พระยะโฮวาทรงปฏิบัติด้วยความภักดี
เล่าโดย พีเตอร์ แพลลิสเซอร์
ตอนนั้นเป็นเดือนธันวาคม 1985. ความตื่นเต้นเพิ่มมากขึ้นขณะที่เครื่องบินลงสู่สนามบินนานาชาติในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา. ขณะนั่งรถเข้าเมือง ความทรงจำเรื่องต่าง ๆ ผุดขึ้นมาอย่างไม่ขาดสาย เมื่อเห็นภาพที่ชินตาและเสียงที่คุ้นหู.
เรามายังเคนยาเพื่อเข้าร่วมการประชุมภาค “ผู้รักษาความซื่อสัตย์มั่นคง” ของพยานพระยะโฮวา. สิบสองปีก่อนหน้านี้ ผมกับภรรยาถูกบีบบังคับให้ออกจากเคนยาเนื่องจากมีการสั่งห้ามงานเผยแพร่ของเรา. เราเคยอยู่ที่นั่นในเบเธลซึ่งเป็นชื่อเรียกสำนักงานสาขาของพยานพระยะโฮวา. ช่างเป็นความตื่นเต้นยินดีเสียจริง ๆ ที่เราจะได้ประสบเมื่อกลับไปเยือนที่นั่นอีก!
พยานฯ วัยรุ่นที่ช่วยทำอาหารมื้อเที่ยง ณ สำนักเบเธลนั้นเรารู้จักตั้งแต่เธออายุสองขวบ. อย่างน้อยมีสมาชิกหกคนในครอบครัวเบเธลเป็นคนที่เรารู้จักขณะพวกเขาเป็นเด็กอยู่. ช่างเป็นความยินดีเสียจริง ๆ ที่ได้เห็นพวกเขาตอนนี้เมื่อเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว พร้อมกับครอบครัวของเขา ทุกคนยังคงเอาการเอางานในงานรับใช้อยู่! พระยะโฮวา พระเจ้าของเราทรงใฝ่พระทัยในพวกเขาสอดคล้องกับคำสัญญาในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า “พระองค์จะทรงปฏิบัติด้วยความภักดีต่อผู้ที่ภักดี.” (2 ซามูเอล 22:26, ล.ม.) ผมได้พบว่าชีวิตในวัยหนุ่มของผมช่างแตกต่างเสียจริง ๆ กับแนวทางชีวิตที่ให้บำเหน็จของเยาวชนเหล่านี้!
ชีวิตช่วงต้นที่ไร้จุดมุ่งหมาย
ผมเกิดในเมืองสคาร์โบโร ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 1918. สองปีต่อมา คุณแม่กับพี่สาวต่างบิดาได้ย้ายไปอยู่แคนาดา ดังนั้น ช่วงสามปีต่อมาผมจึงอยู่กับคุณพ่อ, คุณย่า, และคุณป้า. เมื่อผมอายุห้าขวบ คุณแม่ได้แอบพาผมไปมอนทรีออล ประเทศแคนาดา. สี่ปีต่อมาท่านส่งตัวผมกลับไปอังกฤษเพื่ออยู่กับคุณพ่อและเข้าโรงเรียน.
คุณแม่กับพี่สาวเขียนจดหมายถึงผมราว ๆ หกเดือนครั้ง. ในตอนท้ายของจดหมาย ก็มักจะบอกว่าให้ผมเป็นพลเมืองดี, จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และประเทศชาติ. คำตอบของผมคงจะทำให้ท่านผิดหวัง เพราะผมเขียนว่า ผมมั่นใจว่าลัทธิชาตินิยมและสงครามเป็นสิ่งผิด. กระนั้น เนื่องจากไม่มีการชี้นำที่ชัดแจ้งใด ๆ ระหว่างช่วงวัยหนุ่ม ผมได้แต่ปล่อยชีวิตไปตามยถากรรม.
ครั้นแล้วในเดือนกรกฎาคม 1939 หกสัปดาห์ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มต้น ผมถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารในกองทัพอังกฤษ. ผมอายุเพียง 20 ปีเท่านั้น. ไม่ช้าหน่วยที่ผมสังกัดถูกส่งไปยังภาคเหนือของฝรั่งเศส. เมื่ออากาศยานของเยอรมันจู่โจมเรา พวกเราที่เป็นคนหนุ่มได้เล็งปืนไรเฟิลยิงไปที่ยานเหล่านั้น. เรามีชีวิตอยู่ด้วยความตื่นตระหนก. เราล่าถอยก่อนกองทัพเยอรมันบุกเข้าโจมตี และผมอยู่ในบรรดาคนเหล่านั้นที่ถอนกลับ ณ ดันเคิร์ก ระหว่างสัปดาห์แรกของเดือนมิถุนายน 1940. ผมยังจำได้ถึงภาพที่น่าสยดสยองของซากศพทหารทั้งกองพันที่เกลื่อนอยู่ทั่วชายหาด. ผมรอดชีวิตผ่านประสบการณ์ที่เลวร้ายนั้นและมาถึงเมืองฮาร์วิชทางภาคตะวันออกของอังกฤษโดยลงเรือบรรทุกสินค้าขนาดเล็ก.
ปีถัดไป ในเดือนมีนาคม 1941 ผมถูกส่งไปยังอินเดีย. ที่นั่นผมได้รับการฝึกอบรมเป็นช่างซ่อมบำรุงอุปกรณ์การบิน. หลังจากอยู่ในโรงพยาบาลชั่วระยะหนึ่งเนื่องจากติดเชื้อ ผมถูกย้ายไปยังหน่วยทหารบุกในเดลี เมืองหลวงของอินเดีย. เพราะอยู่ห่างไกลบ้านเกิดและยังคงรู้สึกไม่สบายอยู่ ผมจึงเริ่มคิดถึงอนาคต. โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเราเมื่อตาย.
แสดงความภักดีแบบใหม่
เบิร์ต เกล เพื่อนชาวอังกฤษเป็นเพื่อนร่วมห้องของผมในเดลี. วันหนึ่งเขาบอกว่า “ศาสนาเป็นของพญามาร” ซึ่งเป็นความเห็นที่เร้าความสนใจของผม. ภรรยาของเขาได้เข้ามาเป็นพยานพระยะโฮวา และเธอส่งหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลให้เขาเป็นระยะ ๆ. หนึ่งในบรรดาหนังสือเหล่านั้น คือหนังสือเล่มเล็กชื่อความหวัง (ภาษาอังกฤษ) จับความสนใจของผม. คำอธิบายของหนังสือนั้นเกี่ยวกับความหวังเรื่องการกลับเป็นขึ้นจากตายทำให้ผมมีความรู้สึกสงบใจอย่างแท้จริง.
คราวหนึ่งในช่วงต้น ๆ ปี 1943 เบิร์ตได้พูดกับเทดดี กรูเบิร์ต พลเรือนชาวอินเดียเชื้อสายอังกฤษ ซึ่งทำงานกับเราในฐานทัพ. เราประหลาดใจเมื่อทราบว่า เทดดีเป็นพยานฯ. ถึงแม้ในปี 1941 มีการสั่งห้ามสรรพหนังสือของพยานพระยะโฮวาก็ตาม เขาพาเราไปยังการประชุมที่พวกพยานฯ ได้จัดขึ้นในเดลี. ในประชาคมเล็ก ๆ ผมพบมิตรภาพแท้และอบอุ่นเป็นครั้งแรกในชีวิต. บาซิล ทซาทอส พี่น้องชายคริสเตียนที่สูงวัยกว่าจากกรีซได้ให้ความสนใจต่อผมเป็นส่วนตัวและตอบคำถามของผม. เขาได้เสนอคำตอบที่ชัดเจนจากคัมภีร์ไบเบิลสำหรับคำถามที่ว่า ทำไมเราแก่ลงและตาย, การกลับเป็นขึ้นจากตาย, และโลกใหม่แห่งความชอบธรรมตามคำสัญญาของพระเจ้า.—กิจการ 24:15; โรม 5:12; 2 เปโตร 3:13; วิวรณ์ 21:3,4.
หนังสือเล่มเล็กสันติภาพ—จะยืนยงไหม? (ภาษาอังกฤษ) จัดพิมพ์ในปี 1942 จับความสนใจของผมเป็นพิเศษ. หนังสือนั้นระบุสันนิบาตชาติว่าเป็น “สัตว์ร้ายสีแดงเข้ม.” (วิวรณ์ 17:3) โดยยกวิวรณ์บท 17 ข้อ 11 (ล.ม.) ขึ้นมากล่าว หนังสือเล่มเล็กนั้นบอกว่า “ตอนนี้สามารถกล่าวได้ว่า สันนิบาตชาติ ‘เป็นอยู่ในกาลก่อนแต่บัดนี้มิได้เป็น.’” หนังสือนั้นกล่าวต่อไปว่า “การร่วมกันของนานาชาติฝ่ายโลกจะปรากฏขึ้นอีก.” ในปี 1945 สามปีกว่าต่อมา เหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้นอย่างแม่นยำ เมื่อองค์การสหประชาชาติได้ถูกก่อตั้งขึ้น!
ระหว่างที่มีการสั่งห้ามสรรพหนังสือของพยานฯ ผมสามารถช่วยเพื่อนใหม่ ๆ ที่ผมเพิ่งรู้จัก. เมื่อกล่องหนังสือเล่มเล็กสันติภาพ—จะยืนยงไหม? มาถึง ประชาคมจะมอบกล่องนั้นให้ผมเพื่อเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัย. ใครหรือที่คิดจะเข้าไปตรวจในค่ายทหารเพื่อหาสรรพหนังสือที่ถูกสั่งห้าม? แต่ละครั้งที่ผมเข้าร่วมประชุม ผมเอาหนังสือเล่มเล็กจำนวนหนึ่งติดตัวไปด้วยเพื่อพี่น้องจะมีใช้. ผมถึงกับซ่อนสรรพหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลเล่มส่วนตัวของพวกเขาไว้เมื่อเขากลัวการตรวจค้นที่บ้านของตน. ในที่สุด เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 1944 ได้มีการยกเลิกคำสั่งห้าม.
ความภักดีของผมต่อคำสอนคริสเตียนได้ถูกทดลองระหว่างการฉลองคริสต์มาสปี 1943 ซึ่งจัดขึ้นสำหรับกองกำลังของเราที่ถูกส่งออกไป. ผมไม่ยอมเข้าร่วม เนื่องจากผมได้เรียนรู้ว่า พระเยซูมิได้ประสูติในฤดูหนาวเดือนธันวาคม และคริสเตียนรุ่นแรกไม่ได้ฉลองคริสต์มาส.—เทียบกับลูกา 2:8-12.
เมื่อมีการจัดการประชุมใหญ่ “ผู้ป่าวประกาศที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน” ในเมืองจาบาลโพร์ วันที่ 27 ถึง 31 ธันวาคม 1944 ผมอยู่ในบรรดาผู้เข้าร่วมประชุมราว ๆ 150 คน. ตัวแทนที่เข้าร่วมการประชุมหลายคนเดินทางโดยรถไฟจากเดลี เป็นระยะทางมากกว่า 600 กิโลเมตร. ผมจะไม่มีวันลืมบรรยากาศอันวิเศษในการจัดประชุมกลางแจ้ง เป็นที่ที่ผมได้เห็นองค์การของพระยะโฮวาในภาคปฏิบัติ.
ผู้เข้าร่วมประชุมพักในห้องนอนรวมของโรงเรียน ที่นั่นเราร้องเพลงราชอาณาจักรและเพลิดเพลินกับมิตรภาพแบบคริสเตียนที่เปี่ยมด้วยความสุข. ระหว่างการประชุมนั้น ผมเริ่มมีส่วนร่วมในงานเผยแพร่ต่อสาธารณชน งานที่ผมถือว่าล้ำค่านับแต่นั้นเป็นต้นมา.
งานรับใช้เต็มเวลาในอังกฤษ
ผมกลับไปอังกฤษในปี 1946 และไม่ช้าก็เริ่มคบหาสมาคมกับประชาคมวุลเวอร์ทัน. ถึงแม้เรามีผู้ประกาศราชอาณาจักรเพียงสิบคนเท่านั้น คนเหล่านี้ได้ทำให้ผมรู้สึกสบายใจ และผมประสบความอิ่มใจอย่างเดียวกันกับที่ผมมีในท่ามกลางพวกพี่น้องที่อินเดีย. เวอรา คลิฟทัน โดดเด่นในประชาคมฐานะเป็นบุคคลที่จริงใจ เอื้ออารี. เมื่อผมรู้ว่าเธอมีความปรารถนาเหมือนกับผมที่จะเป็นไพโอเนียร์ อันเป็นชื่อเรียกผู้เผยแพร่เต็มเวลา เราจึงแต่งงานกันในวันที่ 24 พฤษภาคม 1947. ผมได้ซ่อมแซมรถพ่วงซึ่งเป็นบ้านเคลื่อนที่เสียใหม่ และปีถัดไป เราได้รับเขตมอบหมายงานไพโอเนียร์ครั้งแรกที่เมืองฮันติงดันแถบชนบท.
ในสมัยนั้น เราเริ่มเดินทางด้วยรถจักรยานไปยังเขตชนบทตอนเช้าตรู่. งานเผยแพร่ของเราตลอดวันมีช่วงหยุดพักเพียงสั้น ๆ ตอนเที่ยงเพื่อกินแซนด์วิช. ไม่ว่าเราถีบจักรยานกลับบ้านทวนลมแรงเท่าไรหรือฝ่าสายฝนหนักเท่าไรก็ตาม เราก็มีความสุขและพึงพอใจในงานขององค์พระผู้เป็นเจ้า.
ต่อมาเราปรารถนาจะขยายงานรับใช้ของเราและแบ่งปัน “ข่าวดี” กับผู้คนในประเทศอื่น. (มัดธาย 24:14, ล.ม.) ดังนั้น เราได้สมัครเข้าโรงเรียนกิเลียดสำหรับมิชชันนารีในเซาท์แลนซิง, นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา. ในที่สุด เราได้เข้าในชั้นเรียนที่ 26 ของโรงเรียนกิเลียด ซึ่งสำเร็จการศึกษาในเดือนกุมภาพันธ์ 1956.
งานรับใช้ที่แผ่ขยายในแอฟริกา
เขตมอบหมายงานมิชชันนารีของเราคือโรดีเซียเหนือ (แซมเบียในปัจจุบัน) ในแอฟริกา. หลังจากไปถึงไม่นาน เราถูกเรียกให้รับใช้ในสำนักเบเธลของประเทศนั้น. ผมดูแลการโต้ตอบจดหมายกับประชาคมต่าง ๆ ในแอฟริกาตะวันออกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของงานที่ผมทำในเบเธล. ในปี 1956 เคนยา—หนึ่งในประเทศแถบแอฟริกาตะวันออกเหล่านี้—มีพยานฯ แค่สี่คน ขณะที่มีมากกว่า 24,000 คนในโรดีเซียเหนือ. ผมกับเวอราเริ่มคิดว่าคงจะดีสักเพียงไรที่จะไปรับใช้ในแหล่งที่มีความจำเป็นมากกว่า.
ครั้นแล้ว โดยมิได้คาดหมาย ผมได้รับคำเชิญอีกครั้งหนึ่งให้เข้าโรงเรียนกิเลียด คราวนี้เป็นหลักสูตรสิบเดือนสำหรับผู้ดูแล. โดยละเวอราไว้ในโรดีเซียเหนือ ผมเดินทางไปนครนิวยอร์ก ที่โรงเรียนกิเลียดตั้งอยู่ในตอนนั้น. หลังจากจบหลักสูตรในเดือนพฤศจิกายน 1962 ผมได้รับมอบหมายไปยังเคนยาเพื่อตั้งสำนักงานสาขาที่นั่น. ตอนนั้นเคนยามีพยานฯ ร้อยกว่าคน.
เมื่อผมกลับไปโรดีเซียเหนือเพื่อพบกับเวอรา ผมคิดว่าจะแวะที่กรุงไนโรบี เคนยาช่วงสั้น ๆ. ทว่าเมื่อผมมาถึง บิล นิสเบท ผู้สำเร็จการศึกษาจากกิเลียดชั้นที่ 25 มาพบผมและบอกว่า มีโอกาสที่จะได้รับอนุญาตอย่างเป็นทางการเพื่อเข้าประเทศเคนยาได้ทันที. เราจึงไปหาเจ้าหน้าที่กองตรวจคนเข้าเมือง และภายในไม่กี่นาที ผมได้รับใบอนุญาตให้ทำงานห้าปี. ดังนั้น ผมจึงไม่ได้กลับไปโรดีเซียเหนือเลย แต่เวอรามาสมทบกับผมที่ไนโรบี.
หลังจากเข้าเรียนหลักสูตรภาษาสวาฮิลีที่เตรียมไว้ให้เราอย่างปัจจุบันทันด่วนแล้ว เราได้สมทบกับประชาคมไนโรบีซึ่งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ในงานรับใช้. บางครั้งหลังจากเราอ่านคำเสนอของเราเป็นภาษาสวาฮิลีแล้ว เจ้าของบ้านจะอุทานว่า “ฉันไม่เข้าใจภาษาอังกฤษ!” ถึงแม้เป็นเช่นนี้ก็ตาม เราบากบั่นและค่อย ๆ เอาชนะอุปสรรคด้านภาษา.
เขตทำงานของเราครอบคลุมอาคารชุดที่พักอาศัยจำนวนมากที่มีชื่อจากคัมภีร์ไบเบิล เช่น ยะรูซาเลมและยะริโฮ. ความสนใจพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว และหลายคนจากบริเวณเหล่านี้ได้เข้ามาเป็นผู้ประกาศราชอาณาจักรคนใหม่ ๆ. ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลมีผลกระทบที่โดดเด่นเสียจริง ๆ ต่อผู้คนเหล่านี้! ความรู้สึกว่าเผ่าตัวเองเหนือกว่าได้อันตรธานไปขณะที่ความภักดีต่อราชอาณาจักรก่อให้เกิดเอกภาพท่ามกลางไพร่พลของพระยะโฮวา. แม้แต่การแต่งงานระหว่างเผ่าก็มีขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติทีเดียวในท่ามกลางคนที่ไม่ใช่พยานฯ.
ผู้ประกาศราชอาณาจักรคนใหม่ ๆ ได้รับเอาความจริงด้วยความกระตือรือร้น. ตัวอย่างเช่น แซมซันกระหายจะให้ความจริงในคัมภีร์ไบเบิลแผ่กระจายไปทั่วหมู่บ้านของเขาจนถึงกับเขาขออยู่เรื่อย ๆ ให้ส่งไพโอเนียร์ไปที่นั่น. ที่จริง เขาได้ต่อเติมบ้านในเขตอูคามบานีเพื่อจัดให้มีที่พักสำหรับพวกไพโอเนียร์. ไม่นานได้มีการตั้งประชาคมใหม่ของผู้ประกาศราชอาณาจักรขึ้นที่นั่น.
หลายครั้งผมไปเยี่ยมพี่น้องของเราในประเทศเอธิโอเปียทางแอฟริกาตะวันออก. พวกเขาใช้เวลาเฉลี่ยแล้วเดือนละมากกว่า 20 ชั่วโมงในงานรับใช้ ทั้ง ๆ ที่มีการจำคุก, การทุบตี, และการควบคุมตรวจตราอยู่เรื่อย ๆ. ครั้งหนึ่งรถประจำทางสองคันบรรทุกพี่น้องชายหญิงชาวเอธิโอเปียที่เดินทางมาเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ ผ่านช่องเขาที่อันตรายเพื่อเข้าร่วมการประชุมภาคในเคนยา. ความสามารถในการหาลู่ทางของพวกเขาในการจัดหาให้มีสรรพหนังสือเกี่ยวกับราชอาณาจักรในประเทศของเขานั้นเป็นเรื่องโดดเด่น. พวกเราที่อยู่ในเคนยารู้สึกยินดีในการช่วยจัดส่งหนังสือให้พวกเขา.
มีการสั่งห้ามงานของเราอย่างเป็นทางการในเคนยาเมื่อปี 1973 และพวกมิชชันนารีถูกบังคับให้ออกจากประเทศ. ตอนนั้นเรามีพยานฯ มากกว่า 1,200 คนในเคนยา และเราไม่อาจลืมได้ที่หลายคนในจำนวนนี้มาส่งเราที่สนามบิน. การที่พวกเขามากันมากมายเช่นนั้นกระตุ้นให้เพื่อนร่วมเดินทางถามว่า เรามีชื่อเสียงโด่งดังด้านไหนหรือ. เวอรากับผมกลับไปอังกฤษและได้รับเขตมอบหมายที่นั่น แต่เราปรารถนาจะกลับไปแอฟริกา.
กลับไปแอฟริกา
ฉะนั้น ไม่กี่เดือนต่อมา เราได้รับงานมอบหมายใหม่ที่เบเธลในเมืองอักกรา นครหลวงของประเทศกานาแถบแอฟริกาตะวันตก. ที่นี่งานมอบหมายอย่างหนึ่งทำให้ผมได้สัมผัสกับความยากลำบากที่พี่น้องของเราประสบในประเทศนั้น. ขณะที่ผมดูแลการจัดซื้ออาหารและสิ่งจำเป็นสำหรับครอบครัวเบเธล ผมตกตะลึงเนื่องจากราคาสิ่งบริโภคแพงเหลือเกิน. บ่อยครั้งผู้คนไม่สามารถซื้อได้แม้แต่ของที่จำเป็น. การขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงและชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ที่มีไม่เพียงพอทำให้ปัญหาเพิ่มขึ้น.
ผมได้เรียนรู้ความสำคัญของความอดทน ซึ่งเป็นคุณลักษณะที่พี่น้องชาวกานาของเราได้พัฒนา. เป็นเรื่องหนุนกำลังใจจริง ๆ ที่เห็นพวกเขารักษาไว้ซึ่งเจตคติที่ชื่นบานขณะปฏิเสธการล่อใจให้ได้มาซึ่งสิ่งจำเป็นในชีวิตโดยการรับสินบน. ผลก็คือ ไพร่พลของพระยะโฮวาในกานาเป็นที่รู้จักกันทั่วไปในเรื่องความซื่อตรงของเขาและมีชื่อเสียงดีกับเจ้าหน้าที่หลายคน.
อย่างไรก็ดี ทั้ง ๆ ที่มีการขาดแคลนทางวัตถุ ก็ยังมีความเจริญรุ่งเรืองด้านวิญญาณเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ. ตลอดทั่วประเทศ จะพบสรรพหนังสือเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลของเราในเกือบจะทุกบ้านทีเดียว. และเราเห็นจำนวนผู้ประกาศราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นจาก 17,156 คนในปี 1973 เมื่อเราไปถึงนั้นมาเป็นมากกว่า 23,000 คนในปี 1981. ในปีนั้นผมเป็นมะเร็งผิวหนังอยู่ระยะหนึ่ง ไม่ต้องสงสัยว่าการตากแดดเป็นเวลาหลายปีในอินเดียและแอฟริกาทำให้อาการหนักขึ้น เราจึงต้องจำใจออกจากกานาและกลับไปอังกฤษเพื่อการบำบัดรักษาเป็นประจำ.
สภาพแวดล้อมใหม่ในอังกฤษ
สำหรับผมแล้ว การกลับมาอังกฤษหมายถึงการปรับตัวมากทีเดียวในงานรับใช้. ผมเคยชินจริง ๆ ในการพูดอย่างง่าย ๆ กับผู้คนที่นับถือพระเจ้าและคัมภีร์ไบเบิล. แต่ในกรุงลอนดอน ผมแทบจะไม่พบเจตคติเช่นนั้น. ผมประหลาดใจในความบากบั่นของพวกพี่น้องในบริเตน. นี่ทำให้ผมเห็นความจำเป็นที่จะพัฒนาความเห็นอกเห็นใจมากขึ้นต่อผู้คนที่ “อิดโรยกระจัดกระจายไป” ทางฝ่ายวิญญาณ.—มัดธาย 9:36.
ภายหลังเรากลับจากแอฟริกา ผมกับเวอราได้รับใช้ด้วยกัน ณ เบเธลลอนดอนจนกระทั่งเธอเสียชีวิตในเดือนกันยายน 1991 เมื่ออายุ 73 ปี. ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่สูญเสียคู่ทุกข์คู่ยากผู้ซื่อสัตย์ซึ่งตรากตรำอยู่เคียงข้างผมในงานรับใช้เป็นเวลาหลายปีทีเดียว. ผมคิดถึงเธอเหลือเกิน. แต่ผมยินดีที่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากครอบครัวเบเธลของเราที่มีสมาชิกราว ๆ 250 คน.
ผมถือว่าเป็นสิทธิพิเศษอย่างแท้จริงที่ประสบพบเห็นการรุดหน้าไปแห่งองค์การของพระยะโฮวาและเห็นหลายคนเอางานรับใช้เต็มเวลาเป็นแนวทางชีวิตของเขา. ผมรับรองกับคุณได้เลยว่า ไม่มีทางชีวิตใดที่ดีไปกว่านี้ เพราะ “พระยะโฮวา . . . ไม่ทรงละทิ้งพวกผู้ชอบธรรม [“ภักดี,” ล.ม.] ของพระองค์เลย.”—บทเพลงสรรเสริญ 37:28.
[รูปภาพหน้า 23]
เราเป็นไพโอเนียร์ในอังกฤษตั้งแต่ปี 1947 ถึง 1955
[รูปภาพหน้า 23]
ครั้งแรกในงานเผยแพร่ระหว่างการประชุมใหญ่ในอินเดีย
[รูปภาพหน้า 23]
เมื่อเราเป็นมิชชันนารีในโรดีเซียเหนือ
[รูปภาพหน้า 23]
ในปี 1985 กับมิตรสหายที่ผมไม่ได้ พบมาเป็นเวลา 12 ปี