ขุมทรัพย์อันล้ำค่าถูกค้นพบ
เรื่องราวของคัมภีร์ไบเบิลฉบับมาคาริออส
ปี 1993 นักค้นคว้าคนหนึ่งได้ไปพบวารสารออร์โทด็อกซ์ รีวิว ตั้งหนึ่งเก่ามากจนกระดาษเปลี่ยนเป็นสีเหลืองคร่ำคร่าในห้องสมุดแห่งชาติรัสเซียที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก. ในหน้าต่าง ๆ ของวารสารนี้ที่พิมพ์ระหว่างปี 1860 ถึง 1867 นั้น มีทรัพย์อันล้ำค่าซ่อนอยู่พ้นสายตาประชาชนชาวรัสเซียมานานกว่าหนึ่งร้อยปี. สิ่งนั้นได้แก่ข้อความที่แปลมาจากพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูทั้งเล่ม หรือที่เรียกกันว่า “พันธสัญญาเดิม” เป็นภาษารัสเซีย!
พวกผู้แปลพระคัมภีร์ฉบับนี้ได้แก่ มิคาอิล ยาโคฟเลวิช กลูคาเรฟ เป็นที่รู้จักในฐานะเป็นนักเทศน์มาคาริออส และเกียราซิม เปียโตรวิช ปาฟสกี. บุคคลทั้งสองเป็นสมาชิกที่มีชื่อเสียงแห่งคริสตจักรออร์โทด็อกซ์แห่งรัสเซีย ทั้งเป็นผู้คงแก่เรียนด้านภาษาอีกด้วย. เมื่อคนเหล่านี้เริ่มงานของเขาตอนต้นศตวรรษก่อน คัมภีร์ไบเบิลฉบับสมบูรณ์ยังไม่ได้แปลเป็นภาษารัสเซีย.
จริงอยู่ มีคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาสลาฟ ซึ่งเป็นที่มาของภาษารัสเซียสมัยปัจจุบัน. อย่างไรก็ดี พอมาถึงกลางศตวรรษที่ 19 สามัญชนทั่วไปไม่ได้ใช้ภาษาสลาฟเป็นเวลานานแล้ว ยกเว้นใช้ในพิธีการทางศาสนาโดยหมู่นักเทศน์นักบวชเท่านั้น. สภาพคล้าย ๆ กันนี้เคยมีอยู่ในโลกตะวันตก ซึ่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกพยายามจะให้คัมภีร์ไบเบิลมีในภาษาลาตินเท่านั้น หลังจากลาตินกลายเป็นภาษาที่ตายไปนานแล้ว.
มาคาริออสและปาฟสกีพยายามทำให้คัมภีร์ไบเบิลมีไว้พร้อมสำหรับสามัญชน. ด้วยเหตุนี้ การค้นพบงานของพวกเขาที่ถูกลืมไปนานแล้วเช่นนั้นทำให้มีทางเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟูส่วนสำคัญของมรดกด้านวรรณกรรมและทางศาสนาของรัสเซีย.
แต่ใครคือมาคาริออสและปาฟสกี? และทำไมความบากบั่นของเขาที่จะแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษาพื้น ๆ สำหรับประชาชนจึงเผชิญการต่อต้านเช่นนั้น? เรื่องราวของบุคคลทั้งสองน่าประทับใจและเสริมความเชื่อแก่คนทั้งหลายที่รักคัมภีร์ไบเบิล.
ความต้องการคัมภีร์ไบเบิลภาษารัสเซีย
มาคาริออสและปาฟสกีหาใช่พวกแรกที่มองเห็นความจำเป็นของการมีคัมภีร์ไบเบิลภาษาธรรมดาสำหรับประชาชน. ประมาณหนึ่งร้อยปีก่อนหน้านั้น พระเจ้าซาร์ปีเตอร์ที่หนึ่ง หรือปีเตอร์มหาราชแห่งรัสเซียทรงเล็งเห็นความจำเป็นนั้นเช่นเดียวกัน. น่าสนใจ พระเจ้าปีเตอร์มองดูพระคัมภีร์บริสุทธิ์ด้วยความนับถือและถ้อยคำของท่านถูกนำมากล่าวดังนี้: “คัมภีร์ไบเบิลเป็นหนังสือที่ดีเยี่ยมยิ่งกว่าหนังสืออื่นใด และบรรจุทุกเรื่องว่าด้วยหน้าที่ของมนุษย์ต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้านของตน.”
ด้วยเหตุนี้ ในปี 1716 พระเจ้าปีเตอร์จึงสั่งการให้ราชสำนักจัดพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลในกรุงอัมสเตอร์ดัม โดยใช้ราชทรัพย์ส่วนพระองค์. แต่ละหน้ามีทั้งคอลัมน์ภาษารัสเซียและคอลัมน์ภาษาดัตช์. หลังจากนั้นเพียงปีเดียว คือปี 1717 คัมภีร์ภาคภาษากรีก หรือ “พันธสัญญาใหม่” ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย.
พอถึงปี 1721 พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่แปลแยกเป็นสี่เล่มส่วนที่เป็นภาษาดัตช์ก็ได้รับการพิมพ์ออกมาด้วย. คอลัมน์หนึ่งเว้นว่างไว้เพื่อใส่ข้อความภาษารัสเซียภายหลัง. พระเจ้าปีเตอร์ได้มอบคัมภีร์ไบเบิลฉบับนี้ให้ “สภาศักดิ์สิทธิ์” แห่งคริสตจักรออร์โทด็อกซ์แห่งรัสเซีย—อำนาจสูงสุดทางศาสนาในคริสตจักร—ในอันที่จะจัดการพิมพ์และการจำหน่าย. อย่างไรก็ดี สภานั้นหาได้ดำเนินการให้เป็นไปตามนั้นไม่.
ต่อมาไม่ถึงสี่ปี พระเจ้าปีเตอร์ได้สิ้นพระชนม์. เกิดอะไรขึ้นกับคัมภีร์ไบเบิลของพระองค์? คอลัมน์ที่เว้นว่างไว้เผื่อจะได้ใส่ข้อความภาษารัสเซียก็ยังว่างเปล่า. คัมภีร์ไบเบิลกองเป็นตั้ง ๆ อยู่ในห้องใต้ดินและเปื่อยยุ่ยอยู่ตรงนั้น ไม่เหลือสักเล่มที่ไม่เสียหาย! การตกลงใจของสภาคือ “รุขายที่เหลือทั้งหมดให้พวกพ่อค้า.”
ความพยายามที่จะแปลได้เริ่มขึ้น
ปี 1812 จอห์น พาเตอร์สัน สมาชิกสมาคมคัมภีร์ไบเบิลแห่งบริเตนและต่างประเทศได้มาที่รัสเซีย. พาเตอร์สันได้ปลุกเร้าความสนใจของปัญญาชนแห่งเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กให้ก่อตั้งสมาคมคัมภีร์ไบเบิล. วันที่ 6 ธันวาคม 1812—ปีเดียวกันกับที่กองทัพรัสเซียได้ขับไล่กองทหารผู้รุกรานของนโปเลียนที่หนึ่ง—พระเจ้าซาร์อะเล็กซานเดอร์ที่หนึ่งก็ได้โปรดอนุญาตให้ก่อตั้งสมาคมคัมภีร์ไบเบิลแห่งรัสเซียขึ้น. ในปี 1815 พระเจ้าซาร์มีรับสั่งให้ประธานสมาคมคือเจ้าชายอะเล็กซันเดอร์ โกลิทซีนเสนอแนะคณะกรรมการสภาที่ปกครองคริสตจักรว่า “ชาวรัสเซียเช่นกันควรมีโอกาสได้อ่านพระคำของพระเจ้าที่เป็นภาษารัสเซียของตัวเอง.”
น่ายกย่องเสียจริง ๆ ที่โปรดอนุญาตให้แปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเป็นภาษารัสเซียโดยตรงจากภาษาฮีบรูดั้งเดิม. คัมภีร์ฉบับกรีกเซปตัวจินต์ โบราณเป็นพื้นฐานการแปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเป็นภาษาสลาฟ. บรรดาผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษารัสเซียได้รับคำแนะนำว่าหลักใหญ่ ๆ ในการแปลนั้นคือต้องถูกต้องแม่นยำ, ชัดเจน, และบริสุทธิ์. เกิดอะไรขึ้นกับความบากบั่นพยายามตอนแรก ๆ ที่จะให้มีคัมภีร์ไบเบิลภาษารัสเซีย?
จะต้องยกเลิกการแปลคัมภีร์ไบเบิลเสียแล้วหรือ?
ในไม่ช้าพวกที่ต้องการรักษาแบบแผนเดิมทั้งฝ่ายคริสตจักรและรัฐบาลต่างก็ไม่ไว้ใจแรงโน้มน้าวทางศาสนาและการเมืองจากต่างประเทศ. ผู้นำคริสตจักรบางคนยังอ้างอีกว่าภาษาสลาฟ—ภาษาใช้ในพิธีทางศาสนา—แสดงออกซึ่งข่าวสารของคัมภีร์ไบเบิลได้ดีกว่าภาษารัสเซีย.
ดังนั้น สมาคมคัมภีร์ไบเบิลแห่งรัสเซียจึงต้องเพิกถอนไปเมื่อปี 1826. งานแปลหลายพันเล่มที่สมาคมคัมภีร์ไบเบิลแปลไปแล้วก็ถูกเผาหมด. ผลก็คือ คัมภีร์ไบเบิลตกเป็นรองพิธีกรรมและขนบธรรมเนียม. โดยการดำเนินตามแบบอย่างของคริสตจักรโรมันคาทอลิก สภาศาสนาได้วางกฎเมื่อปี 1836 ว่า “อนุญาตให้สัปปุรุษจะฟังการอ่านพระคัมภีร์ แต่ไม่อนุญาตใคร ๆ อ่านส่วนหนึ่งส่วนใดของพระคัมภีร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคพันธสัญญาเดิม โดยปราศจากการชี้นำ.” ดูเหมือนว่าการแปลคัมภีร์ไบเบิลจะยุติลงเพียงแค่นั้น.
งานแปลของปาฟสกี
ในช่วงนั้น เกียราซิม ปาฟสกี ศาสตราจารย์ทางภาษาฮีบรูรับภาระการแปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเป็นภาษารัสเซีย. ปี 1821 เขาแปลพระธรรมบทเพลงสรรเสริญเสร็จ. พระเจ้าซาร์ทรงเห็นชอบงานแปลชิ้นนี้ทันที และพอถึงเดือนมกราคมปี 1822 พระธรรมบทเพลงสรรเสริญก็ออกสู่สายตาประชาชน. มีการยอมรับในทันทีทันใดและจึงต้องจัดพิมพ์ใหม่ถึง 12 ครั้ง รวมจำนวนทั้งสิ้น 100,000 เล่ม!
ความบากบั่นแบบผู้คงแก่เรียนของปาฟสกีนั้นทำให้เขาได้รับการยกย่องนับถือจากปราชญ์ด้านภาษาและนักศาสนศาสตร์หลายคน. มีการพรรณนาถึงเขาว่าเป็นคนตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์ ไม่ยอมสยบต่อแผนร้ายต่าง ๆ ที่ห้อมล้อมเขาอยู่. ทั้ง ๆ ที่คริสตจักรต่อต้านขัดขวางสมาคมคัมภีร์ไบเบิลแห่งรัสเซีย และข้อเท็จจริงที่ว่าบางคนรู้สึกว่าสมาคมนี้ทำเพื่อประโยชน์ของต่างชาติ แต่ศาสตราจารย์ปาฟสกีก็ยังคงดำเนินต่อไปในการแปลข้อต่าง ๆ ของคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษารัสเซียระหว่างแสดงปาฐกถาหลาย ๆ ครั้ง. นักศึกษาที่นิยมตัวเขาได้จดข้อความที่เขาแปลและในเวลาต่อมาพวกเขาสามารถรวบรวมผลงานของเขา. ปี 1839 พวกนักศึกษารวบรวมความกล้าจัดการใช้โรงพิมพ์ของมหาวิทยาลัยพิมพ์ออกมาถึง 150 เล่ม โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานที่ตรวจสอบ.
ฉบับแปลของปาฟสกีก่อความประทับใจอย่างน่าทึ่งแก่นักอ่านทั้งหลาย และความต้องการคัมภีร์ฉบับแปลนี้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ. แต่ในปี 1841 มีบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนสภาศาสนาเกี่ยวกับ “ภัย” สืบเนื่องจากฉบับแปลนี้ โดยอ้างว่าเป็นการเบี่ยงเบนไปจากหลักคำสอนฝ่ายออร์โทด็อกซ์. สองปีต่อมา สภาศาสนาได้ออกคำสั่ง “ให้ยึดงานแปลพระคัมภีร์ภาคพันธสัญญาเดิมของ จี. ปาฟสกีทั้งหมดที่มีอยู่ ทั้งสิ่งพิมพ์และที่เขียนด้วยมือ และทำลายเสีย.”
การยกย่องให้เกียรติพระนามของพระเจ้า
ถึงอย่างไรก็ตาม ปาฟสกีได้จุดประกายความสนใจในเรื่องการแปลคัมภีร์ไบเบิล. เขายังได้วางบรรทัดฐานสำคัญเผื่อนักแปลในอนาคตเกี่ยวกับประเด็นสำคัญข้อหนึ่งด้วย นั่นคือ พระนามของพระเจ้า.
คอร์ซูนสกี นักวิจัยชาวรัสเซียได้ชี้แจงว่า ‘พระนามแท้ ๆ ของพระเจ้า พระนามของพระองค์ซึ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเลิศ ประกอบด้วยอักษรฮีบรูสี่ตัว יהוה และเวลานี้ออกสำเนียงเป็นยะโฮวา.’ ในคัมภีร์ไบเบิลดั้งเดิมหลายฉบับ พระนามของพระเจ้าซึ่งไม่เหมือนใครนั้นปรากฏอยู่หลายพันครั้งเฉพาะในพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรู. อย่างไรก็ดี โดยการเข้าใจผิด ชาวยิวเชื่อกันว่าพระนามของพระเจ้าบริสุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์เกินกว่าจะนำมาเขียนหรือออกสำเนียง. เกี่ยวกับเรื่องนี้ คอร์ซูนสกีกล่าวว่า ‘ในการพูดหรือเขียน ปกติแล้วจะใช้คำอะโดนาย แทนพระนามนั้นซึ่งโดยทั่วไปได้รับการแปลว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า.”’
เป็นที่กระจ่างว่า การละเว้นไม่ใช้พระนามของพระเจ้านั้นเป็นเพราะความกลัวอันเนื่องมาจากการถือโชคลาง—ไม่ใช่เกรงกลัวด้วยความเลื่อมใสในพระเจ้า. ในคัมภีร์ไบเบิลเองไม่มีเลยที่จะห้ามปรามการใช้พระนามพระเจ้า. พระเจ้าเองตรัสแก่โมเซดังนี้: “เจ้าจงกล่าวแก่ชนชาติยิศราเอลดังนี้ว่า, ‘ยะโฮวาพระเจ้าของบรรพบุรุษของเจ้า: . . . ได้ใช้ข้าพเจ้ามาหาท่าน,’ นี่แหละเป็นนามของเราเป็นนิตย์; นี่แหละเป็นที่ระลึกของเราตลอดทุกชั่วอายุมนุษย์.” (เอ็กโซโด 3:15) พระคัมภีร์กระตุ้นเตือนเหล่าผู้นมัสการครั้งแล้วครั้งเล่าว่า “ประชาชนทั้งหลาย จงโมทนาพระคุณพระยะโฮวา! จงร้องเรียกพระนามของพระองค์.” (ยะซายา 12:4, ล.ม.) ถึงกระนั้น ผู้แปลคัมภีร์ไบเบิลส่วนใหญ่ยังคงพอใจปฏิบัติตามธรรมเนียมชาวยิว และได้หลีกเลี่ยงการใช้พระนามพระเจ้า.
แต่ปาฟสกีไม่ได้ติดตามธรรมเนียมดังกล่าว. งานแปลของเขาเฉพาะพระธรรมบทเพลงสรรเสริญเล่มเดียว มีพระนามยะโฮวาปรากฏอยู่มากกว่า 35 ครั้ง. ความกล้าหาญของเขาคงต้องเป็นแรงจูงใจสำคัญแก่ผู้หนึ่งที่ร่วมยุคเดียวกันกับเขา.
นักเทศน์มาคาริออส
คนร่วมสมัยเดียวกันกับเขาได้แก่นักเทศน์มาคาริออส มิชชันนารีออร์โทด็อกซ์ชาวรัสเซียซึ่งมีทักษะด้านภาษาอย่างน่าทึ่ง. ตอนอายุยังน้อยแค่เจ็ดขวบ เขาสามารถแปลข้อความสั้น ๆ จากภาษารัสเซียเป็นภาษาลาติน. ครั้นอายุ 20 เขารู้ภาษาฮีบรู, เยอรมัน, และฝรั่งเศส. อย่างไรก็ดี ท่าทีอ่อนน้อมและความสำนึกอันเฉียบคมต่อหน้าที่รับผิดชอบจำเพาะพระเจ้าช่วยเขาหลีกเลี่ยงหลุมพรางของการมั่นใจตัวเองเกินไป. เขาแสวงหาคำแนะนำจากนักภาษาและผู้คงแก่เรียนอยู่เสมอ.
มาคาริออสต้องการปฏิรูปกิจกรรมมิชชันนารีในรัสเซีย. เขามีความรู้สึกว่าก่อนที่จะเผยแพร่ศาสนาคริสเตียนแก่ชาวมุสลิมและชาวยิวในรัสเซีย คริสตจักรต้อง “ให้ความรู้แก่มวลชนโดยการตั้งโรงเรียนและผลิตคัมภีร์ไบเบิลภาษารัสเซีย ออกจำหน่ายจ่ายแจก.” ในเดือนมีนาคม 1839 มาคาริออสได้มาถึงเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ด้วยหวังจะได้รับอนุมัติให้แปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเป็นภาษารัสเซีย.
มาคาริออสได้แปลพระธรรมยะซายาและพระธรรมโยบเสร็จไปแล้ว. แต่สภาศาสนาไม่อนุมัติให้แปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเป็นภาษารัสเซีย. ที่จริง มีคำสั่งให้มาคาริออสเลิกคิดที่จะแปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูเป็นภาษารัสเซีย. สภาศาสนาได้ประกาศข้อบังคับเมื่อวันที่ 11 เมษายน 1841 สั่งมาคาริออส “บำเพ็ญทุกขกิริยาชดเชยบาปเป็นระยะเวลาสามถึงหกสัปดาห์ ณ สำนักของบิชอปคนหนึ่ง ในเมืองทอมสค์ เพื่อชำระสติรู้สึกผิดชอบของเขาให้ผ่องแผ้วโดยการอธิษฐานและคุกเข่าศิโรราบ.”
มาคาริออสยืนหยัดอย่างกล้าหาญ
นับจากธันวาคมปี 1841 จนถึงเดือนมกราคม 1842 มาคาริออสได้บำเพ็ญทุกขกิริยาจนครบเวลา. แต่เมื่อได้ทำจนเป็นที่หนำใจแก่คริสตจักรแล้ว เขาก็เริ่มงานแปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูที่ยังเหลืออยู่ในทันทีทันใด. เขาได้พระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูฉบับที่ปาฟสกีแปล แล้วใช้เล่มนั้นตรวจสอบงานแปลของตัวเอง. เช่นเดียวกันกับปาฟสกี เขาไม่ยอมปิดบังพระนามของพระเจ้า. อันที่จริง พระนามยะโฮวาปรากฏมากกว่า 3,500 ครั้งในฉบับแปลของมาคาริออส!
มาคาริออสได้ส่งสำเนางานแปลของตนไปให้เพื่อนฝูงที่เห็นด้วยกับเขา. แม้ว่าได้จ่ายแจกฉบับที่เขียนด้วยมือออกไปบ้างแล้ว แต่คริสตจักรก็ยังคงขัดขวางการพิมพ์เผยแพร่งานแปลของเขาอยู่ต่อไป. มาคาริออสจึงวางแผนจะส่งเสริมคัมภีร์ไบเบิลที่เขาได้แปลในต่างประเทศ. เย็นวันก่อนออกเดินทาง เขาล้มป่วยและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็เสียชีวิตในปี 1847. คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลของเขาจึงไม่มีโอกาสได้พิมพ์ออกจำหน่ายในช่วงที่เขามีชีวิต.
ในที่สุดก็ได้รับการตีพิมพ์!
ในที่สุด มรสุมทางการเมืองและศาสนาได้เปลี่ยนทิศทาง. ลัทธิเสรีนิยมแบบใหม่โหมกระหน่ำทั่วแผ่นดิน และในปี 1856 สภาศาสนาเห็นชอบอีกครั้งหนึ่งจะให้แปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษารัสเซีย. ในบรรยากาศที่ดีขึ้นเช่นนี้ การพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลฉบับมาคาริออสจึงมีทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องในออร์โทด็อกซ์ รีวิว ระหว่างช่วงปี 1860 ถึง 1867 ภายใต้หัวข้อการทดลองการแปลเป็นภาษารัสเซีย.
อาร์ชบิชอป ฟีลาเรต์ แห่งเชอร์นิกอฟ ชาวรัสเซียผู้คงแก่เรียนด้านวรรณกรรมศาสนา ได้ประเมินคุณค่าคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลมาคาริออสว่า “การแปลของเขาซื่อตรงต่อข้อความภาษาฮีบรู และภาษาที่ใช้ในการแปลก็บริสุทธิ์และเหมาะสมกับเรื่อง.”
อย่างไรก็ดี คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลมาคาริออสไม่เคยนำออกสู่สาธารณชนทั่วไป. อันที่จริง พระคัมภีร์ฉบับนี้เกือบถูกลืมโดยสิ้นเชิง. ในที่สุด ปี 1876 จึงได้มีการแปลคัมภีร์ไบเบิลทั้งเล่มคือภาคภาษาฮีบรูรวมทั้งภาคภาษากรีกเป็นภาษารัสเซียด้วยความเห็นชอบของสภาศาสนา. คัมภีร์ไบเบิลเล่มที่ครบถ้วนบริบูรณ์นี้มักเรียกกันว่าฉบับแปลของสภาศาสนา. เป็นเรื่องน่าหัวเราะ ฉบับแปลมาคาริออส พร้อมด้วยฉบับแปลปาฟสกีถูกนำมาใช้เป็นแหล่งสำคัญสำหรับการแปล “อย่างเป็นทางการ” ของคริสตจักรออร์โทด็อกซ์แห่งรัสเซีย. ทว่ามีการใช้พระนามพระเจ้าเพียงสองสามครั้งจากที่ซึ่งพระนามนั้นมีปรากฏในภาษาฮีบรู.
คัมภีร์ไบเบิลฉบับมาคาริออสในปัจจุบัน
คัมภีร์ไบเบิลฉบับมาคาริออสยังคงไม่เป็นที่รู้จักกระทั่งปี 1993. ดังได้เกริ่นไว้ตอนเริ่มเรื่อง ในตอนนั้นมีการค้นพบฉบับหนึ่งในกองวารสารออร์โทด็อกซ์ รีวิว เล่มเก่า ๆ ในหมวดหนังสือที่เหลือน้อยเล่มของห้องสมุดแห่งชาติรัสเซีย. พยานพระยะโฮวาตระหนักถึงคุณค่าที่จะให้คัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลนี้แพร่หลายไปถึงประชาชน. ห้องสมุดจึงอนุญาตให้องค์การศาสนาแห่งพยานพระยะโฮวาในรัสเซียทำสำเนาคัมภีร์ฉบับมาคาริออสเพื่อจะสามารถเตรียมการสำหรับพิมพ์จำหน่าย.
ครั้นแล้วพยานพระยะโฮวาจึงได้จัดพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลฉบับนี้ในประเทศอิตาลีเกือบ 300,000 เล่มสำหรับจำหน่ายทั่วประเทศรัฐรัสเซีย และในประเทศอื่น ๆ ด้วยที่ใช้ภาษารัสเซีย. นอกจากบรรจุงานแปลของมาคาริออสซึ่งส่วนใหญ่เป็นการแปลพระคัมภีร์ภาคภาษาฮีบรูแล้ว คัมภีร์ไบเบิลฉบับนี้ยังบรรจุงานแปลบทเพลงสรรเสริญของปาฟสกี รวมทั้งงานแปลพระคัมภีร์ภาคภาษากรีกโดยสภาศาสนาซึ่งคริสตจักรออร์โทด็อกซ์อนุมัติให้ทำอีกด้วย.
ได้มีการออกคัมภีร์ไบเบิลเล่มดังกล่าวในเดือนมกราคมปี 1997 นี้เองระหว่างการประชุมแถลงข่าวที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในรัสเซีย. (ดูหน้า 26.) ผู้อ่านชาวรัสเซียย่อมได้รับความรู้ความสว่างจากคัมภีร์ไบเบิลเล่มใหม่นี้อย่างแน่นอน.
การจัดพิมพ์คัมภีร์ไบเบิลนี้ออกมาได้นับว่าเป็นชัยชนะทางศาสนาและด้านวรรณกรรม! อนึ่ง ยังเป็นข้อเตือนใจที่เสริมความเชื่อมั่นในเรื่องความสัตย์จริงแห่งถ้อยคำที่พระธรรมยะซายา 40:8 ที่ว่า “หญ้านั้นก็เหี่ยวแห้ง, และดอกไม้ก็ร่วงโรยไป, แต่พระดำรัสของพระเจ้าของเราจะยั่งยืนอยู่เป็นนิจ.”
[กรอบ/รูปภาพหน้า 26]
คัมภีร์ไบเบิลได้รับการยกย่องจากนักวิจารณ์
“มีการออกวรรณกรรมอมตะอีกชิ้นหนึ่งนั่นคือ คัมภีร์ไบเบิลฉบับมาคาริออส.” ด้วยคำขึ้นต้นดังกล่าว หนังสือพิมพ์คอมซอมอลสกายา ปราฟดา ได้ประกาศการออกคัมภีร์ไบเบิลฉบับมาคาริออส.
หลังจากได้ชี้ให้เห็นว่า ประมาณ “120 ปีมานี้เอง” ที่คัมภีร์ไบเบิลปรากฏครั้งแรกเป็นภาษารัสเซีย หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ครวญว่า “เป็นเวลาหลายปีที่คริสตจักรคอยแต่ขัดขวางงานแปลพระธรรมคัมภีร์บริสุทธิ์ให้เป็นภาษาที่อ่านง่าย. หลังจากได้ปฏิเสธฉบับแปลอื่น ๆ มาแล้วหลายฉบับ ท้ายที่สุด ในปี 1876 คริสตจักรตกลงรับฉบับแปลเล่มหนึ่ง และเป็นที่รู้จักกันว่าฉบับแปลของสภาศาสนา. อย่างไรก็ตาม ไม่อนุญาตให้ใช้คัมภีร์ฉบับนี้ในโบสถ์ต่าง ๆ. จวบจนทุกวันนี้ คริสตจักรออร์โทด็อกซ์ของรัสเซียรับรองเฉพาะคัมภีร์ไบเบิลภาษาสลาฟเท่านั้น.”
หนังสือพิมพ์เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เอโค ก็เช่นกัน ได้ชี้ให้เห็นคุณค่าของการจัดพิมพ์จำหน่ายคัมภีร์ไบเบิลฉบับมาคาริออส โดยกล่าวว่า “บรรดาผู้คงแก่เรียนที่ทรงคุณวุฒิจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก, มหาวิทยาลัยเฮร์เซน เพดากอกิคาล, และจากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ศาสนาแห่งรัฐพากันกล่าวชมเชยคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลใหม่นี้.” เมื่อชี้ถึงการแปลคัมภีร์ไบเบิลโดยมาคาริออสและปาฟสกีเป็นภาษารัสเซียในครึ่งแรกของศตวรรษที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์นั้นให้ข้อสังเกตดังนี้: “จนถึงเวลานั้น จะหาอ่านคัมภีร์ไบเบิลในรัสเซียได้เพียงภาษาสลาฟเท่านั้น ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันเฉพาะในหมู่บาทหลวง.”
ระหว่างการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กเมื่อต้นปีนี้ มีการรายงานข่าวว่าพยานพระยะโฮวาออกคัมภีร์ไบเบิลฉบับมาคาริออส. เนฟสกอเย วเรมยา หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายวันตั้งข้อสังเกตว่า “ผู้คงแก่เรียนที่ทรงคุณวุฒิ . . . ได้กล่าวย้ำว่า คัมภีร์ฉบับนี้ควรได้รับการประเมินค่าเป็นข้อเท็จจริงที่มีความสำคัญอันใหญ่หลวงเกี่ยวกับชีวิตด้านวัฒนธรรมของรัสเซียและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก. ไม่ว่าคนเราคิดอย่างไรเกี่ยวกับกิจกรรมขององค์การศาสนานี้ การจัดพิมพ์จำหน่ายคัมภีร์ไบเบิลฉบับแปลนี้ซึ่งแต่ก่อนไม่มีใครรู้จักย่อมอำนวยประโยชน์มากมายอย่างไม่ต้องสงสัย.”
แน่นอน ทุกคนที่รักพระเจ้าคงรู้สึกดีใจเมื่อพระคำของพระองค์ซึ่งเป็นลายลักษณ์อักษรได้แปลออกมาแล้วเป็นภาษาที่คนทั่วไปจะสามารถอ่านและเข้าไจได้. ผู้คนทุกหนทุกแห่งที่รักการอ่านคัมภีร์ไบเบิลต่างก็ปลื้มปีติเมื่อรู้ว่าได้มีการออกคัมภีร์ฉบับแปลอีกฉบับหนึ่งเพื่อผู้คนหลายล้านคนทั่วโลกที่พูดภาษารัสเซียจะสามารถหาอ่านได้.
[รูปภาพ]
มีการประกาศการออกคัมภีร์ไบเบิลฉบับมาคาริออส ณ ช่วงการเปิดให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนนี้
[รูปภาพหน้า 23]
ห้องสมุดแห่งชาติรัสเซียซึ่งได้มีการค้นพบขุมทรัพย์อันล้ำค่า
[รูปภาพหน้า 23]
พระเจ้าปีเตอร์มหาราชทรงมุ่งมั่นจะ ให้มีการแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษารัสเซีย
[ที่มาของภาพ]
Corbis-Bettmann
[รูปภาพหน้า 24]
เกียราซิม ปาฟสกี ผู้มีส่วนช่วยการแปลคัมภีร์ไบเบิลเป็นภาษารัสเซีย
[รูปภาพหน้า 25]
นักเทศน์มาคาริออสซึ่งภายหลังชื่อเขากลายเป็นชื่อคัมภีร์ไบเบิลฉบับใหม่ภาษารัสเซีย