ตั้งใจติดตามวิถีชีวิตตามแนวทางของพระเจ้า
การประชุมใหญ่ “วิถีชีวิตตามแนวทางของพระเจ้า” มีเรื่องสำคัญมากมายเสียจริง ๆ เสนอแก่คนเหล่านั้นที่ต้องการรับใช้พระเจ้า! ตัวแทนคนหนึ่งพรรณนาการประชุมนั้นว่าเป็น “ช่วงเวลาวิเศษของคำแนะนำสั่งสอน, การให้กำลังใจ, และการได้ความสว่าง.”
ตัวแทนอีกคนหนึ่งบอกว่า “มีเรื่องต่าง ๆ มากมายที่ทำให้เพลิดเพลิน, ให้ไตร่ตรอง, และรับเอาไว้.” ตอนนี้ให้เราพิจารณาเนื้อเรื่องต่าง ๆ ในกำหนดการของการประชุมนั้น.
พระเยซูคริสต์—เป็นทางนั้น เป็นความจริง และเป็นชีวิต
นี่เป็นอรรถบทของการประชุมวันแรก. (โยฮัน 14:6) คำบรรยายแรกแจกแจงจุดประสงค์ที่เราชุมนุมร่วมกัน ณ การประชุมนี้นั่นคือ เพื่อรับการสอนต่อ ๆ ไปเกี่ยวกับแนวทางชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ วิถีชีวิตตามแนวทางของพระเจ้า. พระยะโฮวาทรงสอนไพร่พลของพระองค์ถึงวิธีดำเนินในแนวทางของพระองค์. พระองค์ทรงทำเช่นนี้โดยทางคัมภีร์ไบเบิล, “ทาสสัตย์ซื่อและสุขุม,” และพระวิญญาณบริสุทธิ์. (มัดธาย 24:45-47, ล.ม.; ลูกา 4:1; 2 ติโมเธียว 3:16) นับว่าเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ ที่ได้รับการสั่งสอนจากองค์บรมมหิศรแห่งเอกภพ!
ประสานกับอรรถบทของวันนั้น คำปราศรัยสำคัญคือ “ค่าไถ่ของพระคริสต์—ทางแห่งความรอดจากพระเจ้า.” ในการปฏิบัติตามวิถีชีวิตตามแนวทางของพระเจ้า นับว่าสำคัญที่จะยอมรับบทบาทของพระเยซูคริสต์ในพระประสงค์ของพระยะโฮวา. ผู้บรรยายกล่าวว่า “หากปราศจากเครื่องบูชาไถ่ของพระเยซูคริสต์แล้ว ไม่ว่าจะมีความเชื่อหรือการงานอย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีใครสามารถได้รับชีวิตนิรันดร์จากพระเจ้า.” ครั้นแล้วเขาได้ยกโยฮัน 3:16 (ล.ม.) ขึ้นมากล่าวที่ว่า “พระเจ้าทรงรักโลกมากจนถึงกับได้ประทานพระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่แสดงความเชื่อในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์.” การแสดงความเชื่อในเครื่องบูชาไถ่ของพระคริสต์เรียกร้องให้เราบรรลุความรู้ถ่องแท้เกี่ยวกับความจริง. นั่นยังหมายรวมถึงการอุทิศชีวิตของเราแด่พระยะโฮวา แสดงสัญลักษณ์ของการทำเช่นนี้โดยการรับบัพติสมาในน้ำ และดำเนินชีวิตประสานกับตัวอย่างที่พระเยซูคริสต์ทรงวางไว้.—1 เปโตร 2:21.
วาระการประชุมภาคบ่ายเริ่มด้วยคำบรรยายที่มีชื่อว่า “แนวทางของความรักไม่ล้มเหลวเลย.” คำบรรยายนี้ครอบคลุมการพิจารณาคำพรรณนาของเปาโลที่เร้าใจเกี่ยวกับความรัก ตามที่บันทึกใน 1 โกรินโธ 13:4-8 ทีละข้อ. ผู้ฟังได้รับการเตือนให้ระลึกว่า ความรักแบบเสียสละเป็นลักษณะเด่นที่ระบุศาสนาคริสเตียนและความรักต่อพระเจ้าและต่อเพื่อนบ้านเป็นลักษณะเด่นที่สำคัญของการนมัสการที่พระยะโฮวาทรงเห็นชอบ.
ต่อจากนั้นเป็นคำบรรยายชุดสามเรื่องที่มีชื่อว่า “บิดามารดาทั้งหลาย—จงพร่ำสอนบุตรในแนวทางของพระเจ้า.” บิดามารดาสามารถช่วยบุตรให้รับใช้พระเจ้าโดยวางตัวอย่างที่ดีในการอ่านและศึกษาพระคำของพระองค์. พวกเขาสามารถพร่ำสอนความจริงในตัวบุตรโดยการศึกษาครอบครัวเป็นประจำ ปรับการศึกษานั้นให้เข้ากับความจำเป็นของครอบครัว. นับว่าสำคัญด้วยที่จะช่วยบุตรให้มีส่วนในกิจกรรมของประชาคมและงานเผยแพร่ตามบ้าน. ถึงแม้การเลี้ยงดูบุตรที่เกรงกลัวพระเจ้าในโลกชั่วนี้เป็นข้อท้าทายก็ตาม การทำเช่นนั้นนำมาซึ่งผลตอบแทนมากมาย.
หลังจากคำบรรยายชุดนี้แล้วเป็นคำบรรยายเรื่อง “ให้พระยะโฮวาปรับแต่งคุณเพื่อจะใช้อย่างมีเกียรติ.” ช่างปั้นหม้อปรับแต่งภาชนะดินเหนียวฉันใด พระเจ้าทรงปรับแต่งคนเหล่านั้นซึ่งประสงค์จะรับใช้พระองค์ฉันนั้น. (โรม 9:20, 21) พระองค์ทรงทำเช่นนี้โดยจัดเตรียมคำแนะนำไว้ในพระคำและโดยทางองค์การของพระองค์. พระยะโฮวาจะช่วยเราให้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่หากเราทำตัวอยู่พร้อม ตอบรับโอกาสต่าง ๆ และเต็มใจจะให้พระองค์ชี้นำฝีก้าวของเรา.
ต่อจากนี้เป็นส่วนที่น่าตื่นเต้นของกำหนดการ นั่นคือ “การรับใช้ในเขตงานมิชชันนารี.” ปัจจุบัน มีคริสเตียนผู้เผยแพร่ซึ่งอยู่ในฐานะมิชชันนารี 2,390 คนรับใช้อยู่ตลอดทั่วโลกใน 148 ประเทศ. พวกเขาได้วางตัวอย่างยอดเยี่ยมในด้านความภักดีและความมีใจแรงกล้าและรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งในสิทธิพิเศษของการรับใช้ในเขตงานต่างประเทศ. ระหว่างส่วนนี้ของกำหนดการ ณ การประชุมนานาชาติ พวกมิชชันนารีกล่าวถึงข้อท้าทายและความยินดีในชีวิตมิชชันนารี.
คำบรรยายสุดท้ายของวันแรกมีชื่อว่า “ชีวิตหลังจากตายมีไหม?” คำถามนี้ได้ทำให้มนุษยชาติงุนงงมาเป็นเวลาหลายพันปี. ผู้คนในทุกสังคมได้พยายามไขปัญหาในเรื่องนั้น. คำตอบที่คิดเอาเองมีอยู่ไม่ขาด. คำตอบนั้นมีหลากหลายพอ ๆ กับธรรมเนียมและศาสนาของผู้คนที่เสนอคำตอบเหล่านั้น. กระนั้น ผู้คนต้องเรียนรู้ความจริง.
เพราะฉะนั้น ผู้บรรยายได้ประกาศการออกจุลสารใหม่สีสันสดใส 32 หน้า ที่มีชื่อว่า เกิดอะไรขึ้นกับเราเมื่อเราตาย? จุลสารนี้อธิบายต้นกำเนิดของคำสอนเรื่องสภาพอมตะของจิตวิญญาณและแสดงให้เห็นวิธีที่แนวคิดนั้นกลายเป็นหลักสำคัญของแทบทุกศาสนาในโลกทุกวันนี้. ด้วยวิธีชัดเจนและน่าสนใจ จุลสารนี้พิจารณาสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลกล่าวเกี่ยวกับจิตวิญญาณ, สาเหตุที่เราตาย, และเกิดอะไรขึ้นกับเราเมื่อตาย. จุลสารนี้ยังอธิบายด้วยว่ามีความหวังอะไรสำหรับคนตายและคนที่มีชีวิตอยู่. หนังสือนี้จะเป็นพระพรสักเพียงไรสำหรับผู้แสวงหาความจริงทุกแห่งหน!
จงระวังวิธีที่ท่านทั้งหลายดำเนินนั้นอย่างเข้มงวด
นี่ช่างเป็นอรรถบทที่เหมาะสมเสียจริง ๆ สำหรับวันที่สองของการประชุม! (เอเฟโซ 5:15, ล.ม.) กำหนดการภาคเช้ารวมจุดอยู่ที่งานประกาศและงานทำให้คนเป็นสาวก. หลังจากการพิจารณาข้อคัมภีร์ประจำวันแล้ว กำหนดการดำเนินต่อไปด้วยคำบรรยายเรื่อง “การช่วยประชาชนให้พบแนวทางสู่ชีวิต.” เพื่อทำให้งานที่เร่งด่วนนี้บรรลุผลสำเร็จ นับว่าสำคัญที่จะมีเจตคติในแง่บวก ยอมรับว่าการแบ่งปันความจริงให้คนอื่นเป็นทั้งสิทธิพิเศษและเป็นหน้าที่. ในศตวรรษแรกสากลศักราช คนส่วนใหญ่ปฏิเสธพระคำของพระเจ้า. อย่างไรก็ตาม ทั้ง ๆ ที่มีการต่อต้าน ก็ยังมีคนเหล่านั้น “ที่มีความโน้มเอียงอย่างถูกต้องเพื่อชีวิตนิรันดร์และได้เข้ามาเป็นผู้เชื่อถือ.” (กิจการ 13:48, 50, ล.ม.; 14:1-5) สถานการณ์คล้ายกันในทุกวันนี้. ถึงแม้หลายคนปฏิเสธความจริงในคัมภีร์ไบเบิล เรายังคงแสวงหาคนเหล่านั้นซึ่งจะตอบรับต่อไป.—มัดธาย 10:11-13.
คำบรรยายต่อไปพิจารณาข้อท้าทายในการเข้าถึงคนอื่น ๆ พร้อมด้วยข่าวสารเกี่ยวกับชีวิต. เนื่องจากขณะนี้เป็นเรื่องยากขึ้นที่จะพบผู้คนที่บ้าน เราต้องเป็นคนละเอียดถี่ถ้วนและมีปฏิภาณเพื่อเราจะเข้าถึงหลายคนเท่าที่เป็นไปได้พร้อมด้วยข่าวสารราชอาณาจักร. ในหลายประเทศ ผู้ประกาศข่าวดีบรรลุผลที่ดีโดยการให้คำพยานทางโทรศัพท์และโดยประกาศในเขตธุรกิจ โดยวิธีนี้จึงเข้าถึงคนเหล่านั้นที่ปกติแล้วยากที่จะติดต่อได้.
คำบรรยายที่มีชื่อว่า “การสอนสาวกถึงสิ่งสารพัดที่พระคริสต์ทรงสั่งไว้” รวมจุดอยู่ที่ความสำคัญของการมีทักษะในงานเผยแพร่ของเรา. ทักษะในการสอนของเราได้รับการทำให้เฉียบแหลมขึ้นขณะที่เราเรียนจากคนอื่นและนำการอบรมอันดีเลิศที่ได้รับ ณ การประชุมของประชาคมมาใช้. ขณะที่เรามีทักษะในการสอน เราประสบความยินดีมากขึ้นและความพอใจในงานช่วยผู้คนให้เรียนรู้ความจริงของคัมภีร์ไบเบิล.
วาระการประชุมภาคเช้าจบลงด้วยคำบรรยายเกี่ยวกับความหมายของการอุทิศตัวและการรับบัพติสมา. จุดสำคัญอย่างหนึ่งที่ผู้บรรยายเสนอคือ ถ้าเราไว้วางใจในพระเจ้าอย่างเต็มที่และเราพยายามอย่างจริงจังที่จะทำตามพระทัยประสงค์ของพระองค์แล้ว พระองค์จะอวยพระพรและค้ำจุนเรา. บุรุษผู้ฉลาดเขียนว่า “จงรับ [พระเจ้า] ให้เข้าส่วนในทางทั้งหลายของเจ้า, และพระองค์จะชี้ทางเดินของเจ้าให้แจ่มแจ้ง.” (สุภาษิต 3:6) การรับบัพติสมาด้วยความยินดีนั้นเองเป็นจุดเด่นของการประชุมที่แสดงว่าหลายคนได้เริ่มปฏิบัติตามวิถีชีวิตตามแนวทางของพระเจ้า.
หลังจากการพักรับประทานอาหารกลางวัน วาระการประชุมภาคบ่ายเริ่มด้วยคำบรรยายเรื่อง “การรับใช้โดยคำนึงถึงชีวิตที่ไม่สิ้นสุด.” พระประสงค์ของพระเจ้าที่ให้มนุษย์ผู้เชื่อฟังรับใช้พระองค์ตลอดไปบนแผ่นดินโลกจะสำเร็จเป็นจริง. ดังนั้นแล้ว ช่างเหมาะสมสักเพียงไรที่เรามุ่งความคิด, แผนการ, และความหวังของเราอยู่ที่การรับใช้พระยะโฮวาโดยคำนึงถึงอนาคตที่ไม่สิ้นสุด! ขณะที่เราต้องการคำนึงถึง “วันของพระยะโฮวา” เสมอ นับว่าสำคัญที่จะจดจำไว้ว่าเป้าหมายของเราคือรับใช้ตลอดกาล. (2 เปโตร 3:12, ล.ม.) การไม่รู้เวลาที่แน่ชัดคราวที่พระเยซูจะดำเนินการแก้แค้นของพระเจ้าทำให้เราคอยระวังระไวอยู่และทำให้เรามีโอกาสทุกวันที่จะพิสูจน์ว่าเรารับใช้พระยะโฮวาด้วยแรงจูงใจที่ไม่เห็นแก่ตัว.
คำบรรยายสองเรื่องที่ติดตามมาพิจารณาบทที่ 4 ของจดหมายจากเปาโลถึงชาวเอเฟโซ. ในบรรดาเรื่องที่มีการพิจารณาได้แก่ พระพรที่เราได้รับจาก “ของประทานในลักษณะมนุษย์” เหล่าผู้ชายที่มีคุณวุฒิฝ่ายวิญญาณซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์. ผู้ปกครองเหล่านี้จัดเตรียมคำแนะนำและการชี้แนะเพื่อผลประโยชน์ฝ่ายวิญญาณของเรา. จดหมายของเปาโลที่มีขึ้นโดยการดลใจยังกระตุ้นเตือนคริสเตียนให้สวม “บุคลิกภาพใหม่” ด้วย. (เอเฟโซ 4:8, 24, ล.ม.) บุคลิกภาพเยี่ยงพระเจ้ารวมเอาคุณลักษณะต่าง ๆ เช่น ความเมตตาสงสาร, ความกรุณา, ใจถ่อม, ความอ่อนโยน, ความอดกลั้นไว้นาน, และความรัก.—โกโลซาย 3:12-14.
การระวังวิธีที่เราดำเนินอย่างเข้มงวดพาดพิงถึงการรักษาตัวเราให้ปราศจากด่างพร้อยของโลก—ซึ่งเป็นหัวเรื่องของคำบรรยายต่อไป. จำเป็นต้องมีความสมดุลในการเลือกความบันเทิง, กิจกรรมทางสังคม, และการติดตามทางด้านวัตถุ. โดยเอาคำแนะนำที่ยาโกโบ 1:27 มาใช้เพื่อรักษาตัวให้ปราศจากด่างพร้อยของโลก เราจึงมีฐานะสะอาดกับพระเจ้าและมีสติรู้สึกผิดชอบที่ดี. เราสามารถดำเนินชีวิตอย่างมีจุดมุ่งหมายด้วยและจะได้รับพระพรด้วยสันติสุข, ความรุ่งเรืองฝ่ายวิญญาณ, และมิตรสหายที่ยอดเยี่ยม.
แล้วก็มาถึงคำบรรยายชุดสามเรื่องที่มีชื่อว่า “หนุ่มสาวทั้งหลาย—จงติดตามแนวทางของพระเจ้า.” เนื่องจากทราบว่าพระเจ้าทรงรักพวกเขาและหยั่งรู้ค่าความพยายามของพวกเขาที่จะสนับสนุนการนมัสการบริสุทธิ์ หนุ่มสาวควรฝึกความสามารถในการสังเกตเข้าใจเพื่อรับใช้พระองค์อย่างซื่อสัตย์. วิธีหนึ่งที่จะพัฒนาความสามารถในการสังเกตเข้าใจก็คือการอ่านพระคำของพระเจ้าทุกวันและคิดรำพึงถึงพระคำนั้น. ถ้าเราทำเช่นนี้ เราสามารถมารู้จักวิถีทางของพระยะโฮวา. (บทเพลงสรรเสริญ 119:9-11) ความสามารถในการสังเกตเข้าใจยังได้รับการพัฒนาโดยการยอมรับคำแนะนำที่อาวุโสจากบิดามารดา, ผู้ปกครอง, และสรรพหนังสือของสมาคมฯ. โดยการใช้ความสามารถในการสังเกตเข้าใจของเขาในวิธีที่ถูกต้อง หนุ่มสาวจึงต้านทานการหมกมุ่นอยู่กับสมบัติฝ่ายวัตถุ, คำพูดที่ไม่สะอาด, และความเลยเถิดในนันทนาการที่แสดงลักษณะของโลกนี้ที่ห่างเหินจากพระเจ้า. โดยปฏิบัติตามวิถีชีวิตตามแนวทางของพระเจ้า ทั้งหนุ่มสาวและคนสูงอายุเช่นกันสามารถประสบความสำเร็จแท้ได้.
คำบรรยายสุดท้ายของวันนั้นคือ “พระผู้สร้าง—บุคลิกภาพและแนวทางของพระองค์.” หลังจากชี้แจงว่าผู้คนหลายพันล้านไม่รู้จักพระผู้สร้าง ผู้บรรยายกล่าวว่า “ความหมายแท้ในชีวิตเกี่ยวข้องกับการรู้จักพระผู้สร้าง พระเจ้าของเราผู้ทรงเป็นบุคคล; การรู้จักบุคลิกภาพของพระองค์; และการร่วมมือกับแนวทางของพระองค์. . . . มีข้อเท็จจริงต่าง ๆ เกี่ยวกับโลกและตัวเราที่คุณสามารถใช้เพื่อช่วยผู้คนให้ยอมรับพระผู้สร้างและพบความหมายที่เกี่ยวข้องกับพระองค์.” ครั้นแล้วผู้บรรยายได้พิจารณาหลักฐานที่ชี้ถึงการดำรงอยู่ของพระผู้สร้างองค์ทรงไว้ซึ่งปัญญาและความรัก. คำบรรยายมาถึงสุดยอดด้วยการออกหนังสือใหม่—มีพระผู้สร้างที่ใฝ่พระทัยตัวคุณไหม?
“ทางนี้แหละ. . . . จงเดินในทางนี้เถิด”
นี่เป็นอรรถบทของการประชุมวันที่สาม. (ยะซายา 30:21, ล.ม.) กำหนดการเริ่มด้วยคำบรรยายชุดที่น่าตื่นเต้นสามเรื่อง เพ่งเล็งที่นิมิตของยะเอศเคลเกี่ยวกับพระวิหาร. นิมิตนี้มีความหมายมากทีเดียวสำหรับไพร่พลของพระเจ้าในทุกวันนี้ เนื่องจากนั่นเกี่ยวข้องกับการนมัสการบริสุทธิ์ในสมัยของเรา. กุญแจไขความเข้าใจนิมิตนั้นเป็นดังนี้: พระวิหารฝ่ายวิญญาณอันใหญ่ยิ่งของพระยะโฮวาเป็นภาพแสดงถึงการจัดเตรียมของพระองค์เพื่อการนมัสการบริสุทธิ์. ขณะที่มีการพิจารณาลักษณะเด่นต่าง ๆ ของนิมิตนี้ ผู้ฟังไตร่ตรองดูกิจกรรมของพวกเขาในการสนับสนุนงานที่ทำสำเร็จโดยผู้ดูแลที่เปี่ยมด้วยความรักแห่งชนที่เหลือผู้ถูกเจิมและโดยผู้ที่หวังจะเป็นสมาชิกในชนจำพวกเจ้านาย.
ตอนสายของวันนั้น มีละครเกี่ยวกับคัมภีร์ไบเบิลที่มีสีสันน่าตื่นตาพร้อมด้วยผู้แสดงแต่งกายแบบโบราณ. ละครนี้มีชื่อเรื่องว่า “ครอบครัวทั้งหลาย—จงทำให้การอ่านพระคัมภีร์ทุกวันเป็นวิถีชีวิตของคุณ!” ละครนี้แสดงให้เห็นความเชื่อและความกล้าหาญของชาวฮีบรูสามคนซึ่งไม่ยอมก้มกราบรูปทองคำที่กษัตริย์นะบูคัศเนซัรแห่งบาบูโลนได้สร้างขึ้น. เป้าหมายของละครนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า คัมภีร์ไบเบิลมิใช่เป็นเพียงหนังสือเกี่ยวกับประวัติศาสตร์โบราณเท่านั้น แต่คำแนะนำของพระคัมภีร์เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงต่อทั้งเยาวชนและผู้ใหญ่ในทุกวันนี้.
วาระการประชุมตอนบ่ายเป็นช่วงเวลาสำหรับคำบรรยายสาธารณะเรื่อง “ทางเดียวสู่ชีวิตนิรันดร์.” หลังจากสืบร่องรอยประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการที่มนุษยชาติตกเข้าสู่บาปและความตายแล้ว ผู้บรรยายจบลงด้วยถ้อยคำเหล่านี้ที่กระตุ้นความคิดว่า “ข้อคัมภีร์ที่เป็นอรรถบทสำหรับการประชุมวันนี้คือยะซายาบท 30 ข้อ 21 (ล.ม.) ซึ่งกล่าวว่า ‘หูของเจ้าเองจะได้ยินถ้อยคำข้างหลังเจ้ากล่าวว่า “ทางนี้แหละ. เจ้าทั้งหลาย จงเดินในทางนี้เถิด” ในกรณีที่เจ้าทั้งหลายจะไปทางขวาหรือในกรณีที่เจ้าทั้งหลายจะไปทางซ้าย.’ เราได้ยินเสียงนี้โดยวิธีใด? โดยการรับฟังพระคัมภีร์บริสุทธิ์ พระคำของพระเจ้า และโดยการปฏิบัติตามการชี้นำที่พระยะโฮวาพระเจ้า พระครูองค์ใหญ่ยิ่งของเรา ทรงจัดเตรียมโดยทางพระคำนั้นและโดยทางองค์การคริสเตียนของพระองค์สมัยปัจจุบัน. ที่จริง การทำเช่นนี้เป็นทางเดียวสู่ชีวิตนิรันดร์.”
หลังจากการสรุปบทความการศึกษาหอสังเกตการณ์ สำหรับสัปดาห์นั้น ก็มาถึงคำบรรยายสุดท้ายที่มีชื่อว่า “จงดำเนินต่อไปในแนวทางของพระยะโฮวา.” ส่วนหนึ่ง มีการทบทวนจุดสำคัญของกำหนดการ. ครั้นแล้ว ผู้บรรยายเสนอมติที่แสดงถึงความตั้งใจแน่วแน่จะดำเนินชีวิตต่อไปในแนวทางของพระเจ้า.
มตินั้นจบลงด้วยถ้อยคำที่กระตุ้นใจดังนี้ “เราเชื่อมั่นว่าการดำเนินชีวิตตามหลักการ, ตามคำแนะนำ, และตามคำตักเตือนของพระคัมภีร์จะช่วยให้มีวิถีชีวิตที่ดีที่สุดในปัจจุบันนี้และวางรากฐานอันดีไว้สำหรับอนาคต เพื่อที่เราจะยึดเอาชีวิตแท้ให้มั่น. เหนือสิ่งอื่นใด พวกเราลงมตินี้เพราะพวกเรารักพระยะโฮวาพระเจ้าด้วยสิ้นสุดหัวใจ, สุดจิตวิญญาณ, สุดจิตใจ, และสุดกำลังของเรา!” ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนยืนยันการเห็นพ้องด้วยโดยการออกเสียงดังว่า เห็นด้วย!
[กรอบ/ภาพหน้า 8]
มีพระผู้สร้างที่ใฝ่พระทัยตัวคุณไหม?
หนังสือใหม่ที่มีชื่อนี้เสนอหลักฐานที่ทำให้มั่นใจในการดำรงอยู่ของพระยะโฮวา พระผู้สร้าง และพิจารณาคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์. หนังสือนี้ได้รับการออกแบบโดยเฉพาะสำหรับคนเหล่านั้นที่มีการศึกษาดีในเรื่องทางโลกแต่เป็นผู้ที่ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้า. หนังสือ 192 หน้าเล่มนี้จะเพิ่มพูนความเชื่อของบุคคลที่เชื่อว่ามีพระเจ้าอยู่แล้วด้วย ทั้งเสริมสร้างความหยั่งรู้ค่าบุคลิกภาพและวิถีทางของพระองค์.
มีพระผู้สร้างที่ใฝ่พระทัยตัวคุณไหม? มิได้ทึกทักเอาว่าผู้อ่านเชื่อว่ามีพระเจ้า. แทนที่จะเป็นเช่นนั้น หนังสือนี้พิจารณาวิธีที่การค้นพบและแนวคิดต่าง ๆ ทางวิทยาศาสตร์ไม่นานมานี้ให้หลักฐานเรื่องการดำรงอยู่ของพระผู้สร้าง. ในบรรดาบทต่าง ๆ มีเรื่อง “อะไรทำให้ชีวิตของคุณมีความหมายมากขึ้น? “เอกภพของเราเกิดขึ้นอย่างไร?—ข้อถกเถียงกัน” และ “ไม่มีใครเหมือนคุณ!” บทอื่น ๆ พิจารณาเหตุผลที่เราสามารถมั่นใจว่าคัมภีร์ไบเบิลมีขึ้นโดยการดลใจจากพระเจ้า. หนังสือใหม่นี้ยังมีการพิจารณาคัมภีร์ไบเบิลตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งเปิดเผยบุคลิกภาพและวิถีทางของพระผู้สร้าง. หนังสือนี้พิจารณาไม่เพียงสาเหตุที่พระเจ้าทรงยอมให้มีความทุกข์มากจริง ๆ เท่านั้น ทว่ายังอธิบายวิธีที่พระองค์จะทำให้ความทุกข์สิ้นสุดตลอดกาลด้วย.
[รูปภาพหน้า 7]
หลายคนได้รับบัพติสมา
[รูปภาพหน้า 7]
เอ. ดี. ชโรเดอร์ สมาชิกคณะกรรมการปกครองแห่งพยานพระยะโฮวา ประกาศออกจุลสารเล่มใหม่
[รูปภาพหน้า 8, 9]
ละครที่น่าตื่นเต้นสนับสนุนการอ่านคัมภีร์ไบเบิลทุกวัน