สมบัติล้ำค่าจากกองขยะของชาวอียิปต์
คุณจะคาดคิดไหมว่าจะพบต้นฉบับคัมภีร์ไบเบิลอันล้ำค่าในกองขยะ? แต่นั่นคือสิ่งที่ได้เกิดขึ้น ในท่ามกลางผืนทรายแห่งประเทศอียิปต์ ในตอนปลายศตวรรษที่ผ่านมา. เป็นไปอย่างไรกัน?
เริ่มต้นในปี 1778 และต่อเนื่องมาจนถึงปลายศตวรรษที่ 19 มีการค้นพบหนังสือพาไพรัสมากมายโดยบังเอิญในอียิปต์. แต่ก็ไม่ค่อยมีการค้นหาอย่างมีระเบียบจนกระทั่งเมื่อร้อยปีที่แล้ว. ตั้งแต่นั้นมา มีการค้นพบเอกสารโบราณอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอโดยพวกกสิกรพื้นเมือง และกองทุนการสำรวจประเทศอียิปต์โดยการสนับสนุนด้านการเงินจากอังกฤษได้ตระหนักถึงความจำเป็นที่จะส่งหน่วยสำรวจออกไปก่อนจะสายเกินไป. พวกเขาได้คัดเลือกผู้เชี่ยวชาญจากอ็อกซ์ฟอร์ดสองคนคือ เบอร์นาร์ด พี. เกร็นเฟ็ลล์ กับ อาร์เทอร์ เอส. ฮันต์ ซึ่งได้รับอนุญาตให้ค้นคว้าในบริเวณทางใต้ของเขตกสิกรรมในแคว้นไฟยุม (ภาพข้างบน).
สถานที่หนึ่งซึ่งมีชื่อว่าเบนอีซาค่อนข้างจะให้ความหวังแก่เกร็นเฟ็ลล์เพราะมีชื่อเป็นภาษากรีก โอซือรินคุส. เนื่องจากเป็นศูนย์กลางแห่งศาสนาคริสเตียนของชาวอียิปต์ โอซือรินคุสจึงเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในศตวรรษที่สี่และห้าแห่งสากลศักราช. มีสำนักของนักบวชในยุคต้น ๆ มากมายตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียง และซากปรักหักพังของตัวเมืองนี้ก็มีอยู่มาก. เกร็นเฟ็ลล์หวังจะพบส่วนต่าง ๆ ของหนังสือของคริสเตียนที่นั่น แต่การค้นหาที่บริเวณหลุมฝังศพและซากหักพังของบ้านต่าง ๆ ก็ไม่ได้พบอะไรเลย. คงเหลือแต่กองขยะของเมืองเท่านั้นที่ยังไม่ได้ค้น บางกองสูงถึง 9 เมตรทีเดียว. ที่จะขุดค้นหาหนังสือพาไพรัสที่นั่นดูเหมือนจะเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ แต่พวกนักสำรวจก็ได้ตัดสินใจจะลองดู.
สมบัติล้ำค่าที่ค้นพบ
ในเดือนมกราคม 1897 ได้มีการทดลองขุดคูแห่งหนึ่ง และไม่กี่ชั่วโมงก็ได้พบวัสดุต่าง ๆ ที่ทำจากพาไพรัส. สิ่งเหล่านั้นมีทั้งจดหมาย, หนังสือสัญญา, และเอกสารราชการ. ทรายที่ถูกลมพัดมาได้ปกคลุมสิ่งเหล่านั้นไว้ และภูมิอากาศที่แห้งได้รักษาสิ่งเหล่านั้นมาเป็นเวลาเกือบ 2,000 ปี.
เพียงสามเดือนกว่า ก็มีข้อเขียนบนพาไพรัสที่ค้นหามาได้อีกเกือบสองตันจากโอซือรินคุส. บรรจุเต็มกล่องขนาดใหญ่ยี่สิบห้ากล่องส่งกลับไปประเทศอังกฤษ. และทุกฤดูหนาวในอีกสิบปีถัดไป ผู้เชี่ยวชาญที่ทรหดทั้งสองนี้จะกลับไปอียิปต์เพื่อค้นหาเพิ่มเติมอีก.
ณ โอกาสหนึ่ง ขณะกำลังขุดค้นสุสานแห่งหนึ่งที่เท็บทูนิส พวกเขาขุดได้แต่มัมมี่จระเข้. คนงานคนหนึ่งได้ทุบมัมมี่หนึ่งเป็นชิ้น ๆ ด้วยความขัดอกขัดใจ. ที่ยังความประหลาดใจแก่พวกเขาก็คือ เขาได้พบว่ามัมมี่นั้นห่อหุ้มด้วยแผ่นพาไพรัส. มัมมี่จระเข้ตัวอื่นที่พวกเขาค้นพบก็ถูกจัดการเช่นเดียวกัน และบางตัวมีม้วนพาไพรัสถูกยัดไว้ในลำคอของมัน. ส่วนต่าง ๆ ของข้อเขียนชั้นแนวหน้าจึงได้ถูกค้นพบ พร้อมกับพวกราชกฤษฎีกาและหนังสือสัญญาต่าง ๆ ที่ปะปนกับบัญชีธุรกิจและจดหมายส่วนตัว.
เอกสารทั้งหมดเหล่านี้มีคุณค่าสักเท่าใดกัน? เอกสารเหล่านี้เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งทีเดียว เนื่องจากส่วนใหญ่ได้มีการเขียนโดยสามัญชนในภาษาโคยเน ภาษากรีกที่ใช้กันทั่วไปในสมัยนั้น. เนื่องจากหลายคำที่พวกเขาได้ใช้ก็ปรากฏในพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก “พระคัมภีร์ใหม่” เช่นกัน ปรากฏชัดขึ้นมาโดยฉับพลันว่าภาษาที่ใช้ในพระคัมภีร์ไม่ใช่ภาษากรีกแบบพิเศษที่ใช้ในคัมภีร์ไบเบิลดังที่พวกผู้คงแก่เรียนบางคนเคยสันนิษฐาน แต่เป็นภาษาธรรมดาที่สามัญชนใช้กัน. ดังนั้น โดยการเปรียบเทียบวิธีที่มีการใช้ถ้อยคำต่าง ๆ ในสภาพการณ์ปกติ จึงได้เกิดมีความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับความหมายของถ้อยคำเหล่านั้นในพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก.
ต้นฉบับคัมภีร์ไบเบิล
ส่วนต่าง ๆ ของต้นฉบับคัมภีร์ไบเบิลก็มีการค้นพบเช่นกัน และส่วนต่าง ๆ เหล่านั้นมักจะมีการเขียนด้วยลายมือหยาบ ๆ โดยไม่มีการตกแต่งและเขียนบนวัสดุด้อยคุณภาพ ซึ่งแสดงว่าเป็นคัมภีร์ไบเบิลของสามัญชน. ให้เรามาตรวจสอบดูสิ่งที่ได้ค้นพบ.
ฮันต์ค้นพบสำเนาฉบับหนึ่งของกิตติคุณที่มัดธายบทที่หนึ่ง ข้อ 1 ถึง 9, ข้อ 12, และข้อ 14 ถึง 20 ซึ่งเขียนขึ้นในศตวรรษที่สามสากลศักราชด้วยตัวหนังสือใหญ่. สำเนาฉบับนี้กลายมาเป็น P1 รายการแรกในรายการหนังสือพาไพรัสจากที่ต่าง ๆ กัน ซึ่งบัดนี้มีจัดเรียงลำดับถึงเกือบหนึ่งร้อยต้นฉบับหรือบางส่วนของต้นฉบับของพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก. ฉบับที่ฮันต์พบซึ่งมีไม่กี่ข้อนั้นจะใช้ประโยชน์อย่างไร? ลักษณะการเขียนของฉบับนี้ได้ระบุวันเวลาชัดเจนว่าเขียนขึ้นในศตวรรษที่สามแห่งสากลศักราช และการตรวจดูเนื้อความของฉบับนี้แสดงว่าพ้องกันกับฉบับที่เวสต์ก็อตต์และฮอร์ตได้เรียบเรียงขึ้นเมื่อไม่นานมานี้เอง. ปัจจุบัน ฉบับ P1 อยู่ในพิพิธภัณฑ์ของมหาวิทยาลัยในฟิลาเดลเฟีย รัฐเพ็นซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา.
แผ่นพาไพรัสแผ่นหนึ่งจากโคเด็กซ์หรือหนังสือเล่มหนึ่ง มีส่วนของพระธรรมโยฮันบท 1 อยู่บนหน้าซ้าย และ โยฮันบท 20 อยู่บนหน้าขวา. การทำส่วนที่ขาดหายไปขึ้นใหม่ชี้ให้เห็นว่าแต่แรกนั้นมี 25 แผ่น สำหรับกิตติคุณทั้งหมด และตั้งแต่สมัยแรกที่สุด ส่วนนี้ต้องมีบท 21 รวมอยู่ด้วย. นี่เป็นฉบับ P5 ซึ่งระบุวันเวลาว่าเขียนในศตวรรษที่สามแห่งสากลศักราช และเดี๋ยวนี้อยู่ในห้องสมุดบริติช ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ.
ส่วนหนึ่งที่มีพระธรรมโรม 1:1–7 บรรจุไว้ มีการเขียนด้วยตัวหนังสือค่อนข้างใหญ่และหยาบซึ่งผู้เชี่ยวชาญบางคนคิดว่าฉบับนี้คงจะเป็นแบบฝึกหัดเขียนของเด็กนักเรียน. ปัจจุบันฉบับนี้มีหมายเลข P10 และมีการระบุวันเวลาว่าเขียนในศตวรรษที่สี่แห่งสากลศักราช.
ฉบับที่ใหญ่กว่ามากที่พบบรรจุไว้ด้วยจดหมายถึงชาวเฮ็บรายประมาณหนึ่งในสาม. ฉบับนี้ถูกคัดลอกไว้บนด้านหลังของม้วนหนังสือที่มีข้อเขียนชั้นนำของนักประวัติศาสตร์ชาวโรมันชื่อไลวีไว้บนด้านหน้า. เพราะเหตุใดจึงมีเนื้อความที่ต่างกันเช่นนั้นอยู่บนด้านหน้าและด้านหลัง? ในสมัยนั้น ความขาดแคลนและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับวัสดุในการเขียนทำให้แผ่นพาไพรัสเก่าก็ไม่อาจทิ้งให้เสียเปล่า. ปัจจุบัน ฉบับนี้ถูกจัดไว้ในหมายเลข P13 ถูกระบุวันเวลาว่าเขียนในศตวรรษที่สามหรือสี่แห่งสากลศักราช.
แผ่นพาไพรัสมีพระธรรมโรมบท 8 และ 9 บรรจุอยู่ เขียนขึ้นด้วยตัวหนังสือเล็กมาก มาจากหนังสือซึ่งสูงประมาณสี่นิ้วครึ่งและกว้างเพียงสองนิ้ว. ฉะนั้น จึงดูเหมือนว่ามีพระคัมภีร์ฉบับกระเป๋าอยู่ในศตวรรษที่สามแห่งสากลศักราช. ฉบับนี้ได้มาเป็นหมายเลข P27 และโดยทั่วไปก็พ้องกันกับโคเด็กซ์ วาติกานุส.
ส่วนต่าง ๆ ของสี่แผ่นจากหนังสือกรีกเซ็พตัวจินต์ บรรจุส่วนต่าง ๆ ของหนังสือเยเนซิศไว้หกบท. หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสำคัญเนื่องจากการระบุวันเวลาว่าอยู่ในศตวรรษที่สองหรือสามแห่งสากลศักราช และเนื่องจากบทต่าง ๆ เหล่านั้นไม่มีในโคเด็กซ์ วาติกานุสและขาดตกบกพร่องไปในโคเด็กซ์ ไซไนติคุส. ถูกจัดหมายเลขเป็น พาไพรัส 656 ปัจจุบัน แผ่นพาไพรัสเหล่านี้อยู่ในห้องสมุดบาดลีอัน อ็อกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ.
ส่วนต่าง ๆ ทั้งหมดเหล่านี้แสดงให้เห็นว่ามีความแตกต่างไม่มากนักจากต้นฉบับแรก ๆ ที่เรามีอยู่ ดังนั้น ฉบับเหล่านี้จึงยืนยันว่าต้นฉบับคัมภีร์ไบเบิลได้มีแพร่หลายในสมัยแรกนั้นท่ามกลางสามัญชนในแดนห่างไกลของอียิปต์. ฉบับเหล่านี้ยังยืนยันถึงความเชื่อของเราในความน่าเชื่อถือและความถูกต้องแม่นยำของพระคำของพระเจ้าด้วย.
[รูปภาพหน้า 28]
แผ่นพาไพรัสจากไฟยุมซึ่งมีบางส่วนของพระธรรมโยฮันบท 1
[ที่มาของภาพ]
By permission of the British Library
[ที่มาของภาพหน้า 27]
Pictorial Archive (Near Eastern History) Est.