ห้องสมุดออนไลน์ของวอชเทาเวอร์
ห้องสมุดออนไลน์
ของวอชเทาเวอร์
ไทย
  • คัมภีร์ไบเบิล
  • สิ่งพิมพ์
  • การประชุม
  • ห98 15/5 น. 28-31
  • ทัลมุดคืออะไร?

ไม่มีวีดีโอสำหรับรายการนี้

ขออภัย โหลดวีดีโอนี้ไม่ได้

  • ทัลมุดคืออะไร?
  • หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1998
  • หัวเรื่องย่อย
  • เรื่องที่คล้ายกัน
  • กำเนิด​ทัลมุด
  • การ​กำเนิด​ของ​ทัลมุด​สอง​แบบ
  • ทัลมุด​ทำ​อะไร​ให้​สำเร็จ?
  • ทัลมุด
    ส่วนอธิบายศัพท์
  • มิชนาห์และพระบัญญัติที่พระเจ้าทรงประทานแก่โมเซ
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1997
  • มิชนาห์
    ส่วนอธิบายศัพท์
  • กฎหมายสืบปาก—เหตุใดจึงเขียนไว้เป็นหนังสือ?
    หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1999
ดูเพิ่มเติม
หอสังเกตการณ์ประกาศราชอาณาจักรของพระยะโฮวา 1998
ห98 15/5 น. 28-31

ทัลมุด​คือ​อะไร?

“ทัลมุด​เป็น​หนึ่ง​ใน​ผล​งาน​วรรณกรรม​อัน​โดด​เด่น​ที่​สุด​แห่ง​ทุก​ยุค​ทุก​สมัย​อย่าง​ไม่​ต้อง​สงสัย.”—สารานุกรม​ยิว​สากล.

“[ทัลมุด​เป็น] หนึ่ง​ใน​ผล​สำเร็จ​ทาง​ปัญญา​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​มนุษยชาติ, มี​เนื้อหา​แน่น​มาก, มี​ความหมาย​สำคัญ​ยิ่ง, ลึกซึ้ง​นัก จน​ได้​ทำ​ให้​เหล่า​ผู้​ทรง​ภูมิ​ปัญญา​สูง​ส่ง​มี​ธุระ​มาก​มา​นาน​กว่า​หนึ่ง​พัน​ห้า​ร้อย​ปี.”—เจคอบ นอยสเนอร์ ผู้​คง​แก่​เรียน​และ​นัก​ประพันธ์​ชาว​ยิว.

“ทัลมุด​เป็น​เสา​เอก [ของ​ศาสนา​ยิว] ซึ่ง​ค้ำจุน​โครง​สร้าง​ทาง​ศาสนา​และ​ภูมิ​ปัญญา​แห่ง​ชีวิต​ชาว​ยิว​ไว้.”—เอดิน สไตน์ซาลซ์ รับบี​และ​ผู้​คง​แก่​เรียน​ด้าน​ทัลมุด.

ทัลมุด​มี​อิทธิพล​อย่าง​มาก​ต่อ​ผู้​คน​ชาว​ยิว​มา​หลาย​ศตวรรษ​อย่าง​ไม่​ต้อง​สงสัย. แต่​ตรง​ข้าม​กับ​คำ​กล่าว​ยกย่อง​ที่​ยก​มา​กล่าว​ข้าง​ต้น ทัลมุด​เคย​ถูก​เหยียด​ค่า​และ​เรียก​ว่า “ทะเล​แห่ง​ความ​เคลือบคลุม​และ​ขุ่น​คลั่ก.” ทัลมุด​เคย​ถูก​ประจาน​ว่า​เป็น​ผล​งาน​หมิ่น​ประมาท​ของ​พญา​มาร. โดย​กฤษฎีกา​ของ​โปป ครั้ง​แล้ว​ครั้ง​เล่า​ที่​ทัลมุด​ถูก​ตรวจ​สอบ, ถูก​ยึด, และ​กระทั่ง​ถูก​เผา​เป็น​จำนวน​มาก​ตาม​จัตุรัส​ต่าง ๆ ใน​ยุโรป.

หนังสือ​ที่​ปลุก​เร้า​ให้​เกิด​ความ​ขัด​แย้ง​มาก​มาย​นี้​คือ​อะไร​กัน​แน่? อะไร​ทำ​ให้​ทัลมุด​โดด​เด่น​ท่ามกลาง​งาน​เขียน​ทั้ง​หลาย​ของ​ชาว​ยิว? เหตุ​ใด​จึง​มี​การ​เขียน​ทัลมุด? เป็น​ไป​อย่าง​ไร​ที่​ทัลมุด​ได้​ส่ง​ผล​กระทบ​ถึง​ขนาด​นั้น​ต่อ​ศาสนา​ยิว? ทัลมุด​มี​ความหมาย​ต่อ​โลก​ที่​ไม่​ใช่​ชาว​ยิว​ไหม?

ใน​ช่วง 150 ปี​ภาย​หลัง​จาก​ความ​พินาศ​ของ​พระ​วิหาร​ใน​เยรูซาเลม​ใน​ปี ส.ศ. 70 สำนัก​ต่าง ๆ ของ​พวก​ปราชญ์​ที่​เป็น​รับบี​ทั่ว​ทั้ง​อิสราเอล​ต่าง​รีบ​เร่ง​แสวง​หา​พื้น​ฐาน​ใหม่​เพื่อ​ธำรง​ไว้​ซึ่ง​กิจ​ปฏิบัติ​ของ​ชาว​ยิว. พวก​เขา​ถก​กัน​และ​จึง​ได้​รวบ​รวม​ประเพณี​ต่าง ๆ แห่ง​กฎหมาย​สืบ​ปาก​ของ​ตน​เข้า​ด้วย​กัน. โดย​การ​สร้าง​บน​รากฐาน​นี้ พวก​เขา​ตั้ง​ข้อ​กำหนด​และ​ข้อ​เรียก​ร้อง​ขึ้น​ใหม่​สำหรับ​ศาสนา​ยิว ให้​การ​ชี้​นำ​สำหรับ​ชีวิต​ประจำ​วัน​ที่​บริสุทธิ์​โดย​ปราศจาก​พระ​วิหาร. โครง​สร้าง​ใหม่​ทาง​ศาสนา​นี้​มี​ชี้​แจง​ไว้​ใน​มิชนาห์​ซึ่ง​รวม​รวม​โดย จูดาห์ ฮา-นาซี เมื่อ​ตอน​ต้น​ศตวรรษ​ที่​สาม ส.ศ.a

มิชนาห์​มี​เนื้อหา​ของ​ตัว​เอง ไม่​พยายาม​พิสูจน์​ความ​ถูก​ต้อง​โดย​อาศัย​ข้อ​อ้างอิง​ตาม​คัมภีร์​ไบเบิล. วิธีการ​พิจารณา​และ​แม้​แต่​สำนวน​ภาษา​ฮีบรู​ใน​มิชนาห์​เป็น​แบบ​ของ​ตน​เอง​โดย​เฉพาะ แตกต่าง​จาก​ข้อ​ความ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​โดย​สิ้นเชิง. การ​ตัดสิน​ต่าง ๆ ของ​พวก​รับบี​ซึ่ง​มี​ยก​มา​กล่าว​ใน​มิชนาห์​คง​จะ​ส่ง​ผล​กระทบ​ชีวิต​ประจำ​วัน​ของ​ชาว​ยิว​ทุก​หน​ทุก​แห่ง. ที่​จริง เจ​คอบ นอยสเนอร์​ให้​ข้อ​คิด​เห็น​ดัง​นี้: “มิชนาห์​ให้​รัฐธรรมนูญ​ของ​อิสราเอล. . . . มิชนาห์​เรียก​ร้อง​การ​ยินยอม​และ​การ​ปฏิบัติ​ตาม​กฎเกณฑ์​ของ​มิชนาห์.”

แต่​จะ​ว่า​อย่าง​ไร​หาก​มี​คน​ถาม​ว่า อำนาจ​ของ​พวก​ปราชญ์​ตาม​ที่​ยก​มา​กล่าว​ใน​มิชนาห์​นั้น​เท่า​เทียม​กับ​พระ​คัมภีร์​ที่​พระเจ้า​ทรง​เปิด​เผย​หรือ​ไม่? พวก​รับบี​คง​ต้อง​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​คำ​สอน​ต่าง ๆ ของ​พวก​ทันนาอิม (อาจารย์​สอน​กฎหมาย​สืบ​ปาก) ที่​พบ​ใน​มิชนาห์​นั้น​ประสาน​กับ​พระ​คัมภีร์​ภาค​ภาษา​ฮีบรู​โดย​สมบูรณ์. คำ​อรรถาธิบาย​เพิ่ม​เติม​กลาย​เป็น​สิ่ง​จำเป็น. พวก​เขา​รู้สึก​ว่า​จำเป็น​ต้อง​อธิบาย​และ​พิสูจน์​ความ​ถูก​ต้อง​ของ​มิชนาห์​และ​พิสูจน์​ว่า​มิชนาห์​มี​ต้นตอ​จาก​พระ​บัญญัติ​ที่​โมเซ​ได้​รับ ณ ภูเขา​ซีนาย. พวก​รับบี​รู้สึก​ว่า​ต้อง​พิสูจน์​ว่า​กฎหมาย​สืบ​ปาก​กับ​กฎหมาย​ที่​เขียน​เป็น​หนังสือ​มี​เจตนารมณ์​และ​วัตถุ​ประสงค์​เดียว​กัน. ฉะนั้น แทน​ที่​จะ​เป็น​คำ​อธิบาย​ใน​ลักษณะ​ที่​เด็ดขาด​เกี่ยว​กับ​ศาสนา​ยิว มิชนาห์​กลาย​เป็น​รากฐาน​ใหม่​สำหรับ​การ​พิจารณา​และ​การ​ถก​เหตุ​ผล​ทาง​ศาสนา.

กำเนิด​ทัลมุด

พวก​รับบี​ที่​รับ​เอา​ข้อ​ท้าทาย​ใหม่​นี้​เป็น​ที่​รู้​จัก​ว่า อัมโมราอิม คือ “ผู้​ตี​ความ,” หรือ “ผู้​อธิบาย” มิชนาห์. แต่​ละ​สำนัก​รวม​ศูนย์​อยู่​กับ​รับบี​ที่​เด่น. พวก​ผู้​คง​แก่​เรียน​และ​ศิษย์​ใน​แวดวง​เล็ก ๆ จัด​การ​พิจารณา​กัน​ตลอด​ปี. แต่​การ​ประชุม​สำคัญ​ที่​สุด​ได้​มี​การ​จัด​ขึ้น​ปี​ละ​สอง​ครั้ง ระหว่าง​เดือน​อะดาร์​และ​เอลูล ใน​ช่วง​ที่​ไม่​ต้อง​รีบ​เร่ง​ทำ​งาน​เกษตรกรรม​และ​ผู้​คน​หลาย​ร้อย​หรือ​กระทั่ง​หลาย​พัน​คน​เข้า​ร่วม​ได้.

เอดิน สไตน์ซาลซ์ ชี้​แจง​ว่า “หัวหน้า​สำนัก​เป็น​ประธาน นั่ง​บน​เก้าอี้​หรือ​ไม่​ก็​บน​เสื่อ​ชนิด​พิเศษ. พวก​ผู้​คง​แก่​เรียน​คน​สำคัญ ๆ นั่ง​ใน​แถว​แรก​ข้าง​หน้า​เขา ซึ่ง​รวม​ถึง​เพื่อน​ร่วม​งาน​หรือ​ศิษย์​ที่​เด่น ๆ และ​ผู้​คง​แก่​เรียน​คน​อื่น ๆ ทั้ง​หมด​ก็​นั่ง​แถว​หลัง ๆ. . . . ระเบียบ​ที่​นั่ง​เป็น​ไป​ตาม​ลำดับ​ชั้น​ที่​กำหนด​อย่าง​ละเอียด [ตาม​ลำดับ​ความ​สำคัญ]. จะ​มี​การ​อ่าน​ข้อ​ความ​ตอน​หนึ่ง​ของ​มิชนาห์. แล้ว​ข้อ​ความ​นั้น​จะ​ถูก​เทียบ​กับ​เนื้อหา​ที่​คล้ายคลึง​กัน​หรือ​เนื้อหา​เสริม​ที่​รวบ​รวม​โดย​ทันนาอิม​แต่​ไม่​ถูก​รวม​ไว้​ใน​มิชนาห์. กระบวนการ​วิเคราะห์​จะ​เริ่ม​ต้น. มี​การ​ยก​คำ​ถาม​ขึ้น​มา และ​จะ​มี​การ​วิเคราะห์​ข้อ​แตกต่าง​เพื่อ​หา​ความ​สอดคล้อง​กัน​ภาย​ใน​ระหว่าง​คำ​สอน​ต่าง ๆ. จะ​มี​การ​ค้น​หา​ข้อ​ความ​พิสูจน์​ยืน​ยัน​จาก​พระ​คัมภีร์​ภาค​ภาษา​ฮีบรู​เพื่อ​สนับสนุน​คำ​สอน​ต่าง ๆ ของ​พวก​รับบี.

ถึง​แม้​มี​การ​กำหนด​โครง​สร้าง​อย่าง​ระมัดระวัง การ​พิจารณา​เหล่า​นั้น​ก็​ค่อนข้าง​ตึงเครียด บาง​ครั้ง​ถึง​ขั้น​ชุลมุน​วุ่นวาย. ปราชญ์​ผู้​หนึ่ง​ที่​มี​กล่าว​ถึง​ใน​ทัลมุด​ได้​พูด​ถึง “ประกาย​ไฟ” ที่​กระโดด​ไป​มา​ระหว่าง​ปาก​ของ​พวก​รับบี​ใน​ช่วง​ที่​ถก​กัน. (ฮุลลิน 137​b, ทัลมุด​ของ​บาบูโลน) สไตน์ซาลซ์​กล่าว​ถึง​ขั้น​ตอน​ดำเนิน​การ​ต่าง ๆ ดัง​นี้: “หัวหน้า​สำนัก หรือ​ปราชญ์​ที่​บรรยาย จะ​บอก​ถึง​การ​ตี​ความ​ของ​ตน​เกี่ยว​กับ​ปัญหา​ต่าง ๆ. พวก​ผู้​คง​แก่​เรียน​ที่​ฟัง​มัก​จะ​โจมตี​เขา​ด้วย​คำ​ถาม​ต่าง ๆ ที่​อาศัย​แหล่ง​ข้อมูล​อื่น, ความ​คิด​เห็น​ของ​ผู้​ให้​อรรถาธิบาย​คน​อื่น, หรือ​การ​ลง​ความ​เห็น​ตาม​หลัก​ตรรกวิทยา​ของ​เขา​เอง. บาง​ครั้ง​การ​ถก​กัน​สั้น​มาก​และ​จำกัด​อยู่​แค่​คำ​ตอบ​ที่​ชัดเจน​และ​เด็ดขาด​สำหรับ​คำ​ถาม​ที่​ยก​ขึ้น​มา. ส่วน​ใน​กรณี​อื่น ๆ ผู้​คน​แก่​เรียน​คน​อื่น​จะ​เสนอ​ทาง​แก้​ที่​ต่าง​ออก​ไป​และ​การ​ถก​อย่าง​กว้างขวาง​ก็​จะ​มี​ขึ้น.” ทุก​คน​ที่​เข้า​ร่วม​จะ​มี​ส่วน​ร่วม​ได้​อย่าง​อิสระ. ประเด็น​ต่าง ๆ ที่​ถูก​ทำ​ให้​ชัด​แจ้ง ณ การ​ประชุม​จะ​ถูก​ถ่ายทอด​แก่​สำนัก​อื่น ๆ เพื่อ​ให้​ผู้​คง​แก่​เรียน​คน​อื่น ๆ ตรวจ​ดู.

กระนั้น การ​ประชุม​เหล่า​นั้น​ไม่​ใช่​แค่​การ​ถก​ไม่​รู้​จบ​เกี่ยว​กับ​กฎหมาย​เท่า​นั้น. เรื่อง​ราว​ทาง​กฎหมาย​ที่​เกี่ยว​ข้อง​กับ​กฎ​และ​ข้อ​บังคับ​ต่าง ๆ ใน​การ​ดำเนิน​ชีวิต​ทาง​ศาสนา​ของ​ชาว​ยิว​เรียก​ว่า ฮาลากาห์. คำ​นี้​มา​จาก​ราก​คำ​ใน​ภาษา​ฮีบรู​ที่​หมาย​ถึง “ไป” และ​บ่ง​ถึง ‘วิถี​ชีวิต​ที่​คน​เรา​ควร​ดำเนิน​ตาม.’ ส่วน​เรื่อง​อื่น ๆ ทั้ง​หมด เช่น เรื่อง​เกี่ยว​กับ​รับบี​และ​บุคคล​ต่าง ๆ ใน​คัมภีร์​ไบเบิล, คำ​กล่าว​ที่​สุขุม, แนว​ความ​คิด​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ​และ​หลัก​ปรัชญา​นั้น​เรียก​ว่า ฮากกาดาห์ มา​จาก​ราก​คำ​ใน​ภาษา​ฮีบรู​ซึ่ง​หมาย​ถึง “บอก.” ฮาลากาห์​และ​ฮากกาดาห์​ถูก​ผสม​เข้า​ด้วย​กัน​ระหว่าง​การ​ถก​ของ​พวก​รับบี.

มอร์ริส แอดเลอร์ ให้​ความ​เห็น​ไว้​ใน​หนังสือ​ของ​เขา​ชื่อ โลก​แห่ง​ทัลมุด (ภาษา​อังกฤษ) ดัง​นี้: “อาจารย์​ที่​ฉลาด​จะ​ขัด​จังหวะ​การ​ถก​เรื่อง​กฎหมาย​ที่​ยืด​ยาว​และ​ยุ่งยาก​ด้วย​การ​เปลี่ยน​หัวข้อ​ที่​ถก​กัน​ไป​ยัง​เรื่อง​ปลีกย่อย​ที่​ไม่​หนัก​มาก​และ​ที่​เสริม​สร้าง​มาก​กว่า. . . . ด้วย​เหตุ​นั้น เรา​จึง​พบ​ตำนาน​และ​ประวัติศาสตร์, ศาสตร์​และ​คติ​ชาว​บ้าน​ร่วม​สมัย, คำ​อธิบาย​และ​ชีวประวัติ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล, คำ​เทศน์​และ​เทววิทยา​ซึ่ง​ประกอบ​เข้า​ด้วย​กัน​เป็น​สิ่ง​ที่ สำหรับ​ผู้​ไม่​คุ้น​เคย​กับ​วิธีการ​ของ​สำนัก​ต่าง ๆ แล้ว ดู​เหมือน​เป็น​ข้อมูล​ไร้​ระเบียบ​ที่​ปนเป​กัน​จน​น่า​ประหลาด​ใจ.” สำหรับ​พวก​ผู้​คง​แก่​เรียน​ใน​สำนัก​ต่าง ๆ แล้ว เรื่อง​ปลีกย่อย​ดัง​กล่าว​ทั้ง​หมด​นั้น​ก็​เพื่อ​วัตถุ​ประสงค์​อย่าง​หนึ่ง​และ​พัวพัน​กับ​ประเด็น​ที่​กำลัง​พิจารณา. ฮาลากาห์​และ​ฮากกาดาห์​เป็น​อิฐ​ก่อ​โครง​สร้าง​ใหม่​ทาง​ศาสนา​ระหว่าง​การ​ก่อ​สร้าง​ใน​สำนัก​ต่าง ๆ ของ​พวก​รับบี.

การ​กำเนิด​ของ​ทัลมุด​สอง​แบบ

ผล​สุด​ท้าย ศูนย์กลาง​หลัก​ของ​พวก​รับบี​ใน​ปาเลสไตน์​ก็​ย้าย​ไป​ยัง​ติเบเรียส. สำนัก​สำคัญ​อื่น ๆ ตั้ง​อยู่​ที่​เซปฟอรีส, ซีซาเรีย, และ​ลีดดา. แต่​สภาพ​เสื่อม​ทรุด​ทาง​เศรษฐกิจ, ความ​ไร้​เสถียรภาพ​ทาง​การ​เมือง​อย่าง​ต่อ​เนื่อง, และ​สุด​ท้าย ความ​กดดัน​และ​การ​กดขี่​ข่มเหง​จาก​ศาสนา​คริสเตียน​ที่​ออก​หาก​ก็​ได้​ทำ​ให้​เกิด​การ​อพยพ​ครั้ง​ใหญ่​ไป​สู่​ศูนย์กลาง​ประชากร​ชาว​ยิว​อัน​สำคัญ​อีก​แห่ง​หนึ่ง​ทาง​ตะวัน​ออก คือ​บาบิโลเนีย.

เป็น​เวลา​หลาย​ศตวรรษ​ที่​เหล่า​สานุศิษย์​เดิน​ทาง​จาก​บาบิโลเนีย​สู่​ปาเลสไตน์​เพื่อ​ศึกษา​กับ​พวก​รับบี​คน​สำคัญ ๆ ที่​สำนัก​ต่าง ๆ. ศิษย์​ดัง​กล่าว​คน​หนึ่ง​คือ อับบา เบน อี​โบ เรียก​อีก​อย่าง​ว่า อับบา อารี​กา—คือ​เจ้า​โย่ง​อับบา—แต่​ต่อ​มา​ได้​เรียก​กัน​ง่าย ๆ ว่า รับ. เขา​กลับ​สู่​บาบิโลเนีย​ราว ๆ ปี ส.ศ. 219 หลัง​จาก​ศึกษา​กับ​จูดาห์ ฮา-นาซี​แล้ว และ​นี่​เป็น​จุด​เปลี่ยน​สำหรับ​ความ​สำคัญ​ทาง​ศาสนา​ของ​ชุมชน​ชาว​ยิว​ใน​บาบิโลเนีย. รับ ได้​ตั้ง​สำนัก​ขึ้น​ที่​ซู​รา เขต​ที่​มี​ชาว​ยิว​เป็น​จำนวน​มาก​แต่​มี​ผู้​คง​แก่​เรียน​ไม่​กี่​คน. ชื่อเสียง​อัน​ดี​ของ​เขา​ดึงดูด​ศิษย์​ที่​เข้า​เรียน​เป็น​ประจำ 1,200 คน​ให้​มา​ยัง​สำนัก​ของ​เขา อีก​หลาย​พัน​คน​เข้า​เรียน​ใน​ช่วง​เดือน​อะดาร์​และ​เอลูล​ตาม​ปฏิทิน​ยิว. แซมมวล เพื่อน​ร่วม​รุ่น​ที่​เด่น​คน​หนึ่ง​ของ​รับ ได้​ตั้ง​สำนัก​ขึ้น​ใน​เมือง​เนฮาร์เดีย. สำนัก​สำคัญ​อื่น ๆ อีก​ได้​เกิด​ขึ้น​ที่​เมือง​ปัมเบดิทา​และ​เมโฮซา.

ตอน​นี้​จึง​ไม่​มี​ความ​จำเป็น​ต้อง​เดิน​ทาง​ไป​ปาเลสไตน์ เพราะ​ผู้​คน​อาจ​ศึกษา​ได้​จาก​พวก​ผู้​คง​แก่​เรียน​คน​สำคัญ ๆ ใน​บาบิโลเนีย. การ​กำหนด​มิชนาห์​เป็น​ตำรา​ต่าง​หาก​ได้​ช่วย​แผ้ว​ทาง​ไว้​สำหรับ​ความ​เป็น​เอกเทศ​โดย​สมบูรณ์​ของ​สำนัก​ต่าง ๆ ใน​บาบิโลเนีย. แม้​บัด​นี้​มี​การ​พัฒนา​แบบ​และ​วิธีการ​ศึกษา​ที่​ต่าง​กัน​ขึ้น​ใน​ปาเลสไตน์​และ​บาบิโลเนีย แต่​การ​ติด​ต่อ​และ​แลก​เปลี่ยน​เหล่า​อาจารย์​บ่อย ๆ ก็​ได้​ช่วย​คง​ความ​เป็น​เอกภาพ​ของ​สำนัก​ต่าง ๆ ไว้.

พอ​ถึง​ปลาย​ศตวรรษ​ที่​สี่​และ​ใน​ตอน​ต้น​ศตวรรษ​ที่​ห้า ส.ศ. สถานการณ์​กลับ​กลาย​เป็น​ยุ่งยาก​โดย​เฉพาะ​สำหรับ​ชาว​ยิว​ใน​ปาเลสไตน์. คลื่น​แห่ง​การ​จำกัด​สิทธิ์​และ​การ​กดขี่​ข่มเหง​ภาย​ใต้​อำนาจ​ที่​เพิ่ม​ขึ้น​ของ​คริสต์​ศาสนจักร​ที่​ออก​หาก​ได้​นำ​ไป​สู่​การ​โจมตี​ทำลาย​ขั้น​เด็ดขาด​ทั้ง​ซันเฮดริน​และ​ตำแหน่ง​นาซี (ผู้​ก่อ​ตั้ง​สำนัก) ใน​ราว​ปี ส.ศ. 425. ดัง​นั้น พวก​อัมโมราอิม​ที่​เป็น​ชาว​ปาเลสไตน์​จึง​เริ่ม​รวม​ตัว​กัน​อย่าง​เหนียวแน่น​เป็น​หนึ่ง​เดียว​เพื่อ​ทำ​บท​สรุป​การ​ถก​ครั้ง​ต่าง ๆ ใน​สำนัก​ทั้ง​หลาย​เพื่อ​ให้​แน่​ใจ​ว่า​ได้​รับ​การ​รักษา​ไว้. บท​สรุป​นี้​ซึ่ง​ถูก​รวบ​รวม​อย่าง​รีบ​เร่ง​ใน​ช่วง​ปลาย​ศตวรรษ​ที่​สี่ ส.ศ. เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ว่า ทัลมุด​ของ​ปาเลสไตน์.b

ขณะ​ที่​สำนัก​ต่าง ๆ ใน​ปาเลสไตน์​เสื่อม พวก​อัมโมราอิม​ที่​บาบิโลเนีย​ก็​กำลัง​บรรลุ​จุด​สุด​ยอด​แห่ง​สมรรถนะ​ของ​ตน. อะบาเย​และ​ราบา​ได้​พัฒนา​ระดับ​การ​ถก​เข้า​สู่​การ​หา​เหตุ​ผล​ที่​ซับซ้อน​และ​ลึกซึ้ง​ซึ่ง​ต่อ​มา​ได้​กลาย​เป็น​แบบ​ของ​การ​วิเคราะห์​ทัลมุด. ต่อ​จาก​นั้น อา​ชี หัวหน้า​สำนัก​ที่​ซุรา (ส.ศ. 371-427) เริ่ม​รวบ​รวม​และ​เรียบเรียง​บันทึก​การ​ถก​เหล่า​นั้น​ไว้. ตาม​ที่​สไตน์ซาลซ์​กล่าว เขา​ทำ​เช่น​นั้น​ด้วย “ความ​เป็น​ห่วง​ว่า ถ้า​ไม่​มี​การ​จัด​ระเบียบ เนื้อ​เรื่อง​ที่​บอก​เล่า​สืบ​ปาก​กัน​มาก​มาย​นั้น​จะ​ตก​อยู่​ใน​อันตราย​แห่ง​การ​ค่อย ๆ ถูก​ลืม​เลือน​ไป.

เนื้อหา​กอง​ใหญ่​นี้​มาก​เกิน​กว่า​ที่​คน​หนึ่ง​หรือ​แม้​กระทั่ง​คน​ชั่ว​อายุ​หนึ่ง​จะ​จัด​ระเบียบ​ได้. ยุค​ของ​พวก​อัมโมราอิม​สิ้น​สุด​ใน​บาบิโลเนีย​ใน​ศตวรรษ​ที่​ห้า ส.ศ. แต่​งาน​เรียบเรียง​ทัลมุด​ของ​บาบิโลเนีย​ยัง​ดำเนิน​ต่อ​มา​จน​ใน​ศตวรรษ​ที่​หก ส.ศ. โดย​กลุ่ม​ที่​เรียก​ว่า ซาโบราอิม คำ​ใน​ภาษา​อะราเมอิก​ที่​หมาย​ถึง “ผู้​ให้​อรรถาธิบาย” หรือ “ผู้​ให้​ความ​คิด​เห็น.” ผู้​เรียบเรียง​กลุ่ม​สุด​ท้าย​เหล่า​นี้​ได้​รวบ​รวม​การ​ถก​ไม่​รู้​จบ​หลาย​พัน​ครั้ง​และ​หลาย​ศตวรรษ​ของ​พวก​รับบี​เข้า​ไว้​ด้วย​กัน โดย​ใส่​รูป​แบบ​และ​โครง​สร้าง​ตาม​ทัลมุด​ของ​บาบิโลเนีย​ซึ่ง​ทำ​ให้​มี​ความ​แตกต่าง​จาก​หนังสือ​ทั้ง​ปวง​ของ​ชาว​ยิว​ที่​มี​อยู่​ก่อน​หน้า​นั้น.

ทัลมุด​ทำ​อะไร​ให้​สำเร็จ?

พวก​รับบี​แห่ง​ทัลมุด​ตั้งใจ​พิสูจน์​ว่า มิชนาห์​มา​จาก​แหล่ง​เดียว​กับ​พระ​คัมภีร์​ภาค​ภาษา​ฮีบรู. เพราะ​เหตุ​ใด? เจ​คอบ นอยสเนอร์​ให้​ความ​เห็น​ว่า “ประเด็น​ที่​มี​กล่าว​ถึง​คือ​สถานะ​ของ​มิชนาห์. แต่​ใจความ​สำคัญ​ของ​เรื่อง​นั้น​กลับ​กลาย​เป็น​เรื่อง​อำนาจ​ของ​พวก​ปราชญ์​เอง.” เพื่อ​เสริม​อำนาจ​ของ​พวก​ปราชญ์ แต่​ละ​บรรทัด​ใน​มิชนาห์ บาง​ครั้ง​ทุก​คำ จึง​มี​การ​ตรวจ​สอบ, ตั้ง​ปัญหา, อธิบาย, และ​ทำ​ให้​สอดคล้อง​เป็น​แนว​เดียว​กัน​โดย​เฉพาะ. นอยสเนอร์​สังเกต​ว่า ด้วย​วิธี​นี้​พวก​รับบี “ได้​เปลี่ยน​แนว​ทาง​ของ​มิชนาห์​จาก​เส้น​ทาง​หนึ่ง​ไป​เป็น​อีก​เส้น​ทาง​หนึ่ง.” แม้​ว่า​ถูก​สร้าง​ขึ้น​เป็น​ผล​งาน​ที่​สมบูรณ์​ใน​ตัว​เอง แต่​ใน​ตอน​นี้​มิชนาห์​ถูก​วิเคราะห์​และ​ตี​ความ​อย่าง​ละเอียด​ไป​แล้ว. ระหว่าง​ขั้น​ตอน​นี้ มิชนาห์​ได้​ถูก​ทำ​ขึ้น​ใหม่​และ​ถูก​อธิบาย​ความหมาย​เสีย​ใหม่.

ทัลมุด​ที่​เป็น​ผล​งาน​ใหม่​นี้​สนอง​ความ​ประสงค์​ของ​พวก​รับบี. พวก​เขา​ตั้ง​กฎ​การ​วิเคราะห์ และ​ด้วย​เหตุ​นั้น กฎ​นี้​จึง​สอน​ประชาชน​ให้​คิด​เหมือน​พวก​รับบี. พวก​รับบี​เชื่อ​ว่า​วิธีการ​ศึกษา​และ​วิเคราะห์​ของ​ตน​สะท้อน​พระทัย​ของ​พระเจ้า. การ​ศึกษา​ทัลมุด​เอง​ได้​กลาย​เป็น​เป้าหมาย เป็น​รูป​แบบ​หนึ่ง​ของ​การ​นมัสการ—คือ​การ​ใช้​จิตใจ​โดย​คิด​เอา​ว่า​เป็น​การ​เลียน​แบบ​พระเจ้า. สำหรับ​คน​ชั่ว​อายุ​ต่อ​ไป ทัลมุด​ก็​จะ​ถูก​วิเคราะห์​โดย​วิธีการ​เดียว​กัน​นี้. ผล​นะ​หรือ? นัก​ประวัติศาสตร์ เซซิล รอท เขียน​ว่า “ทัลมุด . . . ให้​ลักษณะ​เฉพาะ​ที่​ฝัง​ลึก​ลบ​ไม่​ออก [แก่​ชาว​ยิว] ซึ่ง​แยก​พวก​เขา​ออก​จาก​คน​อื่น ๆ รวม​ทั้ง​พลัง​อัน​โดด​เด่น​ของ​พวก​เขา​ใน​การ​ต้านทาน​และ​การ​รวม​ตัว​กัน. การ​หา​เหตุ​ผล​ใน​ทัลมุด​ทำ​ให้​การ​วินิจฉัย​ของ​พวก​เขา​เฉียบ​แหลม และ​ทำ​ให้​พวก​เขา​มี . . . การ​สังเกต​เข้าใจ​ที่​เฉียบ​คม. . . . ทัลมุด​ทำ​ให้​ชาว​ยิว​ที่​ถูก​กดขี่​ข่มเหง​ใน​ยุค​กลาง​มี​อีก​โลก​หนึ่ง​ที่​เขา​อาจ​หนี​เข้า​ไป​ได้ . . . ทัลมุด​ทำ​ให้​เขา​เสมือน​มี​ปิตุภูมิ​ซึ่ง​เขา​อาจ​นำ​ติด​ตัว​ไป​ด้วย​ได้​เมื่อ​สูญ​เสีย​แผ่นดิน​ของ​ตน.”

โดย​การสอน​ความ​คิด​ของ​พวก​รับบี​แก่​คน​อื่น ๆ แน่นอน​ว่า​ทัลมุด​ได้​มี​พลัง. แต่​คำ​ถาม​สำหรับ​ทุก​คน—ทั้ง​ชาว​ยิว​และ​ผู้​ที่​ไม่​ใช่​ชาว​ยิว​ด้วย—คือ​ว่า ทัลมุด​สะท้อน​ถึง​พระทัย​ของ​พระเจ้า​จริง ๆ ไหม?—1 โกรินโธ 2:11-16.

[เชิงอรรถ]

a สำหรับ​ราย​ละเอียด​เพิ่ม​เติม​เกี่ยว​กับ​พัฒนาการ​และ​เนื้อหา​ของ​มิชนาห์ โปรด​ดู​บทความ “มิชนาห์​และ​พระ​บัญญัติ​ที่​พระเจ้า​ทรง​ประทาน​แก่​โมเซ” ใน​หอสังเกตการณ์ ฉบับ 15 พฤศจิกายน 1997.

b ทัลมุด​ของ​ปาเลสไตน์​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ทั่ว​ไป​ว่า เจรูซาเลม ทัลมุด. แต่​ชื่อ​นี้​เป็น​ชื่อ​เรียก​ที่​ไม่​ถูก เนื่อง​จาก​ใน​ช่วง​เวลา​ส่วน​ใหญ่​ของ​พวก​อัมโมราอิม​นั้น​ชาว​ยิว​ถูก​ห้าม​เข้า​ใน​กรุง​เยรูซาเลม.

[กรอบ​หน้า 31]

ทัลมุด​สอง​แบบ—เทียบ​กัน​แล้ว​เป็น​อย่าง​ไร?

คำ “ทัลมุด” ใน​ภาษา​ฮีบรู​หมาย​ถึง “การ​ศึกษา” หรือ “การ​เรียน​รู้.” พวก​อัมโมราอิม​ใน​ปาเลสไตน์​และ​ใน​บาบิโลเนีย​ได้​เริ่ม​ศึกษา​หรือ​วิเคราะห์​มิชนาห์. ทัลมุด​ทั้ง​สอง​แบบ (ของ​ชาว​ปาเลสไตน์​กับ​ของ​ชาว​บาบิโลเนีย) ทำ​เช่น​นั้น แต่​สอง​เล่ม​เทียบ​กัน​แล้ว​เป็น​อย่าง​ไร? เจ​คอบ นอยสเนอร์​เขียน​ว่า “ทัลมุด​เล่ม​แรก​วิเคราะห์​หลักฐาน ส่วน​เล่ม​ที่​สอง​ตรวจ​สอบ​ข้อ​เสนอ​แนะ​ต่าง ๆ; เล่ม​แรก​คง​อยู่​ใน​ขอบ​เขต​เป้าหมาย​แห่ง​การ​ตรวจ​สอบ​โดย​ตลอด ส่วน​เล่ม​ที่​สอง​ออก​นอก​เหนือ​เขต​เป้าหมาย​แห่ง​การ​ตรวจ​สอบ​ไป​ไกล​มาก.”

การ​เรียบเรียง​ทัลมุด​ของ​บาบิโลเนีย​ที่​ละเอียด​ลึกซึ้ง​และ​ถี่ถ้วน​มาก​กว่า​ทำ​ให้​ทัลมุด​นี้​ไม่​เพียง​แต่​ขนาด​ใหญ่​กว่า​เท่า​นั้น แต่​ยัง​มี​ความ​ลึกซึ้ง​กว่า​และ​เฉียบ​แหลม​กว่า​ใน​ด้าน​ความ​คิด​และ​การ​วิเคราะห์. เมื่อ​กล่าว​คำ​ว่า “ทัลมุด” ตาม​ปกติ​แล้ว​จะ​หมาย​ถึง​ทัลมุด​ของ​บาบิโลเนีย. นี่​คือ​ทัลมุด​ซึ่ง​ได้​มี​การ​ค้นคว้า​ศึกษา​และ​ให้​ความ​คิด​เห็น​ไว้​มาก​ที่​สุด​ตลอด​หลาย​ศตวรรษ. ใน​ความ​เห็น​ของ​นอยสเนอร์​แล้ว ทัลมุด​ของ​ปาเลสไตน์ “เป็น​ผล​งาน​แห่ง​สมรรถนะ” และ​ทัลมุด​ของ​บาบิโลเนีย “เป็น​ผล​งาน​แห่ง​อัจฉริยะ.”

    หนังสือภาษาไทย (1971-2026)
    ออกจากระบบ
    เข้าสู่ระบบ
    • ไทย
    • แชร์
    • การตั้งค่า
    • Copyright © 2025 Watch Tower Bible and Tract Society of Pennsylvania
    • เงื่อนไขการใช้งาน
    • นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    • การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
    • JW.ORG
    • เข้าสู่ระบบ
    แชร์