สมัยที่พึงตื่นตัวเสมอ
“กิตติคุณจะต้องประกาศทั่วประเทศทั้งปวงก่อน . . . แต่ผู้ใดทนได้จนถึงที่สุดผู้นั้นจะรอด.”—มาระโก 13:10, 13.
1. เพราะเหตุใดเราควรอดทนและมีความกล้า?
เราต้องอดทน—ท่ามกลางคนชั่วอายุที่ขาดความเชื่อและคดโกง! ตั้งแต่ปี 1914 ผู้คนในชั่วอายุนี้เสื่อมทรามลง เหมือนในสมัยพระเยซู. และทุกวันนี้ความเสื่อมทรามมีอยู่ทั่วโลก. ใน “สมัยสุดท้าย” นี้ “วิกฤตกาลซึ่งยากที่จะรับมือได้” ตามที่อัครสาวกเปาโลพรรณนาไว้นั้นกำลังทำให้มนุษยชาติทุกข์ร้อน. ‘คนชั่วและคนเจ้าเล่ห์กำเริบมากยิ่งขึ้นทุกที.’ เห็นได้ชัดว่า “โลกทั้งสิ้นตกอยู่ใต้อำนาจผู้ชั่วร้ายนั้น” คือซาตานพญามาร ซึ่งเวลานี้มุ่งความพยายามเป็นรอบสุดท้ายเพื่อทำลายแผ่นดินโลก. แต่อย่าท้อใจ! “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่” ที่คืบใกล้เข้ามาจะนำมาซึ่งการบรรเทาถาวรแก่มนุษย์ทั้งมวลที่รักความชอบธรรม.—2 ติโมเธียว 3:1-5, 13; 1 โยฮัน 5:19; วิวรณ์ 7:14, ล.ม.
2. คำพยากรณ์ได้สำเร็จสมจริงอย่างไรในปี 1914?
2 น่ายินดี บัดนี้พระยะโฮวาทรงสถาปนาพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าขึ้นครองราชย์ในสวรรค์ เป็นการตระเตรียมเพื่อขจัดบรรดาศัตรูที่กดขี่มนุษยชาติ. (วิวรณ์ 11:15) เช่นเดียวกับที่เคยสำเร็จเป็นจริงคราวการเสด็จมาครั้งแรกของพระมาซีฮา คำพยากรณ์ที่โดดเด่นที่ดานิเอลจารึกไว้ก็ได้สำเร็จสมจริงในศตวรรษนี้เช่นกัน. ดานิเอล 4:16, 17, 32 บอกเราถึงการระงับสถานะการเป็นกษัตริย์ปกครองโลกโดยสิทธิชอบธรรมนั้นเป็นช่วง “เจ็ดวาระ.” ในความสำเร็จสมจริงครั้งสำคัญ เจ็ดวาระนี้คือเจ็ดปีตามคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งมีปีละ 360 ‘วัน’ หรือรวมแล้วเป็น 2,520 ปี.a เจ็ดวาระนั้นนับตั้งแต่ปี 607 ก่อนสากลศักราช เมื่อบาบูโลนเริ่มเหยียบย่ำอาณาจักรยิศราเอล ไปจนกระทั่งปีสากลศักราช 1914 ปีที่พระเยซูขึ้นครองราชย์ในสวรรค์ฐานะพระมหากษัตริย์ผู้ทรงสิทธิ์ของมนุษยชาติ. ครั้นแล้ว “เวลากำหนดของคนต่างประเทศ” จึงได้สิ้นสุดลง. (ลูกา 21:24) แต่ชาติต่าง ๆ ได้ปฏิเสธที่จะสวามิภักดิ์ต่อราชอาณาจักรมาซีฮาที่มาถึง.—บทเพลงสรรเสริญ 2:1-6, 10-12; 110:1, 2.
3, 4. (ก) อาจเปรียบเทียบเหตุการณ์ในศตวรรษแรกกับเหตุการณ์ในสมัยของเราได้อย่างไร? (ข) อาจตั้งคำถามอะไรบ้างที่เกี่ยวกับเรื่องนี้?
3 ขณะสัปดาห์ที่เจ็ดสิบแห่งสัปดาห์ที่นับวันเป็นปี (สากลศักราช 29-36) คืบใกล้เข้ามา และอีกครั้งขณะปีสากลศักราช 1914 กำลังจะมาถึง ผู้คนที่เกรงกลัวพระเจ้าต่างก็คาดหมายการมาถึงของพระมาซีฮา. และพระองค์ก็ได้มาถึงจริง! อย่างไรก็ตาม ในแต่ละกรณี ลักษณะการมาปรากฏของพระองค์ต่างกันกับความคาดหมาย. ในแต่ละกรณี ภายหลังช่วงเวลาที่ค่อนข้างสั้น “ชั่วอายุ” ที่ชั่วช้าก็ถูกพระเจ้าสำเร็จโทษในที่สุดเช่นกัน.—มัดธาย 24:34.
4 ในบทความก่อน เราเห็นแล้วว่าชนชาติชั่วชาวยิวที่เรียกร้องให้ประหารพระเยซูได้มาถึงจุดจบอย่างไร. แล้วจะว่าอย่างไรกับมนุษยชาติชั่วอายุนี้ที่เสื่อมทรามซึ่งแม้กระทั่งเวลานี้ก็ยังต่อต้านหรือไม่แยแสพระองค์เลย? เมื่อไรคนชั่วอายุที่ขาดความเชื่อนี้จะถูกสำเร็จโทษ?
“จงเฝ้าระวังเสมอ!”
5. (ก) ด้วยเหตุผลที่ดีอะไร ที่เราไม่จำเป็นต้องรู้ “วันนั้นโมงนั้น” ของพระยะโฮวา? (ข) ตามคำกล่าวในมาระโก พระเยซูทรงจบคำพยากรณ์ของพระองค์ด้วยคำแนะนำที่ดีอะไร?
5 หลังจากตรัสพยากรณ์ถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่นำไปสู่ “ความทุกข์ลำบากใหญ่” พระเยซูตรัสเสริมดังนี้: “วันนั้นโมงนั้นไม่มีผู้ใดรู้, ถึงทูตสวรรค์หรือพระบุตรก็ไม่รู้ รู้แต่พระบิดาองค์เดียว.” (มัดธาย 24:3-36; มาระโก 13:3-32) ไม่จำเป็นที่เราต้องรู้เวลากำหนดอย่างแน่ชัดของเหตุการณ์ต่าง ๆ. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เราต้องมุ่งความสนใจอยู่กับการเป็นคนเฝ้าระวัง, ปลูกฝังความเชื่อที่เข้มแข็ง, และหมกมุ่นอยู่กับงานรับใช้พระยะโฮวา—ไม่ใช่การคิดคำนวณเรื่องวันเวลา. พระเยซูทรงจบคำพยากรณ์สำคัญของพระองค์ดังนี้: “จงคอยดูอยู่ ตื่นตัวเสมอ เพราะท่านทั้งหลายไม่รู้ว่าเมื่อไรจะถึงเวลากำหนด . . . จงเฝ้าระวังเสมอ . . . แต่สิ่งซึ่งพวกเราบอกพวกท่าน เราบอกคนทั้งปวง จงเฝ้าระวังเสมอ.” (มาระโก 13:33-37, ล.ม.) มีภยันตรายซุ่มซ่อนอยู่ในความมืดแห่งโลกปัจจุบัน! เราต้องตื่นตัวเสมอ!—โรม 13:11-13.
6. (ก) เราควรทำให้ความเชื่อของเรามั่นคงโดยอาศัยอะไรเป็นหลัก? (ข) พวกเราอาจ ‘นับวันคืนทั้งหลายของเรา’ อย่างไร? (ค) จริง ๆ แล้ว พระเยซูหมายความอย่างไรเมื่อใช้คำ “ชั่วอายุ”?
6 เราไม่เพียงแต่ต้องเอาใจใส่คำพยากรณ์ที่มีขึ้นโดยการดลใจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสมัยสุดท้ายแห่งระบบชั่วเท่านั้น แต่ที่สำคัญเราต้องทำให้ความเชื่อของเรามั่นคงโดยอาศัยเครื่องบูชาอันมีค่าของพระเยซูคริสต์และคำสัญญาต่าง ๆ อันดีเลิศของพระเจ้าซึ่งอาศัยเครื่องบูชานั้น. (เฮ็บราย 6:17-19; 9:14; 1 เปโตร 1:18, 19; 2 เปโตร 1:16-19) ด้วยอยากจะเห็นระบบชั่วสมัยปัจจุบันถึงกาลอวสาน ไพร่พลของพระยะโฮวาบางครั้งจึงได้คาดคะเนเวลาที่ “ความทุกข์ลำบากครั้งใหญ่” จะอุบัติขึ้น ถึงกับเอาเรื่องนี้เชื่อมโยงกับการคำนวณช่วงชีวิตคนในชั่วอายุนี้นับตั้งแต่ปี 1914. อย่างไรก็ตาม พวกเรา “จะได้มีใจประกอบไปด้วยสติปัญญา” ไม่ใช่ด้วยการคิดคำนวณว่าชั่วอายุหนึ่งมีกี่ปีกี่วัน แต่ด้วยการคิดถึงวิธีที่เราจะ ‘นับวันคืนทั้งหลายของเราเป็น’ เพื่อนำคำสรรเสริญด้วยความปีติยินดีแด่พระยะโฮวา. (บทเพลงสรรเสริญ 90:12) แทนที่จะให้กฎเกณฑ์เพื่อคำนวณเวลา คำ “ชั่วอายุ” ตามที่พระเยซูทรงใช้นั้นประการแรกแล้วเกี่ยวโยงถึงคนร่วมสมัยในยุคใดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ พร้อมด้วยลักษณะเฉพาะตัวของคนรุ่นนั้น.b
7. ศาสตราจารย์วิชาประวัติศาสตร์คนหนึ่งเขียนอะไรเกี่ยวกับ “ชั่วอายุคนรุ่นปี 1914” และเรื่องนี้เกี่ยวข้องอย่างไรกับคำพยากรณ์ของพระเยซู?
7 ตรงกับข้อความข้างต้น โรเบิร์ต โวห์ล ศาสตราจารย์วิชาประวัติศาสตร์เขียนในหนังสือของเขาชื่อชั่วอายุคนรุ่นปี 1914 (ภาษาอังกฤษ) ว่า “ชั่วอายุในประวัติศาสตร์ไม่ได้นับกันโดยอาศัยปี, เดือน . . . ไม่ใช่การแบ่งเวลาเป็นปีเป็นเดือน.” แต่เขาชี้ให้เห็นว่า สงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้ทำให้เกิด “ความรู้สึกถึงการแตกร้าวอย่างสิ้นเชิงกับอดีต” และเขากล่าวเพิ่มว่า “คนเหล่านั้นที่รอดผ่านสงครามมาได้ไม่อาจลบล้างความคิดที่ว่า โลกหนึ่งได้สิ้นสุดลง และอีกโลกหนึ่งเริ่มต้นเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 1914.” ช่างเป็นความจริงสักเพียงไร! คำกล่าวนี้มุ่งความสนใจมาที่ประเด็นสำคัญของเรื่องนี้. “คนชั่วอายุนี้” ของมนุษยชาตินับตั้งแต่ปี 1914 ได้ประสบการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าประหวั่นพรั่นพรึง ได้เห็นแผ่นดินโลกไหลนองด้วยโลหิตของคนหลายล้าน. สงคราม, การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์, ลัทธิก่อการร้าย, อาชญากรรม, และการละเมิดกฎหมายได้ปะทุขึ้นทั่วโลก. การกันดารอาหาร, โรคภัย, และการประพฤติผิดศีลธรรมได้ลุกลามไปทั่วโลก. พระเยซูทรงพยากรณ์ว่า “ทำนองเดียวกัน เมื่อเจ้าทั้งหลาย [สาวกของพระองค์] แลเห็นสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้บังเกิดขึ้น จงรู้เถิดว่า ราชอาณาจักรของพระเจ้าใกล้จะถึงแล้ว. เราบอกเจ้าทั้งหลายตามความจริงว่า คนชั่วอายุนี้จะไม่ล่วงลับไปจนกว่าสิ่งทั้งปวงจะบังเกิดขึ้น.”—ลูกา 21:31, 32, ล.ม.
8. เหล่าผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาเน้นอย่างไรถึงความจำเป็นที่ต้องตื่นตัวเสมอ?
8 ใช่แล้ว ชัยชนะเด็ดขาดของราชอาณาจักรมาซีฮากำลังจะมาถึง! ทีนี้จะมีประโยชน์ใด ๆ ไหมหากมัวแต่จดจ้องคอยเดือน, ปี หรือโดยการคาดคะเนช่วงชีวิตของ “ชั่วอายุ” หนึ่งตามตัวอักษร? ไม่มีประโยชน์เลย! ฮะบาฆูค 2:3 (ล.ม.) บอกไว้ชัดเจนว่า “นิมิตนั้นก็มีไว้สำหรับเวลากำหนด และกำลังรุดเร่งไปสู่ที่สุดปลาย และนิมิตนั้นจะไม่กล่าวเท็จเลย. แม้นนิมิตจะดูเหมือนเนิ่นช้าก็จงคอยท่า ด้วยว่าจะสำเร็จเป็นแน่. จะไม่ล่าช้าเลย.” วันคิดบัญชีที่พระยะโฮวากำหนดไว้กระชั้นเข้ามาทุกที.—ยิระมะยา 25:31-33; มาลาคี 4:1.
9. เหตุการณ์อะไรตั้งแต่ปี 1914 แสดงว่า เวลามีเหลืออยู่น้อย?
9 เมื่อการปกครองราชอาณาจักรของพระคริสต์เริ่มขึ้นเมื่อปี 1914 ซาตานถูกเหวี่ยงลงมาอยู่ที่แผ่นดินโลก. ทั้งนี้จึงหมายถึง “วิบัติแก่แผ่นดินโลก . . . เพราะพญามารได้ลงมาถึงพวกเจ้าแล้ว มีความโกรธยิ่งนัก ด้วยรู้ว่ามันมีระยะเวลาอันสั้น.” (วิวรณ์ 12:12, ล.ม.) เวลาที่เหลืออยู่นั้นสั้นจริง ๆ เมื่อเทียบกับการปกครองอันยาวนานหลายพันปีของซาตาน. ราชอาณาจักรใกล้เข้ามาแล้ว และวันเวลาของพระยะโฮวาที่จะลงโทษคนเลวทรามในชั่วอายุนี้ก็ใกล้เข้ามาเช่นเดียวกัน!—สุภาษิต 3:25; 10:24, 25.
“ชั่วอายุ” ซึ่งล่วงลับไป
10. “คนชั่วอายุนี้” เหมือนกับคนสมัยโนฮาอย่างไร?
10 ให้เราพิจารณาคำตรัสของพระเยซูที่มัดธาย 24:34, 35 อย่างละเอียดยิ่งขึ้น ที่ว่า “เราบอกท่านทั้งหลายตามจริงว่า, คนชั่วอายุนี้ จะไม่ล่วงลับไปก่อนสิ่งทั้งปวงนั้นจะบังเกิดขึ้น. ฟ้าและดินจะล่วงไป. แต่คำของเราจะศูนย์หายไปหามิได้เลย.” คำตรัสของพระเยซูต่อจากนั้นแสดงให้เห็นว่า ‘วันนั้นโมงนั้นไม่มีผู้ใดรู้.’ ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น พระองค์ทรงชี้แจงว่า เราต้องหลีกเลี่ยงบ่วงแร้วที่อยู่ล้อมรอบพวกเราในคนชั่วอายุนี้. ฉะนั้น พระเยซูตรัสเสริมว่า “ด้วยสมัยของโนฮาเป็นอย่างไร การประทับของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นอย่างนั้น. เพราะผู้คนในสมัยก่อนน้ำท่วมเป็นเช่นไร คือกินและดื่ม ผู้ชายทำการสมรสและผู้หญิงถูกยกให้เป็นภรรยา จนถึงวันที่โนฮาเข้าในนาวา; และพวกเขาไม่แยแสจนกระทั่งน้ำมาท่วมและกวาดล้างเขาไปเสียสิ้นฉันใด การประทับของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นฉันนั้น.” (มัดธาย 24:36-39, ล.ม.) ที่นี่ พระเยซูทรงเปรียบเทียบคนในชั่วอายุสมัยของพระองค์กับคนในชั่วอายุสมัยของโนฮา.—เยเนซิศ 6:5, 9, ล.ม., เชิงอรรถ.
11. พระเยซูได้ให้การเปรียบเทียบอะไรเกี่ยวด้วย ‘คนในชั่วอายุทั้งสอง’ ตามบันทึกของมัดธายและลูกา?
11 นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกอัครสาวกได้ยินพระเยซูตรัสเปรียบเทียบ ‘คนในชั่วอายุทั้งสอง’ เพราะไม่กี่วันก่อนหน้านั้น พระองค์ได้ตรัสเกี่ยวกับพระองค์เองดังนี้: “บุตรมนุษย์ . . . จะต้องทนทุกข์ทรมานหลายประการก่อน, และคนสมัย [ชั่วอายุ] นี้จะไม่ยอมรับพระองค์. ในสมัยของโนฮาเหตุการณ์ได้เป็นมาแล้วอย่างไร, ในสมัยของบุตรมนุษย์ก็จะเป็นอย่างนั้นด้วย.” (ลูกา 17:24-26) ดังนั้น มัดธายบท 24 และลูกาบท 17 จึงเป็นการเปรียบเทียบเรื่องเดียวกัน. ในสมัยโนฮา “คนทั้งโลกชั่วช้าเลวทรามไปต่อพระพักตร์พระเจ้า; และแผ่นดินก็เต็มไปด้วยการชั่วร้าย” และสิ่งที่ถูกทำลายคราวน้ำท่วมโลกได้แก่ “คนสมัย [ชั่วอายุ] นี้.” ในสมัยพระเยซู ชาวยิวที่ออกหากซึ่งไม่ยอมรับพระเยซูนั้นแหละคือ “คนสมัย [ชั่วอายุ] นี้.”—เยเนซิศ 6:11, 12; 7:1.
12, 13. (ก) ในปัจจุบัน “คนชั่วอายุนี้” ได้แก่อะไรซึ่งต้องล่วงลับไป? (ข) เวลานี้ไพร่พลของพระยะโฮวากำลังรับมืออย่างไรกับ “คนชาติคดโกงและดื้อด้าน”?
12 เพราะฉะนั้น “คนชั่วอายุนี้” ในคำพยากรณ์ของพระเยซูที่สำเร็จเป็นจริงขั้นสุดท้ายสมัยปัจจุบัน จึงปรากฏชัดว่าหมายถึงผู้คนแห่งแผ่นดินโลกซึ่งเห็นสัญลักษณ์การเสด็จประทับของพระคริสต์ แต่ไม่ได้แก้ไขปรับปรุงแนวทางของตน. ตรงกันข้าม ในฐานะที่เป็นสาวกของพระเยซู พวกเราไม่ยอมให้รูปแบบชีวิตของ “คนชั่วอายุนี้” นวดปั้นเรา. ถึงแม้อยู่ในโลก เราต้องไม่เป็นส่วนของโลก “ด้วยว่าเวลากำหนดใกล้เข้ามาแล้ว.” (วิวรณ์ 1:3; โยฮัน 17:16, ล.ม.) อัครสาวกเปาโลแนะนำพวกเราดังนี้: “จงกระทำสิ่งสารพัตรให้ปราศจากการบ่นและการทุ่มเถียงกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้กลายเป็นคนปราศจากตำหนิติเตียน, เป็นบุตรของพระเจ้าปราศจากติเตียน ในท่ามกลางคนชาติคดโกงและดื้อด้าน ท่านทั้งหลายจึงปรากฏดุจดวงสว่างต่าง ๆ ในโลก.”—ฟิลิปปอย 2:14, 15; โกโลซาย 3:5-10; 1 โยฮัน 2:15-17.
13 การ “ปรากฏดุจดวงสว่างต่าง ๆ ในโลก” ไม่เพียงแต่รวมเอาการแสดงออกซึ่งบุคลิกแบบคริสเตียนอันปราศจากด่างพร้อยเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือการทำหน้าที่มอบหมายให้สำเร็จตามที่พระเยซูพยากรณ์ว่า “ข่าวดีแห่งราชอาณาจักรนี้จะได้รับการประกาศทั่วทั้งแผ่นดินโลกที่มีคนอาศัยอยู่ เพื่อให้คำพยานแก่ทุกชาติ; และครั้นแล้วอวสานจะมาถึง.” (มัดธาย 24:14, ล.ม.) ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถบอกได้ว่า อวสานนั้นจะมาถึงเมื่อไร แต่พวกเรารู้ว่า อวสานของ “คนชั่วอายุนี้” ที่เลวทรามจะมีมาเมื่อมีการให้คำพยาน “กระทั่งถึงที่สุดปลายแห่งแผ่นดินโลก” ตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า.—กิจการ 1:8, ล.ม.
“วันนั้นโมงนั้น”
14. พระเยซูและเปาโลได้ให้คำตักเตือนอะไรเกี่ยวด้วย “เวลาและฤดูกาล” และเราเองควรแสดงปฏิกิริยาอย่างไร?
14 เมื่อเสร็จสิ้นการให้คำพยานทั่วโลกตามขอบเขตที่พระยะโฮวาทรงประสงค์ ครั้นแล้วก็จะเป็น “วันนั้นโมงนั้น” ของพระองค์ที่จะจัดการกับระบบของโลกนี้. เราไม่จำเป็นต้องรู้วันนั้นล่วงหน้า. ด้วยเหตุนี้ เปาโลจึงปฏิบัติตามตัวอย่างของพระเยซูด้วยการให้คำแนะนำดังนี้: “ในเรื่องเวลาและฤดูกาลนั้น ท่านไม่จำเป็นต้องให้เขียนอะไรถึงท่าน. เพราะท่านทั้งหลายเองก็รู้ดีทีเดียวแล้วว่า วันของพระยะโฮวาจะมาเหมือนขโมยที่มาในเวลากลางคืน. เมื่อไรก็ตามที่พวกเขากล่าวว่า ‘สันติภาพและความปลอดภัย!’ แล้วความพินาศโดยฉับพลันก็จะมาถึงเขาทันที เหมือนความปวดร้าวมาถึงหญิงมีครรภ์; และเขาจะไม่มีทางหนีให้พ้น.” จงสังเกตสิ่งที่เปาโลเพ่งเล็ง: “เมื่อไรก็ตามที่พวกเขากล่าว.” ใช่แล้ว เมื่อมีการพูดถึง “สันติภาพและความปลอดภัย” ขณะที่ไม่คาดหมายเลย พระเจ้าจะสำเร็จโทษตามการพิพากษาของพระองค์อย่างฉับพลัน. คำแนะนำของเปาโลช่างเหมาะสมจริง ๆ ที่ว่า “ดังนั้น อย่าให้เราหลับใหลเหมือนคนอื่น แต่ให้เราตื่นตัวอยู่และรักษาสติของเรา.”—1 เธซะโลนิเก 5:1-3, 6, ล.ม.; ดูข้อ 7-11 ด้วย; กิจการ 1:7.
15, 16. (ก) เหตุใดเราไม่ควรคิดว่าอาร์มาเก็ดดอนยังอยู่อีกไกลกว่าที่เราเคยเชื่อ? (ข) ในอนาคตอันใกล้นี้ พระบรมเดชานุภาพของพระยะโฮวาต้องได้รับการสรรเสริญเกริกก้องโดยวิธีใด?
15 ความเข้าใจของเราซึ่งแน่ชัดยิ่งขึ้นในเรื่อง “คนชั่วอายุนี้” หมายความว่า อาร์มาเก็ดดอนยังอยู่ไกลกว่าที่เราเคยคิดไหม? ไม่เป็นเช่นนั้นเลย! ถึงแม้เราไม่เคยรู้ “วันนั้นโมงนั้น” แต่พระเจ้ายะโฮวาทรงทราบโดยตลอด และพระองค์ไม่กลับกลอก. (มาลาคี 3:6) เห็นได้ชัดว่า โลกนี้กำลังจมลึกลงไปทุกขณะสู่ความหายนะในที่สุด. ความจำเป็นที่ต้องตื่นอยู่เสมอนั้นสำคัญยิ่งกว่าคราวใดที่ผ่านมา. พระยะโฮวาทรงเปิดเผยให้เราทราบ “สิ่งซึ่งจะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า” และเราก็ควรตอบรับเต็มที่ด้วยความสำนึกที่จดจ่อในเรื่องความเร่งด่วน.—วิวรณ์ 1:1; 11:18; 16:14, 16, ล.ม.
16 ขณะเวลานั้นใกล้เข้ามา จงตื่นตัว เพราะพระยะโฮวาจวนจะยังความหายนะแก่ระบบทั้งสิ้นของซาตาน! (ยิระมะยา 25:29-31) พระยะโฮวาตรัสว่า “เราจะสำแดงตัวเราให้เป็นใหญ่, ให้เป็นที่นับถือ, และเราจะให้ประเทศทั้งหลายรู้จักเรา, และเขาทั้งหลายจะได้รู้ว่าเราคือยะโฮวา.” (ยะเอศเคล 38:23) “วัน [ชี้ขาด] ของพระยะโฮวา” คืบใกล้เข้ามา!—โยเอล 1:15; 2:1, 2; อาโมศ 5:18-20; ซะฟันยา 2:2, 3.
“ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่” ที่ชอบธรรม
17, 18. (ก) ตามที่พระเยซูและเปโตรพยากรณ์ไว้ “คนชั่วอายุนี้” จะล่วงลับไปโดยวิธีใด? (ข) เหตุใดเราพึงเฝ้าระวังการประพฤติและการกระทำด้วยความเลื่อมใสพระเจ้าอยู่เสมอ?
17 เกี่ยวกับ ‘สิ่งทั้งปวงเหล่านี้ซึ่งจะต้องเกิดขึ้น’ พระเยซูตรัสว่า “ฟ้าและดินจะล่วงไป. แต่คำของเราจะศูนย์หายไปหามิได้เลย.” (มัดธาย 24:34, 35) พระเยซูคงทรงนึกถึง “ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก”—ผู้ครอบครองและบรรดาผู้ที่อยู่ภายใต้การครอบครอง—ของ “คนชั่วอายุนี้.” อัครสาวกเปโตรได้ใช้ถ้อยคำคล้าย ๆ กันเมื่อกล่าวถึง “ฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกที่อยู่เดี๋ยวนี้” ซึ่ง “ถูกเก็บไว้สำหรับไฟเผาและสงวนไว้จนถึงวันแห่งการพิพากษาและวันพินาศแห่งบรรดาคนที่ดูหมิ่นพระเจ้า.” ต่อจากนั้น ท่านพรรณนาว่า “วันของพระยะโฮวาจะมาเหมือนอย่างขโมย ในวันนั้นฟ้าสวรรค์ [ฝ่ายการปกครอง] จะล่วงลับไป” อย่างไรพร้อม ๆ กับสังคมมนุษย์ที่เสื่อมทรามหรือ “แผ่นดินโลก” และกิจการอันชั่วช้าต่าง ๆ ของมัน. ครั้นแล้ว อัครสาวกได้เตือนพวกเราเข้าสู่ “การประพฤติอันบริสุทธิ์ และการกระทำด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้า [ขณะที่เรา] คอยท่าและคำนึงถึงวันของพระยะโฮวาเสมอ ซึ่งด้วยวันนั้นฟ้าสวรรค์จะถูกไฟละลายไปและธาตุทั้งหลายก็จะละลายไปเพราะร้อนจัด!” ต่อจากนั้นอะไรจะตามมา? เปโตรหันความสนใจของเราไปที่ ‘ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่ซึ่งความชอบธรรมจะดำรงอยู่.’—2 เปโตร 3:7, 10-13, ล.ม.c
18 “ฟ้าสวรรค์ใหม่” ซึ่งหมายถึงการปกครองแห่งราชอาณาจักรโดยพระเยซูคริสต์และบรรดากษัตริย์สมทบ จะหลั่งพระพรลงสู่ “แผ่นดินโลกใหม่” สังคมมนุษยชาติที่ชอบธรรม. คุณมีหวังจะเป็นสมาชิกคนหนึ่งของสังคมนั้นไหม? ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณย่อมมีเหตุผลจะชื่นชมยินดีกับอนาคตอันวิเศษสุดที่รออยู่ข้างหน้า!—ยะซายา 65:17-19; วิวรณ์ 21:1-5.
19. เราอาจได้รับสิทธิพิเศษอันยิ่งใหญ่อะไรเวลานี้?
19 ตามจริงแล้ว คน “ชั่วอายุ” ที่ชอบธรรมกำลังถูกรวบรวมอยู่ในเวลานี้. ทุกวันนี้ “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม” ที่ได้รับการเจิมกำลังให้การสั่งสอนจากพระเจ้า ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยคำที่บทเพลงสรรเสริญ 78:1, 4 ที่ว่า “ดูกรพลไพร่ของเรา, จงเอียงหูฟังบทบัญญัติของเรา; จงเอียงหูของท่านทั้งหลายฟังถ้อยคำจากปากของเรา . . . ประกาศเรื่องถวายความสรรเสริญพระยะโฮวาให้แก่คนในชั่วอายุสืบไปฟัง, ทั้งพลานุภาพ, และการอัศจรรย์ของพระองค์ที่ได้ทรงกระทำนั้น.” (มัดธาย 24:45-47) เมื่อวันที่ 14 เมษายน ปีนี้ ณ ประชาคมต่าง ๆ 75,500 กว่าแห่งในประมาณ 230 ดินแดน ผู้คนมากกว่า 12,000,000 คนทั่วโลกได้เข้าร่วมการประชุมอนุสรณ์ระลึกถึงการวายพระชนม์ของพระคริสต์. คุณเป็นคนหนึ่งในจำนวนนี้ไหม? ขอให้คุณฝากความเชื่อไว้กับพระเยซูคริสต์ และ ‘ร้องเรียกพระนามพระยะโฮวาเพื่อความรอด.’—โรม 10:10-13, ล.ม.
20. เนื่องจาก “เวลาที่เหลืออยู่นั้นลดน้อยลง” เราต้องตื่นตัวเสมออย่างไร และพร้อมด้วยการคำนึงถึงความคาดหมายอะไร?
20 อัครสาวกเปาโลบอกว่า “เวลาที่เหลืออยู่นั้นลดน้อยลง.” เหตุฉะนั้น จงตื่นตัวเสมอและหมกมุ่นในงานของพระยะโฮวา ขณะเราทนความยากลำบากและความเกลียดชังจากคนเลวทรามในชั่วอายุนี้. (1 โกรินโธ 7:29; มัดธาย 10:22; 24:13, 14) ให้เราเฝ้าระวังเสมอ ด้วยการสังเกตสิ่งต่าง ๆ ตามที่พยากรณ์ไว้ในคัมภีร์ไบเบิลว่าจะเกิดขึ้นกับ “คนชั่วอายุนี้.” (ลูกา 21:31-33) โดยการหนีให้พ้นสิ่งเหล่านี้และยืนมั่นต่อหน้าบุตรมนุษย์อย่างคนที่พระเจ้าทรงโปรดปราน ในที่สุดเราอาจได้ชีวิตนิรันดร์เป็นรางวัล.
[เชิงอรรถ]
a เพื่อจะได้รายละเอียดเกี่ยวด้วย “เจ็ดวาระ” โปรดดูจากหนังสือท่านจะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไปในอุทยานบนแผ่นดินโลก หน้า 138-141 จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่ง นิวยอร์ก.
b ดูที่เล่ม 1 หน้า 918 ของหนังสือการหยั่งเห็นเข้าใจพระคัมภีร์ (ภาษาอังกฤษ) จัดพิมพ์โดย สมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่ง นิวยอร์ก.
c โปรดดูหนังสือรัฐบาลโลกของเราที่กำลังจะมีมา—ราชอาณาจักรของพระเจ้า (ภาษาอังกฤษ) หน้า 152-156 และหน้า 180-181 จัดพิมพ์โดยสมาคมว็อชเทาเวอร์ ไบเบิล แอนด์ แทร็กต์ แห่ง นิวยอร์ก.
คำถามเพื่อทบทวน
▫ ครั้นสังเกตเห็นคำพยากรณ์ที่ดานิเอล 4:32 สำเร็จสมจริง บัดนี้ เราควร “เฝ้าระวังอยู่เสมอ” อย่างไร?
▫ กิตติคุณของมัดธายและลูกาได้ระบุตัว “คนชั่วอายุนี้” อย่างไร?
▫ ขณะเราคอยท่า “วันนั้นโมงนั้น” เราสังเกตเห็นอะไร และเราน่าจะตอบสนองอย่างไร?
▫ ความคาดหมายเกี่ยวกับ “ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่” น่าจะหนุนกำลังใจเราให้ทำอะไร?
[ที่มาของภาพหน้า 17]
Alexandra Boulat/Sipa Press
[รูปภาพหน้า 17]
มนุษยชาติที่ทนทุกข์จะรับความบรรเทาเมื่อคนชั่วอายุนี้ที่เสื่อมทรามและมีความรุนแรงล่วงพ้นไป
[ที่มาของภาพหน้า 17]
Left and below: Luc Delahaye/Sipa Press
[รูปภาพหน้า 18]
“ฟ้าสวรรค์ใหม่และแผ่นดินโลกใหม่” อันรุ่งโรจน์มีอยู่เบื้องหน้าสำหรับมนุษยชาติทุกเชื้อชาติ