วิลเลียม ทินเดล บุรุษผู้มองการณ์ไกล
วิลเลียม ทินเดล กำเนิดในอังกฤษ“ที่ชายแดนแคว้นเวลส์” อาจเป็นในกลอสเตอร์เชียร์ แม้ว่าไม่อาจรู้แน่ชัดถึงสถานที่และวันเดือนปีก็ตาม. ในเดือนตุลาคม 1994 อังกฤษได้ฉลองครบรอบ 500 ปีแห่งการกำเนิดของบุรุษซึ่ง “ได้ให้คัมภีร์ไบเบิลในภาษาอังกฤษแก่เรา.” ทินเดลได้พลีชีพเพื่องานนี้.เพราะเหตุใด?
วิลเลียม ทินเดล เก่งในด้านการศึกษาภาษากรีกและลาติน. ในเดือนกรกฎาคม 1515 เขาได้รับปริญญาโททางศิลปศาสตร์ ณ มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเมื่ออายุแค่ 21 ปี. พอปี 1521 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นบาทหลวงในนิกายโรมันคาทอลิก. ขณะนั้นนิกายคาทอลิกในเยอรมนีอยู่ในช่วงสับสนวุ่นวายเนื่องจากปฏิบัติการของมาร์ติน ลูเทอร์. แต่อังกฤษยังคงเป็นประเทศคาทอลิกจนกระทั่งกษัตริย์เฮนรีที่แปดได้ตัดความสัมพันธ์กับโรมในปี 1534.
ถึงแม้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วไปในสมัยของทินเดล แต่การศึกษาทุกอย่างใช้ภาษาลาติน. ภาษานี้ยังเป็นภาษาที่ใช้ในคริสตจักรและในคัมภีร์ไบเบิลด้วย. ในปี 1546 สภาแห่งเทรนต์ได้ย้ำอีกครั้งว่าต้องใช้ฉบับวัลเกต ภาษาลาตินของเจโรมแห่งศตวรรษที่ห้าเท่านั้น. แต่เฉพาะคนมีการศึกษาเท่านั้นที่อ่านฉบับแปลนี้ได้. ทำไมผู้คนในอังกฤษพึงถูกห้ามไม่ให้มีคัมภีร์ไบเบิลในภาษาอังกฤษและไม่ให้มีเสรีภาพในการอ่านคัมภีร์ไบเบิล? ทินเดลโต้แย้งว่า “เจโรมก็แปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาของชนชาติของเขา แล้วทำไมเราจะไม่ทำด้วยล่ะ?”
ก้าวหนึ่งของความเชื่อ
หลังจากช่วงที่อยู่ออกซฟอร์ดและอาจเป็นได้ว่ามีการศึกษาเพิ่มเติมที่เคมบริดจ์ด้วย ทินเดลได้สอนบุตรวัยเยาว์ของจอห์น วอลช์ เป็นส่วนตัวเป็นเวลาสองปีในกลอสเตอร์เชียร์. ระหว่างช่วงเวลานั้น ความปรารถนาของเขาที่จะแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาอังกฤษแรงกล้าขึ้น และไม่ต้องสงสัยว่าเขามีโอกาสพัฒนาความชำนาญในการแปลของตนโดยมีข้อความในคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลใหม่ของเอราสมุสซึ่งมีข้อความทั้งภาษากรีกและลาตินเทียบเคียงกันไปเป็นเครื่องช่วย. ในปี 1523 ทินเดลจากครอบครัววอลช์ไปและเดินทางสู่ลอนดอน. เขามีจุดหมายเพื่อขออนุญาตสำหรับการแปลของเขา จาก คัทเบิร์ต ทันสตัลล์ บิชอปแห่งลอนดอน.
จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากทันสตัลล์เพราะบทบัญญัติของสภาแห่งออกซฟอร์ดในปี 1408 ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะธรรมนูญแห่งออกซฟอร์ดนั้นรวมถึงการห้ามการแปลหรือการอ่านคัมภีร์ไบเบิลในภาษาถิ่นด้วย เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากบิชอป. เพราะกล้าฝ่าฝืนคำสั่งห้ามนี้ ผู้เดินทางเผยแพร่จำนวนมากซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าพวกลอลลาร์ดได้ถูกเผาในฐานะพวกออกหาก. พวกลอลลาร์ดนี้ได้อ่านและจำหน่ายจ่ายแจกคัมภีร์ไบเบิลของจอห์น วิคลิฟฟ์ ฉบับแปลภาษาอังกฤษจากฉบับวัลเกต. ทินเดลคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะแปลข้อเขียนคริสเตียนจากภาษากรีกเป็นฉบับแปลใหม่ที่น่าเชื่อถือทั้งสำหรับคริสตจักรของเขาและสำหรับผู้คนในอังกฤษ.
บิชอปทันสตัลล์เป็นคนมีความรู้ซึ่งเคยให้การสนับสนุนเอราสมุสเป็นอย่างมาก. เพื่อเป็นหลักฐานแสดงถึงความเชี่ยวชาญของตนเอง ทินเดลได้แปลหนึ่งในคำบรรยายของอีโซคราเตส ซึ่งเป็นข้อความภาษากรีกที่ยากฉบับหนึ่ง เพื่อทันสตัลล์จะเห็นชอบ. ทินเดลหวังอย่างยิ่งว่า ทันสตัลล์คงจะหยิบยื่นมิตรภาพรวมทั้งให้อุปการะและยอมรับข้อเสนอของเขาที่จะแปลพระคัมภีร์. บิชอบคนนี้ทำเช่นไร?
ปฏิเสธ—เพราะเหตุใด?
แม้ทินเดลมีจดหมายแนะนำตัว ทันสตัลล์ก็ไม่ยอมให้พบ. ดังนั้น ทินเดลจึงต้องเขียนคำขอเข้าพบ. ในที่สุด ทันสตัลล์ยอมลดเกียรติเพื่อพบทินเดลหรือไม่นั้นไม่เป็นที่รู้กัน แต่คำตอบจากเขาคือ ‘บ้านข้าพเจ้าไม่มีที่ว่างสำหรับให้คนมาทำงานแปล.’ ทำไมทันสตัลล์จึงจงใจทำเมินเฉยกับทินเดลเช่นนั้น?
งานปฏิรูปที่ลูเทอร์ทำในทวีปยุโรปทำให้คริสตจักรคาทอลิกกังวลมาก พร้อมกับผลกระทบต่าง ๆ ในอังกฤษ. ในปี 1521 กษัตริย์เฮนรีที่แปดได้พิมพ์บทความที่พูดแรงเพื่อปกป้องโปปไว้จากลูเทอร์. ด้วยความรู้สึกขอบคุณ โปปจึงขนานนามกษัตริย์เฮนรีว่า “ผู้ปกป้องความเชื่อ.”a คาร์ดินัล วอลซี ของกษัตริย์เฮนรีเองก็ขันแข็งเช่นกัน ด้วยการทำลายหนังสือของลูเทอร์ที่ผู้คนนำเข้าอย่างไม่ถูกกฎหมาย. ในฐานะบิชอปคาทอลิกที่ภักดีต่อโปป, ต่อกษัตริย์, และต่อคาร์ดินัลของตน ทันสตัลล์รู้สึกมีพันธะทางศีลธรรมที่จะปราบปรามผู้ที่เผยความคิดเห็นใด ๆ ซึ่งอาจเป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อลูเทอร์ผู้ขืนอำนาจ. ทินเดลเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญ. เพราะเหตุใด?
ระหว่างที่พักอยู่กับครอบครัววอลช์ ทินเดลได้พูดตำหนิความไม่รู้และทิฐิของพวกนักเทศน์นักบวชประจำท้องถิ่นอย่างไม่หวั่นกลัว. ในพวกเหล่านั้นก็มี จอห์น สโตกสลีย์ ซึ่งรู้จักทินเดลที่ออกซฟอร์ด. ต่อมาเขาได้เป็นบิชอปแห่งลอนดอนแทน คัทเบิร์ต ทันสตัลล์.
การต่อต้านทินเดลยังเห็นได้ชัดเช่นกันในการเผชิญหน้ากับพวกนักเทศน์นักบวชในตำแหน่งสูงซึ่งกล่าวว่า “เราอยู่โดยไม่มีกฎหมายของพระเจ้าก็ยังดีกว่าไม่มีกฎหมายของโปป.” ด้วยถ้อยคำที่น่าจดจำ คำตอบของทินเดลคือ: ‘ข้าพเจ้าขอท้าโปปและกฎหมายทั้งสิ้นของเขา. หากพระเจ้ายังทรงไว้ชีวิตข้าพเจ้า ก่อนหลายปีผ่านไป ข้าพเจ้าจะทำให้แม้แต่เด็กที่ถือคันไถได้รู้จักพระคัมภีร์มากกว่าท่าน.’
ทินเดลต้องปรากฏตัวต่อหน้าบิชอปผู้ปกครองเขตศาสนกิจวอร์เชสเตอร์ด้วยข้อกล่าวหาเท็จว่าเป็นผู้ออกหาก. “เขาขู่ข้าพเจ้าอย่างแรง และด่าประจานข้าพเจ้า” ทินเดลเล่าในเวลาต่อมาและเสริมว่า เขาได้รับการปฏิบัติเสมือน “สุนัข.” แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าทินเดลมีความผิดฐานเป็นผู้ออกหาก. พวกนักประวัติศาสตร์เชื่อว่า เรื่องทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดแก่ทันสตัลล์อย่างลับ ๆ เพื่อส่งผลต่อการตัดสินใจของเขา.
หลังจากอยู่ในลอนดอนหนึ่งปี ทินเดลลงความเห็นว่า “ไม่มีที่ว่างในวังเจ้านายแห่งลอนดอนของข้าพเจ้าเพื่อจะแปลพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาใหม่ แต่ก็เช่นกัน . . . ไม่มีใครในทั่วทั้งอังกฤษจะยอมให้ทำการแปลคัมภีร์ไบเบิล.” เขาพูดถูก. ในบรรยากาศที่มีแต่การควบคุมบังคับซึ่งผลงานของลูเทอร์ก่อขึ้น โรงพิมพ์ไหนล่ะจะกล้าผลิตคัมภีร์ไบเบิลในภาษาอังกฤษ? ดังนั้น ในปี 1524 ทินเดลจึงเดินทางข้ามช่องแคบอังกฤษ ไม่มีวันหวนกลับมาอีก.
สู่ยุโรปและสู่ปัญหาใหม่
พร้อมกับหนังสือล้ำค่าของเขา วิลเลียม ทินเดลพบที่ลี้ภัยในเยอรมนี. เขานำเงินไปด้วย 10 ปอนด์ ซึ่ง ฮัมฟรี มอนมัท เพื่อนของเขาที่เป็นพ่อค้าทรงอิทธิพลคนหนึ่งในลอนดอนได้กรุณาให้เขาไว้. ในสมัยนั้น ของขวัญนี้เกือบจะพอสำหรับทินเดลที่จะพิมพ์พระคัมภีร์ภาคภาษากรีกที่เขาวางแผนจะแปลนั้นได้เลยทีเดียว. หลังจากนั้น มอนมัทถูกจับเพราะการช่วยเหลือทินเดลและเพราะข้อกล่าวหาว่าเห็นด้วยกับลูเทอร์. เขาถูกสอบสวนและถูกจำขังในหอแห่งลอนดอน มอนมัทถูกปล่อยตัวเพียงหลังจากวิงวอนขออภัยกับคาร์ดินัลวอลซีแล้ว.
ทินเดลไปอยู่ที่ไหนแน่ในเยอรมนีนั้นไม่เป็นที่ทราบชัด. หลักฐานบางอย่างชี้ไปที่ฮัมบูร์ก ที่ที่เขาอาจอยู่สักปีหนึ่ง. เขาพบลูเทอร์ไหม? เรื่องนี้ไม่แน่นอน แม้ว่าข้อกล่าวหาต่อมอนมัทบอกว่าเขาพบ. สิ่งหนึ่งที่แน่ ๆ ก็คือ ทินเดลทำงานหนักในการแปลพระคัมภีร์ภาคภาษากรีก. เขาจะให้มีการพิมพ์ต้นฉบับของเขาที่ไหนได้? เขามอบงานนี้แก่ ปีเตอร์ เควนเทลล์ ที่โคโลญ.
ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างดีจนกระทั่งผู้ต่อต้าน จอห์น โดบเนก หรือที่เรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า คักลีอัส รู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น. คักลีอัสรายงานสิ่งที่เขาพบทันทีแก่เพื่อนสนิทของเฮนรีที่แปด ซึ่งได้รับคำสั่งห้ามทันทีไม่ให้เควนเทลล์พิมพ์งานแปลของทินเดล.
ทินเดลกับผู้ช่วยของเขา วิลเลียม รอย หนีเอาตัวรอดโดยนำส่วนที่พิมพ์แล้วของกิตติคุณมัดธายไปด้วย. เขาทั้งสองแล่นเรือไปตามแม่น้ำไรน์สู่เมืองวอร์ม ที่ที่พวกเขาทำงานเสร็จ. ต่อมา ฉบับพิมพ์ครั้งแรกของพันธสัญญาใหม่ ของทินเดล 6,000 เล่มก็ถูกผลิตออกมา.b
ประสบผลสำเร็จ—ทั้ง ๆ ที่ถูกต่อต้าน
การแปลและพิมพ์เป็นปัญหาหนึ่ง. การนำคัมภีร์ไบเบิลไปยังบริเตนเป็นปัญหาที่ยากกว่า. พวกตัวแทนคริสตจักรและเจ้าหน้าที่ฝ่ายโลกตั้งใจแน่วแน่จะป้องกันไม่ให้มีการขนส่งข้ามช่องแคบอังกฤษ แต่พวกพ่อค้าที่เป็นมิตรให้ความร่วมมือและความเห็นใจ. โดยซ่อนไว้ใต้กองผ้ามหึมาและสินค้าอื่น ๆ หนังสือเหล่านั้นก็ถูกลอบนำขึ้นสู่ฝั่งอังกฤษและไปจนถึงสกอตแลนด์. ทินเดลได้รับการหนุนใจ แต่การต่อสู้เพิ่งเริ่มเท่านั้น.
ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1526 คาร์ดินัล วอลซี ร่วมกับบิชอป 36 คนและพวกนักบวชอื่น ๆ แห่งคริสตจักร ชุมนุมกันใกล้ ๆ วิหารเซนต์ปอลในลอนดอน “เพื่อมองดูหนังสือเต็มตะกร้าใหญ่หลายใบถูกโยนลงในกองไฟ.” ที่รวมอยู่ในหนังสือเหล่านั้นบางเล่มเป็นฉบับแปลอันมีค่ายิ่งของทินเดล. ในฉบับพิมพ์ครั้งแรกนั้น มีแค่สองเล่มที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน. เล่มเดียวที่ยังอยู่ครบ (ขาดแค่หน้าที่มีชื่อหนังสือ) นั้นอยู่ในห้องสมุดของบริเตน. ที่น่าขันก็คือ อีกเล่มหนึ่งซึ่งขาด 71 หน้านั้นถูกค้นพบในห้องสมุดของโบสถ์ใหญ่เซนต์ปอล. เล่มนี้ไปอยู่ที่นั่นอย่างไร ไม่มีใครรู้.
ด้วยความเด็ดเดี่ยว ทินเดลดำเนินงานต่อเพื่อผลิตฉบับพิมพ์ใหม่ของงานแปลของเขา ซึ่งถูกพวกนักเทศน์นักบวชอังกฤษยึดและเผาทิ้งเสมอ. แล้วทันสตัลล์ก็เปลี่ยนกลยุทธ์. เขาทำข้อตกลงกับพ่อค้าชื่อ เอากุสตีน แพ็กกิงตัน ให้ซื้อหนังสือที่เขียนโดยทินเดลไม่ว่าเล่มใด ซึ่งรวมถึงพันธสัญญาใหม่ ด้วยเพื่อจะเผาทิ้ง. เรื่องนี้ได้มีการหารือกับทินเดล ซึ่งแพ็กกิงตันได้ทำข้อตกลงด้วย. จดหมายเหตุ ของแฮลลี (ภาษาอังกฤษ) กล่าวว่า “บิชอปได้หนังสือ, แพ็กกิงตันได้คำขอบคุณจากทั้งสองฝ่าย, และทินเดลได้เงิน. หลังจากนั้น เมื่อพันธสัญญาใหม่ถูกพิมพ์อีก คัมภีร์ไบเบิลเหล่านั้นมาถึงอังกฤษอย่างรวดเร็ว.”
ทำไมพวกนักเทศน์นักบวชต่อต้านการแปลของทินเดลอย่างรุนแรงเช่นนั้น? ตรงข้ามกับฉบับวัลเกต ภาษาลาตินซึ่งมักจะอำพรางข้อความศักดิ์สิทธิ์ การแปลของทินเดลจากภาษากรีกดั้งเดิมได้ถ่ายทอดข่าวสารในคัมภีร์ไบเบิลด้วยภาษาที่ชัดเจนแก่ผู้คนชาวอังกฤษเป็นครั้งแรก. ตัวอย่างเช่นใน 1 โกรินโธบท 13 ทินเดลเลือกแปลคำภาษากรีก อะกาʹเป ว่า “ความรัก” แทนที่จะแปลว่า “ความโอบอ้อมอารี.” เขายืนยันคำ “ประชาคม” แทนคำ “โบสถ์” เพื่อเน้นที่ผู้นมัสการ ไม่ใช่สิ่งปลูกสร้างของคริสตจักร. แต่สิ่งสุดท้ายที่พวกนักเทศน์นักบวชทนไม่ได้คือเมื่อทินเดลเอาคำ “ผู้ปกครอง” มาแทนคำ “บาทหลวง” และใช้คำ “กลับใจ” แทนคำ “บำเพ็ญทุกขกิริยาเพื่อไถ่บาป” ด้วยเหตุนั้น จึงเป็นการเพิกถอนอำนาจคนกลางที่พวกนักเทศน์นักบวชได้ทึกทักเอา. ดังที่เดวิด แดเนียลกล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้: “ไม่มีสถานชำระบาป; ไม่มีการสารภาพบาปต่อบาทหลวงและการบำเพ็ญทุกขกิริยาเพื่อไถ่บาป. คำสอนสองข้อที่ส่งเสริมความมั่งคั่งและอำนาจของคริสตจักรพังทลายแล้ว.” (วิลเลียม ทินเดล—ชีวประวัติ, ภาษาอังกฤษ) นั่นคือข้อท้าทายที่การแปลของทินเดลนำขึ้นมา และผู้คงแก่เรียนสมัยใหม่ก็เห็นด้วยเต็มที่กับความถูกต้องแม่นยำของการเลือกใช้ถ้อยคำของเขา.
แอนต์เวิร์ป, การทรยศ, และความตาย
ระหว่างปี 1526 และ 1528 ทินเดลย้ายไปแอนต์เวิร์ป ที่ที่เขาสามารถรู้สึกปลอดภัยท่ามกลางพวกพ่อค้าชาวอังกฤษ. ที่นั่นเขาเขียนอุปมาเรื่องทรัพย์อธรรม, การเชื่อฟังของชายคริสเตียน, และกิจปฏิบัติของพวกบาทหลวงชั้นสูง. ทินเดลทำงานแปลต่อและเป็นคนแรกที่ใช้พระนามของพระเจ้า ยะโฮวา ในการแปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเป็นภาษาอังกฤษ. พระนามนี้ปรากฏมากกว่า 20 ครั้ง.
ตราบที่ทินเดลพักอยู่กับ โทมัส พอยต์ เพื่อนและผู้มีอุปการคุณในแอนต์เวิร์ป เขาก็ปลอดภัยจากแผนร้ายของวอลซีกับพวกสายลับ. ทินเดลเป็นที่รู้จักดีเนื่องจากการที่เขาเอาใจใส่คนป่วยและคนยากจน. ในที่สุด ชาวอังกฤษชื่อ เฮนรี ฟิลลิปส์ ใช้อุบายอย่างแนบเนียนลวงให้ทินเดลเชื่อใจ. ผลก็คือ ในปี 1535 ทินเดลถูกทรยศและถูกจับตัวไปที่ปราสาทวิลวอร์ดซึ่งอยู่ทางเหนือของบรัสเซลส์ไป 10 กิโลเมตร. เขาถูกขังไว้ที่นั่น 16 เดือน.
ใครเป็นผู้จ้างฟิลลิปส์นั้นไม่อาจระบุได้แน่นอน แต่คนที่น่าสงสัยก็คือบิชอปสโตกสลีย์ซึ่งในเวลานั้นกำลังขมีขมันในการเผา “พวกออกหาก” ในลอนดอน. ตอนใกล้ตายในปี 1539 สโตกสลีย์ “รู้สึกดีใจที่ในช่วงชีวิตของเขา เขาได้เผาผู้ออกหากถึงห้าสิบคน” ดับเบิลยู.เจ. ฮีตัน กล่าวไว้ในคัมภีร์ไบเบิลแห่งการปฏิรูป (ภาษาอังกฤษ). ที่รวมอยู่ในจำนวนนั้นด้วยก็คือวิลเลียม ทินเดล ซึ่งถูกรัดคอก่อนศพเขาจะถูกเผาในที่สาธารณะในเดือนตุลาคม 1536.
ดุษฎีบัณฑิตทางเทววิทยาที่มีชื่อเสียงเด่นสามคนจากมหาวิทยาลัยคาทอลิกแห่งเมืองลูเวนที่ฟิลลิปส์เข้าเรียนได้รับมอบหมายให้สอบสวนทินเดล. สมาชิกในคณะบาทหลวงจากลูเวนและบิชอปสามคนพร้อมกับบาทหลวงคนอื่น ๆ ต่างมาร่วมเพื่อดูทินเดลถูกตัดสินว่าออกหากและถูกถอดจากตำแหน่งบาทหลวง. ทุกคนล้วนปีติยินดีที่เขาตายเมื่ออายุราว 42 ปี.
เมื่อร้อยกว่าปีมาแล้วโรเบิร์ต ดีเมอัส นักเขียนชีวประวัติกล่าวว่า “ทินเดลเด่นเสมอเนื่องจากความซื่อตรงไม่หวั่นกลัวของเขา.” ทินเดลเขียนถึง จอห์น ฟริท เพื่อนร่วมงานของเขาซึ่งถูกสโตกสลีย์เผาในลอนดอนว่า “ผมไม่เคยเปลี่ยนแปลงแก้ไขพระคำของพระเจ้าสักคำเดียวซึ่งจะขัดกับสติรู้สึกผิดชอบของผม และจนเดี๋ยวนี้ก็ไม่ทำเช่นกัน ถึงแม้จะให้ทุกสิ่งในโลกนี้แก่ผม ไม่ว่าความเพลิดเพลิน, เกียรติ, หรือความมั่งคั่งก็ตาม.”
นั่นแหละคือวิธีที่วิลเลียม ทินเดลสละชีวิตของเขาเพื่อสิทธิพิเศษแห่งการทำให้ผู้คนในอังกฤษมีคัมภีร์ไบเบิลที่เขาสามารถอ่านเข้าใจได้ง่าย. เขาได้จ่ายแพงจริง ๆ—แต่ก็เป็นของให้ที่สุดประมาณค่าได้จริง ๆ!
[เชิงอรรถ]
a ในไม่ช้าก็ได้มีการพิมพ์คำฟิเดอิ เดเฟนซอร์ บนเงินเหรียญของอาณาจักรนี้ และกษัตริย์เฮนรีได้ขอให้ขนานนามนี้แก่ผู้สืบทอดของตน. ปัจจุบันคำนี้ปรากฏอยู่บนเหรียญของบริเตนรอบศีรษะของผู้ครองราชย์ซึ่งพิมพ์ว่า ฟิด.เดฟ., หรือไม่ก็แค่อักษร เอฟ.ดี. น่าสนใจ มีการพิมพ์คำ “ผู้ปกป้องความเชื่อ” ลงในฉบับแปลคิงเจมส์ ปี 1611 ซึ่งอุทิศแก่กษัตริย์เจมส์.
b จำนวนนี้ไม่แน่นอน แหล่งข้อมูลบางแหล่งบอกว่า 3,000.
[กรอบหน้า 29]
การแปลในยุคแรก ๆ
คำร้องของทินเดลเพื่อแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาที่สามัญชนใช้กันไม่ใช่ไร้เหตุผลหรือไม่เคยมีมาก่อน. มีการแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาของชาวแองโกล-แซ็กซันในศตวรรษที่สิบ. คัมภีร์ไบเบิลที่แปลจากภาษาลาตินซึ่งมีการพิมพ์ออกนั้นได้มีการจำหน่ายอย่างเสรีในยุโรปช่วงปลายศตวรรษที่ 15: คือ ภาษาเยอรมัน (1466), อิตาลี (1471), ฝรั่งเศส (1474), เช็ก (1475), ดัตช์ (1477), และแคทาลาน (1478). ในปี 1522 มาร์ติน ลูเทอร์ ได้พิมพ์พันธสัญญาใหม่ ของตนในภาษาเยอรมัน. ทั้งหมดที่ทินเดลได้ถามก็คือ ทำไมอังกฤษไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นเดียวกัน.
[ที่มาของภาพหน้า 26]
Bible in the background: © The British Library Board; William Tyndale: By kind permission of the Principal, Fellows and Scholars of Hertford College, Oxford