พระองค์ “ได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง”
“พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามแบบฉายาของพระองค์, และตามแบบฉายาของพระองค์นั้น พระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น, และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง.”—เยเนซิศ 1:27.
1. ความจริงเป็นพระพรสำหรับคริสเตียนชายหญิงอย่างไร?
ช่างน่ายินดีจริง ๆ ที่ได้อยู่ท่ามกลางไพร่พลของพระยะโฮวาและสมาคมคบหากับชายหญิง รวมทั้งเด็กชายและเด็กหญิง ซึ่งรักพระเจ้าและเชื่อฟังพระองค์เหนือสิ่งอื่นใดในชีวิต! ความจริงยังปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระจากเจตคติและความประพฤติซึ่งไม่เป็นที่พอพระทัยพระยะโฮวาพระเจ้า และสอนเราให้ดำเนินชีวิตแบบที่คริสเตียนควรดำเนินด้วย. (โยฮัน 8:32; โกโลซาย 3:8-10) เพื่อเป็นตัวอย่าง ผู้คนทุกหนแห่งมีธรรมเนียมหรือแนวคิดในเรื่องวิธีที่ผู้ชายควรแสดงความเป็นชาย และวิธีที่ผู้หญิงควรแสดงความเป็นหญิง. ความเป็นชายหรือหญิงเกี่ยวข้องกับเพียงแค่การที่ผู้ชายเกิดมามีลักษณะแบบผู้ชาย และผู้หญิงก็เกิดมามีลักษณะแบบผู้หญิงอย่างนั้นไหม? หรือมีปัจจัยอื่นอีกที่ต้องพิจารณาด้วย?
2. (ก) อะไรที่น่าจะกำหนดทัศนะของเราเรื่องความเป็นชายและความเป็นหญิง? (ข) เกิดอะไรขึ้นกับทัศนะในเรื่องเพศ?
2 ฐานะคริสเตียน เราน้อมอยู่ใต้อำนาจแห่งพระคำของพระเจ้า ไม่ว่าเราแต่ละคนจะมีความเห็นส่วนตัว, ตามวัฒนธรรม, หรือตามประเพณีแบบใดก็ตาม. (มัดธาย 15:1-9) คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้แจงรายละเอียดทุกแง่ทุกมุมในเรื่องความเป็นชายและความเป็นหญิง. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น พระคัมภีร์เปิดกว้างให้กับความหลากหลาย ดังที่เราพบเห็นในวัฒนธรรมต่าง ๆ. เพื่อชายและหญิงจะเป็นอย่างที่พระเจ้าทรงสร้างให้เป็น ผู้ชายควรมีคุณลักษณะซึ่งเหมาะกับเพศชาย และผู้หญิงก็ควรมีคุณลักษณะซึ่งเหมาะกับเพศหญิง. เพราะเหตุใด? เพราะนอกเหนือจากชายและหญิงถูกสร้างมาให้เสริมกันและกันทางกายแล้ว พวกเขายังถูกสร้างให้เสริมซึ่งกันและกันโดยอาศัยคุณลักษณะต่าง ๆ ของเพศชายและเพศหญิงด้วย. (เยเนซิศ 2:18, 23, 24; มัดธาย 19:4, 5) ทว่า ทัศนะในเรื่องเพศได้ถูกบิดเบือนจนผิดเพี้ยนไป. หลายคนถือว่าความเป็นชายคือการครอบงำเหนือผู้อื่นด้วยความรุนแรง, ความแข็งกระด้าง, หรือการวางก้ามแสดงกำลังหรือความแข็งแกร่ง. ในบางวัฒนธรรม เป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีให้เห็นหรือถือว่าน่าอายที่ผู้ชายจะร้องไห้ ไม่ว่าจะในที่สาธารณะหรือเมื่ออยู่ตามลำพัง. กระนั้น ขณะที่ทรงอยู่กับหมู่คนนอกอุโมงค์ฝังศพของลาซะโร “พระเยซูก็ทรงกันแสง.” (โยฮัน 11:35, ล.ม.) แม้แต่กับพระเยซูผู้ทรงมีความเป็นชายอย่างสมบูรณ์แบบ การที่พระองค์ทรงกันแสงเช่นนี้หาได้เป็นการไม่สมควรสำหรับพระองค์ไม่. ทุกวันนี้หลายคนมีทัศนะที่ไม่สมดุลในเรื่องความเป็นหญิง โดยมองว่าเป็นแต่เพียงเสน่ห์ดึงดูดทางกายและทางเพศ.
ความเป็นชายจริงและหญิงแท้
3. ชายและหญิงต่างกันอย่างไร?
3 อะไรคือความเป็นชายและความเป็นหญิงที่แท้จริง? สารานุกรม เดอะ เวิลด์ บุ๊ก บอกดังนี้: “ชายและหญิงส่วนมากต่างกันไม่เพียงแต่ทางกายวิภาค แต่ในพฤติกรรมและความสนใจด้วย. ความแตกต่างเหล่านี้บางอย่างถูกกำหนดโดยกระบวนการทางชีววิทยา . . . แต่ความแตกต่างหลายประการที่ไม่เกี่ยวกับทางกายวิภาคดูเหมือนจะมีพื้นฐานอยู่ที่บทบาททางเพศที่แต่ละบุคคลเรียนรู้เอง. คนเราเกิดมาถ้าไม่เป็นชายก็เป็นหญิง แต่พวกเขาเรียนรู้ที่จะแสดงลักษณะแบบผู้ชายหรือแบบผู้หญิง.” แม้ว่าองค์ประกอบทางพันธุกรรมอาจเป็นปฐมเหตุของหลายสิ่ง แต่การพัฒนาความเป็นชายหรือความเป็นหญิงอย่างเหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับการที่เราเรียนรู้ว่าพระเจ้าทรงเรียกร้องสิ่งใด และขึ้นอยู่กับสิ่งที่เราแต่ละคนเลือกติดตามในชีวิต.
4. คัมภีร์ไบเบิลเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับบทบาทของชายและหญิง?
4 ประวัติบันทึกในคัมภีร์ไบเบิลเผยให้เห็นว่าบทบาทของอาดามคือการนำหน้าฐานะประมุขของภรรยาและบุตร. เขายังจะต้องทำให้สอดคล้องกับพระทัยประสงค์ของพระเจ้าในเรื่องการบรรจุแผ่นดินโลกให้เต็มและปราบแผ่นดิน และดูแลสิ่งมีชีวิตที่ต่ำกว่าทั้งสิ้นบนแผ่นดินโลกให้อยู่ใต้อำนาจ. (เยเนซิศ 1:28) บทบาทความเป็นหญิงของฮาวาในครอบครัวคือเป็น “ผู้ช่วย” และ “คู่เคียง” ของอาดาม, ยอมอยู่ใต้อำนาจของเขา, ร่วมมือกับเขาในการทำพระประสงค์ของพระเจ้าที่ทรงแจ้งไว้สำหรับเขาทั้งสองให้สำเร็จ.—เยเนซิศ 2:18, ล.ม.; 1 โกรินโธ 11:3.
5. สัมพันธภาพระหว่างชายและหญิงเสียหายไปโดยวิธีใด?
5 แต่อาดามหาได้บรรลุมาตรฐานความรับผิดชอบของตนไม่ และฮาวาใช้ความเป็นหญิงของเธอชักชวนให้อาดามหลงร่วมกับเธอในการไม่เชื่อฟังพระเจ้า. (เยเนซิศ 3:6) โดยปล่อยตัวเองให้ทำสิ่งที่เขารู้ว่าผิด อาดามจึงได้พลาดไปไม่ได้สำแดงความเป็นชายที่แท้จริง. เขาตัดสินอย่างอ่อนแอเลือกฟังคำคู่ของเขาที่ถูกหลอก แทนที่จะเชื่อฟังคำสั่งที่พระผู้สร้าง ซึ่งเป็นพระบิดาของเขาได้ให้ไว้. (เยเนซิศ 2:16, 17) ไม่ช้า มนุษย์คู่แรกก็เริ่มประสบสิ่งที่พระยะโฮวาทรงมองเห็นล่วงหน้าว่าจะเป็นผลของการไม่เชื่อฟัง. อาดาม ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้พรรณนาภรรยาของเขาด้วยถ้อยกวีที่เปี่ยมด้วยความรู้สึกอันแรงกล้า มาบัดนี้กลับพูดถึงเธออย่างเย็นชาว่าเป็น ‘หญิงที่พระองค์ประทานให้ข้าพเจ้านั้น.’ ความไม่สมบูรณ์ก่อความเสียหายและชี้ทางผิดให้ความเป็นชายของเขา ทำให้เขา “บังคับบัญชา” ภรรยาของตน. ส่วนฮาวาจะ “อาศัยพึ่ง [“ใคร่จะอยู่กับ,” ล.ม.]” สามี ซึ่งคงเป็นในลักษณะที่มากเกินควรหรืออย่างไม่สมดุล.—เยเนซิศ 3:12, 16.
6, 7. (ก) การบิดเบือนความเป็นลูกผู้ชายเช่นไรที่ก่อตัวขึ้นก่อนน้ำท่วมโลก? (ข) เราสามารถเรียนรู้อะไรได้จากสถานการณ์ในสมัยก่อนน้ำท่วมโลก?
6 การใช้ความเป็นชายและความเป็นหญิงอย่างผิด ๆ ได้กลายเป็นเรื่องที่เห็นได้ถนัดชัดเจนในช่วงก่อนน้ำท่วมโลก. เหล่าทูตสวรรค์ที่ละทิ้งฐานะเดิมของตนในสวรรค์แปลงกายลงมาใช้ร่างกายมนุษย์เพื่อแสวงหาความเพลิดเพลินจากการมีเพศสัมพันธ์กับบุตรสาวของมนุษย์. (เยเนซิศ 6:1, 2) บันทึกกล่าวถึงลูกซึ่งเกิดจากการจับคู่ที่ผิดธรรมชาติเช่นนี้เฉพาะแต่ที่เป็นเพศชายเท่านั้น. และลูกที่เกิดมาเป็นลูกผสมซึ่งคงจะไม่สามารถสืบลูกสืบหลานต่อไปได้. ผู้คนรู้จักพวกนี้ว่าเป็นผู้มีกำลังแข็งแรง, เนฟิลิม, หรือนักโค่น เนื่องจากพวกมันทำให้ผู้อื่นล้มลง. (เยเนซิศ 6:4, ล.ม. เชิงอรรถ) มีหลักฐานทำให้เห็นได้ว่า พวกนี้รุนแรง, ก้าวร้าว, และไม่มีความรักอันอ่อนละมุนต่อผู้อื่น.
7 เห็นได้ชัดว่า เฉพาะแต่ความสวยงามทางกาย, ทรวดทรงองค์เอว, ขนาด, หรือความแข็งแรงไม่ได้ทำให้มีความเป็นชายหรือความเป็นหญิงซึ่งควรแก่การยอมรับ. ทูตสวรรค์ที่แปลงกายเป็นมนุษย์คงจะมีรูปร่างหน้าตาดี. และพวกเนฟิลิมก็มีร่างกายใหญ่โตและมีกล้ามเป็นมัด ๆ แต่เจตคติของพวกมันนั้นวิปริต. ทูตสวรรค์ที่ไม่เชื่อฟังและลูกของพวกมันทำให้แผ่นดินโลกเต็มไปด้วยการผิดศีลธรรมทางเพศและความรุนแรง. ฉะนั้น พระยะโฮวาทรงนำอวสานมาสู่โลกเวลานั้น. (เยเนซิศ 6:5-7) อย่างไรก็ตาม น้ำท่วมไม่ได้ขจัดอิทธิพลของพวกผีปิศาจ ทั้งไม่ได้กำจัดผลแห่งบาปของอาดาม. ความคิดอย่างผิด ๆ เกี่ยวกับความเป็นชายและความเป็นหญิงปรากฏให้เห็นอีกครั้งหลังน้ำท่วมใหญ่ และมีตัวอย่างในคัมภีร์ไบเบิลทั้งตัวอย่างที่ดีและไม่ดีซึ่งให้บทเรียนแก่เรา.
8. โยเซฟวางตัวอย่างที่ดีอะไรไว้ในเรื่องความเป็นลูกผู้ชายอย่างที่เหมาะที่ควร?
8 โยเซฟและภรรยาของโพติฟาให้ตัวอย่างที่มีพลังในเรื่องความเป็นชายที่เหมาะสม เมื่อเผชิญหน้ากับความเป็นหญิงอย่างโลกนี้. ภรรยาของโพติฟาลุ่มหลงในโยเซฟซึ่งมีรูปร่างหน้าตาดี จึงได้พยายามยั่วยวนเขา. เวลานั้นยังไม่มีพระบัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษรจากพระเจ้าห้ามการผิดประเวณีหรือการเล่นชู้. กระนั้น โยเซฟหนีจากหญิงที่ไร้ศีลธรรมนั้น และพิสูจน์ตัวว่าเป็นคนของพระเจ้าอย่างแท้จริง แสดงความเป็นลูกผู้ชายอย่างที่พระเจ้าทรงชอบพระทัย.—เยเนซิศ 39:7-9, 12.
9, 10. (ก) ราชินีวัศธีใช้ความเป็นหญิงของเธออย่างผิด ๆ อย่างไร? (ข) เอศเธระวางตัวอย่างที่ดีอะไรแก่เราในเรื่องความเป็นหญิง?
9 เอศเธระและราชินีวัศธีให้ภาพความแตกต่างที่น่าสังเกตสำหรับผู้หญิง. จากบันทึกดูเหมือนวัศธีคิดว่าเธอนั้นเลอโฉมจนกษัตริย์อะหัศวะโรศจะต้องยอมตามที่ตนเองปรารถนาเสมอ. ทว่า ความสวยของเธอนั้นไม่ได้อยู่ลึกไปกว่าครีมพอกผิวที่ขายกันเกร่ออยู่ในทุกวันนี้. เธอขาดความเจียมตัวและความเป็นหญิง เพราะไม่ได้แสดงความอ่อนน้อมอยู่ใต้อำนาจของพระสวามีและกษัตริย์. กษัตริย์ทรงปลดเธอออก และเลือกผู้หญิงที่มีความเป็นหญิงอย่างแท้จริง ซึ่งที่จริงเป็นคนที่เกรงกลัวพระยะโฮวา ให้มาเป็นราชินีของพระองค์.—เอศเธระ 1:10-12; 2:15-17.
10 เอศเธระเป็นตัวอย่างที่ดีเยี่ยมทีเดียวสำหรับสตรีคริสเตียน. แม้ว่าเธอเป็นคน “รูปร่างงามและสะสวย” แต่ปรากฏชัดว่าเธอประดับตัว “อย่างที่ซ่อนไว้ในใจ, เป็นเครื่องประดับซึ่งไม่รู้เปื่อยไป, คือจิตต์ใจอ่อนสุภาพและสงบเสงี่ยม.” (เอศเธระ 2:7; 1 เปโตร 3:4) เธอไม่ได้ถือว่าการประดับตัวให้เป็นที่สะดุดตาสำคัญเหนือสิ่งใด. เอศเธระรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบาและควบคุมตัวเอง อ่อนน้อมต่อผู้เป็นพระสวามีคือกษัตริย์อะหัศวะโรศ แม้ในยามที่ชีวิตและความเป็นอยู่ของคนชาติเดียวกันตกอยู่ในอันตราย. เอศเธระนิ่งเงียบเมื่อสุขุมที่จะทำเช่นนั้น แต่พูดอย่างกล้าหาญและปราศจากความกลัวเมื่อจำเป็นและเหมาะแก่เวลา. (เอศเธระ 2:10; 7:3-6) เธอตอบรับคำแนะนำของมาระดะคายซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องที่อาวุโสมากกว่า. (เอศเธระ 4:12-16) เธอแสดงออกซึ่งความรักและความภักดีต่อเพื่อนร่วมชาติของเธอ.
การปรากฏภายนอก
11. เราควรระลึกอะไรไว้เสมอในเรื่องการปรากฏภายนอก?
11 มีเคล็ดลับอะไรที่ช่วยให้แสดงความเป็นหญิงอย่างเหมาะสม? มารดาผู้หนึ่งบอกดังนี้: “ท่าทางนวยนาดเป็นของลวง, และความสวยงามเป็นของไม่เที่ยง; แต่สตรีที่ยำเกรงพระยะโฮวานั้นจะรับคำชมเชย.” (สุภาษิต 31:30) ดังนั้น ความเคารพยำเกรงต่อพระเจ้าเป็นเรื่องสำคัญ และความรักกรุณา, ความร่าเริง, ความเจียมตัว, และคำพูดที่อ่อนโยนช่วยส่งเสริมความเป็นหญิงยิ่งเสียกว่าที่ความสวยงามทางกายทำได้มากทีเดียว.—สุภาษิต 31:26.
12, 13. (ก) วาจาของผู้คนมากมายเป็นเช่นไรซึ่งฟังแล้วน่าเศร้าใจ? (ข) สุภาษิต 11:22 มีความหมายเช่นไร?
12 น่าเศร้า ชายหญิงเป็นจำนวนมากไม่ได้ปริปากพูดในแนวทางแห่งสติปัญญา ทั้งไม่มีความรักกรุณาที่ลิ้นของพวกเขา. คำพูดของพวกเขาเป็นแบบหยาบหยาม, ถากถาง, หยาบคาย, และไม่คิดถึงผู้อื่น. บางคนคิดว่าภาษาสกปรกเป็นเครื่องแสดงความเป็นชาย และก็มีผู้หญิงบางคนเลียนแบบตามอย่างโง่เขลา. ทว่า หากหญิงคนหนึ่งสวย แต่ขาดความมีเหตุผลและชอบโต้เถียง, พูดกระทบกระเทียบ, หรือยโสโอหัง จะนับว่าเธอสวยในความหมายที่แท้จริงของคำนี้ และมีความเป็นหญิงอย่างแท้จริงได้ไหม? “สตรีรูปงามแต่ปราศจากสติรอบคอบก็เหมือนกับแหวนทองอันประดับไว้ที่จมูกหมู.”—สุภาษิต 11:22.
13 ความสวยงามที่ควบไปกับคำพูดที่ไม่สะอาด, การเหน็บแนม, หรือความขาดเหตุผล คงจะไม่ประสานกันกับการปรากฏตัวซึ่งเน้นความเป็นผู้หญิงที่คนนั้นอาจพยายามอวด. อันที่จริง ความประพฤติอย่างที่ไม่เลื่อมใสพระเจ้าเช่นนั้นอาจถึงกับทำให้คนที่มีลักษณะทางกายน่าชมกลายเป็นดูแล้วน่าเกลียด. เราเข้าใจได้ไม่ยากว่า ลำพังการปรากฏภายนอกของผู้ชายหรือผู้หญิงนั้นไม่อาจชดเชยการระเบิดอารมณ์โกรธ, การกรีดร้อง, หรือคำพูดที่ก่อความเสียหาย ทั้งไม่ทำให้การกระทำเหล่านี้ถูกต้องขึ้นมาได้. คริสเตียนทุกคนสามารถทำได้และควรทำในการทำให้พระเจ้าพอพระทัยและเป็นที่ชื่นชอบต่อเพื่อนมนุษย์โดยคำพูดและการกระทำที่อาศัยคัมภีร์ไบเบิลเป็นหลัก.—เอเฟโซ 4:31.
14. การประดับตัวแบบใดที่ได้รับการชมเชยใน 1 เปโตร 3:3-5 และคุณรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการประดับตัวเช่นนั้น?
14 ขณะที่ความเป็นหญิงและความเป็นชายมีพื้นฐานอยู่ที่คุณลักษณะทางฝ่ายวิญญาณ อากัปกิริยาและการปรากฏกาย รวมทั้งเสื้อผ้าที่เราสวมและลักษณะที่เราสวมใส่ล้วนบ่งบอกเกี่ยวกับตัวเราเอง. ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านอัครสาวกเปโตรคงคิดถึงเสื้อผ้าและการแต่งตัวบางอย่างในแบบสมัยศตวรรษแรก เมื่อท่านให้คำแนะนำแก่สตรีคริสเตียนดังต่อไปนี้: “อย่าให้การประดับกายของท่านเป็นอย่างภายนอก คือถักผมและสวมใส่เครื่องประดับทองคำหรือสวมใส่เสื้อผ้าชั้นนอก. แต่ให้เป็นบุคคลที่ซ่อนเร้นไว้แห่งหัวใจ ด้วยเครื่องแต่งกายที่เปื่อยเน่าไม่ได้แห่งน้ำใจสงบเสงี่ยมและอ่อนโยน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีค่ามากในสายพระเนตรของพระเจ้า. ด้วยว่าแต่ก่อนพวกผู้หญิงบริสุทธิ์ผู้ซึ่งหวังใจในพระเจ้าเคยประดับตัวอย่างนั้นแหละ และยอมอยู่ใต้อำนาจสามีของตน.”—1 เปโตร 3:3-5, ล.ม.
15. ผู้หญิงคริสเตียนควรพยายามจะแสดงน้ำใจแบบไหนในการแต่งกายของตน?
15 ที่ 1 ติโมเธียว 2:9, 10 (ล.ม.) เราอ่านพบคำแนะนำของเปาโลเรื่องเสื้อผ้าอย่างผู้หญิงดังนี้: “ข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกผู้หญิงประดับตัวด้วยเสื้อผ้าที่จัดเรียบร้อย ด้วยความสงบเสงี่ยมและสุขภาพจิตดี. . . . ด้วยวิธีที่เหมาะสมกับสตรีที่ประกาศตัวว่านับถือพระเจ้า นั่นคือ โดยการงานที่ดี.” ในที่นี้ท่านกล่าวย้ำถึงความจำเป็นต้องมีความสงบเสงี่ยมและสวมเสื้อผ้าที่จัดเรียบร้อยซึ่งสะท้อนความมีสุขภาพจิตดี.
16, 17. (ก) ชายหญิงหลายคนในทุกวันนี้ใช้เสื้อผ้าอย่างผิด ๆ อย่างไร? (ข) เราควรลงความเห็นเช่นไรเมื่ออ่านคำแนะนำซึ่งพบที่พระบัญญัติ 22:5?
16 ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง เด็กชายหรือเด็กหญิง การประพฤติหรือการแต่งตัวในแบบที่ยั่วยวนทางเพศไม่ได้เสริมความเป็นชายหรือความเป็นหญิงที่แท้จริง และไม่เป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้าอย่างแน่นอน. ผู้คนในโลกหลายคนแสดงออกอย่างโจ่งแจ้งเพื่อเน้นความเป็นชายหรือความเป็นหญิงไปในทางเพศทั้งการแต่งตัวและการประพฤติ. คนอื่น ๆ ทำให้ความแตกต่างระหว่างเพศมองเห็นไม่เด่นชัดด้วยจุดมุ่งหมายซึ่งไม่ชอบด้วยศีลธรรม. พวกเราที่เป็นคริสเตียนรู้สึกขอบคุณสักเพียงไรที่คัมภีร์ไบเบิลเปิดเผยให้เราทราบความคิดของพระเจ้า! พระยะโฮวาทรงประกาศกับชนยิศราเอลโบราณว่า “ห้ามมิให้ผู้หญิงนุ่งห่มเครื่องแต่งกายของผู้ชาย, และห้ามมิให้ผู้ชายเอาเครื่องแต่งกายของผู้หญิงมานุ่งห่ม: ด้วยผู้ใดกระทำดังนี้ก็เป็นที่น่าเกลียดชังต่อพระยะโฮวา.”—พระบัญญัติ 22:5
17 คุณคงจะยินดีที่มีโอกาสได้ทบทวนสิ่งที่หอสังเกตการณ์ กล่าวในเรื่องนี้ ในฉบับ 15 สิงหาคม 1988 หน้า 22 ซึ่งที่นั่นกล่าวไว้ดังนี้: “ปัญหาไม่ใช่อยู่ที่ว่าสไตล์การแต่งตัวแบบใดแบบหนึ่งล้ำสมัยเกินไป แต่ทว่าเป็นการแต่งกายที่เหมาะสมหรือไม่สำหรับผู้ที่อ้างว่าเป็นผู้รับใช้ของพระเจ้า. (โรม 12:2; 2 โกรินโธ 6:3) เสื้อผ้าสำหรับใส่ลำลองหรือคับติ้วจะทำให้ความสนใจของผู้คนเขวไปจากข่าวสารของเรา. เสื้อผ้าแบบที่ทำให้ผู้ชายเป็นลักษณะนิสัยผู้หญิง หรือแบบที่ทำให้ผู้หญิงเป็นลักษณะนิสัยผู้ชายด้วยจงใจให้เป็นเช่นนั้นไม่สมควรแน่นอน. (เทียบกับพระบัญญัติ 22:5.) จริงอยู่ ธรรมเนียมการแต่งกายย่อมแตกต่างกันไป ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับดินฟ้าอากาศ งานที่ทำและอื่น ๆ ดังนั้นประชาคมคริสเตียนจึงไม่ตั้งกฎเกณฑ์เคร่งครัดเพื่อครอบคลุมถึงพี่น้องทั่วโลก.”
18. ขั้นตอนใดบ้างที่เราอาจต้องทำในการใช้คำแนะนำของคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับการแต่งกายและการประดับตัว?
18 ช่างเป็นคำแนะนำที่สมดุลและเหมาะเสียจริง ๆ! น่าเศร้าที่คริสเตียนบางคนทั้งชายและหญิงติดตามอย่างไม่ลืมหูลืมตาในสิ่งที่โลกส่งเสริมเกี่ยวกับการแต่งกายและการประดับตัว โดยไม่คำนึงว่าการทำเช่นนั้นอาจส่งผลต่อพระยะโฮวาและต่อประชาคมคริสเตียนอย่างไร. เราแต่ละคนน่าจะสำรวจดูตัวเอง เพื่อดูว่าเราได้รับอิทธิพลจากความคิดแบบโลกหรือไม่. หรือเราอาจเข้าพบพี่น้องชายหรือหญิงที่มีประสบการณ์ซึ่งได้รับความนับถือ และขอให้เขาช่วยแนะนำในสิ่งที่เราอาจปรับเปลี่ยนได้ในเรื่องรูปแบบการแต่งกายของเรา แล้วก็ชั่งดูข้อเสนอแนะเหล่านั้นอย่างจริงจัง.
คริสเตียนชายหญิง—ชายจริงหญิงแท้
19. อิทธิพลที่ไม่พึงปรารถนาอะไรที่เราจำต้องต่อสู้?
19 พระของโลกนี้คือซาตาน และอิทธิพลของมันสามารถเห็นได้จากความสับสนวุ่นวายในเรื่องเพศ และความสับสนนี้มิใช่เพียงแค่เรื่องเสื้อผ้าเท่านั้น. (2 โกรินโธ 4:4) ในบางประเทศ ผู้หญิงจำนวนมากแย่งความเป็นประมุขกับผู้ชายอันเป็นการเพิกเฉยหลักการของคัมภีร์ไบเบิล. ในอีกด้านหนึ่ง มีผู้ชายจำนวนมากที่ละทิ้งหน้าที่รับผิดชอบในการเป็นประมุขไปเสียเฉย ๆ เช่นที่อาดามได้ทำ. มีบางคนที่ถึงกับพยายามจะเปลี่ยนบทบาททางเพศในชีวิตของตนกลายเป็นพวกลักเพศไป. (โรม 1:26, 27) คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้กำหนดแบบชีวิตอื่นเอาไว้ให้เป็นทางเลือกซึ่งพระเจ้าทรงรับรอง. และใครก็ตามซึ่งก่อนเข้ามาเป็นคริสเตียน เคยสับสนในเรื่องเอกลักษณ์หรือความชอบทางเพศ สามารถวางใจได้ว่าเป็นผลประโยชน์ถาวรสำหรับพวกเขาที่จะใช้ชีวิตสอดคล้องกับมาตรฐานของพระเจ้า มาตรฐานนี้แหละที่ทุกคนซึ่งบรรลุสภาพมนุษย์สมบูรณ์จะรับรองเอาด้วยความหยั่งรู้ค่า.
20. ฆะลาเตีย 5:22, 23 น่าจะมีผลเช่นไรต่อทัศนะของเราเรื่องความเป็นชายและความเป็นหญิง?
20 พระคัมภีร์แสดงให้เห็นว่า คริสเตียนชายหญิงจำต้องพัฒนาและสำแดงผลพระวิญญาณของพระเจ้าให้ประจักษ์ กล่าวคือ ความรัก, ความยินดี, สันติสุข, ความอดกลั้นทนนาน, ความกรุณา, ความดี, ความเชื่อ, ความอ่อนโยน, และการรู้จักบังคับตน. (ฆะลาเตีย 5:22, 23, ล.ม.) ด้วยพระสติปัญญาอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ พระเจ้าทรงสามารถช่วยผู้ชายให้มีความเป็นชายมากขึ้น และผู้หญิงให้มีความเป็นหญิงมากขึ้น โดยการปลูกฝังผลพระวิญญาณดังกล่าว. ชายที่แสดงผลพระวิญญาณนั้นง่ายที่ผู้อื่นจะแสดงความนับถือ และหญิงที่ทำแบบเดียวกันก็ทำให้ง่ายที่คนอื่นจะรักเธอ.
21, 22. (ก) แบบอย่างอะไรที่พระเยซูทรงวางไว้ในเรื่องรูปแบบชีวิต? (ข) พระเยซูทรงสำแดงความเป็นชายของพระองค์อย่างไร?
21 บุรุษผู้ใหญ่ยิ่งเท่าที่เคยมีมาได้แก่พระเยซูคริสต์ และแบบอย่างชีวิตของพระองค์นั่นเองที่คริสเตียนควรเลียนตาม. (1 เปโตร 2:21-23) ดังที่พระเยซูได้ทำ ทั้งชายและหญิงควรพิสูจน์ตัวภักดีต่อพระเจ้าและเชื่อฟังพระคำของพระองค์. พระเยซูทรงสำแดงคุณสมบัติอันน่าทึ่งแห่งความรัก, ความอ่อนโยน, และความเมตตา. ฐานะคริสเตียนแท้ เราถูกคาดหมายให้เลียนแบบพระองค์เพื่อพิสูจน์ว่าเราเป็นสาวกของพระองค์.—โยฮัน 13:35.
22 พระเยซูคริสต์ทรงเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง และเราสามารถเห็นได้ถึงคุณสมบัติแบบผู้ชายของพระองค์ขณะที่เราศึกษาประวัติบันทึกชีวิตของพระองค์ที่ลงไว้ในพระคัมภีร์. พระองค์ไม่เคยสมรส แต่คัมภีร์ไบเบิลเผยให้เห็นว่า พระองค์ทรงมีความยินดีในการคบหาสมาคมอย่างสมดุลกับเหล่าสตรี. (ลูกา 10:38, 39) ความสัมพันธ์ของพระองค์กับผู้ชายและผู้หญิงนั้นบริสุทธิ์สะอาดและน่านับถือเสมอ. พระองค์ทรงเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบในเรื่องความเป็นชาย. พระองค์ไม่ทรงยอมให้ใคร—ไม่ว่าจะเป็นชาย, หญิง, หรือทูตสวรรค์ที่ไม่เชื่อฟัง—ปล้นเอาลักษณะความเป็นชายในแบบที่เลื่อมใสในพระเจ้าของพระองค์ รวมทั้งความซื่อสัตย์ของพระองค์ต่อพระยะโฮวาด้วย. พระองค์ไม่รีรอในการรับเอาหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมายและทรงทำเช่นนั้นโดยไม่ปริปากบ่น.—มัดธาย 26:39.
23. เกี่ยวกับบทบาทของเพศชายและเพศหญิง คริสเตียนแท้ได้รับพระพรอย่างเห็นได้ชัดอย่างไร?
23 ช่างน่ายินดีจริง ๆ ที่ได้อยู่ท่ามกลางไพร่พลของพระยะโฮวา และได้สมาคมคบหากับชายและหญิง รวมทั้งเด็กชายและเด็กหญิง ผู้ซึ่งการแสดงความรักและเชื่อฟังพระยะโฮวาพระเจ้าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในชีวิต! เราไม่ได้ถูกจำกัดในการที่เราเชื่อฟังพระคำของพระเจ้า. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น เราเป็นอิสระจากโลกนี้และวิถีชีวิตแบบโลกที่ทำให้ความงาม, จุดมุ่งหมาย, และบทบาทที่เด่นชัดในเรื่องเพศเสื่อมลงไป. เราสามารถประสบความสุขแท้ที่มาจากการทำตามบทบาทหน้าที่ในชีวิตที่พระเจ้าทรงประทานให้ไม่ว่าเราเป็นชายหรือหญิง. ใช่แล้ว เราขอบพระคุณพระผู้สร้างพระยะโฮวาพระเจ้าสักเพียงไรสำหรับการจัดเตรียมทั้งสิ้นด้วยความรักของพระองค์เพื่อผลประโยชน์ของเรา และขอบพระคุณที่ทรงสร้างเรามาให้เป็นชายและหญิง!
คุณจะตอบอย่างไร?
▫ คัมภีร์ไบเบิลพรรณนาบทบาทที่เหมาะสมอะไรสำหรับชายและหญิง?
▫ ความเป็นชายถูกบิดเบือนไปอย่างไรก่อนน้ำท่วมโลก และทัศนะเกี่ยวกับความเป็นชายและความเป็นหญิงถูกบิดเบือนไปอย่างไรในสมัยของเรา?
▫ คัมภีร์ไบเบิลมีคำแนะนำอะไรเกี่ยวกับการปรากฏตัวที่คุณจะพยายามนำไปใช้?
▫ ชายหญิงคริสเตียนจะพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างไรว่าตนเป็นชายจริงและหญิงแท้?
[รูปภาพหน้า 17]
แม้เป็นคนสวย เอศเธระมีชื่อเสียงเป็นพิเศษในเรื่องความเจียมตัวและน้ำใจสงบเสงี่ยมและอ่อนโยนของเธอ
[รูปภาพหน้า 18]
จงเอาใจใส่ในการประดับกายให้พอเหมาะพอควร โดยเน้นที่ความงามภายในมากกว่า