วิธีที่คัมภีร์ไบเบิลตกทอดถึงเรา—ตอนสอง
เปลวเพลิงพวยพุ่งสู่ท้องฟ้าขณะที่เชื้อเพลิงถูกสุ่มลงไปเรื่อย ๆ บนกองไฟใหญ่ที่ลุกโชนอยู่. แต่นี่ไม่ใช่ไฟธรรมดา. กองไฟใหญ่ที่โหมไหม้นั้นมีคัมภีร์ไบเบิล เป็นเชื้อเพลิง โดยมีพวกนักบวชและบาทหลวงในตำแหน่งสูงเฝ้ามองอยู่. แต่โดยการซื้อคัมภีร์ไบเบิลมาทำลาย บิชอปแห่งลอนดอนได้ช่วยผู้แปล วิลเลียม ทินเดลโดยไม่รู้ตัวให้มีเงินทุนสำหรับฉบับต่อ ๆ ไป!
อะไรที่นำไปสู่ความตั้งใจแน่วแน่ของทั้งสองฝ่ายในการต่อสู้นั้น? ในฉบับก่อนหน้านี้ เราได้พิจารณาประวัติการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลมาถึงช่วงหลังของยุคกลาง. บัดนี้เรามาถึงช่วงต้น ๆ ศักราชใหม่เมื่อข่าวสารและอำนาจแห่งพระคำของพระเจ้ากำลังจะส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างกว้างขวาง.
ผู้บุกเบิกปรากฏตัว
จอห์น วิคลิฟฟ์ ผู้คงแก่เรียนซึ่งเป็นที่ยอมรับนับถือจากออกซฟอร์ดได้ประกาศสั่งสอนและเขียนต่อต้านอย่างหนักแน่นต่อกิจปฏิบัติของคริสตจักรคาทอลิกที่ไม่เป็นไปตามคัมภีร์ไบเบิล โดยอ้างสิทธิ์ของตนตาม ‘บัญญัติของพระเจ้า’ คือคัมภีร์ไบเบิล. เขาส่งศิษย์ของเขา คือพวกลอลลาร์ด ไปทั่วแถบชนบทของอังกฤษเพื่อประกาศข่าวสารในคัมภีร์ไบเบิลในภาษาอังกฤษแก่ใครก็ตามซึ่งจะรับฟัง. ก่อนเขาสิ้นชีวิตในปี 1384 เขาริเริ่มการแปลคัมภีร์ไบเบิลจากภาษาลาตินเป็นภาษาอังกฤษที่ใช้ในสมัยของเขา.
คริสตจักรได้พบเหตุผลหลายประการที่จะรังเกียจวิคลิฟฟ์. ประการแรก เขาตำหนินักเทศน์นักบวชเนื่องจากการประพฤติไม่เหมาะสมและผิดศีลธรรม. นอกจากนี้ พวกผู้นิยมนับถือวิคลิฟฟ์จำนวนมากได้ใช้คำสอนของเขาอย่างผิด ๆ เพื่อแก้ตัวว่าการที่ตนใช้อาวุธก่อการกบฏนั้นเป็นเรื่องถูกต้อง. พวกนักเทศน์นักบวชกล่าวโทษวิคลิฟฟ์กระทั่งหลังจากเขาตายแล้ว แม้ว่าเขาไม่เคยสนับสนุนการก่อการจลาจลรุนแรงก็ตาม.
ในจดหมายถึงโปปจอห์นที่ยี่สิบสามในปี 1412 อาร์ชบิชอป อาร์อุนเดล พาดพิงถึง “เจ้าจอห์น วิคลิฟฟ์ที่น่ารังเกียจและน่ารำคาญ ซึ่งจะถูกจำไว้ว่าเป็นคนน่าสะอิดสะเอียน เจ้าลูกงูเฒ่า ที่เป็นกองหน้าและบุตรแห่งผู้ต่อต้านพระคริสต์นั่นแหละ.” ในตอนจบคำประจานของตน อาร์อุนเดลเขียนดังนี้: “เพื่อทำให้การมุ่งร้ายของตนถึงขีดสุด เขาได้คิดหาเครื่องมือโดยเฉพาะ คือพระคัมภีร์ฉบับแปลใหม่ในภาษาของสามัญชน.” แท้จริงแล้ว สิ่งที่ทำให้พวกผู้นำคริสตจักรโกรธแค้นที่สุดคือว่า วิคลิฟฟ์ต้องการให้ผู้คนมีคัมภีร์ไบเบิลในภาษาของพวกเขา.
อย่างไรก็ตาม บุคคลชั้นนำบางคนก็หาพระคัมภีร์ในภาษาของสามัญชนได้. คนหนึ่งคือ แอนน์แห่งโบฮีเมียซึ่งได้สมรสกับกษัตริย์ริชาร์ดที่สองแห่งอังกฤษในปี 1382. นางมีฉบับแปลภาษาอังกฤษของกิตติคุณทั้งสี่ของวิคลิฟฟ์ซึ่งนางศึกษาอย่างสม่ำเสมอ. เมื่อนางได้เป็นราชินี เจตคติอันดีของพระนางได้ช่วยส่งเสริมกิจการเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิล—และไม่เพียงแต่ในอังกฤษเท่านั้น. พระนางแอนน์สนับสนุนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยปรากในโบฮีเมียให้มาที่ออกซฟอร์ด. ที่นั่น นักศึกษาเหล่านั้นศึกษาผลงานของวิคลิฟฟ์อย่างกระตือรือร้นและนำบางส่วนกลับไปยังปราก. ต่อมาความนิยมชมชอบที่มีต่อคำสอนของวิคลิฟฟ์ที่มหาวิทยาลัยปรากได้ช่วยสนับสนุนยาน ฮุส ซึ่งเรียนและได้สอนที่นั่นในที่สุด. ฮุสได้ทำฉบับแปลภาษาเช็กที่อ่านง่ายจากฉบับแปลภาษาสลาโวนิกโบราณ. ความพยายามของเขาได้ส่งเสริมการใช้คัมภีร์ไบเบิลโดยทั่วไปในโบฮีเมียและในประเทศใกล้เคียง.
คริสตจักรแก้เผ็ด
พวกนักเทศน์นักบวชยังโกรธแค้นวิคลิฟฟ์กับฮุสอีกด้วยเพราะการสอนว่า “คัมภีร์ล้วน ๆ” คือพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจแต่ดั้งเดิมโดยไม่มีอะไรเพิ่มเติมนั้นมีอำนาจยิ่งใหญ่กว่า “คำอธิบายเพิ่มเติม” ซึ่งก็คือคำอธิบายเยิ่นเย้อตามประเพณีในขอบว่างของหน้าต่าง ๆ ในคัมภีร์ไบเบิลที่คริสตจักรเห็นชอบ. เป็นข่าวสารที่ไม่ถูกเจือปนในพระคำของพระเจ้าซึ่งผู้ประกาศเหล่านี้ต้องการทำให้มีพร้อมสำหรับสามัญชน.
โดยคำสัญญาลวงว่าจะให้ความปลอดภัย ฮุสจึงถูกหลอกให้มาแก้ต่างความคิดเห็นของตนต่อหน้าสภาคอนสตันซ์ของคาทอลิก เยอรมนี ในปี 1414. สภานี้ประกอบด้วยบาทหลวง, บิชอป, และคาร์ดินัล 2,933 คน. ฮุสตกลงจะกลับใจหากมีการใช้พระคัมภีร์พิสูจน์ได้ว่าคำสอนของเขาผิด. แต่สำหรับสภานี้ เรื่องนั้นไม่ใช่ประเด็น. การที่ฮุสท้าทายอำนาจของพวกเขาทำให้มีเหตุผลมากพอที่พวกเขาจะเผาฮุสบนเสาในปี 1415 ขณะถูกเผา ฮุสอธิษฐานด้วยเสียงอันดัง.
สภาเดียวกันนี้ยังได้ดำเนินการกล่าวโทษและประจานอย่างเป็นทางการครั้งสุดท้ายต่อจอห์น วิคลิฟฟ์โดยการออกคำสั่งว่า กระดูกของเขาควรถูกขุดขึ้นมาและเผาในอังกฤษ. คำสั่งนี้เป็นที่น่ารังเกียจมากถึงขนาดที่ไม่มีใครปฏิบัติตามจนกระทั่งปี 1428 ตามคำสั่งของโปป. แต่ก็ดังที่เป็นมาเสมอ การต่อต้านอันโหดร้ายเช่นนั้นไม่ได้ทำให้ความมีใจแรงกล้าของผู้รักความจริงคนอื่น ๆ ลดน้อยถอยลง. ตรงกันข้าม การต่อต้านนั้นกลับเพิ่มความตั้งใจแน่วแน่ของพวกเขาที่จะพิมพ์พระคำของพระเจ้าออกมา.
ผลกระทบจากการพิมพ์
พอถึงปี 1450 หลังจากการตายของฮุสแค่ 35 ปี โยฮันเนส กูเทนเบิร์กได้เริ่มการพิมพ์ด้วยตัวเรียงในเยอรมนี. งานใหญ่ชิ้นแรกของเขาคือฉบับแปลลาตินวัลเกต ซึ่งพิมพ์เสร็จประมาณปี 1455. พอถึงปี 1495 คัมภีร์ไบเบิลครบชุดหรือบางส่วนได้มีการพิมพ์ออกในภาษาเยอรมัน, อิตาลี, ฝรั่งเศส, เช็ก, ดัตช์, ฮีบรู, คาทาลัน, กรีก, สเปน, สลาโวนิก, โปรตุเกส, และเซอร์เบีย—ตามลำดับ.
เดสิเดรีอุส เอราสมุส ผู้คงแก่เรียนชาวดัตช์ ได้ผลิตฉบับพิมพ์ข้อความทั้งหมดของภาษากรีกเล่มแรกเสร็จในปี 1516. เอราสมุสปรารถนาให้พระคัมภีร์ “ได้รับการแปลเป็นทุกภาษาของผู้คนทุกชาติ.” กระนั้น เขาลังเลใจไม่กล้าเอาฐานะอันเป็นที่นิยมชมชอบอย่างมากของเขามาเสี่ยงด้วยการแปลพระคัมภีร์เอง. อย่างไรก็ตาม มีคนอื่น ๆ ตามมาซึ่งคงเป็นผู้ที่กล้าหาญกว่า. ผู้ที่โดดเด่นในคนเหล่านี้คือ วิลเลียม ทินเดล.
วิลลียม ทินเดลกับคัมภีร์ไบเบิลภาษาอังกฤษ
ทินเดลได้รับการศึกษาที่ออกซฟอร์ดและประมาณปี 1521 ก็ได้มาที่บ้านของเซอร์จอห์น วอลช์ ในฐานะครูพิเศษสำหรับลูก ๆ ของเขา. ในเวลารับประทานอาหารรอบโต๊ะของวอลช์ที่บ่อยครั้งมีแขกรับเชิญมักจะพบหนุ่มน้อยทินเดลกำลังโต้คารมกับพวกนักบวชในท้องถิ่น. ทินเดลคัดค้านความคิดเห็นของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมาโดยเปิดคัมภีร์ไบเบิลและให้พวกเขาดูข้อพระคัมภีร์ต่าง ๆ. ต่อมา เซอร์วอล์ชกับภรรยาก็ได้เชื่อในคำสอนของทินเดล และพวกนักเทศน์นักบวชได้รับเชิญน้อยลง อีกทั้งได้รับการต้อนรับด้วยความกระตือรือร้นน้อยลง. เป็นธรรมดาที่เรื่องนี้ทำให้พวกนักเทศน์นักบวชยิ่งขุ่นเคืองทินเดลและความเชื่อของเขามากขึ้น.
ระหว่างการโต้คารมครั้งหนึ่ง ปรปักษ์ทางศาสนาคนหนึ่งของทินเดลประกาศว่า “เราอยู่โดยไม่มีกฎหมายของพระเจ้าก็ยังดีกว่าไม่มีกฎหมายของโปป.” ลองนึกภาพความมั่นใจของทินเดลก็แล้วกันเมื่อเขาตอบว่า “ข้าพเจ้าขอท้าโปปและกฎหมายทั้งสิ้นของเขา. หากพระเจ้ายังทรงไว้ชีวิตข้าพเจ้า ก่อนหลายปีผ่านไป ข้าพเจ้าจะทำให้แม้แต่เด็กที่ถือคันไถได้รู้จักพระคัมภีร์มากกว่าท่าน.” ความตั้งใจแน่วแน่ของทินเดลเป็นที่เห็นชัดแจ้ง. ต่อมาเขาเขียนดังนี้: “ข้าพเจ้าเข้าใจโดยประสบการณ์ถึงสาเหตุที่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ฆราวาสตั้งมั่นในความจริง เว้นเสียแต่ว่า มีพระคัมภีร์กางอยู่ต่อหน้าเขาในภาษาของเขา ที่พวกเขาอาจมองเห็นจุดสำคัญ, ลำดับ, และความหมายของข้อความนั้น.”
ในเวลานั้น ยังไม่มีการพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาอังกฤษเลย. ดังนั้น ในปี 1523 ทินเดลไปยังลอนดอนเพื่อขอบิชอปทันสตัลล์ให้อนุมัติโครงการแปล. เมื่อถูกปฏิเสธ เขาจึงไปจากอังกฤษเพื่อมุ่งทำตามจุดประสงค์ของตน โดยไม่กลับมาอีกเลย. ในเมืองโคโลญ ประเทศเยอรมนี โรงพิมพ์แห่งแรกที่เขาใช้ ถูกจู่โจม และทินเดลต้องหนีเอาตัวรอดอย่างหวุดหวิดพร้อมกับแผ่นกระดาษล้ำค่าที่ยังไม่รวมเล่มส่วนหนึ่ง. แต่ที่เมืองวอมซ์ ประเทศเยอรมนี “พันธสัญญาใหม่” ของเขาในภาษาอังกฤษอย่างน้อย 3,000 เล่มได้พิมพ์เสร็จ. หนังสือเหล่านี้ถูกส่งไปยังอังกฤษและเริ่มจำหน่ายจ่ายแจกที่นั่นในตอนต้นปี 1526. บางส่วนของหนังสือเหล่านี้คือคัมภีร์ไบเบิลที่บิชอปทันสตัลล์ได้ซื้อและเผา โดยไม่รู้ว่าเป็นการช่วยทินเดลให้ดำเนินงานต่อไป!
การค้นคว้าทำให้ความเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น
เห็นได้ชัดว่าทินเดลชอบงานของเขา. ดังที่ประวัติคัมภีร์ไบเบิลของเคมบริดจ์ (ภาษาอังกฤษ) กล่าวว่า “พระคัมภีร์ทำให้เขามีความสุข และมีอะไรที่ดูฉับไวและร่าเริงในท่วงทำนองการเขียนของเขา ซึ่งถ่ายทอดความสุขของเขาออกมา.” จุดมุ่งหมายของทินเดลคือเพื่อทำให้มีพระคัมภีร์ไว้พร้อมให้สามัญชนอ่านได้ในภาษาที่ถูกต้องและเรียบง่ายเท่าที่เป็นไปได้. การศึกษาค้นคว้าของเขาเผยให้เขาเห็นความหมายของถ้อยคำในคัมภีร์ไบเบิลซึ่งเคยถูกปิดบังไว้ด้วยหลักคำสอนของคริสตจักรเป็นเวลาหลายศตวรรษ. โดยไม่ยอมถูกข่มขู่ไม่ว่าเป็นคำขู่เอาชีวิตหรือข้อเขียนที่ต่ำช้าของเซอร์โทมัส มอร์ ศัตรูทรงอำนาจของเขา ทินเดลได้เอางานค้นคว้าของเขารวมไว้ในงานแปล.
โดยแปลจากข้อความต้นฉบับภาษากรีกของเอราสมุสแทนที่จะเป็นภาษาลาติน ทินเดลเลือกใช้คำ “ความรัก” แทนคำ “ความโอบอ้อมอารี” เพื่อแสดงความหมายของคำภาษากรีก อะกาเปʹ อย่างครอบถ้วนยิ่งขึ้น. นอกจากนี้ เขาใช้คำ “ประชาคม” แทนคำ “โบสถ์,” ใช้คำ “กลับใจ” แทนคำ “บำเพ็ญทุกขกิริยาเพื่อไถ่บาป,” และใช้คำ “ผู้ปกครอง” แทนคำ “บาทหลวง.” (1 โกรินโธ 13:1-3; โกโลซาย 4:15, 16; ลูกา 13:3, 5; 1 ติโมเธียว 5:17, ฉบับแปลทินเดล) การปรับเปลี่ยนเหล่านี้เป็นการส่งผลกระทบอย่างแรงต่ออำนาจคริสตจักรและกิจปฏิบัติทางศาสนาตามประเพณี เช่น การสารภาพบาปต่อบาทหลวง.
เช่นเดียวกัน ทินเดลได้คงคำ “การกลับเป็นขึ้นจากตาย” ไว้ โดยปฏิเสธเรื่องไฟชำระและการรู้สึกตัวหลังความตายว่าไม่เป็นไปตามคัมภีร์ไบเบิล. เกี่ยวกับคนตาย เขาเขียนถึงมอร์ดังนี้: “ด้วยการให้ผู้ตายอยู่ในสวรรค์, ในนรก, และในไฟชำระ [คุณ] ทำลายการชักเหตุผลที่พระคริสต์กับเปาโลใช้เพื่อพิสูจน์เรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตาย.” ในเรื่องนี้ ทินเดลอ้างถึงมัดธาย 22:30-32 และ 1 โกรินโธ 15:12-19. เขาได้มาเชื่ออย่างถูกต้องว่า ผู้ตายยังคงไม่รู้สึกตัวจนกว่าจะมีการกลับเป็นขึ้นจากตายในอนาคต. (บทเพลงสรรเสริญ 146:4; ท่านผู้ประกาศ 9:5; โยฮัน 11:11, 24, 25) ทั้งนี้หมายความว่า การจัดเตรียมทั้งสิ้นให้มีการอธิษฐานถึงมาเรียและพวก “นักบุญ” เป็นเรื่องไร้เหตุผลเพราะในสภาพที่ไม่มีความรู้สึกตัว คนเหล่านั้นไม่สามารถทั้งได้ยินหรือมาช่วยขอร้องอะไรได้.
ทินเดลแปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู
ในปี 1530 ทินเดลได้ผลิตเพนทาทุกขึ้นฉบับหนึ่ง คือพระธรรมห้าเล่มแรกของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู. ดังนั้น เขาจึงเป็นบุคคลแรกที่แปลคัมภีร์ไบเบิลจากภาษาฮีบรูเป็นภาษาอังกฤษโดยตรง. นอกจากนี้ทินเดลยังเป็นผู้แปลชาวอังกฤษคนแรกที่ใช้พระนามยะโฮวา. เดวิด แดเนียล ผู้คงแก่เรียนในลอนดอนเขียนว่า “คงเป็นเรื่องที่กระทบใจผู้อ่านของทินเดลอย่างทรงพลังทีเดียวที่พระนามของพระเจ้าเพิ่งได้รับการเปิดเผย.”
ในความพยายามจะบรรลุความกระจ่างชัด ทินเดลใช้คำภาษาอังกฤษต่าง ๆ กันเพื่อแปลคำภาษาฮีบรูคำเดียว. กระนั้น เขาก็ดำเนินตามโครงสร้างไวยากรณ์ภาษาฮีบรูอย่างใกล้ชิด. ผลที่ได้นั้นรักษาไว้ซึ่งลักษณะที่รวบรัดได้ใจความของภาษาฮีบรู. เขาเองกล่าวว่า “คุณสมบัติของภาษาฮีบรูมีความคล้ายคลึงกับภาษาอังกฤษมากกว่ากับภาษาลาตินเป็นพันเท่า. ลีลาการพูดก็คล้ายกันมาก ดังนั้น ในมากมายหลายกรณี ที่คุณต้องทำก็แค่แปลภาษาฮีบรูเป็นภาษาอังกฤษคำต่อคำเท่านั้น.”
การแปลที่ค่อนข้างเป็นไปตามตัวอักษรเช่นนี้ทำให้ฉบับแปลของทินเดลมีวลีฮีบรูผสมผสานอยู่มากมาย. ซึ่งบางวลีคงต้องฟังดูค่อนข้างแปลกในการอ่านครั้งแรก. กระนั้น ในที่สุดคัมภีร์ไบเบิลก็เป็นที่คุ้นเคยมากถึงขนาดที่บัดนี้วลีเหล่านั้นได้เป็นส่วนของภาษาอังกฤษ. ตัวอย่างต่าง ๆ รวมถึงวลี “บุรุษผู้หนึ่งตามชอบพระทัยของพระองค์” (ดังในพระธรรม 1 ซามูเอล 13:14), คำ “ปัศคา,” และ “แพะรับบาป.” ยิ่งกว่านั้น ผู้อ่านคัมภีร์ไบเบิลภาษาอังกฤษจึงคุ้นกับแนวคิดภาษาฮีบรูด้วยวิธีนี้ ทำให้เขาหยั่งเห็นเข้าใจดีขึ้นในพระคัมภีร์ที่มีขึ้นโดยการดลใจ.
คัมภีร์ไบเบิลและทินเดลถูกสั่งห้าม
ความเป็นไปได้ในการอ่านพระคำของพระเจ้าในภาษาของตนเองเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น. ประชาชนทั่วไปในอังกฤษตอบรับด้วยการซื้อคัมภีร์ไบเบิลทั้งหมดที่สามารถลักลอบนำเข้าประเทศ โดยพรางตาให้ดูเหมือนม้วนผ้าหรือหีบห่อสินค้าอื่น ๆ. ในเวลาเดียวกัน พวกนักเทศนักบวชก็ใคร่ครวญเรื่องการสูญเสียที่ไม่อาจเลี่ยงได้ในด้านฐานะตำแหน่งของตนหากคัมภีร์ไบเบิลได้รับการถือว่าทรงอำนาจสูงสุด. ฉะนั้น สถานการณ์จึงยิ่งกลายเป็นเรื่องความเป็นความตายมากขึ้นสำหรับผู้แปลและผู้สนับสนุน.
แม้ถูกทางคริสตจักรและรัฐตามล่าอย่างไม่ลดละ ทินเดลยังคงแอบทำงานต่อไปในแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม. กระนั้น เขาอุทิศเวลาสัปดาห์ละสองวันสำหรับสิ่งที่เขาเรียกว่า การหย่อนใจของเขา—ด้วยการรับใช้ผู้ลี้ภัยชาวอังกฤษคนอื่น ๆ, คนยากจน, และคนป่วย. เขาใช้จ่ายเงินทุนส่วนใหญ่ของเขาในลักษณะนี้. ก่อนที่เขาจะสามารถแปลครึ่งหลังของพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู ทินเดลถูกชาวอังกฤษคนหนึ่งที่แสร้งทำเป็นมิตรนั้นทรยศเพื่อแลกกับเงิน. เขาถูกประหารในวิลวอร์ด ประเทศเบลเยียม ในปี 1536 ถ้อยคำสุดท้ายที่เร่าร้อนของเขาคือ “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงโปรดเปิดพระเนตรกษัตริย์อังกฤษเถิด.”
พอถึงปี 1538 เนื่องด้วยเหตุผลส่วนตัว กษัตริย์เฮนรีที่แปดทรงบัญชาให้มีคัมภีร์ไบเบิลไว้ในทุกโบสถ์ของอังกฤษ. แม้ว่าไม่ได้บอกว่าเป็นฉบับของทินเดล แต่ฉบับแปลที่ถูกเลือกเอานั้นส่วนใหญ่ก็เป็นของเขา. ด้วยวิธีนี้เอง ผลงานของทินเดลจึงเป็นที่รู้จักกันดีและเป็นที่ชื่นชอบถึงขนาดที่งานแปลนี้ “กำหนดลักษณะพื้นฐานของฉบับแปลส่วนใหญ่ที่ออกต่อ ๆ มา” ในภาษาอังกฤษ. (ประวัติคัมภีร์ไบเบิลของเคมบริดจ์) ฉบับแปลของทินเดลมากถึง 90 เปอร์เซ็นต์ถูกลอกโดยตรงไว้ในฉบับแปลคิง เจมส์ ปี 1611.
การมีคัมภีร์ไบเบิลได้โดยอิสระหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับอังกฤษ. การอภิปรายเรื่องคัมภีร์ไบเบิลซึ่งจัดขึ้นในโบสถ์ต่าง ๆ กลายเป็นเรื่องที่ทำกันอย่างคึกคักจนบางครั้งการอภิปรายนั้นรบกวนพิธีศาสนาของโบสถ์! “คนชราเรียนอ่านเพื่อเขาจะมาถึงพระคำของพระเจ้าโดยตรง และเด็ก ๆ ร่วมฟังกับผู้ที่อายุมากกว่า.” (ประวัติคัมภีร์ไบเบิลภาษาอังกฤษโดยสังเขป [ภาษาอังกฤษ]) นอกจากนั้น ในช่วงเวลานี้ยังมีการจำหน่ายจ่ายแจกคัมภีร์ไบเบิลเพิ่มขึ้นอีกด้วยในประเทศและภาษาอื่น ๆ ของทวีปยุโรป. ความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลในอังกฤษจะแผ่อิทธิพลไปทั่วโลก. เรื่องนี้จะเป็นไปอย่างไร? และการค้นพบและการวิจัยต่อไปส่งผลกระทบคัมภีร์ไบเบิลที่เราใช้อยู่ในทุกวันนี้อย่างไร? เราจะจบเรื่องนี้ในตอนต่อไปของชุดบทความนี้.
[รูปภาพหน้า 26]
“พันธสัญญาใหม่” ของทินเดล ในปี 1526—เท่าที่ทราบ เป็นสำเนาที่ครบถ้วนเพียงชุดเดียวเท่านั้น ที่รอดจากการถูกเผา
[ที่มาของภาพหน้า 26]
© The British Library Board
[แผนภูมิ/รูปภาพหน้า 26, 27]
(รายละเอียดดูจากวารสาร)
ช่วงเวลาสำคัญ ๆ ในการถ่ายทอดคัมภีร์ไบเบิล
สากลศักราช
คัมภีร์ไบเบิลของวิคลิฟฟ์เริ่มต้น (ก่อนปี 1384)
1400
ฮุสถูกประหารในปี 1415
กูเทนเบิร์ก—คัมภีร์ ไบเบิลที่มีการพิมพ์ออก เล่มแรกประมาณปี 1455
1500
ฉบับภาษาถิ่นเล่มแรก ๆ ที่มีการพิมพ์ออก
ข้อความภาษา กรีกของเอราสมุส 1516
“พันธสัญญาใหม่” ของ ทินเดล 1526
ทินเดลถูกประหารในปี 1536
เฮนรีที่แปดบัญชาให้มีคัมภีร์ไบเบิลในโบสถ์เมื่อปี 1538
1600
ฉบับคิงเจมส์ 1611
[รูปภาพ]
วิคลิฟฟ์
ฮุส
ทินเดล
เฮนรีที่แปด