พระยะโฮวาทรงเรียกร้องจากเรามากเกินไปไหม?
“อะไรคือสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเรียกคืนจากเจ้านอกจากสำแดงความยุติธรรมและรักความกรุณาและเจียมตนในการดำเนินกับพระเจ้าของเจ้า?”—มีคา 6:8, ล.ม.
1. อะไรอาจเป็นเหตุที่ทำให้บางคนไม่รับใช้พระยะโฮวา?
พระยะโฮวาทรงเรียกร้องบางสิ่งจากไพร่พลของพระองค์. แต่หลังจากอ่านถ้อยคำข้างต้นที่ยกมาจากคำพยากรณ์ของมีคาแล้ว คุณอาจลงความเห็นได้เลยว่าข้อเรียกร้องของพระเจ้านั้นสมเหตุผล. อย่างไรก็ตาม หลายคนไม่ได้รับใช้พระผู้สร้างองค์ยิ่งใหญ่ของเรา และบางคนที่เคยรับใช้พระองค์ก็ได้เลิกรับใช้พระองค์. เพราะเหตุใด? เนื่องจากพวกเขาคิดว่าพระเจ้าทรงเรียกร้องจากเรามากเกินไป. เป็นอย่างนั้นจริงไหม? หรือว่าปัญหาอาจอยู่ที่เจตคติของคนเราต่อสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้อง? บันทึกประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งให้ความเข้าใจที่ลึกซึ้งในเรื่องนี้.
2. นามานเป็นใคร และผู้พยากรณ์ของพระยะโฮวาบอกให้เขาทำอะไร?
2 นามานแม่ทัพชาวซีเรียทนทุกข์ด้วยโรคเรื้อน แต่มีคนแนะนำให้ว่าที่แผ่นดินยิศราเอลมีผู้พยากรณ์คนหนึ่งของพระยะโฮวาที่สามารถรักษาเขาได้. ดังนั้น นามานและผู้ติดตามจึงเดินทางไปยิศราเอลและในที่สุดก็มาถึงบ้านของอะลีซาผู้พยากรณ์ของพระเจ้า. แทนที่จะออกจากบ้านมาต้อนรับแขกผู้มีเกียรติ อะลีซาใช้คนไปบอกนามานว่า “จงไปอาบน้ำในแม่น้ำยาระเดนเจ็ดหน, แล้วเนื้อของท่านจะกลับเป็นปรกติอย่างเดิม, ท่านจะหายโรคเป็นสะอาด.”—2 กษัตริย์ 5:10.
3. เหตุใดตอนแรกนามานไม่ยอมทำตามที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้อง?
3 ถ้านามานยอมทำตามข้อเรียกร้องที่ผู้พยากรณ์ของพระเจ้าบอก เขาจะหายจากโรคอันน่ารังเกียจ. เมื่อเป็นอย่างนี้ พระยะโฮวาทรงเรียกร้องจากเขามากเกินไปไหม? ไม่เลย. กระนั้น นามานไม่ต้องการทำตามที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้อง. เขาแสดงความไม่พอใจโดยกล่าวว่า “อะบานาและฟารพาร, แม่น้ำแห่งเมืองดาเมเซ็คนั้น, ไม่ดีกว่าแม่น้ำทั้งปวงในประเทศยิศราเอลหรือ? ข้าจะอาบในแม่น้ำเหล่านั้น, และหายโรคให้สะอาดไม่ได้หรือ?” ว่าแล้วนามานก็ออกไปจากที่นั่นด้วยความโกรธ.—2 กษัตริย์ 5:12.
4, 5. (ก) นามานได้รับบำเหน็จอะไรสำหรับการที่เขาเชื่อฟัง และเขาสนองตอบอย่างไรเมื่อได้รับบำเหน็จนั้น? (ข) ตอนนี้เราจะพิจารณาเรื่องอะไร?
4 ปัญหาที่แท้จริงของนามานคืออะไร? ไม่ใช่ข้อเรียกร้องนั้นยากเกินจะทำตามได้. คนรับใช้ของนามานกล่าวอย่างผ่อนสั้นผ่อนยาวว่า “ถ้าผู้พยากรณ์นั้นได้สั่งให้ท่านทำการใหญ่, ท่านจะยอมกระทำมิใช่หรือ? ยิ่งกว่านั้นเท่าใดควรจะกระทำ, เมื่อท่านสั่งว่าจงไปอาบน้ำและหายโรคเป็นสะอาด?” (2 กษัตริย์ 5:13) ปัญหาอยู่ที่เจตคติของนามาน. เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรีตามที่ตนสมควรได้รับ และถูกเรียกร้องให้ทำในสิ่งที่ดูเหมือนเขาจะถือว่าเปล่าประโยชน์และเป็นการทำลายศักดิ์ศรี. อย่างไรก็ตาม นามานตอบรับคำแนะนำอย่างผ่อนสั้นผ่อนยาวของคนรับใช้และจุ่มตัวในแม่น้ำยาระเดนเจ็ดครั้ง. ขอให้นึกภาพถึงความยินดีของเขาเมื่อ “เนื้อของท่านก็เกิดใหม่เหมือนอย่างเนื้อของเด็กอ่อน, และท่านก็หายโรคเป็นสะอาด”! เขารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง. ยิ่งกว่านั้น นามานยังประกาศด้วยว่า นับแต่นั้นไปเขาจะไม่นมัสการพระอื่นใดอีกนอกจากพระยะโฮวา.—2 กษัตริย์ 5:14-17.
5 ตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ พระยะโฮวาได้ทรงเรียกร้องให้ผู้คนกระทำตามข้อกำหนดหลายอย่าง. เราขอเชิญชวนคุณให้พิจารณาข้อกำหนดเหล่านี้บางอย่าง. ขณะที่คุณพิจารณา ขอให้ถามตัวเองว่าคุณจะตอบสนองอย่างไรถ้าพระยะโฮวาได้ทรงเรียกร้องให้คุณทำอย่างนั้น. แล้วในภายหลัง เราจะตรวจสอบถึงสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้องจากเราในทุกวันนี้.
สิ่งที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้องในอดีต
6. มีข้อเรียกร้องให้มนุษย์คู่แรกทำอะไร และถ้าเป็นคุณ ๆ จะตอบสนองพระบัญชานั้นอย่างไร?
6 พระยะโฮวาทรงบัญชามนุษย์คู่แรก คืออาดามและฮาวา ให้เลี้ยงดูบุตร, ปราบแผ่นดินโลก และปกครองสรรพสัตว์ให้อยู่ใต้อำนาจ. ชายนั้นกับภรรยาของเขายังได้รับพระพรให้มีบ้านที่มีสภาพเป็นอุทยานอันกว้างขวาง. (เยเนซิศ 1:27, 28; 2:9-15) แต่มีข้อจำกัดอยู่อย่างหนึ่ง. ทั้งสองต้องไม่รับประทานผลจากต้นไม้ต้นหนึ่งในบรรดาต้นไม้มากมายที่ให้ผลในสวนเอเดน. (เยเนซิศ 2:16, 17) นั่นไม่ได้เป็นการเรียกร้องมากเกินไปมิใช่หรือ? คุณจะไม่ยินดีทำตามงานมอบหมายนั้นพร้อมกับมีความคาดหมายจะมีชีวิตนิรันดร์พร้อมด้วยสุขภาพที่สมบูรณ์หรอกหรือ? แม้ว่าเกิดมีจอมล่อลวงปรากฏขึ้นในสวนนั้น คุณก็คงจะปฏิเสธคำชักชวนของมันมิใช่หรือ? และคุณคงจะเห็นพ้องมิใช่หรือว่าพระยะโฮวาทรงมีสิทธิที่จะตั้งข้อจำกัดง่าย ๆ เช่นนั้น?—เยเนซิศ 3:1-5.
7. (ก) โนฮาได้รับมอบหมายให้ทำอะไร และเขาประสบการต่อต้านอย่างไร? (ข) คุณมีทัศนะอย่างไรต่อสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้องให้โนฮาทำ?
7 ในเวลาต่อมา พระยะโฮวาทรงเรียกร้องให้โนฮาสร้างนาวาเพื่อเป็นเครื่องพิทักษ์ชีวิตให้รอดผ่านน้ำท่วมโลก. เมื่อคำนึงถึงขนาดมหึมาของนาวานั้น งานนี้ไม่ง่ายเลยและคงต้องทำโดยเผชิญกับการเยาะเย้ยและความเป็นปฏิปักษ์มากมาย. กระนั้น ช่างเป็นสิทธิพิเศษจริง ๆ สำหรับโนฮาที่สามารถช่วยชีวิตคนในครัวเรือน รวมทั้งสัตว์อีกมากมาย! (เยเนซิศ 6:1-8, 14-16; เฮ็บราย 11:7; 2 เปโตร 2:5) หากคุณได้รับมอบหมายให้ทำเช่นนั้น คุณจะทำงานหนักเพื่อทำหน้าที่มอบหมายนี้ให้สำเร็จไหม? หรือคุณจะลงความเห็นว่าพระยะโฮวาทรงเรียกร้องจากคุณมากเกินไป?
8. มีข้อเรียกร้องให้อับราฮามทำอะไร และการที่ท่านยอมทำตามเป็นภาพแสดงถึงอะไร?
8 พระเจ้าทรงเรียกร้องให้อับราฮามทำบางสิ่งที่ยากมาก โดยตรัสแก่ท่านว่า “จงพาบุตรที่รักคนเดียวของเจ้า คือ ยิศฮาคไปที่แผ่นดินโมริยา; ถวายเป็นเครื่องบูชาเผาเสีย.” (เยเนซิศ 22:2) เนื่องจากพระยะโฮวาได้ทรงสัญญาว่ายิศฮาคซึ่งตอนนั้นยังไม่มีบุตร จะมีพงศ์พันธุ์ ความเชื่อของอับราฮามในความสามารถของพระเจ้าในการคืนชีวิตให้แก่ยิศฮาคจึงถูกทดสอบ. เมื่ออับราฮามพยายามถวายยิศฮาคเป็นเครื่องบูชา พระเจ้าทรงปกป้องคุ้มครองชายหนุ่มคนนี้ไว้. เหตุการณ์นี้เป็นภาพแสดงถึงการที่พระเจ้าจะทรงมอบพระบุตรของพระองค์เองเพื่อมนุษยชาติและทรงปลุกพระบุตรให้คืนพระชนม์ในเวลาต่อมา.—เยเนซิศ 17:19; 22:9-18; โยฮัน 3:16; กิจการ 2:23, 24, 29-32; เฮ็บราย 11:17-19.
9. เหตุใดพระยะโฮวามิได้ทรงเรียกร้องจากอับราฮามมากเกินไป?
9 บางคนอาจคิดว่าพระยะโฮวาพระเจ้าทรงเรียกร้องจากอับราฮามมากเกินไป. แต่เป็นอย่างนั้นไหม? พระผู้สร้างผู้ทรงสามารถปลุกคนตายให้มีชีวิตอีกทรงขาดความรักจริง ๆ ไหมที่ทรงเรียกร้องให้เราเชื่อฟังพระองค์ถึงขั้นที่ทำให้เราต้องหลับในความตายชั่วคราว? พระเยซูคริสต์และเหล่าสาวกในสมัยแรกไม่คิดอย่างนั้น. พวกเขาเต็มใจถูกทำร้ายร่างกาย แม้กระทั่งเสียชีวิตด้วยซ้ำ เพื่อทำตามพระทัยประสงค์ของพระเจ้า. (โยฮัน 10:11, 17, 18; กิจการ 5:40-42; 21:13) หากสภาพการณ์ทำให้จำเป็นต้องทำอย่างนั้น คุณจะเต็มใจทำอย่างเดียวกันไหม? ขอให้พิจารณาบางสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้องจากผู้ที่ตกลงใจจะเป็นไพร่พลของพระองค์.
พระบัญญัติของพระยะโฮวาสำหรับชาติยิศราเอล
10. ใครปฏิญาณตัวว่าจะทำทุกสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้อง และพระองค์ทรงประทานอะไรแก่พวกเขา?
10 ลูกหลานของอับราฮามซึ่งสืบเชื้อสายจากยิศฮาคบุตรของท่านและยาโคบหรือยิศราเอลหลานของท่านขยายตัวขึ้นจนกลายเป็นชาติยิศราเอล. พระยะโฮวาทรงช่วยชาวยิศราเอลให้พ้นจากการเป็นทาสในอียิปต์. (เยเนซิศ 32:28; 46:1-3; 2 ซามูเอล 7:23, 24) หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาปฏิญาณตัวว่าจะทำสิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าทรงเรียกร้องให้เขาทำ. พวกเขากล่าวว่า “สิ่งสารพัตรที่พระยะโฮวาตรัสนั้นข้าพเจ้าทั้งหลายจะกระทำตาม.” (เอ็กโซโด 19:8) สอดคล้องกับความปรารถนาของชาวยิศราเอลที่จะให้พระองค์ปกครองพวกเขา พระยะโฮวาทรงจัดเตรียมกฎหมายมากกว่า 600 ข้อ รวมทั้งพระบัญญัติสิบประการ ให้แก่ชาตินี้. ต่อมา กฎหมายเหล่านี้ของพระเจ้าซึ่งทรงประทานทางโมเซได้กลายเป็นที่รู้จักกันในนามพระบัญญัติ.—เอษรา 7:6; ลูกา 10:25-27; โยฮัน 1:17.
11. จุดประสงค์อย่างหนึ่งของพระบัญญัติคืออะไร และกฎระเบียบบางอย่างที่จะทำให้จุดประสงค์ดังกล่าวสำเร็จคืออะไร?
11 จุดประสงค์อย่างหนึ่งของพระบัญญัติคือเพื่อคุ้มครองชาวยิศราเอลโดยจัดให้มีกฎระเบียบที่ดีงามซึ่งควบคุมเรื่องต่าง ๆ อย่างเช่นเรื่องศีลธรรมทางเพศ, การติดต่อซื้อขาย และการเอาใจใส่เด็ก ๆ. (เอ็กโซโด 20:14; เลวีติโก 18:6-18, 22-24; 19:35, 36; พระบัญญัติ 6:6-9) มีการตั้งกฎระเบียบต่าง ๆ เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ รวมทั้งสัตว์ของพวกเขาด้วย. (เลวีติโก 19:18; พระบัญญัติ 22:4, 10) ข้อเรียกร้องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับเทศกาลประจำปีและการประชุมร่วมกันเพื่อนมัสการช่วยป้องกันประชาชนไว้จากอันตรายทางฝ่ายวิญญาณ.—เลวีติโก 23:1-43; พระบัญญัติ 31:10-13.
12. จุดประสงค์สำคัญของพระบัญญัติคืออะไร?
12 เปาโลเขียนเกี่ยวกับจุดประสงค์สำคัญอย่างหนึ่งของพระบัญญัติว่า “พระบัญญัติถูกเพิ่มไว้เพื่อทำให้การล่วงละเมิดปรากฏชัด จนกว่าพงศ์พันธุ์ [พระคริสต์] ที่ได้รับคำสัญญานั้นจะมา.” (ฆะลาเตีย 3:19, ล.ม.) พระบัญญัติเตือนใจชาวยิศราเอลว่าพวกเขาไม่สมบูรณ์. ดังนั้น ตามเหตุผลแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องมีเครื่องบูชาที่สมบูรณ์ซึ่งสามารถขจัดบาปของเขาได้อย่างสิ้นเชิง. (เฮ็บราย 10:1-4) ดังนั้น พระบัญญัติมีจุดมุ่งหมายที่จะเตรียมประชาชนไว้ให้ยอมรับพระเยซู ผู้ทรงเป็นพระมาซีฮาหรือพระคริสต์. เปาโลเขียนว่า “พระบัญญัติจึงเป็นครูสอนซึ่งนำเราให้มาถึงพระคริสต์, เพื่อเราจะได้ความชอบธรรมโดยความเชื่อ.”—ฆะลาเตีย 3:24.
พระบัญญัติของพระยะโฮวาเป็นภาระหนักไหม?
13. (ก) มนุษย์ไม่สมบูรณ์มีทัศนะอย่างไรต่อพระบัญญัติ และเพราะเหตุใด? (ข) พระบัญญัติเป็นภาระหนักจริง ๆ ไหม?
13 แม้ว่าพระบัญญัตินั้น “บริสุทธิ์ยุติธรรมและดี” แต่หลายคนมองว่าเป็นภาระหนัก. (โรม 7:12) เนื่องจากพระบัญญัตินั้นสมบูรณ์ ชาวยิศราเอลไม่อาจบรรลุมาตรฐานอันสูงส่งของพระบัญญัติได้. (บทเพลงสรรเสริญ 19:7) นั่นเป็นเหตุที่อัครสาวกเปโตรเรียกพระบัญญัตินี้ว่า “แอก . . . ซึ่งบรรพบุรุษของเราหรือตัวเราเองก็ดีแบกไม่ไหว.” (กิจการ 15:10) แน่นอน ตัวพระบัญญัติเองไม่เป็นภาระหนัก และการเชื่อฟังพระบัญญัติก็ให้ประโยชน์แก่ประชาชน.
14. มีตัวอย่างอะไรบ้างที่แสดงว่าพระบัญญัติเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อชนชาติยิศราเอล?
14 ตัวอย่างเช่น ภายใต้พระบัญญัติ ขโมยไม่ถูกจำไว้ในคุก แต่ต้องทำงานเพื่อชดใช้สิ่งที่เขาได้ขโมยไปสองเท่าหรือมากกว่านั้น. โดยวิธีนี้ ผู้เสียหายจึงไม่ประสบความสูญเสีย อีกทั้งประชาชนที่ทำงานหนักจึงไม่มีภาระในการค้ำจุนระบบเรือนจำ. (เอ็กโซโด 22:1, 3, 4, 7) อาหารที่ไม่ปลอดภัยถูกสั่งห้าม. เนื้อหมูที่ไม่ได้ปรุงอย่างถูกต้องอาจนำโรคพยาธิตัวตืดได้ และกระต่ายอาจนำโรคทูลารีเมียได้. (เลวีติโก 11:4-12) ในลักษณะเดียวกัน พระบัญญัติให้การปกป้องโดยห้ามการจับต้องซากศพ. หากคนใดแตะต้องซากศพ เขาต้องชำระตัวรวมทั้งเสื้อผ้าของเขาด้วย. (เลวีติโก 11:31-36; อาฤธโม 19:11-22) อุจจาระก็ต้องกลบฝังเพื่อป้องกันประชาชนไว้จากการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์เพิ่งจะค้นพบเมื่อไม่กี่ศตวรรษมานี้เอง.—พระบัญญัติ 23:13.
15. อะไรที่ปรากฏว่าเป็นภาระสำหรับชาวยิศราเอล?
15 พระบัญญัติไม่เรียกร้องจากประชาชนมากเกินไป. แต่ไม่อาจกล่าวได้อย่างเดียวกันสำหรับคนเหล่านั้นที่ตั้งตัวเองเป็นผู้ตีความพระบัญญัติ. เกี่ยวกับกฎต่าง ๆ ที่คนเหล่านี้ได้ตั้งขึ้น อะ ดิกชันนารี ออฟ เดอะ ไบเบิล ซึ่งเจมส์ เฮสติงส์ เป็นบรรณาธิการ ให้ข้อสังเกตว่า “พระบัญชาของคัมภีร์ไบเบิลทุกข้อถูกล้อมด้วยข้อบังคับหยุมหยิมมากมายที่เกี่ยวโยงกัน. . . . ด้วยเหตุนั้น มีความพยายามที่จะดึงเอาทุกกรณีเท่าที่พอจะนึกออกได้ภายในขอบเขตของพระบัญญัติ และด้วยการชักเหตุผลที่ไร้เมตตา เพื่อวางกฎสำหรับการกระทำทั้งสิ้นของมนุษย์ด้วยหลักแห่งประสบการณ์ที่เคร่งครัด. . . . เสียงแห่งสติรู้สึกผิดชอบถูกระงับ; พลังอันมีชีวิตแห่งพระคำของพระเจ้าถูกทำให้ไร้ประสิทธิภาพและชะงักงันอยู่ใต้กองพะเนินของกฎอันเป็นแต่เปลือกนอก.”
16. พระเยซูตรัสอะไรเกี่ยวกับกฎและประเพณีของพวกหัวหน้าศาสนาซึ่งเป็นภาระหนัก?
16 พระเยซูคริสต์ทรงตำหนิพวกหัวหน้าศาสนาที่ตั้งกฎขึ้นมามากมาย โดยตรัสว่า “เขาดีแต่ผูกมัดของหนักซึ่งแบกยากวางบนบ่ามนุษย์ ส่วนเขาเองแม้แต่นิ้วเดียวก็ไม่จับต้องเลย.” (มัดธาย 23:2, 4) พระองค์ทรงชี้ว่ากฎและประเพณีอันเป็นภาระหนักที่พวกเขาตั้งขึ้นนั้น รวมทั้งการชำระร่างกายอย่างพิถีพิถัน เป็นการ “ทำลายพระบัญญัติของพระเจ้า.” (มาระโก 7:1-13; มัดธาย 23:13, 24-26) แม้แต่ก่อนพระเยซูทรงอยู่บนแผ่นดินโลก พวกอาจารย์สอนศาสนาในยิศราเอลก็ถ่ายทอดสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้องจริง ๆ อย่างผิด ๆ อยู่แล้ว.
สิ่งที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้องจริง ๆ
17. เหตุใดพระยะโฮวาไม่ทรงพอพระทัยเครื่องบูชาเผาถวายของชาวยิศราเอลที่ขาดความเชื่อ?
17 โดยทางผู้พยากรณ์ยะซายา พระยะโฮวาตรัสว่า “เราเบื่อเครื่องบูชาเผาแกะตัวผู้, และมันข้นแห่งสัตว์เลี้ยง; และมิได้ชื่นใจในโลหิตแห่งลูกโคผู้, หรือของลูกแกะ, หรือของแพะผู้.” (ยะซายา 1:10, 11) เหตุใดพระเจ้ามิได้ทรงพอพระทัยเครื่องบูชาที่พระองค์เองทรงเรียกร้องไว้ในพระบัญญัติให้ถวาย? (เลวีติโก 1:1–4:35) เนื่องจากไพร่พลปฏิบัติต่อพระองค์อย่างขาดความนับถือ. ด้วยเหตุนั้น พวกเขาถูกเตือนสติดังนี้: “ล้างเสียเถอะ, จงชำระตัวเสียให้สะอาดหมดจด; เจ้าจงเลิกทำการชั่วและกำจัดมันเสียให้พ้นจากสายตาของเรา; จงงดกระทำชั่วเสียทีเดียว; จงฝึกหัดกระทำการดี; จงแสวงหาที่จะให้ความยุติธรรม, จงขัดขวางการกระทำของผู้ข่มเหง, จงให้ความยุติธรรมแก่ลูกกำพร้า, จงเป็นปากเสียงให้แก่หญิงม่าย.” (ยะซายา 1:16, 17) เรื่องนี้ช่วยให้เราเข้าใจถึงสิ่งที่พระยะโฮวาทรงประสงค์จากผู้รับใช้ของพระองค์มิใช่หรือ?
18. พระยะโฮวาทรงเรียกร้องอะไรจริง ๆ จากชาวยิศราเอล?
18 พระเยซูทรงแสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงประสงค์อะไรจริง ๆ. พระองค์ทรงแสดงให้เห็นเช่นนั้นเมื่อมีคนถามว่า “พระบัญญัติข้อใดเป็นใหญ่?” พระเยซูตรัสตอบว่า “จงรักพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจสุดจิตต์ของเจ้า, และด้วยสิ้นสุดความคิดของเจ้า. นั่นแหละเป็นพระบัญญัติข้อต้นข้อใหญ่. ข้อที่สองก็เหมือนกันคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง. บัญญัติและคำพยากรณ์ทั้งสิ้นก็รวมอยู่ในพระบัญญัติสองข้อนี้.” (มัดธาย 22:36-40; เลวีติโก 19:18; พระบัญญัติ 6:4-6) ผู้พยากรณ์โมเซกล่าวถึงจุดเดียวกันนี้เมื่อท่านถามว่า “พระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าจะให้เจ้าทั้งหลายกระทำอย่างไร, คือพระองค์ก็จะให้เกรงกลัวพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า, ดำเนินในทางทั้งปวงของพระองค์, รักและปฏิบัติพระยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าด้วยสุดจิตต์สุดใจของเจ้า และรักษาข้อบัญญัติ และข้อกฎหมายทั้งปวงของพระยะโฮวา?”—พระบัญญัติ 10:12, 13; 15:7, 8.
19. ชาวยิศราเอลพยายามทำให้ดูเหมือนว่าพวกเขาบริสุทธิ์ แต่พระยะโฮวาตรัสอะไรแก่พวกเขา?
19 ทั้ง ๆ ที่ทำผิด แต่ชาวยิศราเอลต้องการทำให้ดูเหมือนว่าตัวเองบริสุทธิ์. แม้ว่าพระบัญญัติเรียกร้องการอดอาหารเฉพาะวันไถ่โทษปีละครั้ง แต่พวกเขาเริ่มอดอาหารบ่อยครั้ง. (เลวีติโก 16:30, 31) แต่พระยะโฮวาทรงตำหนิพวกเขา โดยตรัสว่า “ศีลอดอาหารที่เราพอใจนั้นมิใช่ดังต่อไปนี้ดอกหรือ: คือให้ปลดเครื่องจำจองแห่งความชั่ว, และแก้สายรัดแอก, แล้วปล่อยคนที่ถูกกดขี่ให้ไปเป็นอิสระ, และหักทำลายแอกทั้งปวงเสีย? มิใช่ปันขนมของเจ้าให้แก่คนหิวรึ, และมิใช่นำคนจนที่ถูกไล่ออกจากบ้านมายังบ้านของเจ้ารึ; มิใช่เมื่อเจ้าเห็นคนไม่มีผ้านุ่งห่มแล้วให้เสื้อผ้าปิดกายเขา, และไม่เบือนหน้าไปเสียจากเพื่อนมนุษย์รึ?”—ยะซายา 58:3-7.
20. พระเยซูทรงตำหนิพวกคนหน้าซื่อใจคดทางศาสนาในเรื่องใด?
20 ชาวยิศราเอลเหล่านี้ที่ถือตนชอบธรรมมีปัญหาคล้าย ๆ กับพวกคนหน้าซื่อใจคดทางศาสนาที่พระเยซูตรัสถึงว่า “พวกเจ้าถวายสะระแหน่ยี่หร่าและขมิ้นสิบลดหนึ่ง ส่วนข้อสำคัญแห่งพระบัญญัติคือความชอบธรรมความเมตตาความเชื่อนั้นได้ละเว้นเสีย การถวายสิบลดพวกเจ้าควรได้กระทำอยู่แล้ว, แต่ข้ออื่น ๆ นั้นก็ไม่ควรละเว้นด้วย.” (มัดธาย 23:23; เลวีติโก 27:30) คำตรัสของพระเยซูช่วยเราให้เข้าใจถึงสิ่งที่พระยะโฮวาทรงประสงค์จริง ๆ จากเรามิใช่หรือ?
21. ผู้พยากรณ์มีคากล่าวสรุปไว้เช่นไรเกี่ยวกับสิ่งที่พระยะโฮวาทรงประสงค์และสิ่งที่ไม่ทรงประสงค์จากเรา?
21 เพื่อประกาศให้ทราบว่าสิ่งใดพระยะโฮวาทรงประสงค์และสิ่งใดไม่ทรงประสงค์จากเรา มีคาผู้พยากรณ์ของพระเจ้าถามว่า “ข้าพเจ้าจะเข้าเฝ้าพระยะโฮวาและกราบไหว้พระเจ้าผู้สูงสุดนั้นด้วยอาการอย่างไร? ข้าพเจ้าจะเข้าเฝ้าพระองค์ด้วยบูชาเผา, คือใช้ลูกวัวอายุหนึ่งขวบหรือ? พระยะโฮวาจะทรงโปรดปรานการถวายแกะผู้หลายพันตัวหรือธารน้ำมันหลายหมื่นสายหรือ? ข้าพเจ้าจะถวายบุตรหัวปีสำหรับไถ่โทษการผิดบาปของข้าพเจ้า, จะถวายผลแห่งร่างกายแทนบาปแห่งวิญญาณของข้าพเจ้าหรือ? โอ บรรดาชน, พระองค์ได้ทรงแจ้งให้ทราบแล้วว่าอะไรน่ะดี: พระยะโฮวาทรงพระประสงค์อะไรจากท่านเล่านอกจากทำการยุติธรรม, และรักความเมตตากรุณา, และดำเนินชีวิตอย่างสุภาพเคียงคู่กันไปกับพระเจ้าของท่าน?”—มีคา 6:6-8.
22. พระยะโฮวาทรงประสงค์อะไรโดยเฉพาะจากคนที่อยู่ใต้พระบัญญัติ?
22 ถ้าอย่างนั้น พระยะโฮวาทรงเรียกร้องอะไรโดยเฉพาะจากคนที่มีชีวิตอยู่ภายใต้พระบัญญัติ? แน่นอน พวกเขาต้องรักพระยะโฮวาพระเจ้า. นอกจากนั้น อัครสาวกเปาโลกล่าวว่า “พระบัญญัติทั้งสิ้นสำเร็จเป็นจริงในข้อความเดียวคือว่า ‘เจ้าต้องรักเพื่อนบ้านของเจ้าเหมือนตัวเจ้าเอง.’” (ฆะลาเตีย 5:14, ล.ม.) ในทำนองเดียวกัน เปาโลกล่าวแก่คริสเตียนในกรุงโรมว่า “ผู้ที่รักเพื่อนมนุษย์ทำให้พระบัญญัติสำเร็จ. . . . ความรักทำให้พระบัญญัติสำเร็จ.”—โรม 13:8-10, ล.ม.
ไม่มากเกินไป
23, 24. (ก) เหตุใดการทำสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้องไม่เคยมากเกินไป? (ข) เราจะพิจารณาเรื่องใดต่อไป?
23 เรารู้สึกประทับใจว่าพระยะโฮวาเป็นพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก, ความห่วงใย และความเมตตามิใช่หรือ? พระเยซูคริสต์พระบุตรผู้ได้รับกำเนิดองค์เดียวทรงเสด็จมายังโลกนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความรักของพระเจ้าเด่นชัดขึ้น—เพื่อให้ผู้คนได้ทราบว่าพวกเขามีค่าต่อพระยะโฮวาสักเพียงไร. ในการให้ตัวอย่างเปรียบเทียบความรักของพระเจ้า พระเยซูตรัสถึงนกกระจาบที่ต่ำต้อยว่า “แม้สักตัวเดียวจะตกลงถึงดินนอกจากพระบิดาของท่านพอพระทัยก็มิได้.” ด้วยเหตุนั้น พระองค์ทรงลงความเห็นว่า “อย่ากลัวเลยท่านทั้งหลายก็ประเสริฐกว่านกกระจาบหลายตัว.” (มัดธาย 10:29-31) แน่นอน สิ่งใดก็ตามที่พระเจ้าผู้เปี่ยมด้วยความรักทรงเรียกร้องจากเรานั้นเราไม่น่าจะรู้สึกว่ามากเกินไป!
24 อย่างไรก็ตาม พระยะโฮวาทรงเรียกร้องอะไรจากเราในปัจจุบัน? และเหตุใดบางคนดูเหมือนจะคิดว่าพระเจ้าทรงเรียกร้องมากเกินไป? โดยการตรวจสอบคำถามดังกล่าว เราน่าจะเห็นได้ว่าทำไมจึงนับเป็นสิทธิพิเศษที่ยอดเยี่ยมที่จะทำสิ่งใดก็ตามที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้อง.
คุณตอบได้ไหม?
▫ เหตุใดบางคนปฏิเสธที่จะรับใช้พระยะโฮวา?
▫ ตลอดมาในประวัติศาสตร์ พระยะโฮวาทรงมีข้อเรียกร้องอะไรบ้าง?
▫ พระบัญญัติมีไว้เพื่อจุดประสงค์อะไรบ้าง?
▫ เหตุใดสิ่งที่พระยะโฮวาทรงเรียกร้องจากเรานั้นไม่มากเกินไป?
[รูปภาพหน้า 18]
กฎที่มนุษย์ตั้งขึ้น อย่างเช่นการชำระร่างกายอย่างพิถีพิถัน ได้ทำให้การนมัสการเป็นภาระหนัก