มันสายกว่าที่คุณคิดไหม?
สามวันก่อนการวายพระชนม์ของพระองค์ พระเยซูได้ผ่านวันที่มีธุระมากทีเดียวในกรุงยะรูซาเลม วันซึ่งปรากฏว่ามีความสำคัญมากสำหรับคริสเตียนที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน. พระองค์ทรงสั่งสอนในพระวิหาร พลิกกลับคำถามแบบมีเล่ห์เหลี่ยมหลายประการซึ่งพวกหัวหน้าศาสนาชาวยิวพยายามจะทำให้พระองค์ติดกับ. ในที่สุด พระองค์ทรงมุ่งคำประณามอันเผ็ดร้อนไปยังพวกอาลักษณ์และฟาริซาย ซึ่งเรียกพวกเขาเป็นคนหน้าซื่อใจคดและงูพิษร้ายที่บ่ายหน้าไปสู่เกเฮนนา.—มัดธายบท 22, 23.
ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากบริเวณพระวิหาร สาวกคนหนึ่งของพระองค์ทูลต่อพระองค์ว่า “อาจารย์เจ้าข้า ขอพระองค์ทอดพระเนตรดูศิลาและตึกใหญ่เหล่านี้!” โดยไม่รู้สึกประทับใจ พระเยซูตรัสแก่เขาว่า “ท่านเห็นตึกใหญ่เหล่านี้หรือ? ศิลาที่ซ้อนทับกันอยู่ที่นี่ซึ่งจะไม่ถูกทำลายลงก็หามิได้.” (มาระโก 13:1, 2) ต่อจากนั้น พระเยซูเสด็จจากพระวิหารไปเป็นครั้งสุดท้าย ลงสู่หุบเขาฆิดโรน ทรงข้ามไป แล้วไต่ขึ้นเนินภูเขามะกอกเทศ.
ขณะที่พระองค์ประทับอยู่ที่นั่นบนภูเขา สาดส่องด้วยแสงตะวันยามบ่ายคล้อย โดยมองเห็นภาพพระวิหารบนภูเขาโมรียาอีกด้านหนึ่งของหุบเขา เปโตร ยาโกโบ โยฮันกับอันดะเรอามาเฝ้าพระองค์เป็นส่วนตัว. ถ้อยคำที่พระองค์ตรัสในเรื่องการทำลายพระวิหารลงนั้นหนักอึ้งอยู่ในจิตใจของพวกเขา. พวกเขาทูลถามว่า “ขอโปรดบอกข้าพเจ้าทั้งหลายเถอะว่า สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร และจะมีอะไรเป็นสัญลักษณ์แห่งการประทับของพระองค์และช่วงอวสานของระบบนี้?” (มัดธาย 24:3; ล.ม.; มาระโก 13:3, 4) คำตอบที่พระองค์ให้สำหรับคำถามของพวกเขาบ่ายวันนั้นบนภูเขามะกอกเทศนับว่าสำคัญยิ่งสำหรับพวกเรา. นั่นอาจป้องกันเราไว้จากการรอนานเกินไปกว่าเราจะคิดถึงเรื่อง “ช่วงอวสานของระบบนี้.”
คำถามของพวกเขาเป็นคำถามสองต่อ. ส่วนหนึ่งเกี่ยวกับอวสานของพระวิหารและระบบของพวกยิว อีกส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับการประทับของพระเยซูฐานะพระมหากษัตริย์ในอนาคตและช่วงอวสานของระบบปัจจุบันนี้. คำตอบของพระเยซู ดังที่แจ้งไว้ในมัดธาย 24 และ 25, มาระโก 13, และลูกา 21 ครอบคลุมคำถามทั้งสองส่วนนี้. (โปรดดูวิวรณ์ 6:1-8 ด้วย.) เกี่ยวกับช่วงอวสานของโลกหรือระบบปัจจุบันนี้ พระเยซูทรงพรรณนาถึงลักษณะเด่นหลายประการซึ่งเมื่อรวมกัน จะประกอบกันเป็นสัญลักษณ์พิสูจน์ยุคสุดท้าย. สัญลักษณ์ที่ประกอบด้วยเหตุการณ์หลายอย่างนั้นได้สำเร็จสมจริงไหม? สัญลักษณ์นั้นจัดให้เราอยู่ในยุคสุดท้ายที่มีการกล่าวถึงในพระคัมภีร์ไหม? ความสมจริงของสัญลักษณ์นั้นเตือนเราให้ระลึกถึงว่ามันอาจสายกว่าที่เราคิดไหม?
ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งแห่งสัญลักษณ์ที่ประกอบด้วยเหตุการณ์หลายอย่างของพระเยซูคือ “ชาติจะลุกขึ้นต่อสู้ชาติและอาณาจักรต่อสู้อาณาจักร.” (มัดธาย 24:7, ล.ม.) ในปี 1914 สงครามโลกที่ 1 ได้เริ่มต้น. พยานพระยะโฮวาในทศวรรษนั้นตื่นตัวโดยฉับพลัน. และเพราะเหตุใด? ในเดือนธันวาคม 1879 ราว ๆ 35 ปีก่อนหน้านั้น วารสาร หอสังเกตการณ์ โดยอาศัยลำดับเวลาของพระคัมภีร์ ได้แจ้งว่าปี 1914 จะเป็นปีสำคัญในประวัติศาสตร์ของมนุษย์. สงครามนี้ สงครามครั้งแรกในระดับทั่วโลกจริง ๆ ซึ่งในที่สุด 28 ชาติมีส่วนพัวพัน และ 14 ล้านคนถูกสังหาร จะเป็นการเริ่มต้นของเหตุการณ์ที่ทำให้สัญลักษณ์ที่ประกอบกันขึ้นเกี่ยวกับอวสานที่พระเยซูทรงตรัสไว้นั้นสมจริงไหม? ลักษณะเด่นอื่น ๆ ของสัญลักษณ์นั้นจะติดตามมาไหม?
ใน “วิวรณ์โดยพระเยซูคริสต์” ได้มีการบอกล่วงหน้าถึงการนองเลือดอย่างเดียวกันนี้. ในที่นี้ม้าสีแดงและผู้ที่นั่งบนหลังม้านั้น “พรากเอาสันติสุขไปจากแผ่นดินโลก.” (วิวรณ์ 1:1; 6:4, ล.ม.) เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงตั้งแต่ปี 1914 ถึง 1918. และสงครามโลกที่ 1 เป็นเพียงการเริ่มต้น. ในปี 1939 สงครามโลกที่ 2 ติดตามมา. ห้าสิบเก้าชาติถูกดึงเข้าสู่การสู้รบนั้น และประชาชนราว ๆ 50 ล้านคนเสียชีวิต. ระหว่าง 45 ปีหลังจากสงครามโลกที่ 2 มีการทำสงครามมากกว่า 125 ราย สังหารประชาชนมากกว่า 20 ล้านคน.
ลักษณะเด่นอีกอย่างหนึ่งของสัญลักษณ์คือ จะมีการขาดแคลนอาหาร.” (มัดธาย 24:7) มีการกันดารอาหารอย่างกว้างขวางระหว่างและภายหลังสงครามโลกที่ 1. รายงานหนึ่งลงรายการการกันดารอาหารครั้งใหญ่ ๆ มากกว่า 60 รายตั้งแต่ปี 1914 ทำให้สูญเสียชีวิตหลายล้านคน. ยิ่งกว่านั้น กระทั่งบัดนี้ เด็ก 40,000 คนตายทุกวันเนื่องจากทุโภชนาการ และโรคภัยที่ป้องกันได้.
“จะเกิดแผ่นดินไหวใหญ่หลายแห่ง.” (ลูกา 21:11) แผ่นดินไหวทำให้แผ่นดินโลกสั่นสะเทือนหลังจากสงครามโลกที่ 1 ได้เริ่มต้น. ในปี 1915 แผ่นดินไหวคร่าชีวิต 32,610 คนในอิตาลี; ในปี 1920 แผ่นดินไหวอีกรายหนึ่งมีคนตาย 200,000 คนในประเทศจีน; ในปี 1923 ในญี่ปุ่น 99,300 คนตายไป; ในปี 1935 ในดินแดนซึ่งปัจจุบันนี้คือปากีสถาน 25,000 คนเสียชีวิต; ในปี 1939 ในตุรกี 32,700 คนตายไป; ในปี 1970 ในเปรู 66,800 คนเสียชีวิต; ในปี 1976 240,000 คน (บางคนบอกว่า 800,000 คน) ตายในประเทศจีน; ในปี 1988 ในอาร์มีเนีย 25,000 คนเสียชีวิต. แน่นอน มีแผ่นดินไหวใหญ่ตั้งแต่ปี 1914!
“โรคระบาดในที่ต่าง ๆ หลายแห่ง.” (ลูกา 21:11, ล.ม.) ระหว่างปี 1918 กับปี 1919 ประชาชนราว ๆ 1,000,000,000 คนป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สเปน และมากกว่า 20,000,000 คนตายไป. แต่นั่นเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น. ในโลกที่กำลังพัฒนา ไข้มาลาเรีย, โรคพยาธิใบไม้, ตาบอดเนื่องจากโรคพยาธิ, ท้องร่วงแบบรุนแรง, และโรคอื่น ๆ ยังคงทำให้พิการทุพพลภาพและสังหารชีวิตหลายร้อยล้านคนอยู่เรื่อยไป. นอกจากนี้ โรคหัวใจและโรคมะเร็งทำให้อีกหลายล้านคนเสียชีวิต. โรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์กำลังล้างผลาญมนุษยชาติ. ที่ก่อความสยดสยองในหัวใจทุกวันนี้ก็คือภัยพิบัติอันร้ายกาจของโรคเอดส์ กะประมาณว่าเหยื่อรายใหม่ติดเชื้อทุก ๆ นาที โดยมองไม่เห็นทางเยียวยารักษาได้.
“การละเลยกฎหมายทวีขึ้น.” (มัดธาย 24:12, ล.ม.) การละเลยกฎหมายกำเริบตั้งแต่ปี 1914 เป็นต้นมา และปัจจุบันการละเลยกฎหมายขยายตัวอย่างรวดเร็วไปทั่ว. ฆาตกรรม การข่มขืน โจรกรรม การยกพวกตีกัน—เรื่องเหล่านี้เป็นพาดหัวข่าวหนังสือพิมพ์และการออกข่าวทางวิทยุและโทรทัศน์. ความรุนแรงแบบไม่มีความหมายโหมกระหน่ำแบบควบคุมไม่อยู่. ในสหรัฐ มือปืนคนหนึ่งสาดกระสุนนับร้อยนัดจากปืนกลเข้าใส่กลุ่มเด็กนักเรียน—5 คนตาย 29 คนบาดเจ็บ. ในอังกฤษ ชายบ้าคนหนึ่งฆ่า 16 คนด้วยปืน เอเค-47. ในแคนาดา ชายคนหนึ่งที่เกลียดชังพวกผู้หญิง ไปยังมหาวิทยาลัยมอนทรีอัล แล้วฆ่าพวกเธอ 14 คน. คนอย่างนั้นเป็นเหมือนสุนัขป่า สิงโต สัตว์ร้าย สัตว์เดรัจฉานที่หาเหตุผลไม่ได้ เกิดมาเพื่อถูกจับฆ่าเสีย.—เปรียบเทียบยะเอศเคล 22:27; ซะฟันยา 3:3; 2 เปโตร 2:12.
“มนุษย์จะสลบเนื่องด้วยความกลัวและการคอยท่าเหตุการณ์ซึ่งจะเกิดขึ้นบนแผ่นดินโลกที่มีผู้คนอาศัยอยู่.” (ลูกา 21:26, ล.ม.) ไม่นานหลังจากการระเบิดของปรมาณูลูกแรก ฮาโรลด์ ซี. ยูเรย์ นักวิทยาศาสตร์สาขาปรมาณูได้กล่าวเกี่ยวกับอนาคตว่า “เราจะกินก็กลัว หลับก็กลัว อยู่และตายด้วยความกลัว.” นอกจากความกลัวสงครามนิวเคลียร์แล้ว ก็ยังมีความกลัวในเรื่องอาชญากรรม ความอดอยาก ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ความเสื่อมทางด้านศีลธรรม ความเสื่อมของครอบครัว ภาวะมลพิษของแผ่นดินโลก. ที่จริง สภาพการณ์ที่เลวร้ายประดังกันมาอยู่ตรงหน้าเราโดยทางหนังสือพิมพ์รายวันและการออกข่าวทางโทรทัศน์แพร่ความกลัวไปทุกแห่งหน.
อัครสาวกเปาโลได้เขียนถึงสภาพการณ์ที่จะมีแพร่หลายในยุคสุดท้ายของระบบนี้. การอ่านถ้อยคำของท่านก็เป็นเหมือนการอ่านข่าวประจำวัน. ท่านเขียนว่า “แต่จงรู้ข้อนี้ คือในสมัยสุดท้ายจะมีวิกฤตกาลซึ่งยากที่จะรับมือได้. เพราะว่าคนจะรักตัวเอง รักเงินทอง อวดตัว จองหอง เป็นคนหมิ่นประมาท ไม่เชื่อฟังบิดามารดา อกตัญญู ไม่ภักดี ไม่มีความรักใคร่ตามธรรมชาติ ไม่ยอมตกลงกัน เป็นคนใส่ร้าย ไม่มีการควบคุมตัวเอง ดุร้าย ไม่รักความดี เป็นคนทรยศ หัวดื้อ พองขนด้วยความหยิ่ง เป็นคนรักการสนุกสนานแทนที่จะรักพระเจ้า มีความเลื่อมใสต่อพระเจ้าในรูปแบบหนึ่ง แต่ปฏิเสธพลังแห่งความเลื่อมใสนั้น และจงผินหลังให้คนเหล่านี้.”—2 ติโมเธียว 3:1-5, ล.ม.
สิ่งทั้งปวงดำเนินต่อไป “อย่างที่เป็นอยู่ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นการทรงสร้าง” หรือ?
อัครสาวกเปโตรได้บอกล่วงหน้าถึงลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งของสมัยสุดท้ายคือ “ในสมัยสุดท้ายจะมีคนเยาะเย้ยโดยใช้การหัวเราะเยาะของเขา ดำเนินตามความปรารถนาของตนเองและกล่าวว่า ‘การประทับของพระองค์ที่ทรงสัญญาไว้นี้อยู่ที่ไหนล่ะ? อ้าว ตั้งแต่สมัยที่บรรพบุรุษของเราได้ล่วงลับไปในความตาย สิ่งทั้งปวงก็ดำเนินต่อไปเหมือนทีเดียว อย่างที่เป็นอยู่ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นการทรงสร้าง.’”—2 เปโตร 3:3,4, ล.ม.
ทุกวันนี้ เมื่อยกเรื่องเกี่ยวกับสมัยสุดท้ายขึ้นมา ประชาชนหลายคนทำให้คำพยากรณ์ของเปโตรสมจริงโดยการเย้ยหยันและพูดว่า ‘โอ สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดเคยเกิดขึ้นมาก่อน. มันก็แค่ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเท่านั้นเอง.’ ดังนั้น พวกเขาปฏิเสธคำเตือนและ “ดำเนินตามความปรารถนาของตนเอง” ต่อไป. นั่นเป็น “ตามความประสงค์ของเขา” ที่เขาบอกปัดความสมจริงแห่งคำพยากรณ์ที่พิสูจน์สมัยสุดท้ายอย่างชัดแจ้งจริง ๆ.—2 เปโตร 3:5, ล.ม.
กระนั้นก็ตาม ไม่เคยมีมาก่อนที่ลักษณะเด่นต่าง ๆ ของสัญลักษณ์อันประกอบด้วยเหตุการณ์หลายอย่างที่พระเยซูได้ทรงบอกไว้ล่วงหน้านั้นได้สมจริงพร้อมกันทุกอย่างในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่นนั้น พร้อมกับความรุนแรงขนาดนั้นและมีผลกระทบอันกว้างไกลดังกล่าว. (ตัวอย่างเช่น จงทบทวนมัดธาย 24:3-12; มาระโก 13:3-8; ลูกา 21:10, 11, 25, 26.) และเราใคร่จะชวนให้ท่านเอาใจใส่โดยเฉพาะต่อลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งเกี่ยวกับสมัยสุดท้ายที่มีบอกไว้ล่วงหน้า ตามที่พรรณนาในพระธรรมวิวรณ์.
ขอให้เราพลิกไปที่พระธรรมวิวรณ์ 11:18. ข้อนั้นบอกว่าเมื่อราชอาณาจักรของพระคริสต์เริ่มปกครองและนานาชาติโกรธแค้นและเวลาสำหรับการพิพากษามาถึง ครั้นแล้วพระยะโฮวาทรง “ทำลายคนเหล่านั้นที่ทำลายแผ่นดินโลก.” ภาวะมลพิษมิได้ทำลายสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันอยู่หรอกหรือ? จริงอยู่ มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรของแผ่นดินโลกอยู่เสมอเพื่อสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเอง. แต่ในการทำเช่นนั้น พวกเขาไม่เคยอยู่ในฐานะที่จะทำลายโลกฐานะเป็นดาวเคราะห์ที่อาศัยอยู่ได้. บัดนี้ เนื่องจากเทคโนโลยีทางด้านวิทยาศาสตร์ได้พัฒนามาตั้งแต่ปี 1914 มนุษย์มีสมรรถนะเช่นนั้นจริง และโดยการฉกฉวยเอาอย่างละโมบเพื่อความมั่งคั่ง พวกเขากำลังทำลายแผ่นดินโลกจริง ๆ ทำให้สิ่งแวดล้อมเป็นมลพิษและทำให้ความสามารถของแผ่นดินโลกในการค้ำจุนชีวิตนั้นตกอยู่ในอันตราย.
สังคมที่โลภโมโทสัน ฝักใฝ่ทางวัตถุกำลังทำเช่นนี้อยู่ในปัจจุบันด้วยอัตราที่น่าตกใจ. ต่อไปนี้เป็นผลอันเลวร้ายบางประการ: ฝนกรด ความร้อนเพิ่มขึ้นทั่วโลก รูโหว่ในชั้นโอโซน ขยะเกลื่อนกลาด กองวัสดุที่เป็นพิษ ยากำจัดวัชพืชและยาฆ่าแมลงที่เป็นอันตราย ของเสียจากนิวเคลียร์ การไหลทะลักของน้ำมัน น้ำเสียที่ไม่ได้บำบัด การทำให้ชีวิตพันธุ์ต่าง ๆ เป็นอันตราย ทะเลสาปที่เหือดแห้ง น้ำใต้ดินที่ปนเปื้อน ป่าไม้ถูกทำลาย พื้นดินที่มีภาวะมลพิษ การสูญเสียชั้นผิวหน้าของดิน และหมอกควันที่ก่อความเสียหายให้กับต้นไม้และพืชผล อีกทั้งสุขภาพของมนุษย์ด้วย.
ศาสตราจารย์แบร์รี คัมมอนเนอร์กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าภาวะมลพิษอย่างต่อเนื่องของแผ่นดินโลก หากไม่มีการยับยั้ง ในที่สุดจะทำลายความเหมาะสมของดาวเคราะห์ดวงนี้ในฐานะเป็นสถานที่สำหรับชีวิตมนุษย์. . . . ความยุ่งยากหาได้อยู่ที่ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ทางวิทยาศาสตร์ไม่ หากแต่อยู่ที่ความโลภโดยเจตนา.” หนังสือ สเตท อ็อฟ เดอะ เวิลด์ 1987 (สภาพของโลก 1987) กล่าวไว้ในหน้า 5 ว่า “ระดับแห่งกิจกรรมของมนุษย์ได้เริ่มคุกคามลักษณะเหมาะที่จะอยู่อาศัยของแผ่นดินโลกเอง.” รายการสำคัญเป็นตอน ๆ สำหรับโทรทัศน์ของรัฐบาลรายการหนึ่งที่ออกอากาศในสหรัฐในปี 1990 มีชื่อว่า “การแข่งขันเพื่อรักษาดาวเคราะห์ไว้.”
มนุษย์จะไม่หยุดยั้งการทำให้เกิดภาวะมลพิษ พระเจ้าจะทรงกระทำคราวเมื่อพระองค์ทำลายคนเหล่านั้นที่ทำลายแผ่นดินโลก. พระเจ้ากับพระเยซูคริสต์จอมทัพฝ่ายสวรรค์ของพระองค์ จะทรงกระทำเช่นนี้โดยการสำเร็จโทษต่อประเทศชาติที่ฝักใฝ่ทางวัตถุ ณ อาร์มาเก็ดดอนสงครามสุดท้าย.—วิวรณ์ 16:14, 16; 19:11-21.
ประการสุดท้าย โปรดสังเกตลักษณะเด่นต่อไปนี้จากคำพยากรณ์ของพระเยซูว่าด้วยสมัยสุดท้าย: “ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วแผ่นดินโลกนี้ที่มีผู้คนอาศัยอยู่.” (มัดธาย 24:14, ล.ม.) ข่าวดีนี้แจ้งว่าราชอาณาจักรของพระเจ้ากำลังครอบครองอยู่ในสวรรค์ขณะนี้ และในไม่ช้าจะปฏิบัติการเพื่อทำลายระบบชั่วนี้และฟื้นฟูอุทยานบนแผ่นดินโลก. เคยมีการประกาศกิตติคุณมาก่อน แต่ไม่เคยครอบคลุมทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่. อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ปี 1914 พยานพระยะโฮวาได้ทำเช่นนั้น แม้จะมีการข่มเหงที่พระเยซูได้บอกไว้ล่วงหน้า—คำสั่งห้ามของรัฐบาล ความรุนแรงของฝูงชนที่บ้าคลั่ง การจำคุก การทรมาน และความตายหลายราย.
ในปี 1919 มีพยานพระยะโฮวา 4,000 คนประกาศข่าวดีนี้. จำนวนของพวกเขาทวีขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งปีที่แล้ว มีมากกว่า 4,000,000 คนประกาศใน 212 ประเทศ ในราว ๆ 200 ภาษา จำหน่ายจ่ายแจกพระคัมภีร์ หนังสือปกแข็งและวารสารหลายร้อยล้านเล่ม นำการศึกษาพระคัมภีร์หลายล้านรายในบ้านของประชาชน และจัดการประชุมใหญ่ขึ้นในสนามกีฬาที่ใหญ่โตในตลอดทั่วทุกส่วนของโลก. การประกาศกิตติคุณอย่างกว้างขวางใหญ่โตเช่นนี้ไม่เคยมีทางที่จะทำได้ก่อนปี 1914. ความสำเร็จลุล่วงของงานถึงขีดที่ได้บรรลุนั้น ทำให้จำต้องมีเครื่องพิมพ์สมัยใหม่ความเร็วสูง เครื่องอำนวยความสะดวกในการเดินทาง เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องโทรสาร และเครื่องอำนวยความสะดวกในการขนส่งและการติดต่อสื่อสารที่มีอยู่พร้อมในยุคของเราอย่างที่ไม่มีแต่ก่อน.
กรุงยะรูซาเลมในสมัยของยิระมะยาได้รับการเตือนเกี่ยวกับพินาศกรรมที่จะมาถึง พลเมืองของกรุงนั้นได้แต่เย้ยหยัน แต่ทว่ามันสายกว่าที่พวกเขาคิด. ทุกวันนี้ ได้มีการประกาศคำเตือนที่ใหญ่กว่ามากในเรื่องความพินาศในอาร์มาเก็ดดอน พร้อมด้วยหลักฐานสนับสนุนท่วมท้น. (วิวรณ์ 14:6, 7, 17–20) หลายล้านคนเอาหูไปนาเอาตาไปไร่. แต่เวลากำลังจะหมดลงแล้ว มันสายกว่าที่พวกเขาคิด. มันสายกว่าที่คุณคิดไหม?