โยฮัน 4:4-6) ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาได้มีชัยแก่ฝ่ายครูกำมะลอทั้งหลาย เพราะพระเจ้าที่ดำรงอยู่กับไพร่พลของพระองค์ “เป็นใหญ่กว่า [พญามารผู้ที่] อยู่ในโลก” สังคมมนุษย์ผู้ไม่ชอบธรรม. เนื่องจากพวกออกหาก “เป็นฝ่ายโลก” และมีน้ำใจชั่วแบบโลก ‘เขาจึงพูดตามโลกและโลกก็ฟังเขา.’ ส่วนคนที่เป็นเยี่ยงแกะต่างก็ฟังคนเหล่านั้นที่อยู่ฝ่ายพระเจ้า โดยตระหนักว่าไพร่พลของพระยะโฮวาพูดภาษาบริสุทธิ์เกี่ยวด้วยสัจธรรมแห่งไบเบิลซึ่งได้รับการจัดเตรียมผ่านทางองค์การของพระองค์.
8. คนนอกกฎหมายเป็นใคร?
8 มีการบอกไว้ล่วงหน้าถึงการออกหากครั้งใหญ่ และ ‘ความลึกลับแห่งการนอกกฎหมาย’ ได้เกิดขึ้นแล้วในศตวรรษแรก. ในเวลาต่อมา พวกที่รับเอาหน้าที่สั่งสอนหรือยึดตำแหน่งต่าง ๆ ในประชาคมก็นำคำสอนเท็จเข้ามาหลายประการ. ภาษาของเขาไม่บริสุทธิ์เลย. ฉะนั้น จึงเกิดมี “คนนอกกฎหมาย” ขึ้น อันได้แก่นักเทศน์นักบวชแห่งคริสต์ศาสนจักรรวมกัน ซึ่งยึดมั่นกับจารีตประเพณีเทียมทางศาสนา ปรัชญาฝ่ายโลกและคำสอนซึ่งไม่เป็นตามหลักคัมภีร์.—2 เธซะโลนิเก 2:3, 7.
ผู้คนทั่วโลกได้ยินการพูดภาษาบริสุทธิ์
9. มีความเคลื่อนไหวเช่นไรในทางศาสนาระหว่างศตวรรษที่ 19?
9 เฉพาะชนจำนวนน้อยที่เกรงกลัวพระเจ้า ‘ต่อสู้อย่างทรหดเพื่อความเชื่อซึ่งได้ประทานให้แก่พวกสิทธชน.’ (ยูดา 3) จะหาพบผู้มีความเชื่อดังกล่าวได้ที่ไหน? นานหลายศตวรรษทีเดียว ศาสนาเท็จทำให้คนมากมายอยู่ในความมืดฝ่ายวิญญาณ แต่พระเจ้าทรงรู้จักผู้คนจำนวนน้อยที่ได้รับความพอพระทัยจากพระองค์. (2 ติโมเธียว 2:19) ครั้นแล้ว ท่ามกลางความผันแปรด้านการพาณิชย์ ด้านอุตสาหกรรม และด้านสังคมแห่งศตวรรษที่สิบเก้า ก็มีเสียงเปล่งดังขึ้นต่างไปจากเสียงอันสับสนแห่งความวุ่นวายของศาสนาเท็จ. มีกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยพยายามตีความจากสัญลักษณ์ของยุคสมัยต่าง ๆ และทำนายการเสด็จกลับครั้งที่สองของพระเยซู แต่มิใช่ทุกกลุ่มพูดภาษาบริสุทธิ์.
10. พระเจ้าได้ทรงเลือกกลุ่มประกาศ “การเสด็จครั้งที่สอง” กลุ่มไหนให้พูดภาษาบริสุทธิ์ และเหตุใดจึงเห็นได้ชัดว่าพระหัตถ์ของพระยะโฮวาทรงอยู่กับเขา?
10 อย่างไรก็ดี ปี 1879 ก็ปรากฏชัดว่า พระยะโฮวาได้เลือกกลุ่มไหนที่แจ้งเรื่อง “การเสด็จครั้งที่สอง” เพื่อพูดภาษาบริสุทธิ์ในฐานะเป็นพยานของพระองค์. พอถึงเวลานั้นนักศึกษาพระคัมภีร์กลุ่มเล็ก ๆ นำโดย ชาร์ลส เทส รัสเซลล์ได้ประชุมกันที่เมืองพิทส์เบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนียสหรัฐ. คนเหล่านี้เริ่มแน่ใจว่าการเสด็จครั้งที่สองของพระเยซูจะเริ่มการประทับซึ่งไม่เห็นประจักษ์ และแน่ใจว่ายุคความลำบากยากเข็ญของโลกรออยู่เบื้องหน้า และภายหลังเหตุการณ์นี้ก็จะถึงรัชสมัยพันปีของพระคริสต์ซึ่งจะเปลี่ยนสภาพแผ่นดินโลกให้เป็นอุทยานเหมือนเดิม และมนุษย์ที่เชื่อฟังจะมีชีวิตนิรันดร์. พอถึงเดือนกรกฎาคมปี 1879 นักศึกษาพระคัมภีร์กลุ่มนี้ได้เริ่มออกวารสารซึ่งในปัจจุบันรู้จักภายใต้ชื่อหอสังเกตการณ์. งวดแรกพิมพ์จำหน่ายเพียง 6,000 เล่ม แต่ “พระหัตถ์ของพระยะโฮวา” ทรงอยู่กับพยานเหล่านั้น เพราะในปัจจุบันวารสารนี้ได้พิมพ์จำหน่ายมากถึง 111 ภาษา แต่ละงวด จำนวนพิมพ์โดยเฉลี่ยก็มากกว่า 15,000,000 ฉบับ.—เทียบกับกิจการ 11:19-21.
11, 12. ความจริงตามหลักคัมภีร์ไบเบิลมีอะไรบ้างซึ่งเป็นที่เข้าใจในกลุ่มผู้พูดภาษาบริสุทธิ์?
11 โดยทางคัมภีร์ไบเบิลและสรรพหนังสือของพยานพระยะโฮวา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการที่คริสเตียนผู้กระตือรือร้นเหล่านั้นประกาศข่าวดี ภาษาบริสุทธิ์จึงกลายเป็นภาษาที่รู้จักกันทั่วโลก. และคนที่พูดภาษาบริสุทธิ์ก็ยิ่งได้รับประโยชน์ใหญ่หลวง! แทนที่จะพูดว่า ‘พระเจ้าคือพระเจ้า พระคริสต์เป็นพระเจ้า พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระเจ้า’ ตามภาษาลึกลับของพวกถือลัทธิตรีเอกานุภาพ พยานฯกลับเห็นพ้องกับฐานะตำแหน่งที่กล่าวในคัมภีร์ว่า พระยะโฮวาเป็นพระเจ้าสูงสุด พระเยซูคริสต์มีตำแหน่งด้อยกว่าเป็นพระบุตรของพระองค์ และพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพลังปฏิบัติการอันน่าทึ่งของพระเจ้า. (เยเนซิศ 1:2; บทเพลงสรรเสริญ 83:18; มัดธาย 3:16, 17) ผู้พูดภาษาบริสุทธิ์รู้ว่าคนเราหาได้วิวัฒนาการมาจากสัตว์ชั้นต่ำไม่ แต่พระเจ้าผู้มีความรักได้สร้างมนุษย์ขึ้น. (เยเนซิศ 1:27; 2:7) พวกเขาตระหนักว่าเมื่อคนเราตายจิตวิญญาณก็ดับสูญ—ข้อเท็จจริงซึ่งขจัดความกลัวคนตาย. (ท่านผู้ประกาศ 9:5, 10; ยะเอศเคล 18:4) พวกเขาได้มาเข้าใจว่า นรกก็คือหลุมศพทั่วไปของมนุษย์ ไม่ใช่ที่ทรมานด้วยไฟอันร้อนไหม้ซึ่งเทพเจ้าที่ทารุณดุร้ายคิดสร้างขึ้นไว้. (โยบ 14:13) นอกจากนี้ พวกเขารู้ว่าการเป็นขึ้นจากตายคือความหวังที่พระเจ้าประทานสำหรับคนตาย.—โยฮัน 5:28, 29; 11:25; กิจการ 24:15.
12 ผู้พูดภาษาบริสุทธิ์แสดงความนับถือต่อโลหิตและชีวิต. (เยเนซิศ 9:3, 4; กิจการ 15:28, 29) พวกเขาทราบว่าชีวิตของพระเยซูขณะเป็นมนุษย์อยู่ในโลกนั้นถูกนำมาใช้ไถ่ถอนมนุษย์ที่เชื่อฟัง. (มัดธาย 20:28; 1 โยฮัน 2:1, 2) อนึ่ง พวกเขาไม่อธิษฐานผ่าน “นักบุญ” ทั้งหลาย ด้วยรู้อยู่ว่าคำทูลอธิษฐานของเขาต้องมุ่งถึงพระเจ้ายะโฮวาผ่านพระเยซูคริสต์. (โยฮัน 14:6, 13, 14) เพราะเหตุที่พระวจนะของพระเจ้าตำหนิการไหว้รูปเคารพ เขาจึงไม่ใช้รูปจำลองในการนมัสการ. (เอ็กโซโด 20:4-6; 1 โกรินโธ 10:14) และพวกเขาหลีกเลี่ยงอันตรายสืบเนื่องจากลัทธิผีปีศาจ เพราะเขาปฏิเสธการติดต่อกับวิญญาณชั่วซึ่งถูกพระเจ้าตำหนิเช่นกัน.—พระบัญญัติ 18:10-12; ฆะลาเตีย 5:19-21.
13. ทำไมคนเหล่านั้นที่พูดภาษาบริสุทธิ์จึงไม่รู้สึกฉงนสนเท่ห์?
13 ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาซึ่งพูดภาษาบริสุทธิ์ ไม่ฉงนเลยว่าเขาอยู่ ณ ช่วงใดในกระแสเวลา. พระยะโฮวาได้ทรงสอนเขาว่า เขาอยู่ใน “สมัยสุดท้าย” พร้อมด้วยพระเยซูประทับในสภาพวิญญาณที่รุ่งโรจน์ไม่เห็นประจักษ์. (ดานิเอล 12:4; มัดธาย 24:3-14; 2 ติโมเธียว 3:1-5; 1 เปโตร 3:18) ด้วยกองกำลังหนุนฝ่ายสวรรค์อันมีอิทธิฤทธิ์ พระคริสต์ก็จวนจะเผด็จศึกเพื่อสำเร็จโทษระบบแห่งสิ่งต่าง ๆ ตามการพิพากษาของพระเจ้า. (ดานิเอล 2:44; วิวรณ์ 16:14, 16; 18:1-8; 19:11-21) และแน่นอน บรรดาผู้พูดภาษาบริสุทธิ์ได้เอาการเอางานประกาศข่าวดีที่ว่า ในไม่ช้าราชอาณาจักรของพระเจ้าภายใต้พระคริสต์จะนำพระพรมากมายมาสู่มวลมนุษย์ที่เชื่อฟังบนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน. (ยะซายา 9:6, 7; ดานิเอล 7:13, 14; มัดธาย 6:9, 10; 24:14; ลูกา 23:43) ทั้งหมดที่ระบุมา เราเพียงแต่ได้สัมผัสเปลือกนอกเท่านั้น! แน่นอน ภาษาบริสุทธิ์เป็นภาษาซึ่งให้ความหมายล้ำลึก มีค่าประเสริฐที่สุดในโลก!
14. ผู้พูดภาษาบริสุทธิ์ได้รับประโยชน์อื่น ๆ อะไรบ้าง?
14 คุณประโยชน์หลายประการซึ่งตกอยู่กับผู้พูดภาษาบริสุทธิ์มีทั้ง “สันติสุขแห่งพระเจ้า” ซึ่งป้องกันรักษาหัวใจและความสามารถในการคิด. (ฟิลิปปอย 4:6, 7) บุคคลดังกล่าวเชื่อฟังข้อบัญญัติต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลซึ่งส่งเสริมให้เกิดสุขภาพที่ดี ความสุขและความอิ่มใจพอใจอันเนื่องมาจากการกระทำอันเป็นที่ชอบพระทัยพระยะโฮวา. (1 โกรินโธ 6:9, 10) ใช่แล้ว ผู้พูดภาษาบริสุทธิ์มีความหวังจะได้ชีวิตนิรันดร์ในโลกใหม่ของพระเจ้าตามคำสัญญา.—2 เปโตร 3:13.
ถ้าไม่ใช้ภาษาบริสุทธิ์นี้ก็จะลืม
15. คุณจะได้ประโยชน์อย่างไรจากการที่ได้รู้ภาษาบริสุทธิ์อย่างดี?
15 หากคุณจะต้องพูดภาษาบริสุทธิ์ในโลกใหม่ คุณต้องรู้ภาษานี้อย่างช่ำชองจนคุณคิดเป็นภาษานั้น. เมื่อคนเราเรียนภาษา ทีแรกเขาจะคิดเป็นภาษาของตนเองแล้วค่อยแปลความคิดเป็นภาษาใหม่. แต่ครั้นเขาช่ำชองภาษาใหม่มากขึ้นเขาเริ่มคิดในภาษาใหม่โดยไม่จำเป็นต้องแปลเสียก่อน. ทำนองเดียวกัน โดยการศึกษาอย่างขยันขันแข็ง คุณสามารถจะช่ำชองในภาษาบริสุทธิ์เป็นอย่างดีซึ่งคุณจะรู้วิธีใช้ข้อบัญญัติและหลักการต่าง ๆ ในพระคัมภีร์ในการแก้ปัญหา และยังคงอยู่บน “หนทางดำเนินชีวิต.”—บทเพลงสรรเสริญ 16:11.
16. อาจเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่ใช้ภาษาบริสุทธิ์เป็นประจำ?
16 คุณต้องใช้ภาษาบริสุทธิ์เป็นประจำ มิฉะนั้นแล้วคุณอาจสูญเสียความสามารถพูดได้คล่อง. ยกตัวอย่าง: นานหลายปีมาแล้ว พวกเราบางคนเรียนภาษาต่างประเทศ. เราอาจนึกบางคำขึ้นมาได้ในภาษานั้น แต่ดูเหมือนว่าพูดไม่ได้อย่างที่ต้องการเพราะเราไม่พูดภาษานั้น ๆ เป็นประจำ. เกี่ยวกับภาษาบริสุทธิ์ก็อาจจะเป็นเช่นเดียวกัน. ถ้าไม่พูดภาษาบริสุทธิ์เป็นประจำ เราจะค่อย ๆ สูญเสียความสามารถพูดได้คล่อง และต่อจากนั้นก็คงเป็นเรื่องน่าเศร้าทางฝ่ายวิญญาณ. ฉะนั้น จงให้เราพูดภาษาบริสุทธิ์เป็นประจำ ณ การประชุมและขณะทำงานรับใช้ฝ่ายคริสเตียน. กิจกรรมเหล่านี้ควบคู่กันไปกับการศึกษาส่วนตัวย่อมส่งเสริมพวกเราให้พูดเรื่องต่าง ๆ เป็นภาษาบริสุทธิ์ได้อย่างถูกต้อง. และข้อนี้สำคัญเพียงไร!
17. เรื่องอะไรเป็นอุทาหรณ์แสดงว่าคำพูดจะช่วยชีวิตหรือทำให้เสียชีวิตก็ได้?
17 คำพูดจะเป็นการช่วยชีวิตหรือเป็นเหตุให้เสียชีวิตก็ได้. ทั้งนี้เห็นได้ในคราวที่ตระกูลเอ็ฟรายิมแห่งยิศราเอลไม่ลงรอยกับยิพธาผู้วินิจฉัยแห่งฆีละอาด. เพื่อจะระบุตัวคนตระกูลเอ็ฟรายิมที่พยายามหนีข้ามแม่น้ำยาระเด็น ชาวเมืองฆีละอาดใช้สัญญาณลับ “ชิบโบเลท” ซึ่งพยัญชนะตัวแรกออกเสียงเป็นตัว “ช.” พวกเอ็ฟรายิมแสดงให้คนยามเมืองฆีละอาดที่ท่าข้ามแม่น้ำยาระเดนรู้ว่าเขาเป็นคนเอ็ฟรายิม โดยออกเสียงเป็น “สิโบเลท” แทนที่จะเป็น “ชิบโบเลท” คือออกเสียงพยัญชนะตัวแรกผิด. ผลก็คือพวกเอ็ฟรายิม 42,000 คนถูกสังหารคราวนั้น! (ผู้วินิจฉัย 12:5, 6, ฉบับแปลใหม่) ทำนองเดียวกัน เรื่องซึ่งนักเทศน์นักบวชในคริสต์ศาสนจักรสอนนั้นอาจฟังดูเหมือนภาษาบริสุทธิ์แก่คนเหล่านั้นซึ่งไม่คุ้นเคยกับความจริงของคัมภีร์ไบเบิล. แต่การพูดตามแนวศาสนาเท็จจะเป็นอันตรายถึงตายในวันแห่งความพิโรธของพระยะโฮวา.
สามัคคีกันเราอยู่
18, 19. อะไรคือความหมายของซะฟันยา 3:1-5.?
18 ว่าด้วยยะรูซาเลมที่ไม่ซื่อสัตย์สมัยโบราณและคู่เทียบในปัจจุบันอันได้แก่คริสต์ศาสนจักรมีการพูดไว้ที่ซะฟันยา 3:1-5 ดังนี้: “วิบัติแก่เมืองซึ่งเป็นกบฏและโสโครกเศร้าหมองและข่มขี่อยู่นั้น! เขามิได้เชื่อฟังสำเนียง มิได้รับโอวาทคำสั่งสอน มิได้ปลงใจลงในพระยะโฮวา มิได้เข้ามาใกล้พระเจ้าของเขา. เจ้านายทั้งหลายในท่ามกลางเมืองของเขาเป็นดุจสิงโตเสียงดัง. ผู้พิพากษาทั้งหลายของเขาเป็นดังหมาไนที่เที่ยวเวลาเย็น มิได้กัดกินกระดูกจนถึงเวลาเช้า. ผู้พยากรณ์ทั้งหลายของเขาเป็นคนใจเบาคดโกง. พวกปุโรหิตทั้งหลายของเขาได้ยังที่อันบริสุทธิ์ให้เป็นมลทิน ได้เปลี่ยนแปลงพระบัญญัติให้เสียไป. พระยะโฮวาผู้ชอบธรรมดำรงอยู่ในท่ามกลางนั้น พระองค์หาได้กระทำอสัตย์อธรรมไม่. รุ่งเช้าทุกวัน ๆ พระองค์นำความพิพากษาออกมาให้สว่างมิได้ขาดสักเวลา. แต่คนอธรรมมิได้รู้จักความละอายเลย.” คำกล่าวตอนนี้หมายถึงอะไร.
19 ยะรูซาเลมสมัยโบราณและคริสต์ศาสนจักรปัจจุบันเป็นกบฏต่อพระยะโฮวาและทำให้ตัวเองสกปรกโสมมด้วยการนมัสการเท็จ. การกระทำผิดของพวกผู้นำของเขาก่อให้เกิดมีการข่มขี่. แม้นพระเจ้าทรงเตือนครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็ไม่ได้เชื่อฟัง และกลับมาหาพระองค์. เจ้านายท่ามกลางพวกเขาก็เหมือนสิงโตตะกละตะกลาม ด้วยใจหยิ่งผยองไม่คำนึงถึงความชอบธรรมเลย. เหล่าผู้พิพากษาประพฤติเหมือนหมาป่าที่กินจุ ได้หั่นความยุติธรรมออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย. ปุโรหิตของเขานั้นเล่าได้ ‘ทำให้สิ่งบริสุทธิ์กลายเป็นมลทินและได้ก้าวร้าวทำลายกฎหมายของพระเจ้าโดยพลการ.’ ฉะนั้น จวนถึงเวลาที่พระยะโฮวาจะ ‘รวบรวมนานาชาติและอาณาจักรต่าง ๆ เพื่อเทความพิโรธอันร้อนแรงลงเหนือชาติเหล่านั้น.’—ซะฟันยา 3:8.
20. (ก) จะต้องทำประการใดเพื่อจะรอดพ้นผ่านวันแห่งความพิโรธของพระยะโฮวา? (ข) คุณจะหวังอย่างไรว่าจะได้รับพระพรต่าง ๆ จากพระเจ้าตลอดไป?
20 วันแห่งความพิโรธของพระยะโฮวากระชั้นเข้ามาอย่างรวดเร็ว. ดังนั้น ที่จะรอดชีวิตเข้าสู่โลกใหม่ของพระเจ้า จงเรียนและพูดภาษาบริสุทธิ์โดยไม่รอช้า. โดยวิธีนี้เท่านั้นคุณจะได้รับการคุ้มครองจากความหายนะฝ่ายวิญญาณขณะนี้ และพ้นจากมหันตภัยซึ่งเคลื่อนใกล้เข้ามาทุกที. พยานพระยะโฮวาประกาศวันแห่งความพิโรธของพระเจ้าและข่าวสารที่ชูกำลังใจเกี่ยวข้องกับราชอาณาจักรของพระองค์. พยานฯรู้สึกยินดีเสียนี่กระไรเมื่อเขาพูดคุยถึงความรุ่งโรจน์ของพระองค์ในฐานะที่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์! (บทเพลงสรรเสริญ 145:10-13) จงเข้ามาร่วมสามัคคีกับคนเหล่านี้ แล้วคุณหวังได้ทีเดียวว่าจะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปและรับพระพรอื่น ๆ นานาประการจากพระยะโฮวาองค์บรมมหิศรผู้ทรงเป็นบ่อเกิดภาษาบริสุทธิ์.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ มีวิธีใดบ้างที่จะเรียนภาษาบริสุทธิ์?
▫ ทำไมการพูดภาษาบริสุทธิ์จึงเป็นประโยชน์?
▫ อาจเกิดอะไรขึ้นถ้าคุณไม่ใช้ภาษาบริสุทธิ์เป็นประจำ?
▫ โดยวิธีใดคนเราจะรอดผ่านวันแห่งความพิโรธของพระยะโฮวาแล้วได้รับพระพรตลอดไป?
[รูปภาพหน้า 16]
ฆิดโอนและกองกำลังของท่านเป่าแตรและชูคบเพลิง
[รูปภาพหน้า 20]
คุณร่วมประสานกับพยานพระยะโฮวาในการพูดภาษาบริสุทธิ์ไหม?