การต่อสู้อำนาจบาปที่ครอบงำเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์
“ด้วยว่าการใฝ่ใจทางเนื้อหนังหมายถึงความตาย, แต่การใฝ่ใจทางวิญญาณหมายถึงชีวิตและสันติสุข.”—โรม 8:6, ล.ม.
1. มนุษย์ถูกสร้างขึ้นมาด้วยจุดมุ่งหมายอะไร?
“พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามแบบฉายาของพระองค์, และตามแบบฉายาของพระองค์นั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น, และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง.” (เยเนซิศ 1:27) ฉายาคือเงาที่สะท้อนจากสิ่งของหรือแหล่งใดแหล่งหนึ่ง. ดังนั้น มนุษย์จึงถูกสร้างให้สะท้อนสง่าราศีของพระเจ้า. โดยการสำแดงคุณลักษณะต่าง ๆ แบบพระเจ้าให้ปรากฏ—เช่น ความรัก, ความดี, ความยุติธรรม, ความสนใจฝ่ายวิญญาณ—ในการกระทำทุกอย่างของเขา เขานำคำสรรเสริญและเกียรติยศมาสู่พระผู้สร้าง และเขาเองก็มีความสุขและความอิ่มใจพอใจ.—1 โกรินโธ 11:7; 1 เปโตร 2:12.
2. มนุษย์คู่แรกพลาดไปจากเป้าหมายอย่างไร?
2 มนุษย์คู่แรกซึ่งถูกสร้างขึ้นในสภาพสมบูรณ์ จึงถูกเตรียมไว้เป็นอย่างดีสำหรับบทบาทนี้. เฉกเช่นกระจกเงาที่ขัดจนเป็นมัน เขาทั้งสองมีศักยะที่จะสะท้อนสง่าราศีของพระเจ้าอย่างเจิดจ้าและชัดเจน. แต่เขาได้ปล่อยให้ผิวกระจกที่วาวแววมัวไปในคราวที่เขาจงใจขัดขืนพระเจ้าพระผู้สร้างของเขา. (เยเนซิศ 3:6) หลังจากนั้น เขาไม่สามารถสะท้อนสง่าราศีของพระเจ้าได้สมบูรณ์แบบอีกต่อไป. เขาขาดไปจากสง่าราศีของพระเจ้า พลาดไปจากวัตถุประสงค์ที่เขาได้ถูกสร้างตามแบบฉายาของพระเจ้า. กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาทำบาป.a
3. ลักษณะแท้ของบาปเป็นอย่างไร?
3 จุดนี้ช่วยเราให้เข้าใจลักษณะแท้ของบาป ซึ่งทำให้การสะท้อนฉายาและสง่าราศีของพระเจ้าโดยมนุษย์นั้นมัวหมองไป. บาปทำให้มนุษย์ไม่บริสุทธิ์ กล่าวคือ ไม่สะอาด และมัวหมองฝ่ายวิญญาณและทางศีลธรรม. มวลมนุษย์ทั้งสิ้นที่สืบเชื้อสายมาจากอาดามกับฮาวา ล้วนแต่เกิดมาในสภาพเป็นมลทินและไม่สะอาด ไม่บรรลุถึงขีดที่พระเจ้าทรงคาดหมายจากเขาในฐานะเป็นบุตรของพระองค์. และผลเป็นประการใด? คัมภีร์ไบเบิลแจ้งไว้ว่า “เช่นเดียวกับที่ความผิดได้เข้ามาในโลกเพราะคน ๆ เดียว, และความตายก็เกิดมาเพราะความผิดนั้น อย่างนั้นแหละความตายจึงได้ลามไปถึงคนทั้งปวง, เพราะคนทั้งปวงเป็นคนผิดอยู่แล้ว.”—โรม 5:12; เทียบกับยะซายา 64:6.
บาปครอบงำเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์
4-6. (ก) เวลานี้ผู้คนส่วนใหญ่มีทัศนะอย่างไรในเรื่องบาป? (ข) ทัศนะของคนสมัยนี้เกี่ยวกับบาปก่อผลประการใด?
4 เวลานี้คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนมีมลทิน, มัวหมอง, หรือมีบาป. ที่จริง คำว่าบาปเป็นศัพท์ที่เกือบจะถูกลบออกจากคำศัพท์ของคนส่วนใหญ่อยู่ทีเดียว. เขาอาจจะพูดถึงความผิดพลาด, ความประมาทเลินเล่อ, และการคำนวณผิด. แต่บาปล่ะ? เขาแทบจะไม่พูดถึงเลย! แอลัน วูลฟ์ ศาสตราจารย์ทางสังคมวิทยาให้ข้อสังเกตว่า แม้แต่สำหรับคนเหล่านั้นซึ่งยังอ้างว่าเชื่อพระเจ้า “คำสอนของพระองค์เป็นชุดความคิดเห็นทางจริยธรรมแทนหลักศีลธรรม ‘ข้อเสนอแนะ 10 ข้อ’ แทนบัญญัติ 10 ประการ.”
5 อะไรเป็นผลของแนวคิดแบบนี้? การปฏิเสธหรืออย่างน้อยก็เป็นการเพิกเฉยต่อความเป็นจริงเรื่องบาป. ทั้งนี้จึงก่อให้เกิดชั่วอายุคนที่มีแง่คิดบิดเบือนจนไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด ซึ่งจะตั้งมาตรฐานการประพฤติตามใจชอบของตัวเอง และจะไม่รู้สึกถึงความรับผิดชอบต่อใครทั้งสิ้นสำหรับสิ่งใดก็ตามที่เขาเลือกกระทำ. สำหรับคนประเภทนั้น การรู้สึกสบายใจจึงเป็นเครื่องวัดเพียงอย่างเดียวสำหรับการวินิจฉัยว่าการกระทำใด ๆ ถูกต้องสมควรหรือไม่.—สุภาษิต 30:12, 13; เทียบกับพระบัญญัติ 32:5, 20.
6 ยกตัวอย่าง รายการสนทนาทางโทรทัศน์คราวหนึ่ง ได้มีการเชิญคนหนุ่มคนสาวแสดงทัศนะของตนเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าบาปร้ายแรงเจ็ดอย่าง.b ผู้ร่วมรายการคนหนึ่งแถลงว่า “ความหยิ่งไม่เป็นบาป. คุณน่าจะมีแง่คิดที่ดีเกี่ยวกับตัวคุณเอง.” เมื่อพูดเรื่องความเกียจคร้าน หญิงสาวคนหนึ่งพูดว่า “บางครั้งก็นับว่าดีที่จะเป็นคนแบบนั้น. . . . เป็นการดีที่จะนั่งพักผ่อนอย่างสบายอารมณ์เป็นครั้งคราว และให้เวลาตัวเองบ้าง.” แม้แต่ผู้บรรยายเองก็ได้สรุปข้อคิดเห็นดังนี้: ‘บาปร้ายแรงเจ็ดประการใช่ว่าเป็นการประพฤติชั่ว แต่เป็นพลังผลักดันโดยทั่วไปของมนุษย์ ซึ่งอาจจะรบกวนจิตใจหรือให้ความเพลิดเพลินได้มาก.’ ใช่แล้ว ในขณะที่แนวคิดเรื่องบาปอันตรธานไป ความรู้สึกผิดก็หมดไปด้วย เพราะถึงอย่างไร ความรู้สึกผิดก็เป็นสิ่งตรงกันข้ามอย่างแท้จริงกับความรู้สึกสบายใจ.—เอเฟโซ 4:17-19.
7. ตามที่กล่าวในคัมภีร์ไบเบิล มนุษย์ได้รับผลกระทบอย่างไรเนื่องจากบาป?
7 ตรงข้ามกับสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมด คัมภีร์ไบเบิลระบุชัดเจนว่า “คนทั้งปวงได้กระทำบาปและขาดไปจากสง่าราศีของพระเจ้า.” (โรม 3:23, ล.ม.) แม้แต่อัครสาวกเปาโลก็ยอมรับว่า “ด้วยว่าในตัวข้าพเจ้า คือในเนื้อหนังของข้าพเจ้า ไม่มีความดีประการใดเลย เพราะว่าเจตนาดีของข้าพเจ้าก็มีอยู่, แต่ซึ่งจะกระทำการดีนั้นข้าพเจ้าหาได้กระทำไม่. ด้วยว่าการดีนั้นซึ่งข้าพเจ้าปรารถนาทำข้าพเจ้าไม่ได้กระทำ, แต่การชั่วซึ่งข้าพเจ้ามิได้ปรารถนาทำข้าพเจ้ายังทำอยู่.” (โรม 7:18, 19) ข้อนี้ ใช่ว่าเปาโลหมกมุ่นกับการสงสารตัวเอง. แต่เนื่องจากท่านสำนึกอย่างเต็มที่ว่ามนุษยชาติขาดไปจากสง่าราศีของพระเจ้าเพียงไร ท่านยิ่งสำนึกอย่างแรงกล้าว่าบาปครอบงำเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์. ท่านแถลงดังนี้: “โอข้าพเจ้าเป็นคนเข็ญใจจริง! ใครหนอจะช่วยข้าพเจ้าให้พ้นจากกายแห่งความตายนี้?”—โรม 7: 24.
8. เราควรตั้งคำถามอะไรกับตัวเอง? เพราะเหตุใด?
8 คุณมีแง่คิดอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องนี้? คุณอาจยอมรับว่า ในฐานะเป็นเชื้อสายของอาดาม คุณก็เป็นมนุษย์ไม่สมบูรณ์เหมือนคนอื่นทุกคน. แต่การที่เรารู้เช่นนั้นมีผลกระทบอย่างไรต่อแนวคิดและวิถีชีวิตของคุณ? คุณยอมรับว่านี้คือความเป็นจริงของชีวิต แล้วคุณก็เพียงแต่ทำตามอุปนิสัยติดตัวมาแต่กำเนิดเช่นนั้นไหม? หรือว่าคุณมุมานะอยู่เรื่อย ๆ ไหมเพื่อต่อสู้ความบาปที่ครอบงำเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์ พยายามสะท้อนสง่าราศีของพระเจ้าให้แจ่มชัดสุกใสมากที่สุดในทุกสิ่งที่คุณทำ? เรื่องนี้ควรเป็นความห่วงใยอย่างจริงจังสำหรับพวกเราแต่ละคนเมื่อคำนึงถึงสิ่งที่เปาโลพูดไว้: “คนเหล่านั้นผู้ซึ่งดำเนินตามเนื้อหนังก็ปักใจในสิ่งต่าง ๆ ทางเนื้อหนัง แต่คนเหล่านั้นที่ดำเนินตามวิญญาณก็ [ปักใจ] ในสิ่งต่าง ๆ ทางวิญญาณ. ด้วยว่าการใฝ่ใจทางเนื้อหนังหมายถึงความตาย, แต่การใฝ่ใจทางวิญญาณหมายถึงชีวิตและสันติสุข.”—โรม 8:5, 6, ล.ม.
ใฝ่ใจทางเนื้อหนัง
9. เพราะเหตุใด “การใฝ่ใจทางเนื้อหนังหมายถึงความตาย”?
9 เปาโลหมายถึงอะไรเมื่อท่านพูดว่า “การใฝ่ใจทางเนื้อหนังหมายถึงความตาย”? บ่อยครั้ง คัมภีร์ไบเบิลใช้คำ “เนื้อหนัง” เพื่อหมายถึงมนุษย์ในสภาพไม่สมบูรณ์ ‘มีบาปตั้งแต่อยู่ในครรภ์’ เนื่องจากสืบเชื้อสายจากอาดามผู้ทรยศ. (บทเพลงสรรเสริญ 51:5; โยบ 14:4) ดังนั้น เปาโลจึงตักเตือนคริสเตียนไม่ให้ใฝ่ใจแนวโน้ม, พลังกระตุ้น, และความใคร่ในทางบาปของเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์. ทำไม? ในที่อื่น เปาโลบอกเราว่า การของเนื้อหนังเป็นอย่างไร ครั้นแล้วจึงเสริมคำเตือนว่า “คนเหล่านั้นที่กระทำการเช่นนั้นจะรับส่วนในแผ่นดินของพระเจ้าไม่ได้.”—ฆะลาเตีย 5:19-21.
10. “การใฝ่ใจ” หมายความอย่างไร?
10 ทว่าแตกต่างกันมากมิใช่หรือระหว่างการใฝ่ใจในบางสิ่งกับการลงมือทำสิ่งนั้น? จริง การคิดเรื่องอะไรบางอย่างใช่ว่าจะนำไปสู่การกระทำอย่างที่คิดเสมอไป. อย่างไรก็ตาม การใฝ่ใจหมายความมากกว่าการคิดเพียงชั่วครู่ชั่วยาม. คำที่เปาโลนำมาใช้ คือ โฟรʹเนมา ในภาษากรีก และคำนั้นมีความหมายว่า “แนวคิด, ใส่ใจ, . . . ตั้งเป้า, ตั้งปณิธาน, มุ่งมั่น.” ด้วยเหตุนี้ “การใฝ่ใจทางเนื้อหนัง” จึงหมายถึงการถูกควบคุม, ถูกยึดกุม, ถูกครอบงำ, และถูกผลักดันโดยความใคร่ของเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์.—1 โยฮัน 2:16.
11. คายินใฝ่ใจทางเนื้อหนังนั้นอย่างไร และผลเป็นอย่างไร?
11 จุดนี้ได้รับการแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งโดยแนวทางที่คายินได้ติดตาม. เมื่อความอิจฉาและความโกรธได้ก่อตัวขึ้นในหัวใจของคายิน พระเจ้ายะโฮวาทรงเตือนเขาดังนี้: “เจ้าโกรธเคืองก้มหน้าอยู่ทำไม? ถ้าเจ้าทำดีก็จะมีหน้าตาอันแจ่มใสมิใช่หรือ? ถ้าเจ้าทำไม่ดี ความผิดก็คอยอยู่ที่ประตูจะใคร่ตะครุบเอาตัวเจ้า: แต่เจ้าจงเอาชนะความผิดนั้นเถิด.” (เยเนซิศ 4:6, 7) คายินมีทางเลือก. เขาจะเปลี่ยนมา “ทำดี” กล่าวคือตั้งอกตั้งใจ, ตั้งเป้า, ตั้งปณิธานจะทำการดีไหม? หรือว่าเขายังคงใฝ่ใจทางเนื้อหนังและมุ่งมั่นตั้งใจทำตามแนวโน้มไม่ดีซึ่งเร้นอยู่ภายในหัวใจของเขา? ดังพระยะโฮวาทรงชี้แจงว่า ความผิด “คอยอยู่ที่ประตู” จ้องตะครุบและสังหารคายินให้พินาศ หากเขาจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้น. แทนที่จะต่อสู้และ ‘เอาชนะ’ ความปรารถนาแห่งเนื้อหนังของตน คายินกลับปล่อยให้มันมีอำนาจครอบงำตน—สู่ความหายนะ.
12. เราพึงทำอย่างไรเพื่อจะไม่ “ประพฤติตามอย่างคายิน”?
12 พวกเราเวลานี้ล่ะเป็นอย่างไร? แน่ล่ะ พวกเราไม่ต้องการ “ประพฤติตามอย่างคายิน” ตามที่ยูดารำพันถึงบางคนที่อยู่ท่ามกลางคริสเตียนสมัยศตวรรษแรก. (ยูดา 11) ไม่บังควรเลยที่เราจะหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองหรือคิดว่า การทำตามใจปรารถนาของตัวเองสักเล็กน้อย หรือการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับนิด ๆ หน่อย ๆ เช่นนั้นคงจะไม่เสียหาย. ตรงกันข้ามเลยทีเดียว เราควรตื่นตัวเพื่อจะมองเห็นอิทธิพลที่ชั่วและเสื่อมทรามใด ๆ ซึ่งอาจเข้ามายังหัวใจและจิตใจของเรา แล้วกำจัดออกไปโดยพลันก่อนที่มันจะงอกราก. การต่อสู้อำนาจบาปซึ่งครอบงำเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์เริ่มจากภายใน.—มาระโก 7:21.
13. โดยวิธีใดคนเราอาจจะ “ถูกทดลองโดยที่ความปรารถนาของตัวเขาเองชักนำ”?
13 ตัวอย่างเช่น คุณอาจเหลือบไปเห็นภาพที่น่าตกตะลึงหรือน่าขยะแขยง หรือภาพที่ชวนให้นึกถึงหรือยั่วยุให้เกิดอารมณ์ทางเพศ. มันอาจเป็นรูปภาพในหนังสือหรือในนิตยสาร ฉากภาพยนตร์หรือในจอโทรทัศน์, ภาพบนแผ่นป้ายโฆษณา หรือแม้แต่ในสภาพการณ์จริงในชีวิต. สิ่งนั้นในตัวเองแล้วไม่น่าตระหนก เนื่องจากมันอาจจะเกิดขึ้นได้—และเกิดขึ้นจริง ๆ. อย่างไรก็ตาม ภาพหรือฉากแบบนี้ แม้จะผ่านสายตาเพียงชั่วเวลาไม่กี่วินาที แต่ก็อาจเป็นภาพที่ติดตาและผุดขึ้นในความคิดเป็นครั้งคราว. เมื่อเป็นเช่นนั้นคุณทำอย่างไร? คุณลงมือปฏิบัติการต่อสู้ความคิดนั้นและขจัดออกไปจากความคิดของคุณทันทีไหม? หรือคุณยอมให้ภาพนั้นติดตาอยู่ต่อไป บางทีอาจนึกถึงประสบการณ์นั้นอีกทุกครั้งที่ความคิดนั้นผุดขึ้นมาไหม? การกระทำแบบหลังนี้เสี่ยงต่อการเริ่มห่วงโซ่ของเหตุการณ์ดังยาโกโบพรรณนาไว้ว่า “ทุกคนถูกทดลองโดยที่ความปรารถนาของตัวเขาเองชักนำและล่อใจเขา. ครั้นเมื่อความปรารถนาเพาะตัวขึ้นแล้ว ความปรารถนานั้นก่อให้เกิดบาป แล้วเมื่อกระทำบาป บาปนั้นก็ก่อให้เกิดความตาย.” ด้วยเหตุนี้ เปาโลจึงกล่าวว่า “การใฝ่ใจทางเนื้อหนังหมายถึงความตาย.”— ยาโกโบ 1:14, 15; โรม 8:6, ล.ม.
14. พวกเราเผชิญอะไรแต่ละวัน และเราควรแสดงปฏิกิริยาอย่างไร?
14 การดำเนินชีวิตของเราอย่างที่เป็นอยู่ในโลกซึ่งการทำผิดศีลธรรมทางเพศ, การประกอบอาชญากรรมรุนแรง, และลัทธิวัตถุนิยมได้รับการยกย่อง—มีให้เห็นอย่างโจ่งแจ้งและเปิดเผยในหนังสือ, ในนิตยสาร, ภาพยนตร์, ในรายการโทรทัศน์, และดนตรียอดนิยม—ตามจริงแล้ว เราถูกกระหน่ำด้วยแนวความคิดและความเห็นอย่างผิด ๆ ทุกเมื่อเชื่อวัน. คุณมีปฏิกิริยาเช่นไร? คุณรู้สึกสนุกไปด้วยและได้รับความบันเทิงโดยสิ่งเหล่านี้ไหม? หรือคุณคิดอย่างโลตผู้ชอบธรรม “ซึ่งเป็นทุกข์มากเนื่องจากการทำตามอำเภอใจของคนที่ฝ่าฝืนกฎหมาย . . . ทรมานจิตวิญญาณอันชอบธรรมของท่านเนื่องด้วยการกระทำที่ละเลยกฎหมายของพวกเขา”? (2 เปโตร 2:7, 8, ล.ม.) ที่จะเอาชนะการต่อสู้อำนาจบาปที่ครอบงำเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์ เราต้องตั้งใจทำเหมือนผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญได้กระทำคือ “ข้าพเจ้าจะไม่ตั้งสิ่งเลวทรามไว้ต่อตาข้าพเจ้า: ข้าพเจ้าเกลียดชังกิจการของผู้ไม่ซื่อตรง; กิจการนั้นจะไม่ติดอยู่กับข้าพเจ้าเลย.”—บทเพลงสรรเสริญ 101:3.
การใฝ่ใจทางวิญญาณ
15. เรามีความช่วยเหลือเช่นไรเพื่อต่อสู้อำนาจบาปที่ครอบงำเราอยู่?
15 สิ่งที่จะช่วยเราให้ต่อสู้อำนาจบาปที่ครอบงำเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์นั้นคือสิ่งที่เปาโลกล่าวต่อไปดังนี้: “การใฝ่ใจทางวิญญาณหมายถึงชีวิตและสันติสุข.” (โรม 8:6, ล.ม.) ดังนั้น แทนที่จะให้เนื้อหนังควบคุมเรา เราจำต้องโน้มนำความคิดของเราให้อยู่ในอำนาจของวิญญาณ และเจริญขึ้นด้วยสิ่งต่าง ๆ ฝ่ายวิญญาณ. สิ่งเหล่านั้นได้แก่อะไร? ที่ฟิลิปปอย 4:8 เปาโลกล่าวตามลำดับว่า “ที่สุดนี้, พี่น้องทั้งหลาย, สิ่งใดที่จริง, สิ่งใดที่น่าเอาใจใส่อย่างจริงจัง, สิ่งใดที่ชอบธรรม, สิ่งใดที่บริสุทธิ์, สิ่งใดที่น่ารัก, สิ่งใดที่กล่าวถึงในทางดี, สิ่งใดที่มีคุณความดี, และสิ่งใดที่น่าสรรเสริญ, ก็จงใคร่ครวญสิ่งเหล่านี้ต่อ ๆ ไป.” ขอให้เราพิจารณาอย่างถ้วนถี่และรับความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวด้วยสิ่งซึ่งเราควรใคร่ครวญต่อ ๆ ไป.
16. เปาโลสนับสนุนเราให้ “ใคร่ครวญ” คุณลักษณะอะไรต่อ ๆ ไป และแต่ละอย่างหมายรวมถึงอะไรบ้าง?
16 ก่อนอื่น เปาโลได้จัดคุณลักษณะด้านศีลธรรมแปดประการตามลำดับ. แน่นอน พวกเราเข้าใจว่า คริสเตียนไม่ถูกจำกัดให้คิดถึงเฉพาะสิ่งที่เป็นเรื่องพระคัมภีร์หรือหลักคำสอนตลอดเวลา. เราจะใส่ใจกับหัวข้อหรือเรื่องต่าง ๆ ในขอบข่ายที่กว้างขวางได้. แต่ที่สำคัญคือสิ่งนั้น ๆ ต้องมีลักษณะเฉพาะตรงตามมาตรฐานทางศีลธรรมที่เปาโลระบุไว้. สมควรที่เราเอาใจใส่ “สิ่งเหล่านี้” แต่ละอย่างที่เปาโลยกขึ้นมา. ให้เราพิจารณาแต่ละอย่างตามลำดับ.
▫ “จริง” ไม่ได้หมายความแต่เพียงว่าจริงหรือเท็จเท่านั้น. แต่หมายถึงการเป็นคนสัตย์จริง, เที่ยงธรรม, และเชื่อถือวางใจได้, สิ่งซึ่งเป็นจริง, ไม่ใช่เพียงแต่ดูเหมือนเป็นจริง.—1 ติโมเธียว 6:20.
▫ “น่าเอาใจใส่อย่างจริงจัง” เกี่ยวโยงกับสิ่งอันทรงเกียรติและน่านับถือ, ทำให้เกิดความรู้สึกในแง่ของการยำเกรง, เป็นสิ่งสูงค่า, ภูมิฐาน, และมีศักดิ์ศรี ตรงกันข้ามกับความหยาบช้าและต่ำทราม.
▫ “ชอบธรรม” หมายถึงการบรรลุซึ่งมาตรฐานของพระเจ้า ไม่ใช่มาตรฐานของมนุษย์. ชาวโลกวุ่นกับการวางแผนที่ไม่ชอบธรรม แต่พวกเราจะต้องคิดถึงและยินดีในสิ่งที่ชอบธรรมในสายพระเนตรของพระเจ้า.—เทียบกับบทเพลงสรรเสริญ 26:4; อาโมศ 8:4-6.
▫ “บริสุทธิ์” หมายถึงความผ่องแผ้วและสะอาด ไม่เฉพาะด้านการประพฤติ (ทางเพศหรือด้านอื่น) แต่ทางความคิดและเจตนาด้วย. ยาโกโบกล่าวว่า “สติปัญญาจากเบื้องบนนั้นประการแรกบริสุทธิ์.” พระเยซูองค์ “บริสุทธิ์” เป็นแบบอย่างที่ดีเลิศที่เราพึงพิจารณา.—ยาโกโบ 3:17, ล.ม.; 1 โยฮัน 3:3.
▫ “น่ารัก” คือสิ่งที่ทำให้ผู้อื่นนึกรักและบันดาลใจให้รัก. เราจะต้อง “พิจารณาดูกันและกัน เพื่อเร้าใจให้เกิดความรักและการงานที่ดี” แทนที่จะใส่ใจกับสิ่งต่าง ๆ ซึ่งกระตุ้นความเกลียดชัง, ความขมขื่น, และการโต้เถียงกัน.—เฮ็บราย 10:24, ล.ม.
▫ “กล่าวถึงในทางดี” ไม่ได้มีความหมายแค่เป็นคน “มีชื่อเสียงดี” หรือ “เป็นที่เคารพนับถือ” แต่ในการกระทำด้วยเช่นกัน เป็นคนที่เสริมสร้าง และให้คำชมเชย. เราฝักใฝ่ในสิ่งดีงามและสิ่งเสริมสร้างกันและกัน แทนสิ่งที่เสื่อมเสียและไม่มีมารยาท.—เอเฟโซ 4:29.
▫ “คุณความดี” โดยพื้นฐานหมายถึง “ความดี” หรือ “ความดีเยี่ยมทางศีลธรรม” แต่คำนี้อาจหมายถึงความดีเยี่ยมทางด้านใด ๆ ก็ได้ด้วย. ดังนั้น เราจึงหยั่งรู้ค่าคุณลักษณะต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์, จุดดี, และความสำเร็จผลของผู้อื่นซึ่งตรงกันกับมาตรฐานที่พระเจ้ากำหนดไว้.
▫ “น่าสรรเสริญ” สิ่งต่าง ๆ จะน่าสรรเสริญอย่างแท้จริง ถ้าการสรรเสริญนั้นมาจากพระเจ้า หรือจากผู้มีอำนาจซึ่งพระเจ้าทรงยอมรับตามความเหมาะสม.—1 โกรินโธ 4:5; 1 เปโตร 2:14.
คำสัญญาเรื่องชีวิตและความสุข
17. มีพระพรอะไรสืบเนื่องจาก “การใฝ่ใจทางวิญญาณ”?
17 เมื่อเราปฏิบัติตามคำแนะนำของเปาโลและ “ใคร่ครวญสิ่งเหล่านี้” อยู่เสมอ เราจะบรรลุถึงการ “ใฝ่ใจทางวิญญาณ” ผลสืบเนื่องไม่ใช่เพียงพระพรเกี่ยวด้วยชีวิตเท่านั้น กล่าวคือชีวิตนิรันดรในโลกใหม่ตามคำสัญญา แต่สันติสุขด้วย. (โรม 8:6) เพราะเหตุใด? เพราะใจของเราได้รับการป้องกันไว้จากแรงชักจูงอันชั่วร้ายของสิ่งต่าง ๆ ทางโลกีย์ และเราไม่ต้องรับผลกระทบมากมายอีกต่อไปเพราะการต่อสู้ดึงดันอันเจ็บปวดระหว่างเนื้อหนังและวิญญาณตามที่เปาโลได้พรรณนา. โดยการต่อต้านความโน้มเอียงแห่งเนื้อหนัง เราได้มาซึ่งสันติสุขกับพระเจ้า “เพราะว่าการใฝ่ใจทางเนื้อหนังหมายถึงการเป็นศัตรูกับพระเจ้า.”—โรม 7:21-24; 8:7, ล.ม.
18. ซาตานกำลังทำการต่อสู้ชนิดใด และเราจะมีชัยชนะได้อย่างไร?
18 ซาตานและตัวแทนของมันพยายามทุกทางเพื่อทำให้การที่เราสะท้อนสง่าราศีแห่งพระเจ้านั้นพร่ามัวไป. พวกมันพยายามยึดกุมจิตใจของเราด้วยการโจมตีจิตใจของเราด้วยความปรารถนาต่าง ๆ ทางโลกีย์ โดยรู้ว่าการทำเช่นนี้ในที่สุดจะนำไปสู่การเป็นศัตรูกับพระเจ้าและถึงแก่ความตาย. แต่เราสามารถประสบชัยชนะจากการต่อสู้นี้. เช่นเดียวกับเปาโล เราสามารถร้องประกาศได้เช่นกันว่า “ขอบพระคุณพระเจ้าโดยพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” ที่ทรงจัดเตรียมให้เรามีเครื่องมือต่อสู้กับอำนาจบาปที่ครอบงำเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์.—โรม 7:25.
[เชิงอรรถ]
a โดยทั่วไป คัมภีร์ไบเบิลใช้คำกริยาภาษาฮีบรู ชาทาʹ และคำกริยาภาษากรีก ฮามาร์ทาʹโน เพื่อแสดงถึง “การทำบาป.” ทั้งสองคำนี้หมายถึง “พลาด” ในแง่ของการพลาดเป้า หรือไม่บรรลุเป้าหมาย.
b ตามที่เล่าต่อกันมา บาปร้ายแรงเจ็ดประการได้แก่ความหยิ่ง, ความโลภ, ราคะตัณหา, ความอิจฉา, ความตะกละ, ความโกรธ, และความเกียจคร้าน.
คุณอธิบายได้ไหม?
▫ บาปคืออะไร และบาปขยายตัวกระทั่งเข้าครอบงำเนื้อหนังที่ไม่สมบูรณ์ได้อย่างไร?
▫ โดยวิธีใดเราจะสู้รบ “การใฝ่ใจทางเนื้อหนัง”?
▫ เราสามารถทำอะไรได้เพื่อส่งเสริม “การใฝ่ใจทางวิญญาณ”?
▫ “การใฝ่ใจทางวิญญาณ” จะนำมาซึ่งชีวิตและความสุขอย่างไร?
[รูปภาพหน้า 15]
คายินปล่อยให้ความโน้มเอียงทางเนื้อหนังเข้าครอบงำจนเป็นความหายนะแก่ตนเอง
[รูปภาพหน้า 16]
การใฝ่ใจทางวิญญาณหมายถึงชีวิตและสันติสุข