พระยะโฮวาทรงปกครองด้วยระบอบของพระองค์
“พระยะโฮวาจะทรงเป็นพระมหากษัตริย์จนถึงเวลาที่ไม่มีกำหนด.”—บทเพลงสรรเสริญ 146:10, ล.ม.
1, 2. (ก) ทำไมความพยายามของมนุษย์เพื่อจะทำการปกครองจึงล้มเหลว? (ข) รูปแบบการปกครองเดียวเท่านั้นที่ดำเนินงานอย่างสำเร็จผลจริง ๆ ได้แก่ระบอบไหน?
ตั้งแต่สมัยนิมโรดเรื่อยมา มนุษย์ได้พยายามใช้วิธีต่าง ๆ ปกครองสังคมมนุษยชาติ. เคยมีระบอบเผด็จการ, ราชาธิปไตย, คณาธิปไตย, และประชาธิปไตยรูปแบบต่าง ๆ. พระยะโฮวาทรงอนุญาตให้มีรูปแบบการปกครองเหล่านั้น. อันที่จริง เนื่องจากพระเจ้าทรงเป็นแหล่งอำนาจสูงสุดไม่มีใครเทียมเท่า อาจกล่าวได้ในแง่หนึ่งว่า พระองค์ทรงตั้งผู้มีอำนาจไว้ในตำแหน่งสูงต่ำ. (โรม 13:1) กระนั้นก็ดี ความพยายามทุกอย่างของมนุษย์ในการปกครองไม่ประสบผลสำเร็จ. ผู้ปกครองที่เป็นมนุษย์ไม่ได้จัดตั้งสังคมที่ยั่งยืน มั่นคง และเป็นธรรม. บ่อยเหลือเกิน “มนุษย์มีอำนาจเหนือมนุษย์ด้วยกันเป็นผลเสียหายแก่เขา.”—ท่านผู้ประกาศ 8:9, ล.ม.
2 เราควรแปลกใจไหม? ไม่เลย! มนุษย์ไม่สมบูรณ์หาได้ถูกสร้างขึ้นให้ปกครองตัวเองไม่. “ทางที่มนุษย์จะไปนั้นไม่ได้อยู่ในตัวของตัว, ไม่ใช่ที่มนุษย์ซึ่งดำเนินนั้นจะได้กำหนดก้าวของตัวได้.” (ยิระมะยา 10:23) เพราะเหตุนี้แหละ ตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ทุกสมัย มีเพียงการปกครองระบอบเดียวเท่านั้นประสบผลสำเร็จจริง ๆ. ระบอบไหนล่ะ? ระบอบของพระเจ้าภายใต้พระเจ้ายะโฮวา. ในภาษากรีกที่ใช้ในคัมภีร์ไบเบิล “ระบอบของพระเจ้า” หมายถึงการปกครอง [คราʹโทส] โดยพระเจ้า [เทโอสʹ]. จะมีการปกครองระบอบไหนบ้างดีกว่าการปกครองของพระเจ้ายะโฮวา?—บทเพลงสรรเสริญ 146:10, ล.ม.
3. มีตัวอย่างการปกครองตามระบอบของพระเจ้าอะไรบ้างบนแผ่นดินโลกสมัยก่อน?
3 มีการปกครองด้วยระบอบของพระเจ้าในสวนเอเดนเพียงเวลาอันสั้น จนกระทั่งอาดามกับฮาวาเป็นกบฏต่อพระยะโฮวา. (เยเนซิศ 3:1-6, 23) ในสมัยอับราฮาม ระบอบของพระเจ้าดูเหมือนจะมีอยู่ในเมืองซาเล็ม โดยมีมัลคีเซเด็คเป็นปุโรหิตและกษัตริย์. (เยเนซิศ 14:18-20; เฮ็บราย 7:1-3) อย่างไรก็ดี มีการตั้งระบอบของพระเจ้ายะโฮวาระดับชาติ เป็นครั้งแรก ณ ป่าทุรกันดารแถบภูเขาซีนาย เมื่อศตวรรษที่สิบหกก่อนสากลศักราช. เรื่องนี้เป็นมาอย่างไร? และการปกครองด้วยระบอบของพระเจ้าดำเนินการอย่างไร?
ระบอบของพระเจ้าถือกำเนิด
4. โดยวิธีใดพระยะโฮวาได้ตั้งชาติยิศราเอลตามระบอบของพระองค์?
4 ณ ปี 1513 ก่อนสากลศักราช พระยะโฮวาได้ทรงปลดปล่อยชาวยิศราเอลจากการเป็นทาสในอียิปต์ และทรงทำลายกองทัพฟาโรห์ที่ไล่ตามมานั้นในทะเลแดง. ครั้นแล้ว พระองค์ทรงนำทางชาวยิศราเอลไปยังภูเขาซีนาย. เมื่อคนเหล่านี้ตั้งค่ายเรียงรายอยู่ที่เชิงเขาซีนาย พระเจ้าตรัสแก่พวกเขาผ่านโมเซดังนี้: “เจ้าทั้งหลายได้เห็นการณ์ซึ่งเราได้กระทำแก่ชนชาติอายฆุบโตแล้ว, คือที่เราได้ยกชูเจ้าทั้งหลายขึ้น, ดุจดังอยู่บนปีกนกอินทรีเพื่อนำเจ้ามาถึงเราอย่างไร. เหตุฉะนี้ ถ้าเจ้าจะฟังถ้อยคำของเราจริง ๆ, และรักษาคำสัญญาไมตรีของเราไว้, เจ้าจะเป็นทรัพย์ประเสริฐของเรายิ่งกว่าชาติทั้งปวง.” ชาวยิศราเอลได้ตอบรับว่า “สิ่งสารพัดที่พระยะโฮวาตรัสนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายจะกระทำตาม.” (เอ็กโซโด 19:4, 5, 8) คำสัญญาไมตรีถูกตั้งขึ้น และชาติยิศราเอลตามระบอบของพระเจ้าได้ถือกำเนิดแล้ว.—พระบัญญัติ 26:18, 19.
5. อาจกล่าวได้อย่างไรว่าพระยะโฮวาได้ทรงครอบครองในแผ่นดินยิศราเอล?
5 กระนั้นก็ดี ในทางใดที่พระยะโฮวา ผู้ไม่ประจักษ์แก่ตามนุษย์ได้ปกครองชาติยิศราเอล? (เอ็กโซโด 33:20) ก็โดยที่พระยะโฮวาได้ทรงประทานพระบัญญัติและตำแหน่งปุโรหิตแก่ชาตินั้น. บรรดาคนเหล่านั้นที่เชื่อฟังข้อบัญญัติและได้นมัสการตามวิธีการจัดเตรียมจากพระเจ้าก็ได้รับใช้พระยะโฮวา ผู้ปกครององค์ใหญ่ยิ่งในระบอบของพระเจ้า. นอกจากนี้ มหาปุโรหิตยังมีอูริมและทูมิมซึ่งโดยของสองสิ่งนี้ พระเจ้ายะโฮวาได้ให้การชี้นำในยามฉุกเฉิน. (เอ็กโซโด 28:29, 30) ยิ่งกว่านั้น ผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีคุณวุฒิเป็นตัวแทนของพระยะโฮวาในระบอบของพระองค์ และเอาใจใส่ให้เป็นไปตามกฎหมายของพระเจ้า. ถ้าเราพิจารณาประวัติของชายเหล่านี้บางคน เราจะเข้าใจมากขึ้นว่าสมควรเพียงใดที่คนเราควรอ่อนน้อมต่อการปกครองของพระเจ้า.
ผู้มีอำนาจภายใต้ระบอบของพระเจ้า
6. ทำไมจึงเป็นสิ่งท้าทายสำหรับมนุษย์ที่จะมีอำนาจหน้าที่ในระบอบของพระเจ้า และจะต้องมีบุคคลประเภทไหนสำหรับหน้าที่รับผิดชอบเช่นนี้?
6 คนเหล่านั้นที่มีอำนาจหน้าที่ในท่ามกลางชนชาติยิศราเอลมีสิทธิพิเศษใหญ่ยิ่ง แต่พวกเขาต้องอุตสาหะพยายามและแน่วแน่รักษาตัวให้เป็นคนสมดุลอยู่ตลอดเวลา. พวกเขาต้องคอยระวังไม่ถือว่าตนเองมีความสำคัญยิ่งกว่าการเชิดชูพระนามของพระยะโฮวาให้เป็นที่เคารพอันบริสุทธิ์. ถ้อยคำโดยการดลบันดาลที่ว่า “มิใช่ที่มนุษย์ซึ่งดำเนินนั้นจะได้กำหนดก้าวของตัวได้” เป็นความจริงกับชาวยิศราเอลเหมือนที่เป็นความจริงกับมนุษยชาติทั้งปวง. ชาติยิศราเอลเจริญเฟื่องฟูก็ต่อเมื่อผู้เฒ่าผู้แก่จดจำอยู่เสมอว่า ชาติยิศราเอลปกครองโดยระบอบของพระเจ้าและพวกเขาพึงกระทำตามพระทัยประสงค์ของพระยะโฮวา ไม่ใช่ตามที่ตนเห็นชอบ. ไม่นานหลังจากยิศราเอลได้รับการตั้งเป็นชาติ ยิธโร พ่อตาของโมเซได้ชี้แจงว่า พวกเขาควรเป็นผู้ชายประเภทใด คือ “คนที่ [มีความ] สามารถ . . . ที่เกรงกลัวพระเจ้า, ที่เป็นคนซื่อสัตย์, และเป็นคนเกลียดสินบน.”—เอ็กโซโด 18:21.
7. โมเซเป็นตัวอย่างที่ดีในทางใดแก่บุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ภายใต้พระเจ้ายะโฮวา?
7 คนแรกที่มีอำนาจบริหารสูงในประเทศยิศราเอลคือโมเซ. ท่านเป็นตัวอย่างที่ดีของการเป็นผู้มีอำนาจในระบอบของพระเจ้า. จริง ณ โอกาสหนึ่งความอ่อนแอของมนุษย์ได้ปรากฏออกมา. อย่างไรก็ดี โมเซได้พึ่งอาศัยพระยะโฮวาเสมอ. เมื่อเกิดปัญหาซึ่งยังไม่มีการแก้ไข ท่านก็แสวงการทรงนำจากพระยะโฮวา. (เทียบกับอาฤธโม 15:32-36.) โดยวิธีใดโมเซได้ต้านทานการล่อใจที่จะใช้อำนาจสูงของตนเพื่อเกียรติยศสำหรับตัวเอง? แม้ท่านได้นำชนชาติหนึ่งซึ่งประกอบด้วยประชาชนหลายล้าน ถึงกระนั้น ท่าน “ถ่อมจิตใจอ่อนยิ่งกว่าคนทั้งปวงที่อยู่บนแผ่นดิน.” (อาฤธโม 12:3) โดยส่วนตัวแล้ว ท่านไม่มีความทะเยอทะยาน แต่คำนึงถึงสง่าราศีของพระเจ้า. (เอ็กโซโด 32:7-14) และโมเซมีความเชื่อมั่นคง. เมื่อพูดถึงโมเซก่อนที่ท่านจะมาเป็นผู้นำชาติ อัครสาวกเปาโลพูดดังนี้: “ท่านมั่นใจอยู่เหมือนหนึ่งเห็นพระองค์ผู้ไม่ทรงปรากฏแก่ตา.” (เฮ็บราย 11:27) เห็นได้ชัดว่า โมเซไม่เคยลืมว่า โดยแท้แล้วพระยะโฮวาทรงเป็นผู้ครอบครองชนชาตินี้. (บทเพลงสรรเสริญ 90:1, 2) ช่างเป็นตัวอย่างที่ดีเพียงไรสำหรับพวกเราสมัยปัจจุบัน!
8. พระยะโฮวาทรงบัญชาให้ยะโฮซูอะทำอะไร และทำไมเรื่องนี้จึงควรแก่การใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง?
8 เมื่องานตรวจตราดูแลชาวยิศราเอลดูจะหนักเกินไปสำหรับโมเซเพียงคนเดียว พระยะโฮวาได้ประทานพระวิญญาณของพระองค์แก่ผู้เฒ่าผู้แก่ 70 คน ผู้ซึ่งจะสนับสนุนท่านในการพิจารณาตัดสินความคนในชาติ. (อาฤธโม 11:16-25) ในเวลาต่อมา แต่ละเมืองก็ได้มีผู้เฒ่าผู้แก่ประจำเมือง. (เทียบกับพระบัญญัติ 19:12; 22:15-18; 25:7-9.) หลังจากโมเซสิ้นชีพแล้ว พระยะโฮวาทรงตั้งยะโฮซูอะเป็นผู้นำชาตินี้. เราสามารถสร้างจินตนาการได้ว่า ด้วยสิทธิพิเศษนี้ ยะโฮซูอะมีหลายสิ่งที่ต้องทำ. กระนั้นก็ดี พระยะโฮวาได้กำชับท่านว่า มีสิ่งหนึ่งที่ละเลยไม่ได้ นั่นคือ “หนังสือกฎหมายนี้ไม่ควรให้ขาดจากปากของเจ้า และเจ้าต้องอ่านออกเสียงเบา ๆ ทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อว่าเจ้าจะได้ทำตามสิ่งที่เขียนไว้นั้นทุกข้อทุกประการ.” (ยะโฮซูอะ 1:8, ล.ม.) จงสังเกตว่า แม้ยะโฮซูอะได้รับใช้มานานกว่า 40 ปีแล้วก็ตาม ท่านก็จะต้องอ่านข้อกฎหมายมิได้ขาด. พวกเราก็เช่นกัน จำต้องศึกษาคัมภีร์ไบเบิลและฟื้นความจำของเราด้วยข้อบัญญัติและหลักการต่าง ๆ ของพระยะโฮวา—ไม่ว่าเรามีประวัติการรับใช้มานานหลายปี หรือเรามีสิทธิพิเศษมากมายเพียงใดก็ตาม.—บทเพลงสรรเสริญ 119:111, 112.
9. เกิดอะไรขึ้นในแผ่นดินยิศราเอลระหว่างสมัยผู้วินิจฉัย?
9 ต่อจากยะโฮซูอะก็มีผู้วินิจฉัยต่อเนื่องกันอีกหลายคน. น่าเศร้าใจ ในช่วงนั้นบ่อยครั้งพวกยิศราเอล “กระทำผิดในคลองพระเนตรพระยะโฮวา.” (วินิจฉัย 2:11) เกี่ยวกับช่วงที่มีผู้วินิจฉัย บันทึกแถลงอย่างนี้: “ขณะนั้น พวกยิศราเอลไม่มีกษัตริย์: ต่างคนต่างก็ทำตามลำพังใจตนเอง.” (วินิจฉัย 21:25) ต่างคนก็ได้ตัดสินใจเอาเองในเรื่องการประพฤติและการนมัสการ และประวัติศาสตร์แสดงว่า พวกยิศราเอลหลายคนทำการตัดสินใจที่ไม่ดี. พวกเขาได้หันไปไหว้รูปเคารพและหลายครั้งถึงกับประพฤติการชั่วอย่างร้ายกาจ. (วินิจฉัย 19:25-30) แต่กระนั้น บางคนก็แสดงความเชื่อเป็นแบบอย่าง.—เฮ็บราย 11:32-38.
10. การปกครองในยิศราเอลเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคนอย่างไรในช่วงชีวิตของซามูเอล และอะไรทำให้เป็นเช่นนั้น?
10 ระหว่างช่วงชีวิตของซามูเอล ผู้วินิจฉัยคนสุดท้าย ชาติยิศราเอลประสบกับวิกฤตการณ์ด้านการปกครอง. เนื่องจากอิทธิพลของชาติศัตรูที่อยู่ล้อมรอบซึ่งล้วนแต่มีกษัตริย์ปกครอง ชาวยิศราเอลได้หาเหตุผลว่าพวกตนก็จำต้องมีกษัตริย์เหมือนกัน. พวกเขาลืมไปว่าเขามีกษัตริย์อยู่แล้ว การปกครองของเขาเป็นระบอบของพระเจ้า. พระยะโฮวาได้ตรัสแก่ซามูเอลดังนี้: “เขาไม่ได้ประมาทละทิ้งท่าน, แต่ได้ประมาทละทิ้งเรา, ไม่ยอมให้เราเป็นกษัตริย์ของเขา.” (1 ซามูเอล 8:7) ตัวอย่างคนเหล่านั้นเตือนใจพวกเราว่า การสูญเสียทัศนะฝ่ายวิญญาณ และปล่อยให้อิทธิพลของโลกรอบตัวเราเข้าครอบงำนั้นช่างง่ายดายเพียงใด.—เทียบกับ 1 โกรินโธ 2:14-16.
11. (ก) แม้นการปกครองได้เปลี่ยนไป แต่จะพูดได้อย่างไรว่ายิศราเอลภายใต้พวกกษัตริย์ยังคงปกครองตามระบอบของพระเจ้า? (ข) พระยะโฮวาทรงให้คำสั่งอะไรแก่บรรดากษัตริย์ของยิศราเอล และด้วยจุดมุ่งหมายอะไร?
11 กระนั้นก็ดี พระยะโฮวาได้ยินยอมให้เป็นไปตามคำขอของพวกยิศราเอล และได้เลือกกษัตริย์สององค์แรกปกครองเขาคือซาอูลและดาวิด. ชาติยิศราเอลยังคงอยู่ใต้ระบอบของพระเจ้าสืบมา โดยมีพระยะโฮวาครอบครอง. เพื่อว่ากษัตริย์แต่ละองค์ของชาตินี้จะจำเรื่องนี้ไว้ แต่ละองค์มีหน้าที่คัดลอกสำเนากฎหมายสำหรับตัวเองและอ่านทุกวันเป็นประจำ “เพื่อที่จะได้เรียนการที่จะเกรงกลัวพระยะโฮวาพระเจ้าของตน, และจะได้รักษาบรรดาถ้อยคำในพระบัญญัติ, และข้อกฎหมายเหล่านี้, และประพฤติตาม; เพื่อมิให้ใจ [ยกตัวเอง] สูงกว่าพี่น้อง.” (พระบัญญัติ 17:19, 20) ใช่แล้ว พระยะโฮวาทรงประสงค์ให้คนเหล่านั้นที่มีตำแหน่งหน้าที่ในระบอบของพระองค์จะไม่ยกตนเองและการกระทำของเขาควรสะท้อนถึงกฎหมายของพระองค์.
12. กษัตริย์ดาวิดได้สร้างประวัติความซื่อสัตย์ไว้อย่างไร?
12 กษัตริย์ดาวิดมีความเชื่อในพระยะโฮวาอย่างโดดเด่น และพระเจ้าทรงทำสัญญาไมตรีว่า ท่านจะเป็นบิดาแห่งเชื้อวงศ์กษัตริย์ซึ่งจะยั่งยืนเป็นนิตย์. (2 ซามูเอล 7:16; 1 กษัตริย์ 9:5; บทเพลงสรรเสริญ 89:29) การที่ดาวิดอ่อนน้อมยอมอยู่ในอำนาจพระยะโฮวาควรแก่การเลียนแบบ. ดาวิดกล่าวว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา, กษัตริย์จะยินดีในฤทธิ์ของพระองค์; จะชื่นชมมากยิ่งในความรอดของพระองค์!” (บทเพลงสรรเสริญ 21:1) ถึงแม้ดาวิดพลาดพลั้งเป็นครั้งคราวเพราะเหตุความอ่อนแอทางเนื้อหนัง ตามปกติแล้ว ท่านหมายพึ่งพระยะโฮวาเป็นกำลังของท่าน ไม่ใช่พึ่งกำลังของตัวเอง.
การกระทำและทัศนะที่ไม่เป็นไปตามระบอบของพระเจ้า
13, 14. การกระทำบางอย่างที่ไม่เป็นไปตามระบอบของพระเจ้า ซึ่งผู้สืบอำนาจต่อจากดาวิดได้กระทำมีอะไรบ้าง?
13 ไม่ใช่ผู้นำชาวยิศราเอลทุกคนเป็นเหมือนโมเซและดาวิด. หลายคนได้แสดงความไม่นับถืออย่างร้ายกาจต่อการจัดเตรียมตามระบอบของพระเจ้า ปล่อยให้มีการนมัสการเท็จในแผ่นดินยิศราเอล. แม้แต่ผู้ปกครองที่ซื่อสัตย์บางคนก็ประพฤติไม่ถูกต้องตามระบอบของพระเจ้าเป็นครั้งคราว. ที่เศร้าสลดมากก็ได้แก่กรณีของซะโลโม ผู้ซึ่งได้รับสติปัญญาเฉียบแหลมมาก ทั้งมั่งคั่งด้วยทรัพย์มหาศาล. (1 กษัตริย์ 4:25, 29) กระนั้น ด้วยการไม่คำนึงถึงกฎหมายของพระยะโฮวา ท่านได้มีภรรยาหลายคนและอนุญาตให้ทำการนมัสการรูปเคารพในแผ่นดินยิศราเอล. เห็นได้ชัดว่า การปกครองของซะโลโมในตอนปลายรัชกาลเป็นไปอย่างกดขี่.—พระบัญญัติ 17:14-17; 1 กษัตริย์ 11:1-8; 12:4.
14 ระฮับอามราชโอรสของซะโลโมเผชิญการขอร้องให้ปลดเปลื้องภาระหนักของราษฎร. แทนที่จะดำเนินการอย่างละมุนละม่อม ท่านถือสิทธิ์ใช้อำนาจอย่างก้าวร้าว—และจึงต้องเสีย 10 ตระกูลในจำนวน 12 ตระกูล. (2 โครนิกา 10:4-17) กษัตริย์องค์แรกของอาณาจักรสิบตระกูลที่แยกตัวออกไปได้แก่ยาระบะอาม. ด้วยความพยายามจะให้มั่นใจว่าอาณาจักรของตนจะไม่เข้าร่วมกับชาติที่เป็นพี่น้องของตนอีกต่อไป เขาจึงได้ตั้งการนมัสการรูปโคทองคำขึ้น. นี้อาจดูเหมือนว่าเป็นขั้นตอนที่ฉลาดทางการเมือง แต่ก็แสดงถึงการไม่นับถืออย่างโจ่งแจ้งต่อระบอบของพระเจ้า. (1 กษัตริย์ 12:26-30) ต่อมา ในชีวิตบั้นปลายหลังจากได้รับใช้ด้วยความซื่อสัตย์นานหลายปี กษัตริย์อาซาปล่อยให้ความถือดีทำให้ประวัติของท่านเป็นมลทินไป. ท่านได้ปฏิบัติอย่างโหดร้ายต่อผู้พยากรณ์ที่มาหาท่านพร้อมกับคำแนะนำจากพระยะโฮวา. (2 โครนิกา 16:7-11) ถูกแล้ว แม้แต่คนที่รับใช้มาแล้วหลายปีบางครั้งก็จำต้องได้รับคำแนะนำ.
อวสานแห่งระบอบของพระเจ้า
15. เมื่อพระเยซูอยู่บนแผ่นดินโลก พวกผู้นำชาวยิวไม่ได้ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ในระบอบของพระเจ้าโดยวิธีใด?
15 เมื่อพระเยซูคริสต์อยู่บนแผ่นดินโลก ชาติยิศราเอลยังมีระบอบของพระเจ้า. แต่น่าเสียดายที่ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในระบอบนี้ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายวิญญาณ. โดยแท้แล้ว พวกเขาไม่ได้ปลูกฝังความอ่อนน้อมอย่างที่โมเซเคยแสดงออก. พระเยซูทรงชี้ให้เขาเห็นความเสื่อมทรามฝ่ายวิญญาณ เมื่อตรัสว่า “พวกอาลักษณ์กับพวกฟาริซายนั่งบนที่นั่งของโมเซ เหตุฉะนั้นทุกสิ่งซึ่งเขาสั่งสอนพวกท่าน, จงถือประพฤติตาม เว้นแต่การประพฤติของเขาอย่าได้ทำตามเลย, เพราะเขาเป็นแต่ผู้สั่งสอน, แต่เขาเองหาทำตามไม่.”—มัดธาย 23:2, 3.
16. พวกผู้นำชาวยิวสมัยศตวรรษแรกแสดงให้เห็นอย่างไรว่าเขาไม่นับถือระบอบของพระเจ้า?
16 หลังจากได้มอบพระเยซูให้กับปนเตียวปีลาตแล้ว ผู้นำชาวยิวได้แสดงให้ประจักษ์ว่าเขาหลงเจิ่นไปไกลเพียงใดจากการยอมอยู่ภายใต้ระบอบของพระเจ้า. ปีลาตได้สอบสวนพระเยซูและลงความเห็นว่าพระองค์ไม่มีความผิด. เมื่อได้นำพระเยซูออกมาปรากฏตัวต่อหน้าพวกยิว ปีลาตพูดว่า “ดูเถิด! กษัตริย์ของท่านทั้งหลาย!” ครั้นชาวยิวเหล่านั้นส่งเสียงเอ็ดอึงให้ประหารชีวิตพระองค์ ปีลาตจึงถามว่า “จะให้เราเอากษัตริย์ของพวกท่านไปตอกบนหลักหรือ?” พวกปุโรหิตใหญ่ตอบว่า “พวกเราไม่มีกษัตริย์เว้นแต่กายะซา.” (โยฮัน 19:14, 15, ล.ม.) คนเหล่านั้นพากันรับรองเอากายะซาเป็นกษัตริย์ และปฏิเสธพระเยซู “ผู้เสด็จมาในพระนามของพระยะโฮวา”!—มัดธาย 21:9, ล.ม.
17. เหตุใดยิศราเอลโดยสายเลือดจึงเลิกเป็นชนชาติแห่งระบอบของพระเจ้า?
17 โดยการปฏิเสธพระเยซู พวกยิวปฏิเสธระบอบของพระเจ้า เพราะพระองค์จะเป็นบุคคลสำคัญภายใต้การจัดเตรียมแห่งระบอบของพระเจ้าในกาลภายหน้า. พระเยซูทรงเป็นบุตรแห่งราชวงศ์ดาวิดผู้ซึ่งจะครองราชย์ตลอดไปเป็นนิตย์. (ยะซายา 9:6, 7; ลูกา 1:33; 3:23, 31) ดังนั้น ยิศราเอลโดยสายเลือดเลิกเป็นชาติที่พระเจ้าทรงเลือกสรรไว้.—โรม 9:31-33.
ระบอบของพระเจ้าครั้งใหม่
18. ระบอบของพระเจ้าครั้งใหม่อะไรได้กำเนิดในศตวรรษแรก? โปรดอธิบาย.
18 การที่พระเจ้าปฏิเสธยิศราเอลโดยสายเลือดก็หาใช่ว่าระบอบของพระเจ้าได้สิ้นสุดไปด้วย. โดยทางพระเยซูคริสต์ พระยะโฮวาได้สถาปนาระบอบของพระองค์ขึ้นมาใหม่. นั้นได้แก่ประชาคมคริสเตียนผู้ถูกเจิม ซึ่งโดยแท้แล้วคือชาติใหม่. (1 เปโตร 2:9) อัครสาวกเปาโลเรียกชาตินี้ว่า “ยิศราเอลของพระเจ้า” และในที่สุดสมาชิกชาตินี้มา “จากทุกตระกูลและทุกภาษา และทุกชนชาติและทุกชาติ.” (ฆะลาเตีย 6:16; วิวรณ์ 5:9, 10, ล.ม.) ในขณะที่อ่อนน้อมต่อรัฐบาลต่าง ๆ ที่เขาอาศัยอยู่ สมาชิกแห่งระบอบของพระเจ้าที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ที่แท้แล้วก็ปกครองโดยพระเจ้า. (1 เปโตร 2:13, 14, 17) ไม่นานหลังจากการกำเนิดของระบอบของพระเจ้าครั้งใหม่ พวกผู้มีอำนาจปกครองในชาติยิศราเอลโดยสายเลือดพยายามบังคับสาวกให้เลิกเชื่อฟังพระบัญชาที่พระเยซูทรงสั่งพวกเขาไว้. คำตอบเป็นอย่างไร? “พวกข้าพเจ้าจำต้องเชื่อฟังพระเจ้าในฐานะเป็นผู้ครอบครองยิ่งกว่ามนุษย์.” (กิจการ 5:29, ล.ม.) นี้คือทัศนะตามระบอบของพระเจ้าอย่างแท้จริง!
19. ประชาคมคริสเตียนในศตวรรษแรกเรียกได้ว่าเป็นระบอบของพระเจ้าในแง่ไหน?
19 ทว่า ระบอบของพระเจ้าครั้งใหม่ปฏิบัติงานอย่างไร? มีพระเยซูคริสต์เป็นพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นตัวแทนของพระเจ้ายะโฮวาผู้ครอบครององค์ยิ่งใหญ่. (โกโลซาย 1:13) แม้นพระมหากษัตริย์ประทับในสวรรค์ไม่ประจักษ์แก่ตา แต่การปกครองของพระองค์เป็นจริงสำหรับประชาราษฎร์ของพระองค์ และพระวจนะของพระองค์ควบคุมชีวิตของเขา. สำหรับการดูแลซึ่งเห็นประจักษ์นั้นก็มีการแต่งตั้งผู้อาวุโสที่มีคุณวุฒิฝ่ายวิญญาณ. ในยะรูซาเลม กลุ่มบุคคลดังกล่าวทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการปกครอง. ผู้ดูแลเดินทาง เช่น เปาโล, ติโมเธียวและติโตเป็นตัวแทนคณะกรรมการนั้น. และแต่ละประชาคมได้รับการเอาใจใส่ดูแลโดยคณะกรรมการประกอบด้วยพวกผู้เฒ่าผู้แก่หรือผู้ปกครอง. (ติโต 1:5) เมื่อมีปัญหายุ่งยากเกิดขึ้น ผู้ปกครองเหล่านั้นก็ปรึกษากับคณะกรรมการปกครอง หรือตัวแทนคนหนึ่งของคณะกรรมการปกครอง เช่น เปาโล. (เทียบกับกิจการ 15:2; 1 โกรินโธ 7:1; 8:1; 12:1.) ยิ่งกว่านั้น สมาชิกแต่ละคนของประชาคมมีบทบาทในการสนับสนุนระบอบของพระเจ้า. แต่ละคนรับผิดชอบต่อพระยะโฮวาที่จะใช้หลักการแห่งคัมภีร์ไบเบิลในชีวิตของตน.—โรม 14:4, 12.
20. อาจกล่าวได้อย่างไรเกี่ยวกับระบอบของพระเจ้าภายหลังการล่วงลับของพวกอัครสาวก?
20 เปาโลได้เตือนว่า ภายหลังการล่วงลับของเหล่าอัครสาวกแล้ว การออกหากจะค่อย ๆ ปรากฏชัดขึ้นมา และก็เกิดขึ้นจริงตามที่เตือนไว้. (2 เธซะโลนิเก 2:3) ครั้นเวลาผ่านไป จำนวนคนที่อ้างตัวเป็นคริสเตียนก็ทวีมากขึ้นเป็นล้าน ๆ คน ต่อจากนั้นก็มากขึ้นเรื่อย ๆ กระทั่งมีหลายร้อยล้านคน. พวกเขาขยายรูปแบบการปกครองระบอบคริสต์จักรต่าง ๆ อย่างที่เรียกว่าสังฆาธิปไตย, เพรสไบตีเรียน, และสำนักศาสนานิกายธรรม. อย่างไรก็ดี การกระทำหรือความเชื่อของคริสต์จักรเหล่านี้ไม่ได้สะท้อนวิธีการปกครองของพระยะโฮวา. คริสต์จักรนิกายต่าง ๆ เหล่านั้นไม่ใช่ระบอบของพระเจ้า!
21, 22 (ก) พระยะโฮวาทรงกู้ระบอบของพระองค์โดยวิธีใดในสมัยสุดท้ายนี้? (ข) คราวหน้าจะมีการตอบคำถามอะไรเกี่ยวกับระบอบของพระเจ้า?
21 ในช่วงอวสานแห่งระบบนี้ จำต้องมีการแยกคริสเตียนแท้ออกจากคริสเตียนปลอม. (มัดธาย 13:37-43) เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1919 ปีสำคัญในประวัติศาสตร์แห่งระบอบของพระเจ้า. ปีนั้นเองคำพยากรณ์อันรุ่งโรจน์ของยะซายา 66:8 ก็สำเร็จสมจริงที่ว่า “ใครเคยได้เห็นเช่นนี้บ้าง? แผ่นดินใดจะผ่านความเจ็บปวดรวดร้าวให้พ้นไปในวันเดียวได้รึ? ประเทศใดจะให้การกำเนิดทันทีได้รึ?” เสียงตอบคำถามดังกล่าวดังกึกก้องว่ามีแน่นอน! ในปี 1919 ประชาคมคริสเตียนได้คืนสภาพดำรงอยู่อีกครั้งหนึ่งในฐานะเป็น “ประเทศ” ที่อยู่ต่างหาก. “แผ่นดิน” ตามระบอบของพระเจ้าได้เกิดขึ้นภายในวันเดียว! ขณะที่ยุคสุดท้ายคืบหน้าไปเรื่อย ๆ องค์การของชนชาติใหม่นี้ถูกปรับเปลี่ยนให้ใกล้เคียงกับรูปแบบเดิมในศตวรรษแรกให้มากที่สุด. (ยะซายา 60:17) แต่ก็ยังคงเป็นองค์การตามระบอบของพระเจ้าเสมอ. ทั้งการกระทำและความเชื่อ องค์การนี้ได้สะท้อนให้เห็นข้อกฎหมายและหลักการต่าง ๆ ซึ่งรับการดลบันดาลจากพระเจ้าในคัมภีร์ไบเบิล. และตลอดเวลาก็เป็นองค์การที่อ่อนน้อมใต้อำนาจพระเยซูคริสต์ พระมหากษัตริย์องค์ทรงราชย์.—บทเพลงสรรเสริญ 45:17; 72:1, 2.
22 คุณสมทบกับองค์การตามระบอบของพระเจ้านี้ไหม? คุณมีตำแหน่งหน้าที่ในองค์การไหม? หากเป็นเช่นนั้น คุณรู้ไหมว่า นั่นหมายถึงอะไรที่จะปฏิบัติให้เป็นไปตามระบอบของพระเจ้า? คุณรู้ไหมว่า มีหลุมพรางอะไรที่พึงหลีกเลี่ยง? จะมีการอภิปรายคำถามสองข้อสุดท้ายนี้ในบทความถัดไป.
คุณจะอธิบายได้ไหม?
▫ ระบอบของพระเจ้าคืออะไร?
▫ ชาติยิศราเอลเป็นระบอบของพระเจ้าในทางใด?
▫ พระยะโฮวาได้ทรงจัดเตรียมอะไรเพื่อเตือนใจบรรดากษัตริย์ให้สำนึกว่ายิศราเอลเป็นระบอบของพระเจ้า?
▫ ประชาคมคริสเตียนเป็นระบอบของพระเจ้าในทางใด และได้รับการจัดระเบียบอย่างไร?
▫ ได้มีการตั้งองค์การตามระบอบของพระเจ้าในสมัยของเราอย่างไร?
[รูปภาพหน้า 12]
ต่อหน้าปนเตียวปีลาต พวกผู้ปกครองชาวยิวได้รับรองเอากายะซาแทนที่จะรับเอาพระมหากษัตริย์ที่พระยะโฮวาทรงแต่งตั้งตามระบอบของพระองค์