รับใช้ในองค์การที่ก้าวหน้าที่สุด
เล่าโดย โรเบิร์ต ฮัตซ์เฟลด์
ทุกวันนี้ ผู้คนเป็นจำนวนมากเปิดโทรทัศน์โดยใช้เครื่องควบคุมจากระยะไกล เพื่อชมข่าวตอนเย็นที่มีสีเหมือนจริง โดยถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา. กระนั้น ดูเหมือนว่าเพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้เองที่ผมเป็นเด็กอายุ 12 ปี มีนัยน์ตาที่เบิกกว้าง กำลังชมภาพคนซึ่งใหญ่กว่าตัวจริงบนจอภาพยนตร์ และกำลังพูดคุยด้วย!
คุณอาจคิดว่า ไม่เห็นจะเป็นข่าวใหญ่อะไร. แต่แน่นอน นั่นดูเหมือนเป็นสิ่งอัศจรรย์สมัยใหม่สำหรับผมย้อนไปในปี 1915 ในยุคต้น ๆ ของภาพยนตร์ขาวดำไม่มีเสียง. ชายคนหนึ่งท่าทางภูมิฐานและไว้เคราปรากฏบนจอ และพูดว่า “ภาพยนตร์เรื่องการทรงสร้างเป็นการนำเสนอโดยไอ. บี. เอส. เอ. สมาคมนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลนานาชาติ.” สำหรับสองชั่วโมงถัดจากนั้น เรื่องราวของคัมภีร์ไบเบิลก็ปรากฏแก่สายตาของเรา. ข่าวสารจากพระคัมภีร์นั้นชัดเจนและยังความสดชื่น. กระนั้น ภาพยนตร์ที่แทรกด้วยภาพนิ่งที่เป็นสีและมีเสียงพูดที่สัมพันธ์กับปากต่างหากที่จับความสนใจของผมเป็นอย่างยิ่ง.
ผมไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนี้ในเวลานั้น แต่ความกระตือรือร้นในวัยรุ่นที่มีต่อเทคโนโลยีซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์นี้เป็นการนำไปสู่งานประจำชีวิตอันยาวนานในองค์การที่ก้าวหน้าที่สุดบนแผ่นดินโลก.
วัยเด็ก
ในปี 1891 คุณพ่อมาจากเมืองดิลเลนเบอร์ก เยอรมนี มาอยู่ที่ชุมชนชาวเยอรมันในเมืองแอลลีเกนี รัฐเพ็นซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา. ต่อมา ท่านพบหญิงสาวคนหนึ่งจากครอบครัวชาวเยอรมันที่นั่น และทั้งสองสมรสกัน. ผมเกิดในวันที่ 7 กรกฎาคม 1903 และได้รับการเลี้ยงดูให้พูดทั้งภาษาเยอรมันและอังกฤษ. ไม่นานก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งเริ่มขึ้นในปี 1914 การระบาดของวัณโรคคร่าชีวิตของทั้งคุณพ่อคุณแม่ และปล่อยให้ผมเป็นเด็กกำพร้า. คุณตาเสียชีวิตในเวลาไล่เลี่ยกันเนื่องจากโรคปัจจุบัน.
คุณอา มินนา เบอเมอร์ รับผมมาอยู่ในครอบครัวของเธอด้วยความกรุณา. “ฉันมีลูกห้าคน” เธอกล่าว. “จะเป็นไรไปถ้าจะรับเพิ่มอีกสักคน.” แม้ว่าผมคิดถึงคุณพ่อคุณแม่ แต่คุณอา มินนา ให้ผมมีบ้านอยู่อย่างดี.
คุณอาเป็นสมาชิกเก่าแก่ของประชาคมแอลลีเกนีของนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล (ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกพยานพระยะโฮวาในสมัยนั้น). ก่อนปี 1909 บราเดอร์ซี. ที. รัสเซลล์ นายกสมาคมว็อชเทาเวอร์ในเวลานั้น ก็เข้าร่วมที่ประชาคมนั้น. คุณอา มินนา พาผมไปยังการประชุม. แม้ว่าครอบครัวของเราไม่ได้ออกความพยายามอย่างจริงจังที่จะศึกษาหรือประกาศในตอนนั้น แต่อะไรก็ตามที่เราได้ยินที่การประชุม เราแบ่งปันให้ผู้คนที่เรารู้จักเมื่อสบโอกาส.
ในช่วงนี้เองที่ “ภาพยนตร์” ทำให้ผมอัศจรรย์ใจ. เนื่องจากผมมีหัวทางช่าง เทคนิคใหม่ ๆ ทางการถ่ายภาพและการทำให้ภาพและเสียงสัมพันธ์กันและการถ่ายภาพแบบย่นเวลาทำให้ผมทึ่ง. การเฝ้าดูดอกไม้ที่กำลังบานออกนั้นเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจเสียจริง ๆ!
ในปี 1916 เราเสียใจในการจากไปของบราเดอร์รัสเซลล์. เนื่องจากเราอยู่ในเมืองแอลลีเกนีนั้นเอง เราจึงเข้าร่วมในงานศพของท่านที่คาร์เนกี ฮอลล์. นี่เป็นห้องประชุมที่บราเดอร์รัสเซลล์ได้โต้กับ อี. แอล. อีตัน ในปี 1903. ผมได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับนักเทศน์ผู้นี้ซึ่งเป็นเมโทดิสต์ เอพิสโคพัลที่ท้า ซี. ที. รัสเซลล์ให้มาโต้กันหกวัน โดยหวังว่าจะทำให้ความรู้เกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลของบราเดอร์รัสเซลล์ไม่น่าเชื่อถือ. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น กล่าวกันว่า รัสเซลล์กลับ ‘หันท่อน้ำไปยังนรก.’ ซารา เคลิน ผู้เผยแพร่ศาสนาเต็มเวลาซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองพิตต์สเบิร์ก รู้จักบราเดอร์รัสเซลล์และภรรยาเป็นส่วนตัว. ที่งานศพ เธอเห็นมาเรีย รัสเซลล์วางดอกไม้ไว้ในโลงศพ พร้อมด้วยข้อความว่า “แด่สามีผู้เป็นที่รัก.” แม้ว่ามาเรียได้แยกกันอยู่กับท่านเป็นเวลาหลายปีก่อนหน้านี้ แต่เธอยังคงถือว่าท่านเป็นสามี.
เมื่อเวลาผ่านไป มีหลายโอกาสที่ทำให้ผมได้ความสามารถทางวิชาช่าง ซึ่งเป็นประโยชน์ต่องานประจำชีวิตของผมในอนาคต. คุณลุงซึ่งเป็นผู้ปกครองของผมเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง. ระหว่างหยุดภาคเรียน คุณลุงให้ผมไปทำงานกับช่างไฟ ซึ่งดัดแปลงคฤหาสน์หลังเก่าที่ใช้แก๊สมาใช้ไฟฟ้า. ในปี 1918 นักเรียนในโรงเรียนของเราสร้างอุปกรณ์รับส่งวิทยุ-โทรเลขสมัครเล่น. เราพบกันในตอนเย็นเพื่อเรียนและทำการทดลองภาคสนามเกี่ยวกับไฟฟ้าและคุณสมบัติของแม่เหล็ก. ในปี 1926 เพื่อนคนหนึ่งกับผมตัดสินใจจะทำตามความฝันในวัยเด็ก นั่นคือทำงานบนเรือและเดินทางรอบโลก. เราสมัครเข้าเรียนที่โรงเรียนของบริษัทวิทยุกระจายเสียงแห่งอเมริกา เพื่อเรียนเป็นพนักงานรับส่งวิทยุ-โทรเลข.
ชีวิตใหม่ที่เบเธล
โรงเรียนวิทยุที่เราเรียนนั้นอยู่ในนครนิวยอร์ก ดังนั้น ผมจึงเดินทางข้ามแม่น้ำไปบรุกลินเพื่อเข้าร่วมการประชุมของนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งจัดในห้องประชุมที่เช่าจากสมาคมเมซอนิกที่เก่าแก่. ในสมัยนั้น มีเพียงประชาคมเดียวสำหรับเขตนครนิวยอร์กทั้งหมด. เมื่อพี่น้องชายจากเบเธล (บ้านพักของกลุ่มนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิลซึ่งทำงานที่สำนักงานกลาง) ทราบว่า ผมกำลังเรียนเพื่อเอาใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบอาชีพทางวิทยุ พวกเขาพูดว่า “จะออกทะเลทำไมเล่า? เรามีสถานีวิทยุอยู่ที่นี่ และต้องการผู้ควบคุมสถานี.” พวกเขาเชิญผมไปที่สำนักงานเพื่อสัมภาษณ์. ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเบเธล นอกจากว่าเป็นสำนักงานกลางของนักศึกษาคัมภีร์ไบเบิล.
พี่น้องสัมภาษณ์ผมและแนะนำผมเรียนให้จบ, รับใบอนุญาต, และจากนั้นก็มาที่เบเธล. เมื่อเรียนจบ แทนที่จะลงเรือออกทะเลหลวง ผมกลับจัดเสื้อผ้าซึ่งมีอยู่ไม่กี่ตัวและกระโดดขึ้นรถไฟใต้ดิน มุ่งหน้าสู่เบเธล. แม้ว่าผมได้อุทิศตัวแด่พระยะโฮวาและมีส่วนในการประกาศเป็นเวลาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ผมก็ยังไม่ได้รับบัพติสมาจนกระทั่งเดือนธันวาคม 1926 สองสัปดาห์หลังจากที่ไปถึงเบเธลแล้ว. นี่ไม่ได้เป็นเรื่องผิดปกติในเวลานั้น.
ด้วยสมาชิก 150 คน เบเธลจึงแออัดในสมัยนั้น. เราอยู่กันผู้ชายห้องละสี่คน. ไม่ช้า ผมก็คุ้นเคยกับสมาชิกส่วนใหญ่ เนื่องจากเรากิน, ทำงาน, และนอนในกลุ่มอาคารเดียวกัน และแน่นอน เราทุกคนประชุมในประชาคมซึ่งมีอยู่เพียงแห่งเดียวในนครนิวยอร์ก. บ้านพักเบเธลใหม่ที่ 124 โคลัมเบีย ไฮต์ส สร้างเสร็จในปี 1927 และเราสามารถอยู่กันห้องละสองคน.
นอกจากนี้ ในปี 1927 โรงพิมพ์ใหม่ที่ 117 ถนนแอดัมส์ก็เปิด. ผมช่วยย้ายอุปกรณ์จากโรงพิมพ์เก่าที่ 55 ถนนคองคอร์ด. นอกเหนือจากอุปกรณ์วิทยุแล้ว ที่โรงพิมพ์ยังมีลิฟต์, แท่นพิมพ์, อุปกรณ์ซักรีด, เตาที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง—ถ้ามีสายไฟ ผมทำทั้งนั้น.
อย่างไรก็ตาม เบเธลเป็นมากกว่าโรงพิมพ์. ที่อยู่เบื้องหลังหนังสือแต่ละเล่ม, แผ่นพับแต่ละใบ, วารสารแต่ละเล่ม คือผู้รับใช้จำนวนมากที่มีใจถ่อมและทำงานหนัก. พวกเขาไม่มีเป้าหมายจะสร้างชื่อเสียงในโลก. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พวกเขาต้องการแต่เพียงทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ลุล่วง—และมีงานมากมายที่จะทำ!
รู้จักบราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ด
ผมได้รับประโยชน์มากจากสิทธิพิเศษที่ได้ทำงานกับโจเซฟ เอฟ. รัทเทอร์ฟอร์ด นายกคนที่สองของสมาคม. ท่านเป็นชายร่างใหญ่ สูงกว่าหกฟุต ไม่อ้วน แต่กำยำ. พี่น้องหลายคนที่เบเธลซึ่งมีอายุอ่อนกว่ามักจะกลัวท่านจนกว่าจะได้รู้จักมักคุ้นด้วย. ท่านศึกษาค้นคว้าอยู่เสมอ เพื่อเตรียมเรื่องที่จะเขียน.
บราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดเป็นคนมีอารมณ์ขัน. มีพี่น้องหญิงสูงอายุคู่หนึ่งในครอบครัวเบเธล ซึ่งอยู่ตั้งแต่สมัยบราเดอร์รัสเซลล์. ทั้งคู่ออกจะมีใบหน้าที่เฉยเมย และเชื่อว่าไม่เหมาะสมที่จะหัวเราะเสียงดังแม้จะมีเรื่องน่าขบขัน. บางครั้งที่โต๊ะอาหาร บราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดจะเล่าเรื่องที่ทำให้ทุกคนหัวเราะ ซึ่งทำให้พี่น้องหญิงสองคนนี้ไม่สบอารมณ์. อย่างไรก็ตาม ท่านมักจะนำการพิจารณาคัมภีร์ไบเบิลอย่างจริงจังในเวลารับประทานอาหารด้วย.
บราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดทำอาหารเก่ง และชอบเตรียมอาหารให้เพื่อน ๆ. ครั้งหนึ่ง พ่อครัวที่เบเธลทำกระดูกไก่บางส่วนแตกตอนที่สับไก่. ท่านสาวเท้าเข้าไปในห้องครัวและแสดงให้พวกเขาเห็นวิธีที่ถูกต้องในการสับไก่. ท่านไม่ชอบให้มีเศษกระดูกในอาหารของท่าน!
ผมมักได้อยู่ใกล้ ๆ บราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดในสภาพที่ไม่เป็นทางการ อย่างเช่นที่สถานีวิทยุดับเบิลยู บี บี อาร์ ของเรา หรือในห้องทำงานของท่านบนเกาะสแตเทน. ท่านเป็นคนที่มีความกรุณามาก และปฏิบัติในสิ่งที่ท่านสอน. ท่านไม่ได้คาดหมายจากคนอื่นในสิ่งซึ่งท่านเองจะไม่ทำ. ต่างจากปัจเจกบุคคลที่มีความรับผิดชอบในองค์การอื่น ๆ ทางศาสนาหลายองค์การ บราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดเป็นผู้ที่ฝักใฝ่ในสิ่งฝ่ายวิญญาณและมีศีลธรรมสูงเยี่ยม. ท่านมีชีวิตอยู่เพื่อราชอาณาจักรของพระยะโฮวาอย่างเห็นได้ชัด.
เวลาที่ยากลำบากทางการเงิน
หลังจากที่ผมมาที่เบเธลได้สองสามปี โลกก็เข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ. ตลาดทางการเงินตกฮวบ เช่นเดียวกับราคาโภคภัณฑ์. งานหายากและเงินทุนมีจำกัด. เบเธลดำเนินงานด้วยเงินบริจาค และพระยะโฮวาทรงทำให้มีเงินทุนเพียงพอที่จะให้งานดำเนินไปเสมอ. เราไม่เคยขาดอาหาร แม้ว่าจะไม่ได้เป็นไปตามที่แต่ละคนต้องการก็ตาม. เราอยู่อย่างประหยัดเท่าที่จะเป็นได้ และพี่น้องที่อยู่นอกเบเธลก็ช่วยเราเท่าที่พวกเขาสามารถทำได้.
ในปี 1932 บราเดอร์โรเบิร์ต มาร์ติน ผู้ดูแลโรงพิมพ์ที่สัตย์ซื่อของเราเสียชีวิตลง. นาธาน นอรร์วัยยี่สิบเจ็ดปีถูกแต่งตั้งขึ้นมาแทนที่. เขาเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถมาก. ผมจำได้ว่าไม่มีใครมีความยุ่งยากในการยอมรับเขาเป็นผู้ดูแลโรงพิมพ์. พี่น้องที่ซื่อสัตย์คนอื่น ๆ เช่น จอห์น เคอร์เซน, จอร์จ เคลลี, ดัก แกลเบรท, ราล์ฟ เลฟฟ์เลอร์, และเอด เบกเกอร์—ล้วนแต่เป็นเพื่อนร่วมงานที่รักของผม—ทุ่มเทฝีมือและความสามารถให้งานรับใช้ราชอาณาจักรด้วยความเต็มใจ.—เทียบกับเอ็กโซโด 35:34, 35.
ทำงานวิทยุ
องค์การของเราทุ่มเททุกสิ่งให้กับการเผยแพร่ข่าวดี ไม่ว่าโดยวิธีใดก็ตามที่มีอยู่. ทั่วทั้งโลกจำต้องรู้เรื่องราชอาณาจักร แต่เรามีเพียงไม่กี่พันคน. เทคโนโลยีทางวิทยุเพิ่งอยู่ในระยะเริ่มแรกภายหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง. อย่างไรก็ตาม พี่น้องที่มีความหยั่งเห็นรู้สึกว่า การสื่อสารวิธีนี้เป็นสิ่งที่พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมไว้ให้ในเวลานั้น. ดังนั้น ในปี 1923 พวกเขาจึงลงมือสร้างสถานีวิทยุดับเบิลยู บี บี อาร์ บนเกาะสแตเทน หนึ่งในห้าเขตของนครนิวยอร์ก.
บางครั้ง ผมเป็นเพียงคนเดียวที่ควบคุมสถานี. ผมอยู่บนเกาะสแตเทน แต่จะข้ามฟากและนั่งรถไฟซึ่งใช้เวลาทั้งหมดสามชั่วโมงไปยังโรงพิมพ์ในบรุกลิน เพื่อทำงานไฟฟ้าหรือเครื่องจักร. เพื่อให้สถานีวิทยุของเรามีสิ่งจำเป็นพร้อมมูล เราติดตั้งเครื่องปั่นไฟดีเซล. บนเกาะสแตเทน เรายังมีบ่อน้ำบาดาลและสวนของเราเอง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารสำหรับคณะทำงานเล็ก ๆ ที่นั่นและสำหรับครอบครัวเบเธลในบรุกลินด้วย.
กว่าจะมีคนช่วยมากขึ้นในเวลาต่อมา ความรับผิดชอบต่าง ๆ ของงานวิทยุก็จำกัดการเข้าร่วมประชุมและงานประกาศของผมไปมาก. ไม่มีเวลาเลยสำหรับงานสังสรรค์หรือการเที่ยวในวันสุดสัปดาห์ นอกจากวันหยุดพักผ่อนประจำปีของเรา. มีคนเคยถามผมว่า “เนื่องจากตารางเวลาซึ่งเรียกร้องเวลามากเช่นนี้ คุณไม่เคยคิดจะลาออกจากเบเธลบ้างหรือ?” ผมต้องบอกอย่างตรงไปตรงมาว่า “ไม่เคย.” นับเป็นสิทธิพิเศษและความชื่นชมยินดีที่ได้อยู่และทำงานเคียงข้างพี่น้องชายหญิงมากมายที่ทุ่มเทให้กับงาน. และมีงานเสมอที่จะต้องทำ มีโครงการใหม่ที่จะทำ.
เราผลิตและออกอากาศละครวิทยุที่เร้าใจหลายเรื่อง. เนื่องจากไม่มีแผ่นเสียงที่บันทึกเสียงต่าง ๆ เราจึงต้องคิดวิธีของเราเอง. เราสร้างเครื่องที่สามารถทำเสียงลมพัดเอื่อย ๆ หรือพายุที่โหมกระหน่ำ. เสียงกะลามะพร้าวผ่าซีกกระทบกระดานไม้ที่มีผ้ารองไว้กลายเป็นเสียงกีบม้าที่กระทบพื้นถนนที่ปูด้วยหิน. ละครแต่ละเรื่องเป็นผลงานที่ตื่นเต้นเร้าใจ. และผู้คนฟัง. ในสมัยนั้นมีสิ่งบันเทิงใจไม่กี่อย่าง ผู้คนเป็นจำนวนมากนั่งลงและตั้งใจฟัง.
ในช่วงทศวรรษของปี 1920 และต้นทศวรรษของปี 1930 สมาคมฯสร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการวิทยุ โดยเชื่อมต่อเข้ากับสถานีต่าง ๆ มากที่สุดสำหรับเพียงรายการเดียว. ด้วยวิธีนี้ ข่าวเรื่องราชอาณาจักรจึงเข้าถึงผู้คนนับล้านทั่วโลก.
เครื่องเล่นจานเสียง
กลางทศวรรษของปี 1930 และต้นทศวรรษของปี 1940 เราออกแบบและสร้างเครื่องเล่นจานเสียงขนาดใหญ่, เครื่องเล่นจานเสียงแบบพกพา, และอุปกรณ์เสียงอื่น ๆ. โดยใช้เครื่องกลึงพิเศษ เราตัดแผ่นเสียงที่เป็นแม่แบบจากแผ่นขี้ผึ้งที่เรียบเหมือนกระจก. จากนั้น เราตรวจสอบแผ่นแม่แบบทุกแผ่นอย่างละเอียดลออโดยใช้กล้องจุลทรรศน์ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีตำหนิ. หากมีจุดบกพร่องใด ๆ ต้องบันทึกเสียงใหม่และใช้เครื่องกลึงตัดแผ่นใหม่. จากนั้น เราจึงส่งแผ่นแม่แบบขี้ผึ้งไปยังบริษัท ซึ่งผลิตแผ่นเสียงสำหรับเครื่องเล่นจานเสียงแบบพกพาและเครื่องเล่นจานเสียงขนาดใหญ่.
เหตุการณ์หนึ่งที่น่าตื่นเต้นซึ่งผมจำได้แม่นก็คือปาฐกถาของบราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดในปี 1933 ที่มีชื่อเรื่องว่า “ผลกระทบของปีศักดิ์สิทธิ์ต่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง.” โป๊ปประกาศให้ปีนั้นเป็น “ปีศักดิ์สิทธิ์” และโดยการกระจายเสียงทางวิทยุและเครื่องเล่นจานเสียง เราเปิดโปงเรื่องนั้นและแสดงให้เห็นว่าจะไม่มีอะไรที่บริสุทธิ์เกิดขึ้นในปีนั้น. ผลปรากฏว่า ฮิตเลอร์ยึดอำนาจในปีนั้นโดยมีคริสตจักรคาทอลิกหนุนหลัง ด้วยเหตุนี้ ความหวังใด ๆ ในเรื่องสันติภาพจึงอันตรธานไป.
ในสหรัฐ มีการก่อตั้งหน่วยปฏิบัติการฝ่ายคาทอลิกเพื่อดำเนินการในสิ่งที่คริสตจักรต้องการ. พวกเขาเอาคนของเขาเองเข้าไปอยู่ในกองบรรณาธิการของผู้พิมพ์จำหน่ายหนังสือพิมพ์, วารสาร, และหนังสือรายใหญ่ ๆ. พวกเขาเข้าไปยุ่งกับการเมืองและขู่ว่าจะคว่ำบาตรสถานีใดก็ตามที่กระจายเสียงปาฐกถาของเราเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล. พยานฯหลายคนถูกกลุ้มรุมทำร้ายจากกลุ่มปฏิบัติการฝ่ายคาทอลิก โดยเฉพาะในนิวเจอร์ซีซึ่งอยู่ใกล้เคียง. สมัยนั้นช่างเป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้นสักเพียงไร!
งานที่น่าชื่นชมในการประกาศ
มาถึงกลางทศวรรษของปี 1950 จำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้ประกาศราชอาณาจักรนั้นเข้าถึงผู้คนที่ประตูบ้านได้มากขึ้น. การทำเช่นนี้ปรากฏว่ามีประสิทธิภาพกว่าวิทยุมากในการช่วยปัจเจกบุคคลให้เข้าใจความจริงในคัมภีร์ไบเบิล. ดังนั้น ในปี 1957 จึงตัดสินใจขายดับเบิลยู บี บี อาร์ และมุ่งใช้ทรัพยากรของเราไปยังงานมิชชันนารีซึ่งกำลังขยับขยายในดินแดนอื่น ๆ.
ในปี 1955 ผมได้รับมอบหมายให้ไปประชาคมเบดฟอร์ดในบรุกลิน ที่ซึ่งผมนำการศึกษาหอสังเกตการณ์ เป็นประจำ. สมาคมฯยังส่งผมออกไปในฐานะผู้บรรยายเดินทาง ขึ้นไปทางเหนือของรัฐนิวยอร์ก, เพ็นซิลเวเนีย, คอนเนกติกัต, และนิวเจอร์ซี. ตอนที่ได้รับมอบหมายให้ไปประชาคมเบดฟอร์ด ผมบอกกับตนเองว่า ‘ผมอายุ 50 กว่าแล้ว. ผมควรจะมีส่วนร่วมในงานประกาศให้มากเท่าที่จะทำได้เสียแต่ตอนนี้. อีกหน่อยผมอาจปวดหลังและไม่ชื่นชมกับงานมากนัก.’
หลังจากทำงานด้านเทคนิคในช่วงหลายปีเหล่านั้นในการหว่านเมล็ดราชอาณาจักรโดยทางวิทยุ ผมได้ประสบว่าเป็นความชื่นชมยินดีอย่างแท้จริงในการปลูกและรดน้ำเมล็ดแห่งความจริงในคัมภีร์ไบเบิลให้ปัจเจกบุคคลโดยตรง. ผมชื่นชมยินดีอย่างแท้จริงที่ได้ทำงานกับประชาคม. พี่น้องปฏิบัติต่อผมราวกับสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวของเขา ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน. เด็ก ๆ บางคนซึ่งเวลานี้โตแล้วยังคงเรียกผมว่าคุณปู่. เป็นเวลา 30 ปีที่เราได้ปฏิบัติการงานที่ดีร่วมกันในงานประกาศ จนกระทั่งปัญหาเกี่ยวกับขาและเท้าทำให้ผมไม่สามารถเดินขึ้นลงบันไดหรือเดินทางด้วยรถไฟใต้ดินได้. ในปี 1985 ผมย้ายไปประชาคมบรุกลิน ไฮต์ส ซึ่งประชุมที่เบเธลนี่เอง.
ขณะที่องค์การของพระยะโฮวาขยายตัวออกไป ผมได้รับสิทธิพิเศษที่ได้เห็นด้วยตนเองถึงการอวยพระพรของพระองค์ในต่างแดน ขณะที่ผมเข้าร่วมการประชุมใหญ่ของพยานพระยะโฮวาในดินแดนที่ห่างไกล. ผมสามารถเดินทางรอบโลกในที่สุด! เริ่มในทศวรรษของปี 1950 พวกเราบางคนซึ่งเป็นสมาชิกเบเธลได้ไปชมสถานที่ต่าง ๆ ในกรุงลอนดอน, ปารีส, โรม, นูเรมเบิร์ก, และโคเปนเฮเกน. เราเดินทางโดยเครื่องบินที่ดัดแปลงจากเครื่องบินทิ้งระเบิด, เรือ, และรถไฟ. แน่นอน การเดินทางนั้นทำให้เราได้เห็นทิวทัศน์ที่งดงาม แต่ภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดคือภาพของพี่น้องหมู่ใหญ่ที่ให้การต้อนรับเราอย่างอบอุ่น. อีกหลายสิบปีต่อมาจึงได้เดินทางไปยังตะวันออก, ยุโรปตะวันตกอีกครั้งหนึ่ง, และเมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ยุโรปตะวันออก. การประชุมใหญ่ที่ยอดเยี่ยมในโปแลนด์, เยอรมนี, และเชโกสโลวะเกียนั้นน่าตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง. ครอบครัวของเราตามระบอบของพระเจ้าเติบใหญ่ขึ้นสักเพียงไรนับตั้งแต่แรกที่ผมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว!
การชี้นำจากพระเจ้า
สิ่งที่ดูเหมือนเป็นก้าวเล็ก ๆ ที่องค์การย่างออกไปกลับกลายเป็นก้าวใหญ่ในเวลาต่อมา. ตอนที่เราทำงานในโครงการที่คิดขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยเราทำงานให้คำพยาน ใครอาจเห็นล่วงหน้าถึงความเติบใหญ่เช่นนี้? เราได้รุดหน้าไปด้วยความเชื่อ ด้วยการตอบรับต่อการทรงนำของพระยะโฮวา.
องค์การที่ก้าวหน้านี้ไม่เคยหวั่นกลัวต่อการใช้เทคโนโลยีล่าสุดที่มีอยู่ หรือสร้างของตนเองขึ้น เพื่อช่วยดูแลเขตประกาศทั่วโลก. ในบรรดาวิธีการต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อส่งเสริมการประกาศราชอาณาจักรก็มีการประกาศตามบ้าน, การใช้เครือข่ายทางวิทยุ, การให้คำพยานด้วยเครื่องเล่นจานเสียง, และโครงการนำการศึกษาคัมภีร์ไบเบิลตามบ้านของประชาชน. การสร้างระบบการพิมพ์ของเราเองขึ้นในสมัยแรก ๆ และเวลานี้ใช้ระบบเรียงพิมพ์ด้วยแสงและระบบออฟเซตที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ในหลาย ๆ ภาษานั้นไม่ใช่ความสำเร็จเล็ก ๆ. โรงเรียนว็อชเทาเวอร์ไบเบิลแห่งกิเลียด, โรงเรียนการรับใช้ตามระบอบของพระเจ้า, และการประชุมใหญ่ซึ่งมีเป็นประจำล้วนแต่มีส่วนในการนำสง่าราศีมาสู่พระเจ้ายะโฮวาและพระบุตรของพระองค์. นับเป็นสิทธิพิเศษของผมที่ได้เห็นด้วยตนเอง และที่มีส่วนร่วมในเหตุการณ์เหล่านี้ทั้งหมด.
เป็นที่ชัดแจ้งแก่ผมว่า องค์การที่มีพระวิญญาณชี้นำของพระยะโฮวาบนแผ่นดินโลกได้รับการชี้แนะในสิ่งที่จะทำและวิธีที่จะทำ. องค์การของพระองค์ทั่วทั้งเอกภพ ไม่ว่าจะประจักษ์หรือไม่ประจักษ์แก่ตา ก็ทำงานร่วมกัน.
ผมไม่เคยเสียใจที่ล้มเลิกแผนการตอนเป็นหนุ่มที่จะออกไปท่องทะเล. ก็พัฒนาการต่าง ๆ ที่น่าตื่นเต้นและมีความหมายที่สุดในโลกนั้นเกิดขึ้นภายในองค์การของพระยะโฮวานี่เอง! ดังนั้น การเดินทางของผมบนเส้นทางสู่การ “ทรงเรียกจากเบื้องบน” นั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมยินดีและพระพรมากมาย และไม่มีความเสียใจ.—ฟิลิปปอย 3:13, 14, ฉบับแปลใหม่.
ผมบอกคนหนุ่มสาวเสมอว่า ให้จดจำเลข 1914—นั่นคือ บทเพลงสรรเสริญ 19:14 ซึ่งกล่าวว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา, ผู้เป็นศิลา, และเป็นผู้ทรงไถ่โทษของข้าพเจ้า, ขอให้วาจาที่ออกมาจากปากกับความคิดในใจของข้าพเจ้าเป็นที่ชอบต่อพระเนตรของพระองค์.” เราต้องการให้พระยะโฮวาพอพระทัยในทุกสิ่งและอธิษฐานอย่างดาวิดว่า “ข้าแต่พระยะโฮวา, ขอทรงโปรดให้ข้าพเจ้ารู้ทางของพระองค์, ขอทรงฝึกสอนข้าพเจ้าให้ดำเนินในพระมรคาของพระองค์. ขอทรงแนะนำสอนข้าพเจ้าตามความสัตย์จริงของพระองค์; เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า; ข้าพเจ้าคอยท่าพระองค์อยู่ตลอดวัน. (บทเพลงสรรเสริญ 25:4, 5) มีความหมายมากมายในถ้อยคำเหล่านี้. การจดจำถ้อยคำเหล่านี้ไว้สามารถช่วยรักษาเราให้อยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง, ไปในทิศทางที่ถูกต้อง, ก้าวไปพร้อมกับองค์การที่ก้าวหน้าของพระยะโฮวา.
[รูปภาพหน้า 23]
บราเดอร์รัทเทอร์ฟอร์ดชอบเตรียมอาหารให้เพื่อน ๆ
[รูปภาพหน้า 25]
โรเบิร์ต ฮัตซ์เฟลด์ ที่เครื่องควบคุมของสถานีวิทยุดับเบิลยู บี บี อาร์
[รูปภาพหน้า 26]
ภาพถ่ายเมื่อเร็ว ๆ นี้ของบราเดอร์ฮัตซ์เฟลด์