จงพิจารณาตัวอย่างการอดกลั้นทนนาน
“พระเจ้า . . . ได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้ช้านานต่อผู้เหล่านั้นที่เป็นภาชนะอันสมควรแก่พระอาชญา ซึ่งเตรียมไว้สำหรับความพินาศ.”—โรม 9:22, ฉบับแปลใหม่.
1. (ก) พระคำโดยการดลบันดาลของพระเจ้าเป็นประโยชน์แก่เราอย่างไร? (ข) เกี่ยวด้วยเรื่องนี้ เหตุใดจึงมีการพิจารณาคุณลักษณะแห่งการอดกลั้นทนนาน ณ ที่นี้?
พระเจ้ายะโฮวา พระผู้สร้างตัวเราทรงประทานคัมภีร์ไบเบิล พระคำโดยการดลบันดาลของพระองค์นั้นแก่พวกเรา. พระคำนี้แหละเป็น ‘โคมสำหรับเท้าของเราและเป็นความสว่างส่องทางเดินของเรา.’ (บทเพลงสรรเสริญ 119:105) นอกจากนั้น พระคำของพระเจ้าช่วยเราเป็นผู้ “ที่ถูกเตรียมไว้พร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง.” (2 ติโมเธียว 3:16, 17) แนวหนึ่งซึ่งพระคัมภีร์ตระเตรียมเราไว้เพื่อการนี้ก็โดยการที่มีบันทึกแบบอย่างที่ดีเกี่ยวกับการอดกลั้นทนนาน. คุณลักษณะนี้เป็นหนึ่งในบรรดาผลแห่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า และซึ่งเราจะขาดเสียมิได้สำหรับการได้รับความพอพระทัยจากพระองค์และที่จะอยู่ด้วยความปรองดองกันกับเพื่อนมนุษย์.—ฆะลาเตีย 5:22, 23.
2. ความหมายของคำกรีกซึ่งนำมาแปลว่า “อดกลั้นทนนาน” นั้นคืออะไร และใครเด่นที่สุดในการแสดงคุณลักษณะนี้?
2 คำกรีกที่นำมาแปลว่า “อดกลั้นทนนาน” นี้ ตามตัวอักษรหมายถึง “ความยาวของวิญญาณ.” ได้มีการนิยามคำอดกลั้นทนนานเป็น “คุณลักษณะแสดงการข่มห้ามตัวเองขณะถูกยั่วยุ ซึ่งไม่ด่วนโต้ตอบลงโทษทันที.” (พจนานุกรม เกี่ยวกับถ้อยคำในพระคัมภีร์เดิมและพระคัมภีร์ใหม่ โดยดับเบิลยู. อี. ไวน์ เล่มสาม หน้า 12) ที่จะอดกลั้นทนนานย่อมหมายถึงการควบคุมตัวเองและไม่โกรธง่าย. และใคร่ล่ะเด่นที่สุดในบรรดาผู้ไม่โกรธเร็ว แสดงความอดกลั้นทนนาน? ไม่มีใครเกินพระเจ้ายะโฮวา. ด้วยเหตุนี้ เราอ่านที่พระธรรมเอ็กโซโด 34:6 ว่าพระยะโฮวาทรงเป็น “พระเจ้าผู้ทรงเมตตากรุณา ผู้ทรงอดพระทัยไว้นาน และบริบูรณ์ด้วยความดีและความจริง.” ที่จริง มีอีกแปดครั้งในคัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงพระยะโฮวาทรง “อดทนไว้นาน.”—อาฤธโม 14:18; นะเฮมยา 9:17; บทเพลงสรรเสริญ 86:15; 103:8; 145:8; โยเอล 2:13; โยนา 4:2; นาฮูม 1:3.
3. คุณลักษณะอะไรบ้างอันเป็นมูลเหตุที่พระยะโฮวาทรงอดพระทัยไว้นาน?
3 การเป็นผู้อดกลั้นทนนาน หรือไม่โกรธเร็ว เป็นสิ่งที่เราน่าจะคาดหมายได้จากพระเจ้ายะโฮวา เพราะพระองค์ทรงบริบูรณ์ด้วยอำนาจและสติปัญญา ครบถ้วนในความยุติธรรมและทรงเป็นแบบฉบับแห่งความรักจริง ๆ. (พระบัญญัติ 32:4; โยบ 12:13; ยะซายา 40:26; 1 โยฮัน 4:8) พระองค์ทรงควบคุมคุณลักษณะเหล่านี้เพื่อให้อยู่ในภาวะสมดุลไม่ขาดไม่เกินเสมอ. พระวจนะของพระองค์เปิดเผยอะไรบ้างถึงเหตุผลและแนวทางที่พระองค์ได้ทรงสำแดงความอดกลั้นทนนานต่อมนุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์?
อดกลั้นพระทัยไว้นานเพื่อเห็นแก่พระนามของพระองค์
4. เพื่อเหตุผลอันดีอะไรบ้างที่พระยะโฮวาทรงสำแดงความอดกลั้นทนนานต่อคนบาป?
4 ทำไมพระยะโฮวาทรงอดกลั้นพระทัยไว้นาน? ทำไมพระองค์ไม่ลงโทษคนบาปเสียทันทีทันใด? หาใช่เพราะความเฉยเมยหรือขาดความกระตือรือร้นเพื่อความชอบธรรมไม่. แต่ด้วยเหตุผลที่ดี พระยะโฮวาทรงช้าในการโกรธและไม่ลงโทษผู้คนทันทีทันใด. เหตุผลประการหนึ่งคือเพื่อให้พระนามของพระองค์เป็นที่รู้จัก. เหตุผลอีกอย่างหนึ่งคือจะต้องใช้เวลาเพื่อทำให้ประเด็นอันเนื่องมาจากการกบฏในสวนเอเดนเรื่องพระบรมเดชานุภาพของพระเจ้าและความซื่อสัตย์ภักดีของมนุษย์ลงเอย. เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่พระเจ้าทรงอดกลั้นไว้นานนั่นคือให้โอกาสมนุษย์ที่ผิดบาปแก้ไขปรับปรุงแนวทางของตนให้ถูกต้อง.
5, 6. ทำไมพระยะโฮวาจึงทรงสำแดงความอดกลั้นทนนานในเรื่องการกบฏของมนุษย์?
5 พระยะโฮวาทรงอดกลั้นพระทัยในการปฏิบัติต่อมนุษย์คู่แรกในสวนเอเดน. เมื่อทั้งสองคนละเมิดคำสั่งห้ามกินผลจากต้นไม้ที่ให้ความรู้ดีและชั่ว ในทันทีนั้นพระองค์จะสำเร็จโทษมนุษย์กับทูตสวรรค์ซึ่งเป็นกบฏที่ได้ล่อลวงฮาวาก็ย่อมได้. ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าความรู้สึกของพระยะโฮวาในเรื่องความชอบธรรมและความยุติธรรมนั้นถูกกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนพระองค์ทรงพิโรธผู้กบฏทั้งสาม. พระองค์ย่อมมีสิทธิถูกต้องครบถ้วนถ้าพระองค์สำเร็จโทษพวกเขาทันที. พระเจ้าเตือนอาดามมนุษย์คนแรกแล้วว่า “เว้นแต่ต้นไม้ที่ให้รู้ความดีและชั่ว ผลของต้นนั้นเจ้าอย่ากินเป็นอันขาด ถ้าเจ้าขืนกินในวันใด เจ้าจะตายในวันนั้นเป็นแน่.” (เยเนซิศ 2:17) วันนั้นที่อาดามกระทำผิด พระเจ้าทรงคิดบัญชีกับผู้ละเมิดเหล่านั้นและแถลงการพิพากษาโทษถึงตาย. มองจากแง่กฎหมาย อาดามกับฮาวาได้ตายในวันนั้นจริง. กระนั้น พระผู้สร้างของเราด้วยการอดกลั้นพระทัยไว้นานจึงทรงปล่อยให้อาดามมีอายุยืนอยู่ได้นานถึง 930 ปี.—เยเนซิศ 5:5.
6 พระเจ้ามีเหตุผลที่ดีที่ได้ทรงอดกลั้นทนนานหรือไม่โกรธง่ายในกรณีนี้. ถ้าพระองค์สังหารพวกกบฏนั้นทันที ก็คงไม่ได้ตอบคำเยาะเย้ยของมารที่แฝงความหมายว่าพระเจ้ายะโฮวาไม่สมควรรับการนมัสการ และในประการที่พระองค์ไม่อาจจะมีมนุษย์รับใช้พระองค์ซึ่งจะรักษาความซื่อสัตย์ภักดีต่อพระองค์ ไม่ว่าภายใต้สภาพการณ์ใด ๆ. ยิ่งกว่านั้น คำถามต่าง ๆ ต่อไปนี้คงคั่งค้างอยู่โดยไม่มีการตอบเช่น ที่อาดามกับฮาวาทำบาปนั้นเป็นความผิดของใคร? พระยะโฮวาได้สร้างเขาให้อ่อนแอด้านศีลธรรมตั้งแต่แรกไหมจนเขาไม่สามารถต้านทานการทดลอง ครั้นแล้วทรงลงโทษเขาที่เขาผิดพลาดไป? คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้ปรากฏชัดจากบันทึกในพระธรรมโยบบท 1 และบท 2. โดยการยอมให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ทวีมากขึ้น พระยะโฮวาทรงให้มนุษย์มีโอกาสพิสูจน์ข้อกล่าวหาของซาตานว่าเป็นเท็จ.
7. ทำไมพระยะโฮวาไม่ได้สำเร็จโทษฟาโรห์เสียทันที?
7 เมื่อจวนถึงเวลาที่พระยะโฮวาจะปลดปล่อยชาติยิศราเอลไพร่พลของพระองค์จากการเป็นทาสชาวอียิปต์ อีกครั้งหนึ่งพระองค์ได้ทรงแสดงความอดกลั้นทนนาน. พระยะโฮวาสามารถทำลายฟาโรห์พร้อมด้วยกำลังทางทหารของเขาได้ทันที. แต่แทนที่จะทำเช่นนั้น พระเจ้าทรงอดทนกับพวกเขาอยู่ระยะหนึ่ง. เพื่อเหตุผลที่ดีอะไร? ขณะเวลาผ่านไป ฟาโรห์ยิ่งดื้อดึงมากขึ้น ไม่ยอมปล่อยยิศราเอลพลไพร่ของพระยะโฮวาออกไปจากอียิปต์อย่างชาติที่มีอิสรภาพ. ดังนั้น ฟาโรห์แสดงตัวว่าเป็น ‘ภาชนะอันสมควรแก่พระอาชญา’ สมควรจะพินาศเพราะการหมิ่นประมาทพระยะโฮวา. (โรม 9:14-24) แต่ยังมีเหตุผลสำคัญกว่าที่ว่าทำไมพระเจ้าถึงได้ยอมอดกลั้นทนนานในกรณีนี้? พระองค์รับสั่งแก่ฟาโรห์ผ่านโมเซว่า “บัดนี้น่าที่เราจะได้ยกหัตถ์ขึ้นประหารฟาโรห์และพลไพร่ด้วยโรคภัยให้ตายไปจากโลกเสียนานแล้ว. แต่เหตุที่เรายังให้ฟาโรห์ดำรงชีวิตอยู่ก็เพื่อจะให้ฟาโรห์เห็นฤทธานุภาพของเรา และเพื่อนามของเราจะได้ลือกระฉ่อนไปทั่วโลก.”—เอ็กโซโด 9:15, 16.
8. ด้วยเหตุอะไรพระเจ้ามิได้สังหารชาติยิศราเอลที่เป็นกบฏขณะเดินทางในป่าทุรกันดาร?
8 อนึ่ง พระยะโฮวาแสดงความอดกลั้นพระทัยไว้นานด้วยเหตุผลที่ดีเมื่อพวกยิศราเอลเดินทางอยู่ในป่าทุรกันดาร. พวกเขาได้ทดสอบความอดทนของพระยะโฮวาโดยได้นมัสการโคทองคำและไม่ได้แสดงความเชื่อเมื่อผู้สอดแนมทั้งสิบคนกลับมาพร้อมกับข่าวไม่ดี! พระเจ้ามิได้กำจัดพวกเขาฐานะไพร่พลของพระองค์เนื่องจากพระนามและชื่อเสียงของพระองค์เกี่ยวข้องด้วย. ถูกแล้ว พระยะโฮวาทรงแสดงความอดกลั้นทนนานเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์.—เอ็กโซโด 32:10-14; อาฤธโม 14:11-20.
อดกลั้นพระทัยเพราะเห็นแก่มนุษย์
9. ทำไมพระยะโฮวาได้ทรงแสดงความอดกลั้นในสมัยโนฮา?
9 พระยะโฮวาทรงอดกลั้นทนนานเรื่อยมาเพราะเห็นแก่มนุษย์ นับตั้งแต่อาดามทำผิดซึ่งยังผลกระทบถึงลูกหลานที่เกิดมาภายหลัง โดยการทำบาปเขาได้ทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องทุกข์โศกอย่างยิ่ง. ด้วยความอดกลั้นทนนานของพระเจ้าจึงมีทางเป็นไปได้ที่จะแก้ไขการผิดนั้นโดยที่พระองค์ให้เวลาเพื่อมนุษย์ผู้สำนึกผิดจะได้คืนดีกับพระองค์. (โรม 5:8-10) อนึ่ง พระเจ้ายะโฮวาสำแดงความอดกลั้นทนนานต่อมนุษย์ในสมัยโนฮาเช่นกัน. สมัยนั้น “พระยะโฮวาทรงเห็นมนุษย์กระทำความชั่วมากทวีขึ้นบนแผ่นดิน และความคิดนึกในใจของเขาล้วนเป็นความชั่วเสมอไป.” (เยเนซิศ 6:5) แม้ว่าพระเจ้าสามารถจะทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้หมดสิ้นได้ทันทีเมื่อทรงเห็นสภาพการณ์เช่นนั้น แต่พระองค์ทรงกำหนดว่าพระองค์ให้สภาพการณ์นั้นถึงจุดอวสานภายในเวลา 120 ปี. (เยเนซิศ 6:3) การแสดงออกซึ่งความอดกลั้นพระทัยไว้นานเช่นนี้ให้เวลานานพอจนโนฮาได้บุตรชายสามคน ให้เขาเติบโตกระทั่งถึงวัยแต่งงาน และนานพอที่ครอบครัวนั้นจะสร้างเรือใหญ่เพื่อพิทักษ์ชีวิตตัวเองตลอดทั้งชีวิตสัตว์ต่าง ๆ ไว้ด้วย. โดยวิธีนี้พระประสงค์ดั้งเดิมของพระเจ้าสำหรับแผ่นดินโลกจึงเห็นเป็นจริงขึ้นมา.
10, 11. ทำไมพระยะโฮวาจึงอดทนนานกับชาติยิศราเอล?
10 คำจำกัดความอีกอย่างหนึ่งของการอดกลั้นทนนานเกี่ยวข้องโดยเฉพาะกับการดำเนินงานของพระเจ้าต่อไพร่พลของพระองค์. นั่นคือ “การอดกลั้นอดทนต่อการกระทำผิดหรือการยั่วยุ ประกอบกับการไม่ยอมเลิกที่จะหวังว่าความสัมพันธ์ที่เสื่อมคลายไปนั้นจะดีขึ้น.” (หนังสืออินไซท์ ออน เดอะ สคริพเจอร์ เล่มสองหน้า 262 จัดพิมพ์โดยสมาคมวอชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กท์ แห่งนิวยอร์ก) จุดนี้ชี้เหตุผลเพิ่มเติมว่าทำไมพระเจ้าอดกลั้นพระทัยต่อชาติยิศราเอล. ชนชาตินี้ได้ละทิ้งพระยะโฮวาหลายครั้งหลายหน แล้วตกเป็นทาสชาวต่างประเทศ. กระนั้น พระองค์ได้สำแดงความอดกลั้นพระทัยไว้นานโดยได้ช่วยชาติยิศราเอลให้รอดพ้นและให้เขามีโอกาสกลับใจ.—ผู้วินิจฉัย 2:16-20.
11 กษัตริย์หลายองค์ของชาติยิศราเอล ส่วนใหญ่ได้ชักนำพลเมืองไปบูชาศาสนาเท็จ. พระเจ้าทรงทอดทิ้งชาตินี้ทันทีทันใดไหม? หามิได้! พระองค์ไม่เลิกหวังเสียทันทีเพื่อว่าความสัมพันธ์ที่เสื่อมคลายไปนั้นจะดีขึ้น. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พระยะโฮวาทรงอดทนไม่พิโรธง่าย ๆ. ด้วยการอดพระทัยไว้นาน พระเจ้าโปรดให้โอกาสพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะกลับใจ. เราอ่านที่ 2 โครนิกา 36:15, 16 ดังนี้: “ฝ่ายพระยะโฮวาพระเจ้าแห่งเชื้อวงศ์ปู่ย่าตายายของเขาได้ใช้ทูตของพระองค์มายังพวกเขา [ส่งทูตมาหาหลายครั้งหลายหน, ล.ม.] เพราะพระองค์ทรงพระเมตตากรุณาต่อพลไพร่ของพระองค์ กับเป็นห่วงถึงโบสถ์วิหารที่สถิตของพระองค์. แต่เขาก็พากันเยาะเย้ยพวกทูตของพระเจ้า ประมาทดูหมิ่นคำโอวาทของพระองค์ และนินทาผู้พยากรณ์ของพระองค์ กระทำให้ความพิโรธของพระยะโฮวาพลุ่งขึ้นต่อพลไพร่ของพระองค์จนไม่มีช่องที่จะแก้ไขได้.”
12. คัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกให้หลักฐานอย่างไรเกี่ยวด้วยเหตุผลที่พระยะโฮวาทรงอดกลั้นทนนาน?
12 คัมภีร์คริสเตียนภาคภาษากรีกได้ให้หลักฐานเหมือนกันว่า พระยะโฮวาทรงอดกลั้นพระทัยไว้นานเพื่อช่วยไพร่พลของพระองค์ที่ทำผิด. ตัวอย่างเช่น อัครสาวกเปาโลถามคริสเตียนผู้ละเมิดกฎหมายดังนี้: “ท่านประมาทพระกรุณาอันอุดมและการที่ทรงอดทนไว้ช้านาน และการทรงอดกลั้นพระทัยไว้ ไม่รู้ว่าพระกรุณาของพระเจ้านั้นเป็นที่จะนำท่านให้กลับใจเสียใหม่หรือ?” (โรม 2:4) เปโตรได้กล่าวทำนองเดียวกันว่า “พระยะโฮวาไม่ได้ทรงเฉื่อยชาในเรื่องคำสัญญาของพระองค์เหมือนบางคนถือว่าช้านั้น แต่พระองค์ได้อดกลั้นพระทัยกับท่านทั้งหลาย เพราะพระองค์ไม่ประสงค์จะให้คนหนึ่งคนใดถูกทำลาย แต่ทรงปรารถนาจะให้คนทั้งปวงกลับใจเสียใหม่.” (2 เปโตร 3:9, ล.ม.) ช่างเหมาะสมอย่างยิ่ง ที่ท่านกำชับพวกเราให้ “ถือว่าความอดกลั้นพระทัยขององค์พระผู้เป็นเจ้าของเราเป็นความรอด.” (2 เปโตร 3:15, ล.ม.) ดังนั้น เราจึงเข้าใจว่า พระยะโฮวาทรงอดกลั้นพระทัยเช่นนั้นหาใช่เป็นการแสดงความรู้สึกทางอารมณ์หรือเฉื่อยชาไม่ แต่เพราะพระนามและพระประสงค์ของพระองค์เกี่ยวข้องอยู่ด้วย และพระองค์ทรงเมตตาและมีความรัก.
ตัวอย่างการอดกลั้นทนนานของพระเยซู
13. มีหลักฐานอะไรในคัมภีร์ไบเบิลแสดงว่าพระเยซูคริสต์ทรงอดกลั้นทนนาน?
13 ตัวอย่างรองจากพระเจ้าในด้านความอดกลั้นทนนานนั้นได้แก่พระบุตรเยซูคริสต์องค์มาซีฮานั้นเอง. พระเยซูทรงเป็นตัวอย่างที่ดีเลิศเกี่ยวด้วยการข่มห้ามใจไม่ด่วนแก้แค้นแม้นมีการยั่วยุ.a ที่ว่าพระมาซีฮาจะอดกลั้นทนนานได้มีการกล่าวไว้ล่วงหน้าโดยผู้พยากรณ์ยะซายาดังนี้: “เขาถูกข่มขี่ แต่ขณะเมื่อกำลังถูกทรมาน เขาก็หาได้ปริปากไม่. เหมือนแก่ถูกนำไปฆ่า และเหมือนแกะตัวเมียไม่อ้าปากร้องต่อหน้าคนตัดขนฉันใด เขาผู้นั้นก็ไม่ปริปากฉันนั้น.” (ยะซายา 53:7) คำพยานถึงสัจธรรมข้อเดียวกันนี้ได้แก่คำพูดของเปโตรที่ว่า “เมื่อพระองค์ถูกว่า พระองค์ก็ไม่ทรงด่าตอบ. เมื่อพระองค์ทรงทนทุกข์ทรมาน พระองค์มิได้ขู่เข็ญ แต่ทรงมอบตัวไว้กับพระองค์ผู้ทรงพิพากษาด้วยความชอบธรรมนั้นต่อ ๆ ไป.” (1 เปโตร 2:23, ล.ม.) สาวกของพระเยซูคงได้ก่อความยุ่งยากใจแก่พระองค์มากเพียงไรเมื่อมีการทุ่มเถียงกันหลายหนว่าใครเป็นใหญ่ที่สุด! แต่พระองค์ทรงอดกลั้นทนนานกับพวกเขามากเพียงใด!—มาระโก 9:34; ลูกา 9:46; 22:24.
14. ตัวอย่างของพระเยซูด้านมีความอดกลั้นทนนานเช่นนั้นน่าจะกระตุ้นเราให้ทำอะไร?
14 พวกเราควรติดตามตัวอย่างการอดกลั้นทนนานของพระเยซู. เปาโลเขียนว่า “การวิ่งแข่งซึ่งกำหนดไว้สำหรับพวกเรานั้นให้เราวิ่งด้วยความอดทนขณะที่เรามองเขม้นไปที่พระเยซูผู้นำองค์เอก และผู้ปรับปรุงความเชื่อของเราให้สมบูรณ์พร้อมทุกประการนั้น. เพราะเห็นแก่ความยินดีซึ่งมีอยู่ตรงหน้า พระองค์ยอมทนหลักทรมาน ไม่คำนึงถึงความละอาย แล้วพระองค์ได้เสด็จนั่งเบื้องขวาพระที่นั่งของพระเจ้า. จริงทีเดียว จงเอาใจใส่พิจารณาพระองค์ผู้ได้ทรงอดทนเอากับการกล่าวขัดแย้งโดยคนบาปทั้งหลาย ผู้ซึ่งกล่าวอย่างที่ขัดกับผลประโยชน์ของตนเองเช่นนั้น เพื่อท่านจะได้ไม่เบื่อระอาและปล่อยตัวหยุดกลางคัน.”—เฮ็บราย 12:1-3, ล.ม.
15. เราทราบได้อย่างไรว่าพระเยซูทรงอดกลั้นทนนานและเต็มใจทนรับความทุกข์ยากต่าง ๆ?
15 ที่ว่าพระเยซูได้ทรงอดกลั้นพระทัยไว้นานและเต็มพระทัยอดทนกับความทุกข์ยากต่าง ๆ เช่นนั้นเห็นได้จากท่าทีที่พระองค์แสดงออกในโอกาสที่เขาจับกุมพระองค์. หลังจากทรงกล่าวเตือนเปโตรซึ่งชักดาบออกมาป้องกันนายของตน พระเยซูตรัสดังนี้: “ท่านถือว่าเราจะขอพระบิดาของเราและในประเดี๋ยวเดียว พระองค์จะทรงประทานทูตสวรรค์แก่เรากว่าสิบสองกองไม่ได้หรือ? ถ้าอย่างนั้นคำที่กล่าวในพระคัมภีร์ว่า จำจะต้องเป็นอย่างนี้จะสำเร็จอย่างไรได้.”—มัดธาย 26:51-54; โยฮัน 18:10, 11.
ตัวอย่างอื่นอีกของการอดกลั้นทนนาน
16. คัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นอย่างไรว่าโยเซฟบุตรชายยาโคบนั้นมีความอดกลั้นทนนาน?
16 แม้แต่มนุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์เป็นคนบาปก็อาจแสดงความอดกลั้นทนนานได้. ในคัมภีร์ไบเบิลภาคภาษาฮีบรูมีตัวอย่างแสดงไว้ว่ามนุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์เพียรอดทนต่อการผิดต่าง ๆ นา ๆ. เช่น โยเซฟ บุตรชายยาโคบบรรพชนชาวฮีบรู. โยเซฟเพียรอดทนความทุกข์ยากอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งพวกพี่ชายต่างมารดาและภรรยาของโพติฟากระทำต่อท่าน! (เยเนซิศ 37:18-28; 39:1-20) โยเซฟไม่ถือเอาความทุกข์ยากเหล่านั้นเป็นเหตุให้ท่านรู้สึกขมขื่น. ข้อนี้ปรากฏชัดเมื่อท่านบอกพวกพี่ชายว่า “อย่าเป็นทุกข์ไปเลย อย่าขึ้งโกรธแก่ตัวเอง เพราะการที่ขายเรามาที่นี่เป็นด้วยพระเจ้าได้ทรงใช้เราให้มาข้างหน้าพวกท่าน เพื่อจะได้ช่วยชนทั้งหลายให้รอดชีวิต.” (เยเนซิศ 45:4, 5) นับว่าโยเซฟได้วางตัวอย่างอันดีเพียงไรในด้านความอดกลั้นทนนาน!
17, 18. ในกรณีของดาวิด เรามีพยานหลักฐานอะไรบ่งชี้ถึงความอดกลั้นทนนาน?
17 ดาวิดเป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของผู้รับใช้ที่สัตย์ซื่อของพระยะโฮวาผู้ซึ่งเพียรอดกลั้นทนนานต่อการประพฤติชั่ว. ในระหว่างถูกกษัตริย์ซาอูลที่มีใจอิจฉาตามล่าเหมือนสุนัข ดาวิดสบโอกาสสองครั้งที่จะสังหารซาอูลเป็นการแก้แค้น. (1 ซามูเอล 24:1-22; 26:1-25) แต่ดาวิดคอยท่าพระยะโฮวา ดังเห็นได้จากคำพูดที่ท่านกล่าวกับอะบิซัยว่า “พระยะโฮวา . . . คงจะทำลายชีวิตของท่าน [ซาอูล] มิฉะนั้นเวลาสิ้นพระชนม์จะมาถึง หรือท่านคงจะวินาศไปในการสงครามเป็นแน่ฉันนั้น. ขอพระยะโฮวาทรงห้ามปรามอย่าให้ข้าพเจ้าเหยียดมือออกต่อสู้ผู้ที่พระองค์ทรงชโลมแล้ว!” (1 ซามูเอล 26:10, 11) ใช่แล้ว ดาวิดมีโอกาสยุติการตามล่าของซาอูลเสียก็ได้. แต่ดาวิดพอใจจะเป็นคนอดกลั้นทนนาน.
18 อนึ่ง จงพิจารณาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะกษัตริย์ดาวิดหนีอับซาโลมราชโอรสผู้ทรยศ. ซิมอี เชื้อวงศ์ของซาอูลในตระกูลเบ็นยามิน ได้เอาหินขว้างดาวิด และตะโกนแช่งด่าท่านว่า “อ้ายพาลผู้ร้าย ไปเสีย!” อะบิซัยหมายจะเอาชีวิตซิมอีให้ได้ แต่ดาวิดไม่ยอมล้างแค้น. แทนที่จะทำเช่นนั้น อีกครั้งหนึ่งท่านได้แสดงออกซึ่งคุณลักษณะของความอดกลั้นทนนาน.—2 ซามูเอล 16:5-13.
พิจารณาตัวอย่างของเปาโล
19, 20. อัครสาวกเปาโลแสดงอย่างไรว่าตัวท่านเองเป็นคนอดกลั้นทนนาน?
19 ในคัมภีร์ภาคภาษากรีก เรามีอีกตัวอย่างหนึ่งที่ดีเกี่ยวกับการอดกลั้นทนนานของมนุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์ คืออัครสาวกเปาโล. ท่านแสดงออกซึ่งความเพียรอดทน ความอดกลั้นทนนานเกี่ยวข้องกับปรปักษ์ทางศาสนาและกับปัจเจกชนที่อ้างว่าเป็นคริสเตียน. จริง เปาโลสำแดงความอดกลั้นแม้บางคนในประชาคมเมืองโกรินโธได้พูดว่า “หนังสือของเปาโลนั้นมีน้ำหนักมาก และมีอำนาจแข็งแรงนักก็จริง แต่ว่าตัวเขาดูอ่อนกำลัง และคำพูดของเขาก็ใช้ไม่ได้.”—2 โกรินโธ 10:10; 11:5, 6, 22–23.
20 ดังนั้น ด้วยเหตุที่ดี เปาโลบอกชาวโกรินโธว่า “แต่ว่าในการทั้งปวงเราได้กระทำตัวให้เป็นที่ชอบเหมือนคนรับใช้ของพระเจ้า. โดยความเพียรอดทนเป็นอันมาก ในความทุกข์ ในความขัดสน ในเหตุวิบัติ ในการถูกเฆี่ยน ในการที่ถูกจำคุก ในการวุ่นวาย ในการงานต่าง ๆ ในการอดหลับอดนอน ในการอดอาหาร โดยความบริสุทธิ์ โดยความรู้ โดยการไม่โกรธเร็ว โดยความเผื่อแผ่ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ โดยความรักแท้ [ปราศจากความหน้าซื่อใจคด, ล.ม.].” (2 โกรินโธ 6:4-6) ในแนวคล้ายกัน อัครสาวกสามารถเขียนถึงติโมเธียวเพื่อนร่วมงานดังนี้: “ท่านได้ดำเนินตามคำสอน การประพฤติ ความมุ่งหมาย ความเชื่อ ความบากบั่นอดทน ความรัก ความเพียร การถูกข่มเหง และการทนทุกข์ยากลำบากของข้าพเจ้า . . . แต่ว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดช่วยข้าพเจ้าให้รอดพ้นจากการนั้นทั้งหมด.” (2 ติโมเธียว 3:10, 11) ช่างเป็นตัวอย่างการอดกลั้นทนนานที่ดีอะไรเช่นนั้นที่อัครสาวกเปาโลได้วางไว้ให้เรา!
21. บทความต่อจากนี้อาจช่วยเราอย่างไร?
21 เห็นได้ชัดว่า คัมภีร์ไบเบิลเพียบด้วยตัวอย่างดี ๆ มากมายว่าด้วยการอดกลั้นทนนาน. พระยะโฮวาและพระบุตรที่รักของพระองค์เป็นตัวอย่างที่ดีเลิศ. แต่ก็นับว่าเป็นการชูใจเสียจริง ๆ เมื่อรู้ว่าคุณลักษณะเช่นนี้มนุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์ก็เคยแสดงให้ประจักษ์มาแล้ว เช่น โยเซฟ ดาวิด และอัครสาวกเปาโล! บทความถัดจากนี้ได้เตรียมไว้เพื่อช่วยพวกเราให้เลียนแบบอย่างที่ดีเช่นนั้น.
[เชิงอรรถ]
a ที่จะอดกลั้นทนนานไม่หมายเพียงแต่ว่าจะอดทนนาน. ถ้าคนเราอดทนด้วยความหงุดหงิดหรือขุ่นเคืองเพราะไม่สามารถตอบโต้แก้เผ็ด เขาก็คงจะไม่ใช่คนอดกลั้นทนนาน.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ การอดกลั้นทนนานนั้นหมายถึงอะไร?
▫ พระยะโฮวาทรงอดพระทัยไว้นานเช่นนั้นด้วยเหตุผลสำคัญประการใดบ้าง?
▫ โดยวิธีใดพระเยซูแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงอดกลั้นทนนาน?
▫ มีข้อพิสูจน์อะไรจากคัมภีร์ไบเบิลแสดงว่ามนุษย์ผู้ไม่สมบูรณ์อาจจะอดกลั้นทนนานได้?
[รูปภาพหน้า 10]
โยเซฟ พระเยซู ดาวิด เปาโล และโยบล้วนเป็นแบบอย่างของการอดกลั้นทนนาน
[รูปภาพหน้า 13]
พระเยซูทรงสำแดงความอดกลั้นทนนานต่อเหล่าสาวกของพระองค์