อุทิศตน—แก่ผู้ใด?
“สิ่งสารพัดที่พระยะโฮวาได้ตรัสไว้นั้น พวกข้าพเจ้าจะเชื่อฟังและทำตาม.”—เอ็กโซโด 24:7.
1, 2. (ก) บางคนได้ถวายตัวแก่ผู้ใดหรือสิ่งใด? (ข) การอุทิศตัวจำกัดไว้เฉพาะแต่วงการศาสนาเท่านั้นไหม?
ในเดือนกุมภาพันธ์ 1945 เหล่านักบินประจำเครื่องซีโร ไฟเตอร์แห่งกองบินยะตะเบะของญี่ปุ่นได้ชุมนุมกันที่ห้องประชุมแห่งหนึ่ง. แต่ละคนได้รับแจกกระดาษให้เขียนลงไปว่าตนจะอาสาเป็นสมาชิกหน่วยกำลังจู่โจมคะมิคะเซะหรือไม่. ทหารนายหนึ่งที่อยู่ ณ โอกาสนั้นกล่าวว่า “ผมคิดว่าเป็นเสียงเรียกร้องจากภายในให้สละตัวเองในยามที่ชาติอยู่ในภาวะวิกฤติ. ความรู้สึกอันแรงกล้าผลักดันให้ผมกระทำตนเป็นประโยชน์ ผมจึงเสนอตัวจะปฏิบัติหน้าที่มอบหมายนั้น.” เขาได้รับการฝึกให้ปฏิบัติงานและขับเครื่องบินโอกะ (เครื่องบินจรวดที่นักบินยอมตาย) พุ่งเข้าชนเรือรบฝ่ายศัตรู. อย่างไรก็ตาม สงครามยุติเสียก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ทำเช่นนั้นซึ่งเป็นการสละชีพเพื่อชาติของเขาและเพื่อจักรพรรดิ. เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม ความศรัทธาที่เขาเคยมีต่อจักรพรรดิได้ทลายไปสิ้น.
2 สมัยหนึ่ง หลายคนในญี่ปุ่นได้มอบกายถวายใจแด่องค์จักรพรรดิ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นพระเจ้าองค์หนึ่งที่ทรงพระชนม์อยู่. ในประเทศอื่น ๆ ยังคงมีอะไรอีกหลายอย่างที่เป็นเป้าของความศรัทธา. หลายล้านคนยอมมอบตัวแก่มาเรีย หรือบรรดาพระมากหลายซึ่งมักจะใช้รูปเคารพแทน. เนื่องจากถูกโน้มน้าวใจด้วยสำนวนเทศน์อันสุนทรีย์ บางคนจึงทุ่มเทเงินทองที่ได้มาด้วยความยากลำบากนั้นอุดหนุนนักเทศน์ทางโทรทัศน์ซึ่งเท่ากับเป็นการแสดงความเลื่อมใส. ภายหลังสงคราม ชาวญี่ปุ่นที่เคยผิดหวังก็เสาะหาสิ่งใหม่เพื่อเขาจะอุทิศชีวิตให้กับสิ่งนั้น. สำหรับบางคน งานกลายเป็นเป้าหมาย. ไม่ว่าประเทศทางตะวันออกหรือตะวันตก หลายคนทุ่มเทกำลังสะสมเงินทองไว้มาก ๆ. คนวัยหนุ่มสาวกำหนดเอานักดนตรีเป็นจุดรวมของชีวิต เอาอย่างแนวทางการดำรงชีวิตของคนเหล่านั้น. ผู้คนจำนวนมากสมัยนี้กลายเป็นคนบูชาตัวเอง ตั้งความปรารถนาของตนเองเป็นเป้าหมายที่จะทุ่มเทให้แก่ตัวเองโดยเฉพาะ. (ฟิลิปปอย 3:19; 2 ติโมเธียว 3:2) แต่สิ่งต่าง ๆ หรือผู้คนดังกล่าวมีค่าควรแก่การที่ใคร ๆ จะอุทิศตนให้อย่างสุดจิตวิญญาณจริง ๆ ไหม?
3. บางสิ่งซึ่งผู้คนเลื่อมใสกลับกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์อย่างไร?
3 เมื่อเผชิญกับความเป็นจริง บ่อยครั้ง พวกที่บูชารูปเคารพจะผิดหวัง. ความศรัทธาต่อรูปเคารพทำให้เกิดความข้องขัดใจ เมื่อคนที่บูชาได้ตระหนักว่า สิ่งที่ตนสักการบูชาเป็นเพียง “รูปที่มือมนุษย์ได้กระทำไว้.” (บทเพลงสรรเสริญ 115:4) เมื่อเรื่องฉาวโฉ่ซึ่งพัวพันถึงนักเทศน์คนสำคัญที่โด่งดังถูกเปิดโปง สุจริตชนรู้สึกผิดหวัง. คราวใดที่ “ความเฟื่องฟูจอมปลอม” ทางเศรษฐกิจหมดสิ้นลง จิตใจคนงานก็กระเจิงเมื่อเห็นว่าตนเองอยู่ในกลุ่มคนตกงาน. ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อไม่นานมานี้ก่อผลกระทบคนที่บูชาเงินอย่างรุนแรง. การกู้ยืมโดยหวังจะทำเงินได้มากจึงกลายเป็นภาระหนัก โดยที่แทบไม่มีหวังจะใช้หนี้ได้. (มัดธาย 6:24) เมื่อดาราเพลงร็อกและนักแสดงให้ความบันเทิงอื่น ๆ ซึ่งเคยรับการยกย่อง ตายหรือเสื่อมความนิยม พวกที่เคยนิยมบูชาเขาก็ถูกทอดทิ้ง. ส่วนคนเหล่านั้นที่มีวิถีชีวิตแบบทำตามความพอใจตัวเองก็มักจะเก็บเกี่ยวผลอันขมขื่น.—ฆะลาเตีย 6:7.
4. อะไรกระตุ้นผู้คนให้อุทิศชีวิตของเขาแก่สิ่งอันไร้ค่า?
4 อะไรกระตุ้นผู้คนให้หมกมุ่นทำเพื่อสิ่งไร้ประโยชน์เช่นนั้น? ส่วนใหญ่แล้ว เป็นวิญญาณของโลกภายใต้อำนาจของซาตานพญามาร. (เอเฟโซ 2:2, 3) อิทธิพลของวิญญาณนี้เห็นได้จากหลาย ๆ ทาง. คนหนึ่งอาจถูกควบคุมโดยประเพณีสืบทอดจากบรรพบุรุษ. การศึกษาและการเลี้ยงดูก็อาจครอบงำแนวความคิดอย่างเหนียวแน่นก็ได้. บรรยากาศ ณ ที่ทำงานอาจผลักดัน “นักรบของบริษัท” เป็นคนบ้างานซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต. ความอยากได้ใคร่มีมากขึ้นมีสาเหตุมาจากทัศนคติทางวัตถุนิยมของโลก. หัวใจของผู้คนมากมายเสื่อมทราม ปลุกเร้าเขาให้ทุ่มเทตัวเองเพื่อสนองความต้องการอันเห็นแก่ตัว. พวกเขาไม่ตรวจสอบดูว่าที่เขาทุ่มเทเพื่อเป้าหมายเหล่านี้คุ้มค่าหรือไม่.
ชาติที่ได้อุทิศแล้ว
5. ได้มีการอุทิศอะไรแด่พระยะโฮวาเมื่อสามพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว?
5 สามพันห้าร้อยกว่าปีมาแล้ว ชนชาติหนึ่งได้พบเป้าหมายแห่งความเลื่อมใสอันมีค่ามากกว่า. พวกเขาได้อุทิศตัวแด่พระยะโฮวาพระเจ้าองค์บรมมหิศร. ในฐานะที่เป็นชนกลุ่มหนึ่ง ชาติยิศราเอลได้ประกาศการอุทิศตัวแด่พระเจ้าที่ป่าซีนาย.
6. พระนามของพระเจ้าจะมีความหมายเช่นไรต่อชาวยิศราเอล?
6 อะไรได้ปลุกเร้าชาวยิศราเอลให้ปฏิบัติเช่นนั้น? เมื่อพวกเขาเป็นทาสอยู่ในอียิปต์ พระยะโฮวาทรงมอบหมายให้โมเซนำเขาไปสู่อิสรภาพ. โมเซทูลถามว่า ตนจะบอกอย่างไรเกี่ยวกับพระเจ้าผู้ได้ส่งท่านไป และพระเจ้าเองทรงเปิดเผยพระองค์ว่า “เราจะสำแดงว่าเป็น ซึ่งเราจะสำแดงว่าเป็น.” พระองค์ทรงสั่งโมเซให้บอกแก่ชาวยิศราเอลทั้งปวงดังนี้: “เราจะสำแดงว่าเป็น ได้ใช้ข้าพเจ้าให้มาหาท่าน.” (เอ็กโซโด 3:13, 14, ล.ม.) คำตรัสดังกล่าวแสดงว่า พระยะโฮวาทรงเป็นอะไรก็ได้ตามความจำเป็น เพื่อให้เป็นไปตามพระประสงค์ของพระองค์. พระองค์จะสำแดงพระองค์เองว่าเป็นผู้ทำให้สำเร็จตามคำสัญญาต่าง ๆ ด้วยวิธีการซึ่งบรรพบุรุษของชาติยิศราเอลก็ไม่เคยรู้มาก่อน.—เอ็กโซโด 6:2, 3.
7, 8. ชาวยิศราเอลมีพยานหลักฐานอะไรแสดงว่าพระยะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าที่มีค่าควรแก่ความเลื่อมใส?
7 ชาวยิศราเอลได้เป็นพยานรู้เห็นความทุกข์เดือดร้อนอันเนื่องมาจากภัยพิบัติสิบประการที่เกิดขึ้นในประเทศอียิปต์พร้อมทั้งพลเมืองทั้งปวง. (บทเพลงสรรเสริญ 78:44-51) ครั้นแล้ว อาจเป็นไปได้ที่ผู้คนมากกว่าสามล้านคน รวมผู้หญิงและเด็กต่างเก็บข้าวของและอพยพออกจากเมืองโฆเซ็นภายในคืนเดียว ซึ่งนับว่าเป็นการกระทำที่น่าทึ่งทีเดียว. (เอ็กโซโด 12:37, 38) หลังจากนั้น ณ ทะเลแดง พระยะโฮวาทรงแสดงให้ประจักษ์ว่าพระองค์ทรงเป็น “นักรบองอาจ” เมื่อพระองค์ทรงช่วยไพร่พลของพระองค์ให้รอดชีวิตจากกองกำลังทหารของฟาโรห์ โดยได้ทรงแยกน้ำทะเลให้ชาวยิศราเอลเดินผ่าน แล้วภายหลังทรงบันดาลให้น้ำกลับท่วมชาวอียิปต์ที่ไล่ตามไปนั้นจมน้ำตายเสียสิ้น. ผลก็คือ “เมื่อชาวยิศราเอลได้เห็นการใหญ่ซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงกระทำแก่ชาวอายฆุบโต, เขามีความเกรงกลัวพระยะโฮวาและได้เชื่อถือพระองค์.”—เอ็กโซโด 14:31; 15:3; บทเพลงสรรเสริญ 136:10-15.
8 ราวกับยังขาดหลักฐานบ่งบอกว่าพระนามของพระเจ้าหมายความอย่างไร ชาวยิศราเอลได้พากันบ่นพึมพำต่อว่าพระยะโฮวาและโมเซตัวแทนของพระองค์ในเรื่องการขาดแคลนอาหารและน้ำ. พระยะโฮวาทรงส่งฝูงนกกระทา, โปรดให้มานาตกลงมาเป็นอาหารแก่เขา, และบันดาลให้น้ำไหลทะลักจากช่องศิลาที่มะรีบา. (เอ็กโซโด 16:2-5, 12-15, 31; 17:2-7) นอกจากนั้น พระยะโฮวาทรงช่วยชาวยิศราเอลรอดจากการโจมตีของพวกอะมาเล็ค. (เอ็กโซโด 17:8-13) ชาวยิศราเอลไม่สามารถปฏิเสธสิ่งซึ่งในเวลาต่อมาพระยะโฮวาได้แถลงแก่โมเซดังนี้: “พระยะโฮวา, พระยะโฮวา, พระเจ้าผู้ทรงเมตตาและอุดมด้วยพระคุณ, ช้าในการโกรธและบริบูรณ์ด้วยความรักกรุณาและความจริง, คงรักษาความรักกรุณาไว้ให้กับคนนับพัน, ทรงโปรดยกโทษความผิดพลาดและการล่วงละเมิดและบาป.” (เอ็กโซโด 34:6, 7, ล.ม.) แท้จริง พระยะโฮวาทรงพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์สมควรได้รับความเลื่อมใสจากพวกเขา.
9. เหตุใดพระยะโฮวาให้ชาวยิศราเอลมีโอกาสแสดงการอุทิศตัวที่จะปฏิบัติพระองค์ และพวกเขาสนองตอบอย่างไร?
9 แม้นพระยะโฮวาทรงมีสิทธิ์เป็นเจ้าของชาวยิศราเอลเนื่องด้วยพระองค์ทรงไถ่ถอนพวกเขาจากอียิปต์ แต่ในฐานะที่เป็นพระเจ้าผู้ทรงความเมตตากรุณา จึงโปรดโอกาสให้พวกเขาแสดงความปรารถนาจะปฏิบัติพระองค์โดยสมัครใจ. (พระบัญญัติ 7:7, 8; 30:15-20) อนึ่ง พระองค์ทรงตั้งเงื่อนไขสำหรับคำสัญญาไมตรีระหว่างพระองค์กับชาวยิศราเอลด้วย. (เอ็กโซโด 19:3-8; 20:1–23:33) ครั้นโมเซได้ชี้แจงเงื่อนไขเหล่านั้นแล้ว ชาวยิศราเอลจึงแถลงดังนี้ว่า “สิ่งสารพัดที่พระยะโฮวาได้ตรัสไว้นั้น, พวกข้าพเจ้าจะเชื่อฟังและทำตาม.” (เอ็กโซโด 24:3-7) ด้วยเจตจำนงเสรีของเขาเอง พวกยิศราเอลจึงเป็นชาติที่ได้อุทิศแล้วแด่พระยะโฮวาองค์บรมมหิศร.
การหยั่งรู้ค่านำไปสู่การอุทิศตัว
10. การอุทิศตัวของเราแด่พระยะโฮวาควรตั้งอยู่บนพื้นฐานอะไร?
10 พระยะโฮวา พระผู้สร้าง ยังคงสมควรได้รับความเลื่อมใสอย่างสุดชีวิตจิตใจจากเรา. (มาลาคี 3:6; มัดธาย 22:37; วิวรณ์ 4:11) อย่างไรก็ตาม การอุทิศตัวของเราไม่ควรยึดอยู่กับการเชื่ออย่างงมงาย, อารมณ์ชั่วแล่น, หรือถูกคนอื่นบีบบังคับ—แม้แต่จากบิดามารดา. การอุทิศตัวต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานความรู้ถ่องแท้เกี่ยวด้วยความจริงเรื่องพระยะโฮวา และการหยั่งรู้ค่าในสิ่งที่พระยะโฮวาทรงทำเพื่อเรา. (โรม 10:2; โกโลซาย 1:9, 10; 1 ติโมเธียว 2:4) พระยะโฮวาทรงให้โอกาสชาวยิศราเอลแสดงการอุทิศตนด้วยความสมัครใจฉันใด พระองค์ก็ให้โอกาสเราอุทิศตัวด้วยความสมัครใจฉันนั้น ทั้งแสดงการอุทิศตัวให้เป็นไปอย่างเปิดเผย.—1 เปโตร 3:21.
11. การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลได้เผยให้เรารู้อะไรเกี่ยวกับพระยะโฮวา?
11 โดยการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล เรามารู้จักพระเจ้าในฐานะเป็นบุคคล. พระคำของพระองค์ช่วยเราหยั่งเห็นคุณลักษณะประการต่าง ๆ ของพระองค์ซึ่งได้สะท้อนออกมาในสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา. (บทเพลงสรรเสริญ 19:1-4) เรารู้ได้จากพระคำของพระองค์ว่า พระเจ้าไม่ใช่พระตรีเอกานุภาพลึกลับซึ่งไม่เป็นที่เข้าใจได้. พระองค์ไม่เคยปราชัยในสงคราม และด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงไม่จำเป็นต้องสละความเป็นพระเจ้า. (เอ็กโซโด 15:11; 1 โกรินโธ 8:5, 6; วิวรณ์ 11:17, 18) การที่พระองค์ได้ทรงปฏิบัติตามสัญญา จึงทำให้เรารำลึกถึงสิ่งที่พระนามอันไพเราะของพระยะโฮวาหมายถึง. พระองค์ทรงเป็นผู้มีจุดมุ่งหมายอันดีเลิศ. (เยเนซิศ 2:4; บทเพลงสรรเสริญ 83:18; ยะซายา 46:9-11) โดยการศึกษาคัมภีร์ไบเบิล เราได้เข้าใจกระจ่างว่า พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและน่าเชื่อถือวางใจได้เพียงใด.—พระบัญญัติ 7:9; บทเพลงสรรเสริญ 19:7, 9; 111:7.
12. (ก) อะไรดึงดูดเราให้สนใจพระยะโฮวา? (ข) ประสบการณ์ในชีวิตจริงซึ่งบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลกระตุ้นคนเราอย่างไรให้ต้องการรับใช้พระยะโฮวา? (ค) คุณคิดอย่างไรเรื่องการรับใช้พระยะโฮวา?
12 สิ่งหนึ่งที่ดึงดูดเราเป็นพิเศษให้สนใจพระยะโฮวาก็คือบุคลิกของพระองค์ที่เปี่ยมด้วยความรัก. คัมภีร์ไบเบิลแสดงให้เห็นว่าเมื่อพระองค์ติดต่อกับมนุษย์ พระองค์ทรงกระทำด้วยความรัก, ให้อภัย, และทรงเมตตาปรานีเพียงใด. ขอให้นึกถึงวิธีที่พระองค์ทรงให้โยบมั่งคั่งหลังจากท่านได้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง. ประสบการณ์ของโยบแสดงให้เห็นชัดว่า “พระยะโฮวาทรงเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่อันอ่อนละมุนและเมตตา.” (ยาโกโบ 5:11, ล.ม.; โยบ 42:12-17) ขอให้นึกถึงวิธีที่พระยะโฮวาทรงดำเนินการกับดาวิดเมื่อท่านผิดประเวณีและได้ทำลายชีวิตผู้อื่น. ใช่แล้ว พระยะโฮวาเต็มพระทัยพร้อมจะให้อภัยกระทั่งบาปร้ายแรง เมื่อคนบาปเข้าเฝ้าพระองค์ด้วย “ใจแตกและฟกช้ำแล้ว.” (บทเพลงสรรเสริญ 51:3-11, 17) ขอให้นึกถึงวิธีที่พระยะโฮวาทรงดำเนินการกับเซาโลแห่งเมืองตาระโซ ซึ่งทีแรกเป็นคนตั้งใจข่มเหงไพร่พลของพระเจ้า. ตัวอย่างเหล่านี้เน้นความเมตตาเหลือล้นและความเต็มพระทัยของพระเจ้าจะใช้คนที่กลับใจ. (1 โกรินโธ 15:9; 1 ติโมเธียว 1:15, 16) เปาโลรู้สึกว่าท่านเองสามารถมอบชีวิตของตนทำการรับใช้พระเจ้าองค์นี้ผู้เปี่ยมด้วยความรัก. (โรม 14:8) คุณรู้สึกเช่นนั้นด้วยไหม?
13. การสำแดงความรักอันยิ่งใหญ่อะไรของพระยะโฮวาทำให้บุคคลที่มีหัวใจชอบธรรมปรารถนาจะอุทิศตัวแด่พระองค์?
13 สำหรับชาวยิศราเอล พระยะโฮวาได้สงเคราะห์เขาให้พ้นสภาพทาสในอียิปต์ และพระองค์ได้เตรียมการ เพื่อช่วยเราพ้นการเป็นทาสบาปและความตาย—นั่นคือเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูคริสต์. (โยฮัน 3:16) เปาโลพูดอย่างนี้: “แต่ฝ่ายพระเจ้าได้ทรงสำแดงความรักของพระองค์แก่เราทั้งหลาย คือขณะเมื่อเราทั้งหลายยังเป็นคนบาป พระคริสต์ได้ทรงยอมตายแทนเรา.” (โรม 5:8) การจัดเตรียมด้วยความรักเช่นนี้กระตุ้นผู้มีหัวใจซื่อตรงให้อุทิศตัวแด่พระยะโฮวาผ่านพระเยซูคริสต์. “เพราะว่าความรักของพระคริสต์ได้บังคับเราอยู่, เพราะเราได้คิดเห็นอย่างนี้, คือว่ามีผู้หนึ่งได้ตายเพื่อคนทั้งปวง, เหตุฉะนั้นคนทั้งปวงนั้นจึงตายเสียแล้ว และพระองค์ได้ทรงวายพระชนม์เพื่อคนทั้งปวง, เพื่อคนเหล่านั้นที่มีชีวิตอยู่จะมิได้เป็นอยู่เพื่อประโยชน์แก่ตัวเองต่อไป, แต่จะเป็นอยู่เพื่อประโยชน์แก่พระองค์นั้นผู้ทรงวายพระชนม์และทรงเป็นขึ้นมาใหม่เพราะเห็นแก่เขา.”—2 โกรินโธ 5:14, 15; โรม 8:35-39.
14. เพียงแค่ความรู้เรื่องการดำเนินงานของพระยะโฮวาพอไหมที่จะกระตุ้นเราให้อุทิศชีวิตแด่พระองค์? จงอธิบาย.
14 กระนั้น การมีความรู้เกี่ยวกับบุคลิกของพระยะโฮวาและวิธีดำเนินการของพระองค์กับมนุษยชาติเท่านั้นยังไม่พอ. แต่ละคนต้องพัฒนาความหยั่งรู้ค่าพระยะโฮวาเป็นส่วนตัว. จะทำได้อย่างไร? ก็โดยการปฏิบัติตามพระคำของพระเจ้าในชีวิตของเราและพิเคราะห์ดูเองว่า หลักการจากพระคำนั้นใช้ได้ผลจริง. (ยะซายา 48:17) พวกเราต้องสำนึกว่าพระยะโฮวาได้โปรดช่วยเราออกมาจากสภาพยุ่งยากแห่งโลกชั่วภายใต้การปกครองของซาตาน. (เทียบกับ 1 โกรินโธ 6:11.) เมื่อเราพยายามทำสิ่งที่ถูกต้อง เราเรียนรู้ที่จะหมายพึ่งพระยะโฮวา และเราประสบด้วยตัวเองว่า พระเจ้ายะโฮวาทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์อยู่ “ผู้สดับคำอธิษฐาน.” (บทเพลงสรรเสริญ 62:8; 65:2) ไม่นานเท่าไรเราจะมีความรู้สึกว่าใกล้ชิดพระองค์และสามารถพูดระบายความรู้สึกจากส่วนลึกในใจของเราให้พระองค์ทราบ. ความรักอันอบอุ่นต่อพระยะโฮวาจะเพิ่มพูนในตัวเรา. ไม่ต้องสงสัย นั่นจะจูงใจเราให้อุทิศชีวิตแด่พระองค์.
15. อะไรเป็นพลังกระตุ้นชายคนหนึ่งให้รับใช้พระยะโฮวา ซึ่งเมื่อก่อนนั้นเขาทุ่มเทเพื่องานอาชีพเท่านั้น?
15 ผู้คนมากมายได้มารู้จักพระเจ้าพระยะโฮวาองค์นี้ผู้ประกอบด้วยความรัก และได้อุทิศชีวิตรับใช้พระองค์. จงพิจารณาตัวอย่างช่างไฟฟ้าซึ่งมีกิจการดี. บ่อยครั้งเขาจะเริ่มงานแต่เช้าและทำตลอดวันกระทั่งดึกดื่น และกลับบ้านย่ำรุ่งตอนตีห้า. หลังจากพักผ่อนราวหนึ่งชั่วโมง เขาก็ออกจากบ้านไปทำงานต่อที่อื่นอีก. เขาบอกว่า “ผมได้อุทิศตัวแก่งานของผม.” เมื่อภรรยาเริ่มศึกษาคัมภีร์ไบเบิล เขาเข้าร่วมด้วย. เขาเล่าว่า “บรรดาพระทั้งหลายที่ผมเคยรู้จักมากระทั่งถึงเวลานั้นล้วนแต่เป็นจำพวกพระที่คอยให้คนปฏิบัติ, ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์แก่เรา. แต่พระยะโฮวาทรงริเริ่มด้วยการที่พระองค์เองได้เสียสละมากเหลือเกิน โดยส่งพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวของพระองค์ลงมาที่แผ่นดินโลก.” (1 โยฮัน 4:10, 19) ชั่วเวลาสิบเดือน ชายผู้นี้ก็ได้อุทิศตัวแด่พระยะโฮวา. หลังจากนั้น เขาตั้งใจจดจ่อกับการรับใช้พระเจ้าองค์ทรงพระชนม์อยู่. เขาได้รับเอางานประกาศเต็มเวลาและย้ายไปทำงานในประเทศที่มีความต้องการมากกว่า. เขาก็เช่นเดียวกับพวกอัครสาวก ‘ได้สละทุกสิ่งแล้วติดตามพระเยซู.’ (มัดธาย 19:27) หลังจากสองเดือน เขากับภรรยาได้รับเชิญให้เข้าทำงานที่สำนักงานสาขาสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ในประเทศนั้น เพื่อว่าเขาสามารถช่วยงานด้านไฟฟ้า. เป็นเวลากว่า 20 ปี เขาทำงานในสาขานั้น ทำงานที่เขาชอบมาก—ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อพระยะโฮวา.
จงให้การอุทิศตัวของคุณเป็นไปอย่างเปิดเผย
16. มีขั้นตอนอะไรบ้างที่คนเราต้องบรรลุเพื่ออุทิศตัวแด่พระยะโฮวา?
16 หลังจากได้ศึกษาคัมภีร์ไบเบิลระยะหนึ่ง ทั้งหนุ่มสาวและคนสูงอายุจะเริ่มรู้สึกหยั่งรู้ค่าพระยะโฮวาและสิ่งต่าง ๆ ที่พระองค์ได้กระทำเพื่อเขา. ทั้งนี้น่าจะกระตุ้นพวกเขาให้อุทิศตัวแด่พระเจ้า. คุณอาจเป็นคนหนึ่งที่เป็นเช่นนั้นก็ได้. คุณจะอุทิศตัวแด่พระยะโฮวาได้อย่างไร? ภายหลังการรับเอาความรู้ถ่องแท้จากคัมภีร์ไบเบิลแล้ว คุณควรประพฤติตามความรู้นั้นและสำแดงความเชื่อในพระยะโฮวาและพระเยซูคริสต์. (โยฮัน 17:3) จงกลับใจและหันกลับจากแนวทางอันเป็นบาปทุกอย่างที่เคยกระทำในอดีต. (กิจการ 3:19) แล้วคุณก็มาถึงขั้นตอนการอุทิศตัว แสดงออกด้วยถ้อยคำที่จริงจังในคำอธิษฐานทูลพระยะโฮวา. ไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าคำอธิษฐานนั้นจะติดตรึงใจคุณตลอดไป เพราะขั้นตอนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสัมพันธ์ใหม่กับพระยะโฮวา.
17. (ก) เพราะเหตุใดผู้ปกครองจึงทบทวนคำถามที่เตรียมไว้กับคนใหม่ที่ได้อุทิศตัว? (ข) พึงบรรลุขั้นตอนสำคัญอะไรไม่นานหลังการอุทิศตัว และเพื่อจุดประสงค์อะไร?
17 ดังที่โมเซได้ชี้แจงแก่ชาวยิศราเอลเกี่ยวด้วยเงื่อนไขความสัมพันธ์ด้วยคำสัญญาไมตรีกับพระยะโฮวาฉันใด ผู้ปกครองในประชาคมพยานพระยะโฮวาก็ช่วยคนเหล่านั้นที่เพิ่งอุทิศตัวให้ตรวจสอบเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องฉันนั้น. ผู้ปกครองใช้คำถามที่เตรียมไว้เพื่อยืนยันว่า แต่ละคนเข้าใจคำสอนพื้นฐานของคัมภีร์ไบเบิลอย่างเต็มที่และสำนึกถึงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเป็นพยานของพระยะโฮวา. ครั้นแล้ว พิธีการที่จะทำให้การอุทิศตัวนั้นเป็นที่ทราบกันทั่วจึงนับว่าเหมาะสม. ตามปกติแล้ว คนที่เพิ่งอุทิศตัวกระตือรือร้นอยากให้ผู้อื่นรู้ว่า ตนเข้ามามีสัมพันธภาพเช่นนั้นกับพระยะโฮวาซึ่งถือว่าเป็นสิทธิพิเศษ. (เทียบกับยิระมะยา 9:24.) การนี้ทำอย่างถูกต้องโดยรับบัพติสมาในน้ำเป็นสัญลักษณ์การอุทิศตัว. การถูกจุ่มตัวมิดในน้ำ แล้วถูกยกขึ้นจากน้ำเป็นเครื่องหมายแสดงว่า ผู้นั้นตายต่อวิถีชีวิตก่อน ๆ ที่มุ่งทำตามใจตัวเอง และถูกยกขึ้นมาสู่แนวชีวิตใหม่ แนวที่จะทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. การนี้ไม่ใช่พิธีที่ทำให้มีสิริมงคล หรือไม่ใช่พิธีทางศาสนาอย่างมิโซกิ ในลัทธิชินโต ซึ่งถือว่าน้ำได้ชำระคนเราให้หมดมลทิน.a พูดให้ถูก บัพติสมาคือการประกาศอย่างเปิดเผยถึงการอุทิศตัวซึ่งได้กระทำแล้วโดยการอธิษฐาน.
18. เหตุใดเรามั่นใจได้ว่า การอุทิศตัวของเราจะไม่ไร้ประโยชน์?
18 ณ โอกาสสำคัญเช่นนี้เป็นประสบการณ์ซึ่งลืมไม่ได้ เป็นสิ่งสะกิดใจผู้รับใช้ใหม่ของพระเจ้าให้รำลึกถึงสัมพันธภาพถาวรที่ตนมีกับพระยะโฮวา. ไม่เหมือนการอุทิศตัวของนักบินคะมิคะเซะเพื่อประเทศชาติของตนและเพื่อจักรพรรดิ การอุทิศตัวแด่พระยะโฮวานี้จะไม่ไร้ประโยชน์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการชั่วนิรันดรกาล ผู้ซึ่งสัมฤทธิผลในทุกสิ่งตามที่พระองค์ทรงมุ่งหมายจะกระทำ. พระองค์เพียงองค์เดียวเท่านั้นสมควรได้รับความเลื่อมใสศรัทธาสุดจิตวิญญาณของเรา.—ยะซายา 55:9-11.
19. จะมีการพิจารณาเรื่องอะไรในบทความถัดไป?
19 อย่างไรก็ดี ยังมีอีกมากที่เกี่ยวข้องกับการอุทิศตัว. เป็นต้นว่า การอุทิศตัวมีผลกระทบชีวิตของเราวันต่อวันอย่างไร? เรื่องนี้จะได้พิจารณากันในบทความถัดไป.
[เชิงอรรถ]
a โปรดดูจากหนังสือมนุษยชาติแสวงหาพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ) หน้า 194-195 จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์.
คุณจำได้ไหม?
▫ ทำไมการอุทิศตัวดังที่เคยเห็นในโลกจึงลงท้ายด้วยความผิดหวัง?
▫ อะไรกระตุ้นชาวยิศราเอลให้อุทิศตัวแด่พระยะโฮวา?
▫ อะไรกระตุ้นพวกเราทุกวันนี้ให้อุทิศตัวแด่พระยะโฮวา?
▫ เราอุทิศตัวแด่พระเจ้าโดยวิธีใด?
▫ อะไรคือความหมายของการรับบัพติสมาด้วยน้ำ?
[รูปภาพหน้า 10]
ชนชาติยิศราเอล ณ ซีนายอุทิศตัวแด่พระยะโฮวา