บทเรียนที่เป็นประโยชน์จากแผ่นดินแห่งคำสัญญา
แผ่นดินแห่งคำสัญญาตามที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลนั้นมีลักษณะพิเศษจำเพาะอย่างแน่นอน. ในบริเวณที่ค่อนข้างเล็กนี้ เราพบลักษณะเด่นทางภูมิศาสตร์ที่หลากหลาย. ในภาคเหนือ มีภูเขาที่ยอดปกคลุมด้วยหิมะ ในภาคใต้ เป็นเขตที่ปกติมีอากาศร้อน. มีที่ลุ่มซึ่งอุดมสมบูรณ์, บริเวณถิ่นทุรกันดารที่ร้างเปล่า, และภูมิภาคที่เป็นเนินเขาสำหรับทำสวนผลไม้, และการเลี้ยงฝูงสัตว์.
ความหลากหลายในด้านความสูงเหนือระดับน้ำทะเล, ภูมิอากาศ, และพื้นดินเปิดโอกาสให้มีต้นไม้, ป่าละเมาะ, และพืชพรรณอื่น ๆ มากมาย—รวมทั้งบางชนิดที่งอกงามดีในแถบเทือกเขาสูงที่อากาศเย็น, ชนิดอื่น ๆ ที่เติบโตในทะเลทรายอันร้อนระอุ, และยังมีอีกหลายชนิดที่งอกงามบนที่ราบซึ่งดินถูกพัดพามาทับถมกันหรือที่ราบสูงซึ่งเต็มด้วยหิน. นักพฤกษศาสตร์คนหนึ่งกะประมาณว่าอาจพบพืชราว ๆ 2,600 ชนิดได้ในบริเวณนี้! ชนยิศราเอลกลุ่มแรกซึ่งได้สำรวจแผ่นดินนี้พบหลักฐานทันทีเกี่ยวกับศักยภาพของแผ่นดินนั้น. พวกเขานำองุ่นพวงหนึ่งกลับมาจากหุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งมีขนาดใหญ่โตจนกระทั่งต้องใช้ไม้คานหามโดยชายสองคน! หุบเขานั้นถูกตั้งชื่ออย่างเหมาะสมว่า เอศโคล หมายถึง “พวง [องุ่น].”a—อาฤธโม 13:21-24.
แต่ตอนนี้ขอให้เราพิจารณาดูอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นเกี่ยวกับลักษณะเด่นบางอย่างทางภูมิศาสตร์ของแผ่นดินที่ไม่มีใดเหมือนผืนนี้ โดยเฉพาะส่วนทางใต้.
เชเฟลาห์
ฝั่งตะวันตกของแผ่นดินแห่งคำสัญญาเป็นชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน. ไกลจากทะเลราว ๆ 40 กิโลเมตรคือเชเฟลาห์. คำ “เชเฟลาห์” หมายถึง “ที่ลุ่ม” แต่ในสภาพจริงแล้วนี่คือบริเวณที่เป็นเนินเขา และอาจเรียกว่าที่ลุ่มได้เฉพาะแต่เมื่อเทียบกับภูเขาของยูดาที่อยู่ทางตะวันออก.
จงพิจารณาแผนที่ประกอบซึ่งเป็นภาพตัดแนวขวางและสังเกตความเกี่ยวพันของเชเฟลาห์กับเขตที่อยู่ล้อมรอบ. ภูเขายูดาอยู่ทางตะวันออก ทางตะวันตกเป็นที่ราบชายฝั่งทะเลฟิลิสเตีย. ด้วยเหตุนี้ เชเฟลาห์เป็นเขตกันชน เป็นแคว้นที่ขวางกั้นแยกไพร่พลของพระเจ้าไว้จากศัตรูของเขาในโบราณกาลในสมัยคัมภีร์ไบเบิล. กองทัพใด ๆ ที่บุกรุกมาจากทางตะวันตกจะต้องผ่านเชเฟลาห์ก่อนที่จะสามารถเคลื่อนไปต่อสู้กรุงยะรูซาเลม นครหลวงของยิศราเอล.
เหตุการณ์ดังกล่าวได้เกิดขึ้นระหว่างศตวรรษที่เก้าก่อนสากลศักราช. คัมภีร์ไบเบิลรายงานว่า กษัตริย์ฮะซาเอลแห่งซีเรีย “ได้ยกกองทัพไปรบกับเมืองฆัธ [ดูเหมือนอยู่ที่ชายแดนของเชเฟลาห์], ตีเอาได้: แล้วตั้งหน้าจะไปตีกรุงยะรูซาเลม.” กษัตริย์โยอาศทรงดำเนินการเพื่อหยุดยั้งฮะซาเอลไว้ โดยการติดสินบนท่านด้วยของมีค่ามากมายหลายอย่างจากพระวิหารและราชวัง. ถึงอย่างไรก็ดี เรื่องราวนี้แสดงให้เห็นว่า เชเฟลาห์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของกรุงยะรูซาเลม.—2 กษัตริย์ 12:17, 18.
เราอาจได้บทเรียนที่เป็นประโยชน์จากเรื่องนี้. ฮะซาเอลต้องการพิชิตกรุงยะรูซาเลม แต่เขาต้องผ่านเชเฟลาห์ก่อน. ในทำนองคล้ายกัน ซาตานพญามาร “เสาะหาจะขย้ำกลืน” ผู้รับใช้ของพระเจ้า แต่บ่อยครั้งมันต้องเจาะทะลุเขตกันชนที่มั่นคงก่อน คือการที่พวกเขายึดมั่นกับหลักการในคัมภีร์ไบเบิล เช่น หลักเกี่ยวกับการคบหาสมาคมที่ไม่ดีและวัตถุนิยม. (1 เปโตร 5:8; 1 โกรินโธ 15:33; 1 ติโมเธียว 6:10) การอะลุ่มอล่วยหลักการในคัมภีร์ไบเบิลบ่อยครั้งเป็นขั้นแรกที่นำไปสู่การทำบาปร้ายแรง. ดังนั้น จงรักษาเขตกันชนนั้นให้มั่นคง. จงปฏิบัติตามหลักการในคัมภีร์ไบเบิลวันนี้ แล้วคุณจะไม่ละเมิดกฎหมายของพระเจ้าในวันพรุ่งนี้.
ภูมิภาคที่เป็นเนินเขาแห่งยูดา
ลึกเข้าไปทางใจกลางของแผ่นดินต่อจากเชเฟลาห์ ก็เป็นภูมิภาคที่เป็นเนินเขาแห่งยูดา. นี่เป็นบริเวณภูเขาที่ผลิตธัญพืช, น้ำมันมะกอก, และเหล้าองุ่นอย่างดี. เนื่องจากอยู่ในระดับสูง ยูดาจึงเป็นที่ลี้ภัยอันยอดเยี่ยมด้วย. ด้วยเหตุนี้ กษัตริย์โยธามจึงสร้าง “ป้อมและและหอคอยหลายแห่ง” ที่นั่น. ในคราวที่มีเหตุการณ์วุ่นวาย ผู้คนสามารถหนีไปยังที่เหล่านี้เพื่อความปลอดภัย.—2 โครนิกา 27:4.
กรุงยะรูซาเลม ซึ่งถูกเรียกว่าซีโอนด้วย เป็นส่วนที่โดดเด่นของบริเวณที่เป็นเนินเขาของยูดา. กรุงยะรูซาเลมดูเหมือนว่าปลอดภัยเนื่องจากกรุงนั้นถูกล้อมรอบด้วยหุบเขาสูงชันสามด้าน และด้านเหนือได้รับการป้องกันไว้โดยกำแพงสามช่วงติดต่อกัน ตามที่โยเซฟุส นักประวัติศาสตร์ในศตวรรษแรกบอกไว้. แต่ที่ลี้ภัยต้องมีมากกว่ากำแพง และอาวุธเพื่อรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยของสถานที่นั้น. ต้องมีน้ำด้วย. นี่เป็นสิ่งจำเป็นระหว่างถูกโอบล้อม ถ้าขาดน้ำ พลเมืองที่ติดอยู่ในวงล้อมจะถูกบีบให้ยอมแพ้ในเวลาอันรวดเร็ว.
กรุงยะรูซาเลมได้รับน้ำจากสระซีโลอาม. อย่างไรก็ตาม ระหว่างศตวรรษที่แปดก่อนสากลศักราช โดยคาดล่วงหน้าว่าพวกอัสซีเรียจะมาล้อมกรุง กษัตริย์ฮิศคียาจึงสร้างกำแพงชั้นนอกเพื่อป้องกันสระซีโลอามไว้ ล้อมสระนั้นไว้ภายในเมือง. ท่านได้อุดช่องน้ำพุภายนอกเมืองไว้ด้วย เพื่อว่าพวกอัสซีเรียที่มาล้อมโจมตีจะหาแหล่งน้ำสำหรับตัวเองได้ยาก. (2 โครนิกา 32:2-5; ยะซายา 22:11) แค่นั้นยังไม่พอ. ฮิศคียาพบวิธีที่จะผันน้ำเพิ่มขึ้นเข้าสู่กรุงยะรูซาเลมโดยตรง!
โดยสิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จทางวิศวกรรมอันใหญ่ยิ่งอย่างหนึ่งของสมัยโบราณ ฮิศคียาได้ขุดอุโมงค์จากบ่อน้ำพุฆีโฮนมาถึงสระซีโลอาม.b เฉลี่ยความสูง 1.8 เมตร อุโมงค์นี้ยาว 533 เมตร. คิดดูก็แล้วกัน—อุโมงค์ยาวครึ่งกิโลเมตร เจาะทะลุหิน! ปัจจุบัน ราว ๆ 2,700 ปีต่อมา ผู้มาเยือนกรุงยะรูซาเลมสามารถลุยน้ำผ่านผลงานชิ้นเอกทางวิศวกรรมนี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า อุโมงค์ของฮิศคียา.—2 กษัตริย์ 20:20; 2 โครนิกา 32:30.
ความพยายามของฮิศคียาที่จะปกป้องและเพิ่มแหล่งน้ำของกรุงยะรูซาเลมอาจสอนบทเรียนที่เป็นประโยชน์แก่เรา. พระยะโฮวาเป็น “น้ำพุประกอบด้วยน้ำมีชีวิต.” (ยิระมะยา 2:13) พระดำริของพระองค์ที่มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิลเป็นสิ่งค้ำจุนชีวิต. เพราะเหตุนั้น การศึกษาคัมภีร์ไบเบิลเป็นส่วนตัวนับว่าจำเป็นยิ่ง. แต่โอกาสสำหรับการศึกษา และความรู้ที่เป็นผลติดตามมานั้นจะไม่หลั่งไหลมาสู่คุณ. คุณอาจต้อง ‘ขุดอุโมงค์’ ราวกับว่าเจาะผ่านหินแข็งแห่งกิจวัตรประจำวันซึ่งเต็มแน่นด้วยกิจการงาน เพื่อหาโอกาสสำหรับการศึกษานั้น. (สุภาษิต 2:1-5; เอเฟโซ 5:15, 16) เมื่อคุณเริ่มต้นแล้ว จงยึดมั่นกับตารางเวลาของคุณ ให้ความสำคัญแก่การศึกษาส่วนตัวของคุณ. จงระวังที่จะไม่ให้ใคร ๆ หรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาแย่งชิงแหล่งน้ำอันล้ำค่านี้ไปจากคุณ.—ฟิลิปปอย 1:9, 10.
บริเวณถิ่นทุรกันดาร
ทางตะวันออกของภูเขาแห่งยูดา คือถิ่นทุรกันดารยูดา ถูกเรียกด้วยว่า ยะซีโมน หมายถึง “ทะเลทราย.” (1 ซามูเอล 23:19, ล.ม., เชิงอรรถ) ณ ทะเลตาย ภูมิภาคที่แห้งแล้งนี้มีลักษณะเด่นด้วยหุบเขาที่เต็มด้วยหินและเงื้อมผาที่ขรุขระ. เนื่องจากลาดต่ำลงมาราว ๆ 1,200 เมตรในระยะทางเพียง 24 กิโลเมตร ถิ่นทุรกันดารของยูดาจึงถูกกำบังจากลมที่ก่อให้เกิดฝนจากทิศตะวันตก และโดยวิธีนี้จึงได้รับเพียงฝนในปริมาณจำกัดเท่านั้น. ไม่ต้องสงสัย แพะที่รับบาปถูกปล่อยเข้าไปในถิ่นทุรกันดารนี้แหละในวันไถ่โทษประจำปี. ดาวิดหนีซาอูลเข้าไปในบริเวณนี้ด้วย. ในถิ่นทุรกันดารนี้แหละซึ่งพระเยซูทรงอดพระกระยาหารเป็นเวลา 40 วัน และหลังจากนั้นถูกพญามารล่อใจ.—เลวีติโก 16:21, 22; บทเพลงสรรเสริญ 63 จ่าหน้าบท, ฉบับแปลใหม่; มัดธาย 4:1-11.
ประมาณ 160 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้ของถิ่นทุรกันดารยูดาคือป่าพาราน. สถานที่ตั้งค่ายของยิศราเอลหลายแห่งระหว่างการเดินทางที่ยากลำบาก 40 ปีจากอียิปต์ไปยังแผ่นดินแห่งคำสัญญาตั้งอยู่ในบริเวณนี้. (อาฤธโม 33:1-49) โมเซเขียนเกี่ยวกับ “ป่าใหญ่อันน่ากลัวนั้น, ที่มีงูซึ่งมีพิษเหมือนไฟและแมลงป่อง, และฝนแล้งอันหาน้ำมิได้.” (พระบัญญัติ 8:15) เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่ชนยิศราเอลหลายล้านคนจะสามารถรอดชีวิตได้! กระนั้น พระยะโฮวาทรงค้ำจุนพวกเขา.
ขอให้ใช้เรื่องนี้เป็นข้อเตือนใจที่ว่า พระยะโฮวาทรงค้ำจุนเราได้เช่นกัน แม้แต่ในโลกที่แห้งแล้งด้านวิญญาณนี้. ถูกแล้ว เราเดินไปมาท่ามกลางงูและแมลงป่องเช่นกัน ถึงแม้ไม่ใช่ตามตัวอักษรก็ตาม. เราอาจต้องติดต่อทุกวันกับผู้คนซึ่งไม่ละอายแก่ใจที่จะพรั่งพรูคำพูดอันมีพิษสงออกมาที่อาจทำให้ความคิดของเราติดเชื้อได้ง่าย. (เอเฟโซ 5:3, 4; 1 ติโมเธียว 6:20) คนเหล่านั้นซึ่งพยายามจะรับใช้พระเจ้าทั้ง ๆ ที่มีอุปสรรคเหล่านี้พึงได้รับคำชมเชย. ความซื่อสัตย์ของเขาเป็นหลักฐานหนักแน่นว่า พระยะโฮวาทรงค้ำจุนเขาจริง ๆ.
เนินเขาคาระเม็ล
ชื่อคาระเม็ลหมายถึง “สวนผลไม้.” บริเวณที่อุดมสมบูรณ์นี้อยู่ทางเหนือ ยาวประมาณ 50 กิโลเมตร ประดับด้วยสวนองุ่น, สวนมะกอกเทศ, และไม้ผลต่าง ๆ. แหลมที่ยื่นออกไปของเทือกเขานี้เป็นสิ่งที่ยากจะลืมเลือนในด้านเสน่ห์และความงดงาม. ยะซายา 35:2 กล่าวถึง “ความงดงามของภูเขาคาระเม็ล” เป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามที่บังเกิดผลของแผ่นดินยิศราเอลที่ได้รับการฟื้นฟู.
เหตุการณ์ที่โดดเด่นหลายเรื่องเกิดขึ้นบนภูเขาคาระเม็ล. ที่นี่เอง เอลียาได้ท้าทายพวกผู้พยากรณ์ของบาละและ “ไฟแห่งพระยะโฮวาก็ตก [ลงมา]” เป็นการพิสูจน์ความใหญ่ยิ่งของพระองค์. นอกจากนี้ จากยอดเขาคาระเม็ลนี่เองที่เอลียาชี้ให้ดูเมฆก้อนเล็ก ๆ ซึ่งกลายมาเป็นฝนห่าใหญ่ โดยวิธีนี้จึงทำให้ความแห้งแล้งในยิศราเอลสิ้นสุดลงอย่างอัศจรรย์. (1 กษัตริย์ 18:17-46) อะลีซา ผู้สืบตำแหน่งต่อจากเอลียาอยู่บนภูเขาคาระเม็ลเมื่อหญิงชาวซุเนมมาขอท่านให้ช่วยลูกของเธอที่ตายแล้ว หลังจากนั้นอะลีซาก็ได้ปลุกเด็กนั้นฟื้นขึ้นจากตาย.—2 กษัตริย์ 4:8, 20, 25-37.
เนินลาดของภูเขาคาระเม็ลยังคงมีสวนผลไม้, สวนมะกอกเทศ, และเถาองุ่น. ระหว่างฤดูใบไม้ผลิ เนินเหล่านี้ปกคลุมด้วยดอกไม้ที่งามสะพรั่ง. ซะโลโมตรัสแก่หญิงสาวชาวซุเนมว่า “ศีรษะของเธอดูดังภูเขาคาระเม็ล” บางทีพูดเป็นนัยถึงผมที่งามสลวยของเธอ หรือลักษณะที่ศีรษะของเธอชูระหงอย่างสง่างาม.—เพลงไพเราะ 7:5.
ความสง่างามที่เป็นลักษณะพิเศษของเนินเขาคาระเม็ลเตือนเราให้นึกถึงความงดงามฝ่ายวิญญาณที่พระยะโฮวาประทานแก่องค์การแห่งผู้นมัสการพระองค์สมัยปัจจุบัน. (ยะซายา 35:1, 2) พยานพระยะโฮวาดำรงชีวิตอยู่ในอุทยานฝ่ายวิญญาณอย่างแท้จริง และพวกเขาเห็นพ้องกับความรู้สึกของกษัตริย์ดาวิด ผู้ทรงเขียนไว้ว่า “เครื่องวัดเขตของข้าพเจ้าได้ตกในที่อันเหมาะ; แท้จริง, ส่วนมฤดกของข้าพเจ้าเป็นที่ดียิ่ง.”—บทเพลงสรรเสริญ 16:6.
จริงอยู่ มีข้อท้าทายที่ลำบากซึ่งชาติฝ่ายวิญญาณของพระเจ้าต้องเผชิญในทุกวันนี้ ดังเช่นชนยิศราเอลโบราณได้ประสบกับการต่อต้านอยู่เรื่อย ๆ จากศัตรูของพระเจ้า. กระนั้น คริสเตียนแท้ตระหนักอยู่เสมอถึงพระพรต่าง ๆ ที่พระยะโฮวาได้ทรงเตรียมไว้—รวมทั้งความสว่างที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ของความจริงในคัมภีร์ไบเบิล, ภราดรภาพทั่วโลก, และโอกาสที่จะได้รับชีวิตนิรันดร์บนแผ่นดินโลกที่เป็นอุทยาน.—สุภาษิต 4:18; โยฮัน 3:16; 13:35.
“เหมือนสวนพระยะโฮวา”
แผ่นดินแห่งคำสัญญาสมัยโบราณเป็นภาพที่มองแล้วเจริญตา. แผ่นดินนั้นได้รับการพรรณนาอย่างเหมาะสมว่า “บริบูรณ์ด้วยน้ำนมและน้ำผึ้ง.” (เยเนซิศ 13:10; เอ็กโซโด 3:8) โมเซเรียกแผ่นดินนั้นว่า “ประเทศที่ดี, ที่มีลำธารและน้ำพุ, ซึ่งไหลมาจากหุบเขา, และภูเขาทั้งหลาย; ประเทศที่มีข้าวสาลีกับข้าวบารลี, เถาองุ่น, ต้นมะเดื่อเทศ และต้นทับทิม; ประเทศที่มีต้นมะกอกเทศและน้ำผึ้ง; แผ่นดินเมืองที่เจ้าทั้งหลายจะได้รับประทานจนอิ่ม, จะหาได้ขัดสนสิ่งใดในที่นั่นไม่เลย; แผ่นดินที่หินเป็นเหล็ก, และที่ภูเขามีแร่ทองแดงซึ่งจะขุดเอาได้.”—พระบัญญัติ 8:7-9.
หากพระยะโฮวาทรงสามารถประทานบ้านเกิดเมืองนอนที่อุดมบริบูรณ์, สวยงามเช่นนั้นให้แก่ไพร่พลของพระองค์ในสมัยโบราณแล้ว พระองค์ย่อมสามารถประทานอุทยานอันรุ่งโรจน์ที่ขยายไปทั่วแผ่นดินโลกให้แก่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ในสมัยปัจจุบันได้—พร้อมด้วยภูเขา, หุบเขา, แม่น้ำ, และทะเลสาบ. ถูกแล้ว แผ่นดินแห่งคำสัญญาสมัยโบราณพร้อมกับความหลากหลายทั้งมวลของแผ่นดินนั้นเป็นเพียงการลิ้มรสล่วงหน้าเกี่ยวกับอุทยานฝ่ายวิญญาณซึ่งพยานของพระองค์ประสบอยู่ในทุกวันนี้และเกี่ยวกับอุทยานโลกใหม่ในอนาคต. ที่นั่นคำสัญญาซึ่งบันทึกในบทเพลงสรรเสริญ 37:29 จะสำเร็จเป็นจริงที่ว่า “คนสัตย์ธรรมจะได้แผ่นดินเป็นมฤดก, และจะอาศัยอยู่ที่นั่นต่อไปเป็นนิตย์.” เมื่อพระยะโฮวาประทานบ้านที่เป็นอุทยานให้มนุษยชาติที่เชื่อฟัง พวกเขาจะมีความสุขสักเพียงไรที่จะสำรวจ “ห้อง” ทั้งหมดของบ้านนั้น และที่จะทำเช่นนั้นตลอดกาล!
[เชิงอรรถ]
a องุ่นพวงหนึ่งจากแถบนี้ได้รับการบันทึกว่ามีน้ำหนัก 12 กิโลกรัม และอีกพวงหนึ่งหนักมากกว่า 20 กิโลกรัม.
b บ่อน้ำพุฆีโฮนตั้งอยู่ด้านนอกเขตแดนด้านตะวันออกของกรุงยะรูซาเลมนั่นเอง. บ่อน้ำนั้นซ่อนอยู่ในอุโมงค์ เนื่องจากเหตุนี้ พวกอัสซีเรียคงจะไม่รู้ที่ตั้งของบ่อนั้น.
[แผนที่หน้า 4]
ฆาลิลาย
ภูเขาคาระเม็ล
ทะเลฆาลิลาย
ซะมาเรีย
เชเฟลาห์
ภูเขาแห่งยูดา
ทะเลตาย
[ที่มาของภาพหน้า 4]
NASA photo
[แผนที่หน้า 4]
เชเฟลาห์เป็นแคว้นที่ขวางกั้นระหว่างไพร่พลของพระเจ้ากับพวกศัตรูของพระเจ้า
ไมล์ 0 5 10
กม. 0 8 16
ที่ราบฟิลิสเตีย
เชเฟลาห์
ภูมิภาคที่เป็นเนินเขาแห่งยูดา
ถิ่นทุรกันดาร
หุบเขาทรุด
ทะเลตาย
แผ่นดินอัมโมนและโมอาบ
[แผนที่/รูปภาพหน้า 5]
อุโมงค์ของฮิศคียา: ยาว 533 เมตร,เจาะทะลุหินแข็ง
หุบเขาทีโรเพียน
สระซีโลอาม
เมืองดาวิด
หุบเขาฆิดโรน
น้ำพุฆีโอน
[รูปภาพหน้า 6]
ในถิ่นทุรกันดารยูดา ดาวิดแสวงหาที่ลี้ภัยให้พ้นจากซาอูล. ภายหลังพระเยซูถูกพญามารล่อใจที่นี่
[ที่มาของภาพ]
Pictorial Archive (Near Eastern History) Est.
[รูปภาพหน้า 7]
ภูเขาคาระเม็ล ที่เอลียาทำให้พวกผู้พยากรณ์ของพระบาละได้รับความอัปยศอดสู
[ที่มาของภาพหน้า 7]
Pictorial Archive (Near Eastern History) Est.
[รูปภาพหน้า 8]
“พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าจะพาเจ้าทั้งหลายเข้ามาในประเทศที่ดี, ที่มีลำธารและน้ำพุ, ซึ่งไหลมาจากหุบเขา, และภูเขาทั้งหลาย.”—พระบัญญัติ 8:7.