พระยะโฮวา “ผู้พิพากษาแห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้น” ผู้ไม่ลำเอียง
“พระบิดาผู้ทรงพิพากษาอย่างไม่ลำเอียงตามการกระทำของแต่ละคน.”—1 เปโตร 1:17.
1, 2. (ก) เหตุใดเราพึงกลัวเกรงและขณะเดียวกันก็น่าจะรู้สึกอบอุ่นใจเมื่อตระหนักว่าพระยะโฮวาเป็นผู้พิพากษาองค์ใหญ่ยิ่ง? (ข) ในคดีของพระยะโฮวาต่อนานาชาติ ผู้รับใช้ของพระองค์ที่อยู่ในแผ่นดินโลกมีบทบาทอะไร?
พระยะโฮวาทรงเป็น “ผู้พิพากษาแห่งแผ่นดินโลกทั้งสิ้น” ไม่มีผู้ใดเทียบเท่า. (เยเนซิศ 18:25) ในฐานะเป็นพระเจ้าองค์สูงสุดแห่งเอกภพ พระองค์ย่อมมีสิทธิสมบูรณ์ในการพิพากษามนุษยโลก ผู้ซึ่งพระองค์ได้สร้างขึ้นมา. เรื่องนี้ชวนให้ครั่นคร้ามและในเวลาเดียวกัน เป็นความคิดที่ทำให้อบอุ่นใจ. โมเซกล่าวถ้อยแถลงนี้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งดูเหมือนขัดแย้งกันเมื่อกล่าวว่า “ด้วยพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าเป็นพระเจ้าเหนือพระอื่นทั้งปวง เป็นพระองค์เจ้าเหนือเจ้านายทั้งหลาย เป็นพระเจ้าองค์ใหญ่และทรงฤทธิ์อันน่ากลัว ผู้มิได้เห็นแก่บุคคลผู้ใด และมิได้เห็นแก่อามิสสินบน พระองค์ทรงรับฟ้องของลูกกำพร้าและหญิงม่าย และทรงเมตตาคนแขกเมือง โดยได้ประทานอาหารและเครื่องนุ่งห่มให้เขา.”—พระบัญญัติ 10:17, 18.
2 นับว่าเป็นดุลยภาพที่น่าทึ่งอะไรเช่นนั้น! พระเจ้าองค์ใหญ่ยิ่งทรงฤทธิ์น่าเกรงขาม กระนั้น ด้วยความรัก ไม่ทรงเห็นแก่หน้า ทรงปกป้องผลประโยชน์ของลูกกำพร้า, หญิงม่าย, และแขกเมือง. ใครเล่าจะไม่ต้องการผู้พิพากษาที่เปี่ยมด้วยความรักเช่นพระยะโฮวาองค์นี้? ด้วยการที่พระองค์ทรงแสดงภาพเสมือนทรงดำเนินคดีต่อสู้ประเทศชาติต่าง ๆ ฝ่ายโลกของซาตาน พระยะโฮวาทรงเรียกบรรดาผู้รับใช้ที่อยู่ในโลกให้เป็นพยานของพระองค์. (ยะซายา 34:8; 43:9-12) พระองค์ไม่ต้องหมายพึ่งคำให้การของเขาเพื่อพิสูจน์ความเป็นพระเจ้า และสิทธิชอบธรรมแห่งพระบรมเดชานุภาพของพระองค์. แต่พระองค์ทรงให้สิทธิพิเศษอย่างยิ่งแก่เขาในการให้คำพยานหลักฐานต่อมนุษยชาติว่าพวกเขารับรองตำแหน่งสูงสุดของพระองค์. เหล่าพยานของพระองค์อ่อนน้อมต่อพระบรมเดชานุภาพอันชอบธรรมของพระองค์และโดยการประกาศอย่างเปิดเผย พวกเขากระตุ้นคนอื่น ๆ ให้มอบตัวอยู่ภายใต้อำนาจผู้พิพากษาองค์ใหญ่ยิ่ง.
วิธีการตัดสินของพระยะโฮวา
3. วิธีการตัดสินความของพระยะโฮวาอาจสรุปได้อย่างไร และสิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างไรในกรณีของอาดามกับฮาวา?
3 ในช่วงต้นประวัติศาสตร์ของมนุษย์ พระยะโฮวาทรงตัดสินผู้กระทำผิดบางคนโดยพระองค์เอง. ตัวอย่างต่าง ๆ เกี่ยวด้วยวิธีดำเนินการตัดสินเรื่องราวนั้นพระองค์วางแบบไว้สำหรับผู้รับใช้ของพระองค์ ซึ่งในเวลาต่อมาจะต้องรับผิดชอบในการพิจารณาตัดสินความระหว่างไพร่พลของพระองค์. (บทเพลงสรรเสริญ 77:11, 12) วิธีดำเนินการตัดสินของพระองค์อาจสรุปได้ดังนี้: มั่นคงแน่วแน่เมื่อจำเป็น เมตตาเมื่อมีทางเป็นไปได้. ในกรณีอาดามกับฮาวา มนุษย์สมบูรณ์ซึ่งกบฏโดยเจตนา เขาไม่สมควรได้รับความเมตตา. เหตุฉะนั้น พระยะโฮวาจึงทรงพิพากษาตัดสินให้เขารับโทษถึงตาย. ทว่าพระองค์ทรงสำแดงความเมตตาต่อบุตรหลานของเขา. พระยะโฮวาทรงผัดผ่อนการสำเร็จโทษ จึงเปิดโอกาสให้อาดามกับฮาวามีลูก. ด้วยความรัก พระองค์ได้จัดเตรียมการเพื่อเผ่าพันธุ์ของเขาจะมีความหวังได้รับการช่วยให้หลุดรอดจากพันธนะแห่งบาปและความตาย.—เยเนซิศ 3:15; โรม 8:20, 21.
4. พระยะโฮวาทรงจัดการกับคายินอย่างไร และทำไมกรณีนี้น่าสนใจเป็นพิเศษ?
4 วิธีที่พระยะโฮวาดำเนินการกับคายินเป็นเรื่องน่าสนใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นคดีแรกที่ถูกบันทึกไว้ เกี่ยวกับผู้หนึ่งในบรรดาบุตรหลานของอาดามและฮาวาซึ่งเป็นคนไม่สมบูรณ์ “ถูกขายไว้แล้วใต้ความผิด.” (โรม 7:14) พระยะโฮวาคำนึงถึงเรื่องนี้แล้วทรงดำเนินการกับคายินในวิธีที่ต่างกันไหมกับวิธีที่พระองค์ได้จัดการกับบิดามารดาของเขา? และกรณีนี้อาจเป็นบทเรียนสอนใจคริสเตียนผู้ดูแลได้ไหม? ให้เราดูกันต่อไป. ครั้นทรงเห็นว่าคายินส่อปฏิกิริยาไม่ถูกต้องเมื่อการถวายเครื่องบูชาของตนไม่เป็นที่โปรดปราน พระยะโฮวาทรงเตือนสติเขาด้วยความรักให้รู้ตัวว่ากำลังอยู่ในอันตราย. ภาษิตเก่าแก่ว่า ‘กันดีกว่าแก้.’ พระยะโฮวาทรงช่วยจนถึงที่สุดโดยตักเตือนคายินเรื่องการปล่อยให้แนวโน้มในทางบาปควบคุมตัวเขา. พระองค์ทรงพยายามช่วยเขาให้ ‘กลับตัวทำดี.’ (เยเนซิศ 4:5-7) นี้เป็นครั้งแรกที่พระเจ้าได้เรียกร้องมนุษย์ผิดบาปให้กลับใจ. ครั้นคายินแสดงท่าทีไม่สำนึกผิด และลงมือประกอบอาชญากรรม พระยะโฮวาทรงตัดสินลงโทษเนรเทศ และบรรเทาโทษ โดยประกาศิตไม่ให้มนุษย์คนอื่นฆ่าคายิน.—เยเนซิศ 4:8-15.
5, 6. (ก) พระยะโฮวาทรงดำเนินการอย่างไรต่อคนในชั่วอายุนั้นก่อนน้ำท่วมโลก? (ข) พระยะโฮวาทรงทำประการใดก่อนสำเร็จโทษชาวแผ่นดินโซโดมและโกโมร์ราห์?
5 ก่อนน้ำท่วมโลก เมื่อ ‘พระยะโฮวาทรงเห็นว่ามนุษย์ทำชั่วมากบนแผ่นดิน พระองค์เจ็บพระทัย.’ (เยเนซิศ 6:5, 6) พระองค์ “เสียพระทัย” ด้วยเหตุที่พระองค์ทรงเสียดายที่มนุษย์ส่วนใหญ่สมัยก่อนน้ำท่วมโลกได้ใช้เจตจำนงเสรีของตนในทางผิด และพระองค์จำต้องสำเร็จโทษพวกเขา. ถึงกระนั้น พระองค์ได้ทรงให้คำเตือนเป็นเวลานานพอดู โดยทรงใช้โนฮาในฐานะเป็น “ผู้ประกาศความชอบธรรม” อยู่หลายปี. หลังจากนั้น ไม่มีความจำเป็นสำหรับพระยะโฮวาจะ ‘ทรงยับยั้งการลงโทษโลกอธรรมซึ่งผู้คนดูหมิ่นพระเจ้า.’—2 เปโตร 2:5, ล.ม.
6 เช่นเดียวกัน พระยะโฮวาจำต้องได้พิจารณาคดีตามกฎหมายต่อชาวเมืองโซโดมและโกโมร์ราห์ที่เสื่อมทราม. แต่จงสังเกตวิธีดำเนินการของพระองค์. พระองค์ได้ยิน “เสียงร้องกล่าวโทษ” ในการประพฤติอันเลวทรามจนเหลือจะกล่าวของชาวเมืองเหล่านั้น อาจเป็นคำทูลอธิษฐานของโลตผู้ชอบธรรมก็ได้. (เยเนซิศ 18:20; 2 เปโตร 2:7, 8) แต่ก่อนเริ่มปฏิบัติการ พระองค์ได้ ‘ลงไป’ เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง โดยทางทูตสวรรค์ของพระองค์. (เยเนซิศ 18:21, 22; 19:1) อนึ่ง พระองค์ยังได้ใช้เวลาเพื่อให้คำรับรองแก่อับราฮามว่าจะทรงปฏิบัติอย่างยุติธรรม.—เยเนซิศ 18:23-32.
7. ผู้ปกครองที่ทำหน้าที่ในคณะกรรมการตัดสินความอาจเรียนอะไรจากตัวอย่างของพระยะโฮวาในการตัดสินความ?
7 ทุกวันนี้ พวกผู้ปกครองอาจจะเรียนอะไรได้จากตัวอย่างเหล่านี้? ในกรณีของอาดามกับฮาวา พระยะโฮวาทรงสำแดงความรักและคำนึงถึงคนเหล่านั้นซึ่งขณะที่เขาเป็นญาติกับคนที่ทำผิด แต่ไม่ควรถูกตำหนิในกรณีนั้น. พระองค์ทรงแสดงความเมตตาต่อบุตรหลานของอาดามและฮาวา. ในกรณีของคายิน พระยะโฮวาทรงทราบล่วงหน้าแล้วว่าคายินตกอยู่ในอันตรายและได้ทรงหาเหตุผลกับเขาอย่างกรุณา พยายามช่วยสกัดเพื่อจะมิได้กระทำบาป. แม้หลังจากเนรเทศเขาแล้วก็ตาม พระยะโฮวายังคงคำนึงถึงคายินอยู่. นอกจากนั้น พระยะโฮวาทรงสำเร็จโทษคนในชั่วอายุก่อนน้ำท่วมโลก ต่อเมื่อได้สำแดงความอดกลั้นทนนานถึงที่สุดแล้ว. เมื่อพระองค์เผชิญคนชั่วร้ายที่ดันทุรัง พระองค์ ‘เจ็บปวดในพระหฤทัย.’ พระองค์ทรงเสียพระทัยที่มนุษย์ขัดขืนการปกครองอันถูกต้องเป็นธรรมของพระองค์ และพระองค์จึงต้องตัดสินอย่างที่ไม่เอื้อประโยชน์แก่พวกเขาเลย. (เยเนซิศ 6:6; เทียบกับยะเอศเคล 18:31; 2 เปโตร 3:9.) ในกรณีเมืองโซโดมกับโกโมร์ราห์ พระยะโฮวาทรงปฏิบัติการก็ต่อเมื่อได้สอบดูข้อเท็จจริงแล้ว. ช่างเป็นตัวอย่างที่เยี่ยมยอดอะไรเช่นนั้นสำหรับชนผู้ซึ่งจะต้องดำเนินคดีต่าง ๆ ตามกฎหมาย!
เหล่าผู้พิพากษาที่เป็นมนุษย์ในยุคปฐมบรรพบุรุษ
8. พระยะโฮวาได้ทรงบัญญัติกฎหมายพื้นฐานอะไรบ้างซึ่งเป็นที่รู้จักในสมัยปฐมบรรพบุรุษ?
8 แม้นสมัยนั้นดูเหมือนไม่มีตัวบทกฎหมายเป็นลายลักษณ์อักษร แต่สังคมในยุคปฐมบรรพบุรุษก็รู้จักคุ้นเคยกับกฎหมายมูลฐานของพระยะโฮวา และผู้รับใช้ของพระองค์อยู่ภายใต้ข้อผูกมัดให้ถือรักษาข้อกฎหมายเหล่านั้น. (เทียบกับเยเนซิศ 26:5.) เรื่องราวอันน่าทึ่งในสวนเอเดนแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องเชื่อฟังและยอมตนอยู่ใต้พระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวา. กรณีของคายินเผยให้เห็นว่าพระยะโฮวาไม่พอพระทัยการฆ่ามนุษย์. ทันทีภายหลังน้ำท่วมโลก พระเจ้าได้ประทานกฎหมายแก่มนุษย์เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต, การฆ่ามนุษย์, โทษขั้นประหาร, และการรับประทานเลือด. (เยเนซิศ 9:3-6) พระยะโฮวาทรงตำหนิอย่างแรงเกี่ยวด้วยการล่วงประเวณีในเหตุการณ์เกี่ยวกับอับราฮาม, ซารา, และอะบีเมเล็คเจ้าเมืองฆะรารใกล้เมืองฆาซา.—เยเนซิศ 20:1-7.
9, 10. ตัวอย่างอะไรบ้างแสดงว่ามีระบบการตัดสินความแล้วในสมัยปฐมบรรพบุรุษ?
9 ในสมัยนั้นหัวหน้าครอบครัวทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาและจัดการปัญหาต่าง ๆ ทางด้านกฎหมาย. พระยะโฮวาทรงกล่าวถึงอับราฮามว่า “ด้วยเรารู้จักอับราฮามอย่างสนิท ดำริจะให้เขาปกครองลูกหลานครอบครัวต่อไป ให้รักษาทางพระยะโฮวาโดยสัตย์ซื่อและชอบธรรม.” (เยเนซิศ 18:19) อับราฮามแสดงความไม่เห็นแก่ตัว และการหยั่งเห็นเข้าใจเมื่อท่านจัดการกับการทะเลาะเถียงกันระหว่างคนเลี้ยงสัตว์ของตัวเองกับคนของโลต. (เยเนซิศ 13:7-11) เมื่อทำหน้าที่ในฐานะเป็นประมุขครอบครัว และเป็นผู้พิพากษา ยูดาตัดสินให้ธามารลูกสะใภ้ต้องรับโทษโดยให้คนเอาหินขว้างให้ตายแล้วคลอกไฟเสีย เพราะเชื่อว่านางทำผิดประเวณี. (เยเนซิศ 38:11, 24; เทียบกับยะโฮซูอะ 7:25.) อย่างไรก็ดี เมื่อยูดาได้เรียนรู้ข้อเท็จจริงทั้งหมด ท่านจึงออกปากกล่าวว่านางเป็นคนชอบธรรมยิ่งกว่าตนเอง. (เยเนซิศ 38:25, 26) เป็นเรื่องสำคัญเพียงใดที่พึงรู้ข้อเท็จจริงทุกประการก่อนจะตัดสินความ!
10 พระธรรมโยบพาดพิงถึงระบบพิจารณาคดีและแสดงให้เห็นความน่าปรารถนาเกี่ยวกับการตัดสินความอย่างไม่ลำเอียง. (โยบ 13:8, 10; 31:11; 32:21) โยบเองได้กล่าวถึงสมัยเมื่อตัวเองเป็นผู้พิพากษาที่ได้รับความนับถือ ซึ่งนั่งอยู่ที่ประตูเมืองอำนวยความยุติธรรมและปกป้องหญิงม่ายและลูกกำพร้าพ่อ. (โยบ 29:7-16) ดังนั้น ปรากฏหลักฐานว่าในสังคมยุคปฐมบรรพบุรุษ “ผู้เฒ่าผู้แก่” ได้ปกครองเยี่ยงผู้พิพากษาท่ามกลางลูกหลานทั้งหลายของอับราฮาม แม้แต่ก่อนการอพยพจากอียิปต์และพระเจ้าทรงประทานรัฐธรรมนูญอย่างเป็นทางการแก่ชาติยิศราเอล. (เอ็กโซโด 3:16, 18) อันที่จริง เงื่อนไข หรือข้อกำหนดต่าง ๆ แห่งคำสัญญาไมตรีนั้นโมเซได้นำเสนอพวก “ผู้เฒ่าผู้แก่” หรือพวกผู้ปกครองแห่งยิศราเอล ผู้ซึ่งเป็นตัวแทนประชาชน.—เอ็กโซโด 19:3-7.
ระบบการพิจารณาคดีของชาติยิศราเอล
11, 12. ตามคำกล่าวของผู้เชี่ยวชาญด้านพระคัมภีร์สองคน อะไรทำให้ระบบการตัดสินความของชาติยิศราเอลแตกต่างไปจากชนชาติอื่น?
11 การดำเนินงานเพื่อความยุติธรรมท่ามกลางชนชาติยิศราเอลนั้นต่างไปจากวิธีการปฏิบัติตามกฎหมายของชาติอื่น ๆ ที่อยู่ล้อมรอบ. ไม่มีการแยกประเด็นความแตกต่างระหว่างกฎหมายแพ่งกับกฎหมายอาญา. ทั้งสองมีลักษณะเกี่ยวพันกันกับกฎศีลธรรมและศาสนา. การทำผิดต่อเพื่อนบ้านของตนหมายถึงการทำผิดต่อพระยะโฮวา. ในหนังสือ ปวงประชาและความเชื่อศรัทธาแห่งคัมภีร์ไบเบิล [ภาษาอังกฤษ] ผู้ประพันธ์ อังเดร ชูรากี เขียนว่า “ธรรมเนียมการตัดสินความของชาวฮีบรูต่างจากวิธีการของชาติเพื่อนบ้าน ไม่เฉพาะคำจำกัดความว่าด้วยการกระทำผิดและการรับโทษ แต่เจตนารมณ์ของกฎหมายต่าง ๆ . . . . โทราห์ [ประมวลกฎหมาย] ไม่แตกต่างจากชีวิตประจำวัน [โทราห์] ควบคุมลักษณะและกิจการแห่งชีวิตประจำวัน โดยการประสิทธิ์ประสาทพรหรือไม่ก็การแช่งสาป . . . . ในชาติยิศราเอล . . . แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะจำแนกกิจกรรมด้านการตัดสินความของเมืองให้เด่นชัดลงไป. กิจกรรมต่าง ๆ แฝงอยู่ในความกลมกลืนกันของชีวิตซึ่งมุ่งไปอย่างครบถ้วนในแนวทางที่จะกระทำให้สำเร็จตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่.”
12 สภาพการณ์ที่ไม่มีใดเหมือนเช่นนี้หนุนการดำเนินงานเพื่อความยุติธรรมในประเทศยิศราเอลให้อยู่ในระดับสูงยิ่งกว่าในชาติอื่นในสมัยเดียวกัน. โรลัง เดอ โว ผู้เชี่ยวชาญด้านคัมภีร์ไบเบิลเขียนว่า “กฎหมายยิศราเอล ทั้ง ๆ ที่คล้ายคลึงกันในรูปแบบและข้อความ แต่ก็ต่างกันอย่างชัดแจ้งกับมาตราต่าง ๆ แห่ง ‘หนังสือสัญญา’ และอนุมาตราแห่ง ‘ประมวลกฎหมาย’ ของประเทศทางตะวันออกกลาง. กฎหมายนั้นเป็นกฎหมายทางศาสนา . . . . ไม่มีประมวลกฎหมายของประเทศทางตะวันออกกลางจะเทียบได้กับกฎหมายของชาติยิศราเอล ซึ่งในหนังสือกฎหมายตลอดทั้งเล่มได้อ้างพระเจ้าเป็นต้นตำรับ. ถ้ามีข้อบังคับหรือกฎทางศีลธรรมบรรจุอยู่และบ่อยครั้งปะปนเข้ามา ทั้งนี้ก็เพราะว่ากฎหมายนั้นคลุมคำสัญญาไมตรีทั้งหมดของพระเจ้า และเนื่องจากกฎหมายแห่งคำสัญญาไมตรีควบคุมความเกี่ยวพันที่มนุษย์มีต่อกัน อีกทั้งความสัมพันธ์ที่พวกเขามีต่อพระเจ้าด้วย.” ไม่แปลกเลยที่โมเซได้ถามว่า “มีประเทศไหนเป็นประเทศใหญ่ ที่มีกฎหมายและข้อพิพากษาอันยุติธรรมเหมือนอย่างข้อกฎหมายเหล่านี้ ที่เราตั้งไว้ให้แก่เจ้าทั้งหลายวันนี้?”—พระบัญญัติ 4:8.
ผู้พิพากษาในแผ่นดินยิศราเอล
13. ในประการใดบ้างที่โมเซเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับผู้ปกครองในสมัยปัจจุบัน?
13 ในเมื่อระบบการตัดสินความอยู่ในระดับสูงเช่นนั้น แล้วจะต้องมีบุคคลประเภทไหนล่ะเป็นผู้พิพากษา? คัมภีร์ไบเบิลกล่าวถึงบุคคลแรกที่รับการแต่งตั้งในแผ่นดินยิศราเอลดังนี้: “โมเซนั้นเป็นคนถ่อมจิตใจอ่อนยิ่งกว่าคนทั้งปวงที่อยู่บนแผ่นดิน.” (อาฤธโม 12:3) ท่านไม่ไว้ใจตัวเองมากไป. (เอ็กโซโด 4:10) แม้นว่าถูกกำหนดให้พิพากษาคนทั้งปวง แต่หลายครั้งท่านกลับเป็นทนายแก้ต่างให้พวกเขาเฉพาะหน้าพระยะโฮวา วิงวอนขอพระองค์ยกโทษให้เขา กระทั่งเสนอจะสละตัวเองเพื่อเห็นแก่พวกเขา. (เอ็กโซโด 32:11, 30-32) ท่านกล่าวเป็นบทกวีทำนองนี้: “โอวาทของเราจะหยดลงมาดังน้ำฝน, วาจาของเราจะตกดังน้ำค้าง, ดังฝนตกปรอย ๆ อยู่ที่หญ้าอ่อน, ดังห่าฝนตกลงมาที่ต้นผักเขียวสด.” (พระบัญญัติ 32:2) ท่านไม่คิดที่จะพิพากษาตัดสินคนทั้งปวงโดยพึ่งสติปัญญาของตนเอง ท่านได้แถลงดังนี้: “เมื่อเขามีคดีต่อกัน ก็มาหาข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ตัดสินให้เขาทุกคน สอนให้เขารู้ข้อปฏิบัติและข้อกฎหมายของพระเจ้า.” (เอ็กโซโด 18:16) เมื่อคลางแคลงใจ ท่านมอบเรื่องไว้กับพระยะโฮวา. (อาฤธโม 9:6-8; 15:32-36; 27:1-11) โมเซเป็นตัวอย่างที่ดีแก่พวกผู้ปกครอง ซึ่งเวลานี้ ‘บำรุงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้า’ และทำการพิจารณาตัดสินความ. (กิจการ 20:28) ขอให้ความสัมพันธ์ระหว่างบรรดาผู้ปกครองกับผองพี่น้องของเขาเป็น “ดังฝนตกโปรย ๆ . . . อยู่ที่หญ้าอ่อน.”
14. ผู้ชายซึ่งโมเซได้ตั้งเป็นผู้พิพากษาในยิศราเอลเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติฝ่ายวิญญาณในประการใดบ้าง?
14 ในเวลาต่อมา โมเซไม่สามารถแบกภารกิจการตัดสินคดีต่าง ๆ ได้โดยลำพัง. (เอ็กโซโด 18:13, 18) ท่านยอมรับข้อเสนอแนะของพ่อตาที่ให้เกณฑ์เอาความช่วยเหลือ. อีกครั้งหนึ่ง คนประเภทไหนได้รับการคัดเลือก? เราอ่านได้ว่า “‘จงเลือกคนที่สามารถจากพลไพร่ คือคนที่เกรงกลัวพระเจ้า ที่เป็นคนซื่อสัตย์ เป็นคนเกลียดสินบน.’ . . . โมเซก็เชื่อถ้อยคำของพ่อตาและได้กระทำตามทุกประการ จึงได้เลือกคนที่สามารถจากชนชาติยิศราเอลทั้งปวง ตั้งเขาไว้เป็นหัวหน้าปกครองพลไพร่, เป็นนายพัน, นายร้อย, นายห้าสิบ, และนายสิบ. คนเหล่านั้นได้พิพากษาความของพลไพร่เสมอ. เว้นแต่ความใหญ่เขาได้นำไปเสนอต่อโมเซ แต่ความเล็กน้อยทุกเรื่องเขาได้ตัดสินเอง.”—เอ็กโซโด 18:21-26.
15. คนเหล่านั้นที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้พิพากษาในยิศราเอลต้องประกอบด้วยคุณสมบัติอะไร?
15 เห็นได้ว่าไม่มีการถือเอาอายุเป็นบรรทัดฐานแต่เพียงอย่างเดียวในการเลือกเฟ้นตัวบุคคลเพื่อทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษา. โมเซกล่าวดังนี้ “จงเลือกเอาคนที่มีปัญญา, ความรู้, และคนที่มีชื่อตามตระกูลของพวกเจ้า และเราจะตั้งเขาเป็นหัวหน้าเจ้าทั้งหลาย.” (พระบัญญัติ 1:13) โมเซคุ้นดีกับถ้อยคำที่เอลีฮูพูดไว้เมื่อหลายปีก่อนว่า “ไม่ใช่คนแก่เท่านั้นที่เป็นคนฉลาด หรือคนสูงอายุเข้าใจความยุติธรรม.” (โยบ 32:9, ฉบับแปลใหม่) แน่นอน บุคคลที่รับการแต่งตั้งจะต้องเป็น ‘คนมีความรู้ มีประสบการณ์.’ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเขาต้องมีความสามารถ, เป็นคนยำเกรงพระเจ้า, เชื่อถือวางใจได้, เป็นคนไม่ยอมรับผลประโยชน์ที่ได้มาโดยไม่ชอบ, และเป็นคนมีปัญญาสุขุมและรอบคอบ. เหตุฉะนั้น เห็นได้ชัดว่า “หัวหน้า” และ “ผู้พิพากษา” ตามที่กล่าวใน ยะโฮซูอะ 23:2 และ 24:1 จึงไม่ต่างกันกับ “ผู้เฒ่าผู้แก่” ที่มีกล่าวถึงในข้อเหล่านั้น แต่ทว่าเป็นผู้ที่ถูกเลือกออกมาจากคนเหล่านั้น.—โปรดดูจากอินไซต์ ออน เดอะ สคริพเจอร์ส, เล่ม 2, หน้า 549.
การบริหารตามขบวนการยุติธรรม
16. ทุกวันนี้ เราน่าจะสังเกตอะไรเกี่ยวกับคำแนะนำต่าง ๆ ซึ่งโมเซให้แก่ผู้พิพากษาที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ ๆ?
16 เกี่ยวกับคำแนะนำที่ให้แก่ผู้พิพากษาซึ่งถูกแต่งตั้ง โมเซกล่าวว่า “ครั้งนั้น เราได้บังคับสั่งพวกตระลาการของเจ้าทั้งหลาย และว่า ‘จงพิจารณาความของพี่น้องทุกคน กับแขกเมืองที่อยู่ด้วยเขา. และตัดสินตามความยุติธรรม. เจ้าทั้งหลายอย่าเห็นแก่หน้าผู้ใดในการพิพากษา จงฟังท่านผู้ใหญ่ผู้น้อยเหมือนกัน. เจ้าทั้งหลายอย่ากลัวผู้ใด เพราะการพิพากษานั้นเป็นการของพระเจ้า และถ้อยคำที่ยากนัก จงนำมาแจ้งแก่เรา [โมเซ], และเราจะพิจารณา.’”—พระบัญญัติ 1:16, 17.
17. ใครได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษา และกษัตริย์ยะโฮซาฟาดให้คำเตือนอะไรแก่พวกเขา?
17 แน่ล่ะ การนำคดีแจ้งแก่โมเซเพื่อการพิจารณาทำได้เฉพาะในเวลาที่ท่านยังมีชีวิตอยู่เท่านั้น. ฉะนั้น จึงได้มีการจัดเตรียมขั้นต่อไปเผื่อกรณีการพิจารณายาก ๆ ก็จะมอบไว้กับพวกปุโรหิต พวกเลวี และตระลาการที่รับการแต่งตั้งเป็นพิเศษ. (พระบัญญัติ 17:8-12; 1 โครนิกา 23:1-4; 2 โครนิกา 19:5, 8) กษัตริย์ยะโฮซาฟาดได้ตรัสแก่ผู้พิพากษาซึ่งท่านได้ทรงแต่งตั้งไว้ตามหัวเมืองต่าง ๆ ในแผ่นดินยูดาดังนี้: “ซึ่งพวกท่านจะกระทำนั้นจงระวังให้ดี ด้วยการพิพากษาตัดสินนั้นมิใช่สำหรับมนุษย์ แต่สำหรับพระยะโฮวา . . . จงจัดการนี้ด้วยความกลัวเกรงพระยะโฮวา และด้วยความสัตย์ซื่อ ด้วยใจอันสุจริต. จะมีคดีความอย่างหนึ่งอย่างใดมาถึงพวกเจ้า ซึ่งส่งขึ้นมาจากพี่น้องที่อาศัยอยู่ตามบ้านเมืองของเขา, . . . จงห้ามปรามคนทั้งปวงมิให้ทำผิดต่อพระยะโฮวา เพื่อพระพิโรธจะไม่ทรงสวมทับพวกท่าน ในพวกพี่น้องของท่าน. เมื่อทำเช่นนั้นแล้วพวกท่านจึงปราศจากโทษ.”—2 โครนิกา 19:6-10.
18. (ก) หลักการอะไรบ้างซึ่งผู้พิพากษาในแผ่นดินยิศราเอลต้องนำไปใช้? (ข) พวกผู้พิพากษาต้องจดจำสิ่งใดไว้เสมอ และมีคัมภีร์ข้อใดแสดงผลลัพธ์การหลงลืมของเขา?
18 บรรดาหลักการต่าง ๆ ซึ่งผู้พิพากษาในแผ่นดินยิศราเอลจำต้องปฏิบัติตามมีดังนี้: ให้ความยุติธรรมเสมอหน้ากันทั้งคนรวยและคนจน. (เอ็กโซโด 23:3, 6; เลวีติโก 19:15); เคร่งครัดในการไม่เลือกหน้าลำเอียง. (พระบัญญัติ 1:17); ไม่มีการรับสินบน. (พระบัญญัติ 16:18-20) ผู้พิพากษาต้องจำไว้เสมอว่าประชาชนที่ตนพิจารณาตัดสินนั้นเป็นแกะของพระยะโฮวา. (บทเพลงสรรเสริญ 100:3) ที่จริง เหตุผลประการหนึ่งที่พระยะโฮวาทรงปฏิเสธชาติยิศราเอลโดยกำเนิดก็เพราะพวกปุโรหิตและผู้บำรุงเลี้ยงเหล่านั้นไม่ได้ตัดสินด้วยความยุติธรรม และปฏิบัติกับผู้คนอย่างไม่ปรานี.—ยิระมะยา 22:3, 5, 25; 23:1, 2; ยะเอศเคล 34:1-4; มาลาคี 2:8, 9.
19. การตรวจสอบมาตรฐานความยุติธรรมที่พระยะโฮวาทรงตั้งไว้ก่อนสากลศักราชนั้นเป็นคุณประโยชน์เช่นไรแก่พวกเรา และจะได้พิจารณาเรื่องอะไรในบทความถัดไป?
19 พระยะโฮวาไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น. (มาลาคี 3:6) การทบทวนโดยย่อเรื่องวิธีที่การพิจารณาตัดสินควรได้ดำเนินไปในแผ่นดินยิศราเอล และทัศนะของพระยะโฮวาเมื่อไม่ปฏิบัติอย่างยุติธรรม จึงน่าจะเป็นข้อคิดสำหรับผู้ปกครองทั้งหลาย ซึ่งเวลานี้มีความรับผิดชอบในการตัดสินความพึงไตร่ตรอง. ตัวอย่างของพระยะโฮวาฐานะเป็นผู้พิพากษาองค์ใหญ่ยิ่ง และระบบการตัดสินความที่พระองค์ได้ทรงบัญญัติไว้ในแผ่นดินยิศราเอล ได้ก่อตั้งหลักการอันเป็นแบบแผนไว้สำหรับการบริหารตามขบวนการยุติธรรมภายในประชาคมคริสเตียน. เรื่องนี้เราจะพิจารณากันในบทความถัดไป.
คำถามทบทวน
▫ อาจสรุปวิธีการตัดสินความของพระยะโฮวาได้อย่างไร?
▫ การปฏิบัติของพระยะโฮวาต่อคายินและต่อคนในชั่วอายุก่อนน้ำท่วมโลกเป็นตัวอย่างอย่างไรของวิธีการของพระยะโฮวา?
▫ ใครทำหน้าที่เป็นผู้พิพากษาในสมัยปฐมบรรพบุรุษ และอย่างไร?
▫ อะไรได้ทำให้ระบบการตัดสินความของชาติยิศราเอลแตกต่างไปจากระบบของชาติอื่น?
▫ บุคคลประเภทใดได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาในแผ่นดินยิศราเอล และเขาควรได้ติดตามหลักการอะไร?
[รูปภาพหน้า 10]
ในสมัยบรรพบุรุษต้นตระกูลและในแผ่นดินยิศราเอล ผู้ชายอาวุโสที่รับการแต่งตั้งได้บริหารตามขบวนการยุติธรรม ณ ประตูเมือง