มูลเหตุที่การนมัสการแท้ได้รับพระพรจากพระเจ้า
“ท่านทั้งหลาย จงสรรเสริญยาห์! ความรอดและสง่าราศีและฤทธิ์เดชเป็นของพระเจ้าของเรา เพราะการพิพากษาของพระองค์สัตย์จริงและชอบธรรม.”—วิวรณ์ 19:1, 2, ล.ม.
1. บาบูโลนใหญ่จะมาถึงจุดจบของมันอย่างไร?
“บาบูโลนใหญ่” ล่มจมแล้วในสายพระเนตรของพระเจ้า และขณะนี้ก็จวนจะดับสูญอยู่ทีเดียว. คำพยากรณ์ในคัมภีร์ไบเบิลบ่งชี้ว่า ในไม่ช้าแพศยาด้านศาสนาที่ครอบคลุมทั่วโลกนี้จะถึงฆาตโดยน้ำมือของชู้รักทางการเมืองของนาง อวสานจะมาถึงนางโดยฉับพลันในทันทีทันใด. วิวรณ์ของพระเยซูที่สำแดงแก่โยฮันประกอบด้วยถ้อยคำเชิงพยากรณ์ดังนี้: “ทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์องค์หนึ่งได้ยกหินก้อนหนึ่งดุจหินโม่ใหญ่ขึ้นและเหวี่ยงลงในทะเล และกล่าวว่า ‘อย่างนี้แหละ บาบูโลนเมืองใหญ่จะถูกเหวี่ยงลงโดยฉับไว และจะไม่มีใครพบอีกเลย.’”—วิวรณ์ 18:2, 21, ล.ม.
2. ผู้รับใช้ของพระยะโฮวาจะมีปฏิกิริยาเช่นไรต่อความพินาศของบาบูโลน?
2 องค์ประกอบบางส่วนของโลกซาตานจะพากันเศร้าโศกเนื่องด้วยความพินาศของบาบูโลนใหญ่นั้น แต่แน่นอน ผู้รับใช้ของพระเจ้าไม่ว่าอยู่ในฟ้าสวรรค์หรือทางแผ่นดินโลกจะไม่เศร้าโศก. เสียงร้องแสดงความปีติยินดีของเขาต่อพระเจ้าจะเป็นดังนี้: “ท่านทั้งหลาย จงสรรเสริญยาห์! ความรอดและสง่าราศีและฤทธิ์เดชเป็นของพระเจ้าของเรา เพราะการพิพากษาของพระองค์สัตย์จริงและชอบธรรม. เพราะพระองค์ได้ทรงลงโทษตามคำพิพากษาแก่หญิงแพศยาคนสำคัญนั้นที่ได้ทำให้แผ่นดินโลกเสื่อมเสียด้วยการผิดประเวณีของนาง และพระองค์ได้ทรงแก้แค้นแทนเลือดทาสทั้งหลายของพระองค์ที่มือของนาง.”—วิวรณ์ 18:9, 10; 19:1, 2, ล.ม.
ศาสนาแท้ต้องบังเกิดผลเช่นไร?
3. มีคำถามอะไรบ้างที่ต้องตอบ?
3 เนื่องจากศาสนาเทียมจะต้องถูกกวาดล้างให้หมดไปจากแผ่นดินโลก การนมัสการชนิดใดจะเหลืออยู่? พวกเราจะวินิจฉัยได้อย่างไรว่า กลุ่มศาสนาไหนในปัจจุบันจะรอดจากการทำลายล้างจักรวรรดิโลกแห่งศาสนาเท็จของซาตาน? ผลอันชอบธรรมซึ่งกลุ่มนี้จะต้องผลิตได้แก่อะไร? อย่างน้อยก็มีมาตรฐานสิบอย่างเพื่อใช้ในการวินิจฉัยการนมัสการแท้ที่ถวายแด่พระยะโฮวา.—มาลาคี 3:18; มัดธาย 13:43.
4. ข้อเรียกร้องประการแรกสำหรับการนมัสการแท้ได้แก่อะไร และในเรื่องนี้พระเยซูทรงวางตัวอย่างเช่นไร?
4 ประการแรกและสำคัญอย่างยิ่ง: คริสเตียนแท้ต้องเทิดทูนพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งพระเยซูเองได้ทรงวายพระชนม์เพื่อสิ่งนี้—พระบรมเดชานุภาพของพระบิดาของพระองค์. พระเยซูไม่ได้สละชีวิตของพระองค์เนื่องด้วยเหตุผลทางการเมือง, ทางเผ่าพันธุ์, ทางชาติพันธุ์, หรือทางสังคม. พระองค์ทรงจัดเอาราชอาณาจักรของพระบิดาไว้เหนือความทะยานอยากทางการเมืองหรือการปฏิวัติทุกอย่างของชาวยิว. พระองค์ตรัสตอบข้อเสนอที่ซาตานจะให้อำนาจทางโลกดังนี้: “อ้ายซาตาน! จงไปเสียให้พ้น! เพราะมีคำเขียนไว้ว่า ‘พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้านั่นแหละที่เจ้าต้องนมัสการ และแด่พระองค์ผู้เดียวที่เจ้าต้องถวายการรับใช้อันศักดิ์สิทธิ์.’” พระองค์ทรงทราบจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูว่า พระยะโฮวาทรงเป็นองค์บรมมหิศรแท้เหนือแผ่นดินโลกทั้งสิ้น. กลุ่มศาสนาไหนล่ะให้การสนับสนุนการปกครองของพระยะโฮวาอย่างชัดแจ้งแทนที่จะสนับสนุนระบบต่าง ๆ ทางการเมืองของโลกนี้?—มัดธาย 4:10, ล.ม.; บทเพลงสรรเสริญ 83:18.
5. (ก) ผู้นมัสการแท้ควรมีทัศนะเช่นไรต่อพระนามของพระเจ้า? (ข) อะไรแสดงว่าพยานพระยะโฮวายกย่องให้เกียรติพระนามนั้น?
5 ข้อเรียกร้องที่สองคือการนมัสการแท้ต้องสรรเสริญและทำให้พระนามพระเจ้าเป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์. พระเจ้าองค์ทรงฤทธานุภาพทุกประการได้ทรงเผยพระนามยะโฮวา (คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลบางฉบับใช้คำว่ายาห์เวห์) แก่ยิศราเอลไพร่พลของพระองค์ และมีการใช้พระนามนี้หลายพันครั้งในคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู. แม้แต่ก่อนนั้นด้วยซ้ำ อาดาม, ฮาวา, และคนอื่น ๆ ก็ได้รู้จักพระนามนี้ กระนั้น ก็ใช่ว่าพวกเขาเคารพพระนามนี้เสมอไป. (เยเนซิศ 4:1; 9:26; 22:14; เอ็กโซโด 6:2) ขณะที่พวกผู้แปลในคริสต์ศาสนจักรและในหมู่ชาวยิวมักจะคัดเอาพระนามพระเจ้าออกจากคัมภีร์ไบเบิลของเขา แต่พยานพระยะโฮวาให้พระนามนั้นมีอยู่ในที่อันสมควรและให้ความนับถือในพระคัมภีร์บริสุทธิ์ฉบับแปลโลกใหม่. พวกเขายกย่องพระนามพระเจ้า เช่นเดียวกันกับคริสเตียนสมัยแรก. ยาโกโบให้การเป็นพยานว่า “ซีโมนได้เล่าอย่างละเอียดถึงวิธีที่พระเจ้าทรงหันมาใฝ่พระทัยคนต่างชาติเป็นครั้งแรก เพื่อนำเอาประชาชนสำหรับพระนามของพระองค์ออกจากพวกเขา. และถ้อยคำของผู้พยากรณ์ก็สอดคล้องกับเรื่องนี้ . . . ‘เพื่อว่าบรรดามนุษย์ที่เหลืออยู่จะแสวงหาพระยะโฮวาอย่างจริงจัง พร้อมด้วยประชาชนจากทุกชาติ คือไพร่พลซึ่งมีชื่อตามนามของเรา พระยะโฮวาตรัสไว้ ผู้ทรงกระทำสิ่งเหล่านี้.’”—กิจการ 15:14-17, ล.ม.; อาโมศ 9:11, 12.
6. (ก) อะไรเป็นข้อเรียกร้องประการที่สามสำหรับการนมัสการแท้? (ข) พระเยซูและดานิเอลได้เน้นการปกครองโดยราชอาณาจักรอย่างไร? (ลูกา 17:20, 21)
6 ข้อเรียกร้องประการที่สามคือการนมัสการแท้ต้องเทิดทูนราชอาณาจักรของพระเจ้า ฐานะเป็นทางเดียวเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาด้านวิถีการปกครองของมนุษยชาติได้อย่างถูกต้องและอย่างที่ดำเนินการได้จริง. พระเยซูทรงสอนสาวกของพระองค์อย่างชัดเจนให้อธิษฐานขอให้ราชอาณาจักรนั้นมา ขอให้การปกครองของพระเจ้าดำเนินงานครอบคลุมทั่วแผ่นดินโลก. ดานิเอลได้รับการดลใจให้พยากรณ์เกี่ยวด้วยสมัยสุดท้ายดังนี้: “พระเจ้าแห่งสรวงสวรรค์จะทรงตั้งอาณาจักรอันหนึ่งขึ้น, ซึ่งจะไม่มีวันทำลายเสียได้, . . . อาณาจักรนี้จะทำลายอาณาจักรอื่น [ฝ่ายโลก, ฝ่ายการเมือง] ให้ย่อยยับและเผาผลาญเสียสิ้น, และอาณาจักรนี้จะดำรงอยู่เป็นนิจ.” ใครล่ะได้แสดงให้เห็นโดยการกระทำในศตวรรษที่ 20 นี้ว่าเป็นผู้ที่ได้สนับสนุนราชอาณาจักรนี้เต็มที่—ศาสนาต่าง ๆ อันเป็นส่วนของบาบูโลนใหญ่หรือพยานพระยะโฮวา?—ดานิเอล 2:44; มัดธาย 6:10; 24:14.
7. ผู้นมัสการแท้มีทัศนะเช่นไรต่อคัมภีร์ไบเบิล?
7 ข้อเรียกร้องประการที่สี่เพื่อจะได้รับความโปรดปรานจากพระเจ้าคือ ผู้รับใช้แท้ของพระเจ้าควรยกย่องคัมภีร์ไบเบิลเป็นพระคำที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า. ด้วยเหตุนี้ เขาจะไม่เป็นเหยื่อของการวิพากษ์วิจารณ์คัมภีร์ไบเบิล ซึ่งมุ่งจะลดค่าคัมภีร์ไบเบิลให้เป็นแค่งานเขียนทางวรรณกรรมของมนุษย์พร้อมด้วยข้อผิดพลาดต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นผลสืบเนื่อง. พยานพระยะโฮวาเชื่อว่า คัมภีร์ไบเบิลเป็นพระคำที่มีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า เป็นดังที่เปาโลเขียนถึงติโมเธียวดังนี้: “พระคัมภีร์ทุกตอนมีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้าและเป็นประโยชน์เพื่อการสั่งสอน เพื่อการว่ากล่าว เพื่อจัดการเรื่องราวให้เรียบร้อย เพื่อตีสอนด้วยความชอบธรรม เพื่อคนของพระเจ้าจะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วน เตรียมพร้อมสำหรับการดีทุกอย่าง.”a ดังนั้น พยานพระยะโฮวาจึงรับเอาคัมภีร์ไบเบิลเป็นเครื่องนำทาง เป็นหนังสือคู่มือในการดำเนินชีวิตประจำวันของเขา และเป็นแหล่งความหวังของเขาสำหรับอนาคต.—2 ติโมเธียว 3:16, 17, ล.ม.
ศาสนาแห่งความรัก ไม่ใช่ความเกลียดชัง
8. ข้อเรียกร้องประการที่ห้าสำหรับการนมัสการแท้คืออะไร?
8 พระเยซูทรงจำแนกสาวกแท้ของพระองค์อย่างไร? คำตอบของพระองค์นำเรามารู้จักเครื่องหมายสำคัญประการที่ห้าซึ่งระบุการนมัสการแท้. พระเยซูตรัสว่า “เราให้บัญญัติใหม่ไว้แก่เจ้าทั้งหลาย, คือให้เจ้ารักซึ่งกันและกัน. เรารักเจ้าทั้งหลายมาแล้วฉันใด, เจ้าจงรักซึ่งกันและกันด้วยฉันนั้น. คนทั้งปวงจะรู้ได้ว่าเจ้าเป็นเหล่าสาวกของเราก็เพราะว่าเจ้าทั้งหลายรักซึ่งกันและกัน.” (โยฮัน 13:34, 35) พระเยซูทรงแสดงความรักของพระองค์โดยวิธีใด? โดยที่พระองค์ทรงสละชีวิตเป็นเครื่องบูชาไถ่. (มัดธาย 20:28; โยฮัน 3:16) ทำไมความรักแท้เป็นลักษณะสำคัญสำหรับคริสเตียนแท้? โยฮันชี้แจงดังนี้: “ท่านที่รักทั้งหลาย ให้เรารักกันและกันต่อ ๆ ไป เพราะว่าความรักมาจากพระเจ้า . . . ผู้ที่ไม่รักก็ไม่ได้มารู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก.”—1 โยฮัน 4:7, 8, ล.ม.
9. ใครได้แสดงความรักแท้ และโดยวิธีใด?
9 ใครในสมัยของเราได้แสดงความรักชนิดนี้ แม้เมื่อต้องเผชิญการเกลียดชังระหว่างเผ่า, เชื้อชาติ, หรือชาติพันธุ์? ใครที่ผ่านการทดลองอันหนักหน่วง จนกระทั่งเสียชีวิตเพื่อความรักของพวกเขาจะชนะ? เราจะพูดได้ไหมว่าเป็นพวกบาทหลวงและชีชาวคาทอลิกซึ่งยอมรับว่ามีส่วนในการฆ่าล้างชาติพันธุ์ที่เกิดขึ้นในรวันดาเมื่อปี 1994? เป็นพวกออร์โทด็อกซ์แห่งเซอร์เบียหรือฝ่ายคาทอลิกในโครเอเชียไหมซึ่งมีส่วนใน “การล้างชาติพันธุ์” และการกระทำอื่น ๆ อันไม่เป็นตามหลักการคริสเตียนเมื่อมีการสู้รบภายในประเทศแถบคาบสมุทรบอลข่าน? หรือเป็นนักบวชฝ่ายคาทอลิกหรือนักเทศน์ฝ่ายโปรเตสแตนต์ที่คอยกระพือเปลวไฟแห่งอคติและความเกลียดชังให้รุนแรงยิ่งขึ้นในไอร์แลนด์เหนือตลอดสองสามทศวรรษที่ผ่านมา? แน่นอน ไม่อาจจะกล่าวหาพยานพระยะโฮวาได้ว่าเข้าส่วนกับการต่อสู้ใด ๆ ดังกล่าว. พวกเขายอมทนทุกข์ติดคุกและอยู่ในค่ายกักกัน กระทั่งยอมเสียชีวิตด้วยซ้ำ แทนที่จะทรยศความรักแบบคริสเตียนของเขา.—โยฮัน 15:17.
10. ทำไมคริสเตียนแท้พึงรักษาความเป็นกลาง?
10 ข้อเรียกร้องประการที่หกสำหรับการนมัสการอันเป็นที่ชอบจำเพาะพระเจ้าคือการรักษาความเป็นกลางเกี่ยวด้วยกิจกรรมทางการเมืองของโลกนี้. ทำไมคริสเตียนควรรักษาความเป็นกลางทางการเมือง? เปาโล, ยาโกโบ, และโยฮันให้เหตุผลอันหนักแน่นแก่เราสำหรับท่าทีเช่นนั้น. อัครสาวกเปาโลเขียนไว้ว่า ซาตานเป็น “พระเจ้าของระบบนี้” ซึ่งทำทุกวิถีทางเท่าที่ทำได้เพื่อครอบงำจิตใจของคนที่ไม่เชื่อ รวมทั้งการใช้การเมืองที่ทำให้แตกแยกกันด้วย. สาวกยาโกโบกล่าวดังนี้: “การเป็นมิตรกับโลกก็คือการเป็นศัตรูกับพระเจ้า,” และอัครสาวกโยฮันบอกว่า “โลกทั้งสิ้นตกอยู่ใต้อำนาจผู้ชั่วร้ายนั้น.” ด้วยเหตุนี้ คริสเตียนแท้ไม่อาจอะลุ่มอล่วยความเลื่อมใสต่อพระเจ้าโดยการมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองและอำนาจในโลกของซาตานที่เสื่อมทราม.—2 โกรินโธ 4:4; ยาโกโบ 4:4; 1 โยฮัน 5:19, ล.ม.
11. (ก) คริสเตียนมีทัศนะเช่นไรต่อการต่อสู้? (ข) มีพื้นฐานอะไรตามหลักพระคัมภีร์สำหรับฐานะเช่นนี้? (2 โกรินโธ 10:3-5)
11 เมื่อคำนึงถึงข้อเรียกร้องสองประการที่อยู่ลำดับก่อน ประการที่เจ็ดเห็นได้ชัดที่ว่าผู้นมัสการในฐานะเป็นคริสเตียนแท้ต้องไม่มีส่วนในการต่อสู้. เนื่องจากศาสนาแท้เป็นภราดรภาพทั่วโลกที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความรัก ดังนั้นไม่มีสิ่งใดจะแบ่งแยกหรือทำลาย “สังคมพี่น้องทั้งสิ้น . . . ในโลก” เสียได้. พระเยซูสอนเรื่องความรัก ไม่ใช่การเกลียดชัง; ทรงสอนเรื่องสันติภาพ ไม่ใช่การต่อสู้. (1 เปโตร 5:9, ล.ม. มัดธาย 26:51, 52) ซาตาน “ตัวชั่วร้าย” นี้แหละ ที่จูงใจคายินให้ฆ่าเฮเบลยังหว่านความเกลียดชังท่ามกลางมนุษยชาติอย่างไม่ลดละ และปลุกปั่นให้เกิดการขัดแย้งและการสังหารผู้คนเนื่องด้วยการแตกแยกทางการเมือง, ศาสนา, และชาติพันธุ์. คริสเตียนแท้ ‘ไม่เรียนการต่อสู้อีกต่อไป’ ไม่ว่าจะประสบความยุ่งยากลำบากเพียงใดก็ตาม. พูดเป็นเชิงอุปมา พวกเขาได้ ‘ตีดาบเป็นผาลไถนา และตีหอกเป็นขอลิดแขนง.’ พวกเขาบังเกิดผลแห่งพระวิญญาณของพระเจ้าอันนำมาซึ่งสันติสุข.—1 โยฮัน 3:10-12, ล.ม.; ยะซายา 2:2-4; ฆะลาเตีย 5:22, 23.
พระเจ้าทรงอวยพรการประพฤติและคำสอนที่บริสุทธิ์
12. (ก) อะไรคือข้อเรียกร้องประการที่แปด แต่การแตกเป็นกลุ่มต่าง ๆ อะไรบ้างที่คุณอาจจะอ้างถึงได้? (ข) เปาโลเน้นความสำคัญของข้อเรียกร้องประการที่แปดไว้อย่างไร?
12 เอกภาพของคริสเตียน เป็นข้อเรียกร้องประการที่แปดแห่งการนมัสการแท้. อย่างไรก็ดี ศาสนาที่แตกแยกกันภายในคริสต์ศาสนจักรไม่ได้ยังผลที่น่าพอใจในด้านนี้. ที่ถือกันว่าเป็นนิกายใหญ่ ๆ หลายนิกายก็ได้แยกเป็นนิกายเล็กนิกายน้อย ผลที่ตามมาคือความสับสน. ขอให้ดูคริสตจักรนิกายแบพติสต์ที่ประเทศสหรัฐเป็นตัวอย่าง ซึ่งแยกตัวเป็นนอร์ทเทิร์นแบพติสต์ (คริสตจักรแบพติสต์อเมริกันในสหรัฐอเมริกา) และเซาเทิร์นแบพติสต์ (สนธิสัญญาแบพติสต์ฝ่ายใต้) อีกทั้งกลุ่มแบพติสต์ย่อยนับสิบ ๆ คณะสืบเนื่องมาจากกลุ่มต่าง ๆ ได้แยกตัวเป็นอิสระ. (สารานุกรมเวิลด์ คริสเตียน [ภาษาอังกฤษ] หน้า 714) หลายกลุ่มที่แยกตัวเกิดขึ้นเนื่องจากหลักคำสอนหรือเนื่องจากรูปแบบการปกครองของคริสตจักรที่ต่างกัน (ยกตัวอย่าง คณะเพรสไบเตรี, เอพิสโคพัล, คองกรีเกชันแนล). การแยกเป็นนิกายต่าง ๆ ของคริสต์ศาสนจักรก็ดูจะไม่ต่างไปจากศาสนาเหล่านั้นนอกคริสต์ศาสนจักร ไม่ว่าจะเป็นศาสนาอิสลามหรือฮินดู. อัครสาวกเปาโลได้ตักเตือนคริสเตียนสมัยแรกอย่างไร? “พี่น้องทั้งหลาย โดยพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ข้าพเจ้ากระตุ้นเตือนท่านทั้งหลาย คือพวกท่านทุกคนควรพูดจาปรองดองกัน และไม่ควรมีการแบ่งแยกกันในท่ามกลางท่าน แต่ให้ท่านเป็นหนึ่งเดียวโดยมีจิตใจและแนวความคิดเดียวกัน.—1 โกรินโธ 1:10; 2 โกรินโธ 13:11, ล.ม.
13, 14. (ก) ที่ว่า ‘จงเป็นคนบริสุทธิ์’ หมายความอย่างไร? (ข) การนมัสการแท้จะคงความสะอาดไว้อย่างไร?
13 อะไรคือข้อเรียกร้องประการที่เก้าสำหรับศาสนาซึ่งเป็นที่ชอบจำเพาะพระเจ้า? หลักการของคัมภีร์ไบเบิลแจ้งไว้ในเลวีติโก 11:45 (ฉบับแปลใหม่) มีดังนี้: “เจ้าจึงต้องบริสุทธิ์ เพราะเราบริสุทธิ์.” อัครสาวกเปโตรกล่าวย้ำข้อเรียกร้องนี้อีกเมื่อท่านเขียนว่า “ประสานกับพระองค์ผู้บริสุทธิ์ผู้ซึ่งได้ทรงเรียกท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายก็เช่นกันจงเป็นคนบริสุทธิ์ในการประพฤติทั้งสิ้นของท่าน.”—1 เปโตร 1:15, ล.ม.
14 ที่จะต้องเป็นคนบริสุทธิ์เช่นนั้นหมายถึงอะไร? นั่นก็คือผู้นมัสการพระยะโฮวาควรเป็นคนสะอาดฝ่ายวิญญาณและทางศีลธรรม. (2 เปโตร 3:14) ไม่มีที่สำหรับคนทำบาปด้วยเจตนาแล้วไม่กลับใจ ซึ่งโดยการประพฤติแสดงว่า เขาดูถูกเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์. (เฮ็บราย 6:4-6) พระยะโฮวาทรงเรียกร้องประชาคมคริสเตียนคงไว้ซึ่งความสะอาดและความบริสุทธิ์. จะบรรลุความสะอาดบริสุทธิ์โดยวิธีใด? ส่วนหนึ่งก็ด้วยวิธีการตัดสัมพันธ์ผู้ที่จะทำให้ประชาคมเสื่อมเสีย.—1 โกรินโธ 5:9-13.
15, 16. คริสเตียนหลายคนได้ทำการเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตของเขา?
15 ก่อนได้มารู้ความจริงฝ่ายคริสเตียน หลายคนเคยดำเนินชีวิตแบบที่ไม่บังคับตัวเอง ประพฤติอย่างคติสุขารมณ์ ดำเนินชีวิตแบบปล่อยตามใจตัวเอง. แต่โอวาทเกี่ยวด้วยพระคริสต์ได้เปลี่ยนแปลงเขา และการบาปของเขาได้รับการให้อภัย. เปาโลกล่าวอย่างหนักแน่นเมื่อท่านเขียนว่า “อะไรกัน! ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่าคนอธรรมจะไม่ได้รับราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก? อย่าให้ใครชักนำท่านให้หลง. คนผิดประเวณี, หรือคนบูชารูปเคารพ, หรือคนเล่นชู้, หรือชายเก็บไว้เพื่อวัตถุประสงค์ผิดธรรมชาติ, หรือชายที่นอนกับชายด้วยกัน, หรือขโมย, หรือคนโลภ, หรือนักเลงสุรา, หรือคนด่าประจาน, หรือคนกรรโชกจะไม่ได้รับราชอาณาจักรของพระเจ้าเป็นมรดก. แต่ก่อนมีบางคนในพวกท่านเคยเป็นคนอย่างนั้น. แต่ได้ทรงชำระท่านทั้งหลายให้สะอาดแล้ว.”—1 โกรินโธ 6:9-11, ล.ม.
16 ปรากฏชัดว่าพระยะโฮวาทรงพอพระทัยคนเหล่านั้นที่กลับใจจากการประพฤติของตนที่ไม่เป็นไปตามหลักพระคัมภีร์, หันกลับ, และเข้ามาเป็นสาวกแท้ของพระคริสต์และปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์. พวกเขารักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเองจริง ๆ และแสดงความรักให้ประจักษ์ในหลายทาง เป็นต้นว่า เขาขะมักเขม้นทำการเผยแพร่แจ้งข่าวสารเกี่ยวกับชีวิตแก่ทุกคนที่พร้อมจะรับฟัง.—2 ติโมเธียว 4:5.
“ความจริงนั้นจะทำให้เจ้าเป็นอิสระ”
17. ข้อเรียกร้องประการที่สิบสำหรับการนมัสการแท้คืออะไร? จงยกตัวอย่าง.
17 ข้อเรียกร้องประการที่สิบที่พระยะโฮวาทรงกำหนดไว้สำหรับบรรดาชนที่นมัสการพระองค์ด้วยวิญญาณและความจริง นั่นคือคำสอนบริสุทธิ์. (โยฮัน 4:23, 24, ล.ม.) พระเยซูได้ตรัสแก่เหล่าสาวกของพระองค์ว่า “เจ้าทั้งหลายจะรู้จักความจริง และความจริงนั้นจะทำให้เจ้าเป็นอิสระ.” (โยฮัน 8:32, ล.ม.) ความจริงแห่งคัมภีร์ไบเบิลปลดปล่อยเราหลุดพ้นคำสอนที่หลู่เกียรติพระเจ้า เช่น จิตวิญญาณไม่ตาย, ไฟนรก, และไฟชำระ. (ท่านผู้ประกาศ 9:5, 6, 10; ยะเอศเคล 18:4, 20) ความจริงทำให้เราเป็นอิสระพ้นจากคำสอนเรื่อง “พระตรีเอกานุภาพที่บริสุทธิ์ยิ่ง” ซึ่งเป็นความลึกลับแบบบาบูโลนของคริสต์ศาสนจักร. (พระบัญญัติ 4:35; 6:4; 1 โกรินโธ 15:27, 28) การเชื่อฟังความจริงของคัมภีร์ไบเบิลยังผลให้ประชาชนเป็นบุคคลที่มีความรัก, คำนึงถึงผู้อื่น, กรุณา, และมีเมตตาจิต. หลักการคริสเตียนแท้ไม่เคยส่งเสริมผู้ไต่สวนที่มีใจอาฆาตแค้นไม่มีการผ่อนปรน เช่น โทมัส เด ทอร์คิมาดา, หรือผู้ที่มีความเกลียดชังยุยงให้ทำสงคราม เช่น ผู้สนับสนุนสงครามครูเสดแห่งศาสนาโรมันคาทอลิก. ถึงกระนั้น บาบูโลนใหญ่ยังได้ผลิตผลดังกล่าวเรื่อยมาตลอดประวัติศาสตร์ อย่างน้อยก็ตั้งแต่สมัยนิมโรดจนถึงปัจจุบัน.—เยเนซิศ 10:8, 9.
ชื่อซึ่งมีลักษณะเด่นเฉพาะ
18. (ก) ใครที่บรรลุข้อเรียกร้องสิบประการสำหรับการนมัสการแท้ และโดยวิธีใด? (ข) พวกเราแต่ละคนพึงทำประการใดเพื่อได้รับพระพรซึ่งมีรออยู่เบื้องหน้า?
18 ทุกวันนี้ใครบรรลุข้อเรียกร้องทั้งสิบประการอย่างแท้จริงเกี่ยวด้วยการนมัสการแท้? ใครซึ่งคนทั่วไปรู้จักดีและประวัติของพวกเขาเป็นที่ยอมรับในเรื่องความซื่อสัตย์มั่นคงและความสงบสุข? พยานพระยะโฮวาตลอดทั่วโลกเป็นที่รู้จักเนื่องจากพวกเขา “มิได้เป็นส่วนของโลก.” (โยฮัน 15:19; 17:14, 16; 18:36, ล.ม.) ไพร่พลของพระยะโฮวาได้รับเกียรติให้มีชื่อตามพระนามของพระองค์และเป็นพยานของพระองค์ เช่นเดียวกันกับพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพยานองค์สัตย์จริงของพระบิดาพระองค์. พวกเรามีชื่อตามพระนามบริสุทธิ์นั้น เราสำนึกในความรับผิดชอบที่จะดำเนินชีวิตสมกับชื่อนี้. และในฐานะเป็นพยานของพระองค์ ความคาดหวังเบื้องหน้าเราช่างรุ่งโรจน์อะไรเช่นนั้น! คือที่จะเป็นส่วนของครอบครัวมนุษย์ผู้เชื่อฟัง ร่วมสมานฉันท์ในการนมัสการองค์บรมมหิศรแห่งเอกภพ ณ อุทยานซึ่งได้ฟื้นคืนสภาพดีดังเดิมบนแผ่นดินโลก. ที่จะรับพระพรดังกล่าว ขอให้พวกเราแสดงตัวชัดแจ้งว่าอยู่ฝ่ายการนมัสการแท้ต่อ ๆ ไป และภูมิใจที่มีชื่อว่าพยานพระยะโฮวา “เพราะการพิพากษาของพระองค์สัตย์จริงและชอบธรรม”!—วิวรณ์ 19:2, ล.ม.; ยะซายา 43:10-12; ยะเอศเคล 3:11.
[เชิงอรรถ]
a คัมภีร์ฉบับแปลต่าง ๆ ไม่ได้เป็นมาโดยการดลใจจากพระเจ้า. การแปลฉบับต่าง ๆ โดยเนื้อแท้แล้วอาจสะท้อนความเข้าใจหลากหลายเกี่ยวด้วยภาษาเดิมที่ใช้บันทึกคัมภีร์ไบเบิล.
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ ผู้รับใช้ของพระยะโฮวามองดูความพินาศของบาบูโลนใหญ่อย่างไร?
▫ ข้อเรียกร้องสำคัญสำหรับการนมัสการแท้มีอะไรบ้าง?
▫ ความจริงทำให้คุณเป็นอิสระอย่างไร?
▫ พวกเราได้รับเกียรติอะไรเป็นพิเศษในฐานะพยานพระยะโฮวา?
[รูปภาพหน้า 17]
พยานพระยะโฮวาเผยแพร่และสั่งสอนข่าวดีเรื่องราชอาณาจักรของพระเจ้า
[รูปภาพหน้า 18]
คริสเตียนแท้รักษาตัวเป็นกลางเสมอเกี่ยวกับกิจกรรมทางการเมืองและการต่อสู้ของโลก
[ที่มาของภาพหน้า 18]
Airplane: Courtesy of the Ministry of defense, London